ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Last Wizard

    ลำดับตอนที่ #2 : สายเลือดต้องสาป

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 119
      0
      14 ก.พ. 48

    ดึกสงัดของคืนวันพายุฝนโหมกระหน่ำ  เสียงร้องเล็กๆ  ของทารกน้อยคนหนึ่งได้ดังขึ้นทำลายความเงียบในกระท่อมร้างท่ามกลางป่าใหญ่

        

    ชายหนุ่มอุ้มทารกน้อยขึ้นตระกองกอดอย่างแสนรัก   ก่อนจะโน้มตัวลงให้ร่างเล็กที่หายใจผะแผ่วอยู่บนเสื้อคลุมที่ปูทับกองฟางได้สัมผัสบ้าง   มือเรียวชื้นเหงื่อและเปื้อนเลือดสั่นน้อยๆ  เมื่อไล้ที่แก้มสีแดงเรื่อก่อนจะกระตุกอย่างแรงแล้วนิ่งไป  ทิ้งรอยสีแดงเป็นทางไว้บนแก้มใส

        

    ชายหนุ่มตัวสั่นสะท้านและก้มลงจุมพิตที่หน้าผากหญิงสาวเบาๆ  เธอมีใบหน้าสีขาวนวลรูปไข่รับกับผมยาวสลวยสีแดงอมน้ำตาล   และยังดูสวยน่ารักเสมอแม้ตอนหลับตาลงอย่างไม่มีวันตื่น  เรียวปากซีดดูเหมือนจะอมยิ้มน้อยๆ  ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้ให้กำเนิดชีวิตเล็กๆ  ขึ้นมาลืมตาดูโลก...  



    ...ชีวิตหนึ่งแสนบริสุทธิ์แม้สายเลือดจะต้องสาป...



    น้ำใสหยดหนึ่งไหลลงจากขอบตาต้องเปลือกตาปิดสนิทที่มีขนตาเป็นแพงาม   “ ข้าจะรักเจ้าตลอดไปซิลเวียร์  ”  



    เขากระซิบถ้อยคำแผ่วเบาสองสามคำเกิดแสงสีจางเป็นประกายขึ้นในอุ้งมือข้างที่โอบอุ้มทารกน้อยก่อนจะใช้ฟันเขี้ยวจิกลงบนนิ้วนางข้างซ้าย  และค่อยบรรจงบีบเค้นหยดเลือดผ่านเข้าปากลูกชายพร้อมกับท่องคำคาถาที่เปรียบเสมือนเวทมนตร์บทแรกและบทสุดท้ายที่เขาจะสามารถมอบให้ได้



    ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวและยืดกายขึ้นรวดเร็ว     มือข้างหนึ่งละจากร่างเล็กและเลื่อนลงสัมผัสฝักดาบสีดำสนิทประดับพลอยใสรูปดาวห้าแฉกภายใต้เสื้อคลุมยาวระพื้น  เมื่อจิตสัมผัสถึงการมาของใครบางคน



    ร่างหนึ่งเปียกปอนด้วยหยาดน้ำฝนปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตู  เส้นผมสีดำสนิทลู่ลงปรกหน้าผาก   ดวงตาคมสีดำขลับเบิกโพลงขึ้นด้วยความประหลาดใจ



    “ ทำไมต้องเป็นเจ้า... ” ชายหนุ่มชักดาบออกจากฝักช้าๆ  และชี้ตรงไปที่หัวใจของร่างตรงหน้า   ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่เคยเป็นประกายกล้าหรี่ลงด้วยความเจ็บปวด  



    ผู้ที่เพิ่งมาถึงล้วงมือเข้าใต้เสื้อคลุมและโถมเข้าใส่สุดแรง  “ แล้วท่านจะให้เป็นใครล่ะ!! ”



    แล้วก่อนที่จะทันได้ตั้งสติลำแขนแข็งแรงก็ตวัดรัดรอบตัว  แรงพุ่งทำให้ร่างสูงเซถอยหลังจนเกือบล้มลง



    “ ในที่สุดข้าก็หาท่านเจอ...  ท่านพี่ ”  ชายผมดำปล่อยเขาออกจากวงแขนทิ้งรอยน้ำหยดไปเป็นทางบนเสื้อคลุม   ก่อนจะบีบไหล่เขาแรงๆ   ครั้งหนึ่ง  “ ท่านทำให้ข้าเป็นห่วงมากรู้ไหม ”



    ชายหนุ่มหน้าเหลอมือที่ถือดาบตกห้อยลงข้างตัวด้วยความสับสน  “ เจ้า...  ไม่ได้มาจับตัวข้าตามบัญชาหรอกรึซิริอัส ”



    ถึงตาที่ผู้กอดจะแปลกใจบ้าง  “ ท่านว่าอะไรนะ...  ” เหล่ตามองไปที่ดาบในมือก่อนจะคุกเข่าลงแทบเท้าและสอดลำคอหนาเข้าแนบคมดาบ  “ ข้ามาตามหัวใจข้าท่านพี่...  เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับใคร  และข้ายังขอยืนยันในคำสาบานไม่เปลี่ยนแปลง...     ข้าทรยศได้แม้คนทั้งแผ่นดินแต่ไม่ใช่ท่าน  ”  



    เป็นครั้งแรกในชีวิตของพ่อมดหนุ่มนามเฟอร์รัน  วีกส์ที่ผ่านโลกมาแล้วกว่าสามร้อยปีรู้สึกตื้นตันใจถึงเพียงนี้  เขาสอดดาบกลับสู่ฝักแล้วโผเข้ากอดร่างตรงหน้าแนบแน่น  เมื่อร่างเล็กที่กอดอยู่แนบอกขยับเบาๆ  ด้วยความอึดอัด  ทั้งสองจึงผละออกจากกัน  



    ซิริอัสก้มลงมองเด็กน้อยในห่อผ้าและมองข้ามไหล่ร่างตรงหน้าไปยังอีกร่างที่นอนนิ่งอยู่เบื้องหลัง  “ มาเถอะท่านพี่...  เรามีเวลาไม่มากนักถ้าอยากจะหนีให้พ้น ”

                                       ........................................................................................................



    ร่างในชุดเสื้อคลุมสีขาวสว่างสิบร่างตีวงโอบล้อมพวกเขาเอาไว้   ร่างหนึ่งยกมือขึ้นสะบัดเบาๆ        แล้วร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ของซิริอัส  เกรซัสก็ลอยละลิ่วออกจากวงกลิ้งไถลไปกับพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม  ใครคนหนึ่งในชุดเกราะเหล็กวิ่งเข้ามาประคองแต่เขาก็ไม่สนใจ  ดึงดันที่จะกลับเข้ายังวงล้อมแม้จะลุกแทบไม่ไหว  



    “ ส่งเด็กคนนั้นให้ข้าเฟอร์รัน ”  หัวหน้าสิบผู้คุมกฎพ่อมดเอ่ยเบาๆ  อย่างอ่อนโยน  “ ไม่มีประโยชน์ที่จะถนอมสายเลือดต้องสาป  ...จงวางเขาลงแล้วกลับไปทำหน้าที่ให้สมตำแหน่งของเจ้า  ”  



    “ ไม่ !! ” เฟอร์รันตอบเสียงเฉียบขาด  “ เขาเป็นลูกของข้า ”



    “ ที่เกิดกับมนุษย์น่ะรึ...  ข้าแน่ใจว่าสอนเจ้าละเอียดลออดีพอแล้วนะสำหรับทุกบัญญัติและกฎทุกข้อในคัมภีร์สันติภาพ  ...เจ้าจะปกป้องเขาให้ได้อะไรขึ้นมา  ในเมื่อท้ายที่สุดชีวิตของเขาก็ต้องจบลงอย่างน่าสังเวช  ”



    เฟอร์รันกรีดรอยยิ้มบาง  “ มันจะไม่เป็นเช่นนั้น..” เขาก้มลงมองเด็กน้อยในห่อผ้าเพื่อจดจำไว้ในใจเป็นครั้งสุดท้าย  “ แม้ชีวาข้าสูญสลายเหลือเพียงเถ้าธุลี... ” ดวงตาสีเทาของหัวหน้าสิบผู้คุมกฎเบิกกว้าง  เขายกมือขึ้นในขณะที่สมองทำงานหนักเพื่อหามนตร์แก้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว  เวทมนตร์โบราณบทนี้ต้องร่ายซ้ำๆ  กันถึงเก้าสิบเก้าครั้งจึงบังเกิดผล  อีกทั้งความยาวของคาถาก็มิใช่น้อยและส่วนที่ผ่านปากเฟอร์รันออกมานั้นก็มาถึงท่อนสุดท้ายแล้ว  “ ...วิญญาณเจ้าจักดำรงจนถึงกาลดับสูญ...  ”  



    แสงแห่งอรุณรุ่งเริ่มจับขอบฟ้า  สองขาของเฟอร์รันกระตุกสั่น  ร่างของเขาค่อยทรุดล้มลง  ผู้คุมกฎทั้งสิบพยายามเข้าไปรับหากร่างหนึ่งที่เบียดแทรกเข้ามาจากกวงนอกนั้นไวกว่า  



    “ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมท่านพี่  ”  ซิริอัสถามอย่างมีความหวังทั้งที่รู้ได้จากชีพจรที่สัมผัสผ่านปลายนิ้วมือ  ...แผ่วช้า  ...และเริ่มขาดหาย



    “ ขอโทษครับอาจารย์ที่ข้าทำให้ท่านผิดหวัง ”  เฟอร์รันล้วงมือเข้าในเสื้อคลุมแล้วปลดดาบยาวที่เหน็บไว้ข้างเอวออกมา  “ ดาบศักดิ์สิทธิ์ควรอยู่ในมือที่เหมาะสม...”



    ชายชราปลดผ้าคลุมหน้าลงแล้วรับสิงห์ขวามาถือไว้โดยไม่พูดว่าอะไรเพราะไม่คิดว่าจะพูดอะไรได้อีก  เฟอร์รันคว้ามือซิริอัสมากุมไว้พร้อมกับสบสายตาสื่อความหมายที่มีเพียงทั้งคู่เท่านั้นที่เข้าใจ  สายลมอ่อนพัดนำกลิ่นหอมอ่อนจางที่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูก  รอยยิ้มอบอุ่นฉายขึ้นบนเรียวปาก  เขาทอดสายตามองข้ามไหล่ออกไปไกลแสนไกลพลางพึมพำถ้อยคำในลำคอเป็นภาษาพรายสองสามคำ   รอจนสายลมพัดผ่านอีกครั้งจึงถอนสายตากลับมายังร่างที่ประคองกอดเอาตนไว้   “ ยินดีนักที่มีเจ้าเป็นน้อง... ”  พูดจบเปลือกตาก็ค่อยเลื่อนปิดลงช้าๆ  ราวกับว่าสายลมได้พรากลมหายใจสุดท้ายไปจากเขา



    ต้นหญ้านุ่มสีเขียวขจีเอนลู่ลงราวกับโค้งคำนับด้วยอาลัยรักให้กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสิงห์ขวาแห่งฟีเลเซีย

    ซิริอัสยกหลังมือเฟอร์รันขึ้นจุมพิตแผ่วเบาแล้วยกขึ้นสัมผัสหน้าผาก “ ...เช่นกันท่านพี่ ”



    ร่างหนึ่งในชุดขาวก้มลงแกะห่อผ้าออกจากมือ  ซิริอัสฉวยข้อมือนั้นไว้และมองตามด้วยสายตาคมดุดัน  “ ข้าไม่ปล่อยให้พวกท่านได้ชีวิตเด็กคนนี้หรอก ”



    ดาบยาวถูกชักออกจากฝักสีดำประดับพลอยรูปดาบ  ก็พอดีกับที่ลำแสงหลากสีจากหลากทิศพุ่งเข้าใส่

                                                                    ~Ж Ж=== ===Ж Ж~    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×