ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Last Wizard

    ลำดับตอนที่ #16 : สัญญา... อีกครั้ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 49
      0
      30 เม.ย. 48

    “ ของติดตัวเจ้าเด็กที่เพิ่งจับมาได้นี่ไม่ใช่ย่อยเลยแฮะ” ชายคนหนึ่งที่ล้อมวงอยู่รอบโต๊ะสี่เหลี่ยมร้องขึ้นพลางชูแหวนทองบนสายสร้อยขึ้นส่องกับไฟให้ชัดๆ ดูเผินๆ  แล้วมันก็เป็นแหวนทองเกลี้ยงธรรมดาที่ออกจะกว้างไปสักหน่อย  แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดีจะพบว่าผิวด้านนอกโดยรอบถูกสลักเสลาลวดลายตราประจำราชวงศ์ฟีเลโดเรียอย่างประณีตวิจิตรงดงามและมีสลักชื่อเจ้าของที่ผิวด้านในไว้ชัดเจนว่า



                                               Liminyu  A.  Feledoria  



    “ ลิมินท์ย... ”



    “ ลิมินท์ยู  เอ.  ฟีเลโดเรีย! ” ชายผมสีน้ำตาลเหลือบทองร้องบอกอย่างนึกรำคาญใจ



    “ ใช่ๆ!!...  ชื่อนี้แหละว่าแต่เจ้ารู้ได้ไง ”



    “ เจ้านี่ท่าจะประสาทชื่อองค์รัชทายาทแห่งฟีเลเซียใครๆ  ก็รู้จักมีปัญหาอะไรเหรอไง ”



    “ เปล่า... ” เขายักไหล่  “ ก็แค่มันสลักอยู่บนแหวนนี่ก็เท่านั้น... ” ฉับพลันนัยน์ตาก็เบิกโพลงเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ  ในวงสนทนา



    “ อย่าล้อเล่นน่า!! ” ชายผมน้ำตาลทองพูดพร้อมกับกระชากแหวนในมือไปดูให้แน่ใจด้วยตาตัวเอง  “ ลิ – มินท์ – ยู – เอ – ฟี – เล – โด – เรีย ”  เขาสะกดออกมาเสียงดังทีละตัวให้แน่ใจ “ ใช่...  จริงๆ  ด้วย! นี่เป็นแหวนขององค์รัชทายาท ”



    “ งั้นดาบนี่ก็ของจริงน่ะสิ ” ชายหลังร่างเตี้ยที่สุดในกลุ่มพูดขึ้นกึ่งปะชดกึ่งถามจริงจังพร้อมกับโบกดาบยาวที่ฝักดาบเป็นสีดำสนิทไปมา “ ...เขาว่าไม่มีผู้ใดจับดาบศักดิ์สิทธิ์ได้นอกจากเจ้าของที่แท้จริงแต่นี่ไม่เห็นมีอาเพศอะไรเกิดกับข้าเลยหรือว่าข้าเองก็เป็นผู้ที่เหมาะสม ” เขาบอกพร้อมกับหัวเราะลงคออย่างนึกขัน



    “ ข้าว่าท่านอย่าล้อเล่นกับดาบเล่มนี้จะดีกว่า ”  ชายใบหน้าแน่วนิ่งไร้อารมณ์ดูเคร่งขรึมเช่นเดียวกับเรือนผมตัดสั้นสีดำสนิทที่ยืนดูอยู่นานเอ่ยขึ้นช้าๆ  



    “ ทำไม...  โธ่เอ๊ย!!  ถึงมันจะเป็นสิงห์จริงแต่ก็คงโดนถอนเขี้ยวเล็บเหี้ยนเตียนไปตั้งแต่ไอ้เด็กเวรนั่นเกิดแล้ว...  ”

    ไม่ทันขาดคำฝ่ามือที่จับดาบก็ร้อนราวกับจะลุกเป็นไฟ  แต่จะปล่อยก็ปล่อยไม่ได้เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นกำรวบฝ่ามือให้จับแน่นไว้อย่างนั้น



    คนอื่นๆ  ได้แต่นิ่งดูเพื่อนวิ่งไปมารอบๆ  โต๊ะก่อนจะลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้นด้วยความตกตะลึง  ในขณะที่ชายผมดำยืนเฉยมือประสานไว้เบื้องหน้าจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาไร้อารมณ์  เนื้อตัวของชายร่างเตี้ยบิดเร่าๆ  ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวเกินบรรยายละอองควันสีขาวจางคุขึ้นบางๆ  เมื่อผิวเนื้อเริ่มไหม้ไฟ



    ท่ามกลางความสับสนบานประตูก็เปิดผางออกด้วยแรงถีบหนักหน่วง  คนทั้งห้องหันมามองเป็นตาเดียวแต่ก่อนที่จะทันได้ทำอะไรร่างเพรียวที่ปรากฏตัวขึ้นรวดเร็วก็กระโดดแผล็วขึ้นบนโต๊ะกลางวงพร้อมกับกวาดทุกอย่างลงกระเป๋า



    ชายผมน้ำตาลทองที่อยู่ใกล้กว่าใครชักดาบออกจากฝักจ่อข้างคอ  ในขณะที่ใครคนหนึ่งวิ่งไปที่ประตูด้วยความกราดเกรี้ยว  “ ใครปล่อยให้นังหนูนี่เข้ามา!! ”



    หากภาพที่ปรากฏตรงหน้าแทบทำให้สิ้นสติ  เปลวไฟกำลังโหมไหม้กิจการค้าขายนอกกฎหมายที่กำลังรุ่งโรจน์ให้มอดไหม้  เด็กสาวที่ถูกจับมาและบรรดาลูกค้าวิ่งหนีตายกันให้วุ่น  ในขณะที่ลูกน้องคนอื่นๆ  ต่างวิ่งขนถังน้ำสาดใส่กองไฟที่ไม่ยอมดับถังแล้วถังเล่า



    “ ให้ตาย!! ” เขาสบถดังลั่น  “ ไหนจะพวกปิศาจวันนี้ก็ไฟไหม้...  หมด...  หมดกันกิจการที่กำลังรุ่งเรืองของข้า”



    รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนเรียวปากของร่างเพรียว “ ไม่ดีเหรอ...  อย่างนี้ไงที่เขาเรียกว่ารุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลน่ะ ”



    “ ฝีมือแกงั้นสินะ ” ชายผมน้ำตาลตวาดพร้อมกับเงื้อดาบ



    ...ห้ามใช้เวทมนตร์นอกเสียจากจะมีดาบมาจ่อที่คอหอย...



    “ ข้าไม่ลืมสัญญาหรอกท่านพ่อ... ”



    เฟอร์โรเรนยิ้มกริ่มพร้อมกับขยับมือเบาๆ  ฉับพลันสายลมแรงพัดหวือมากระแทกปลายดาบขยับเปลี่ยนทิศ  ก่อนที่เขาจะหันมาเตะพลั่กเข้าที่ข้อมือให้ทิ้งดาบแล้วกระโจนลงจากโต๊ะมากระชากสิงห์ขวาออกง่ายดายจากมือของร่างที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นแล้วโผกลับออกไปที่ประตู  เมื่อชายผมดำก้าวเข้ามาขวางพร้อมกับมีดสั้นคู่ในมือ



    “ หยุดแค่ตรงนั้นแหละเจ้าหนู ” เขาพูดเสียงนุ่มแต่ทำเอาเสียวสันหลังวาบ



    เฟอร์โรเรนถอยหลังกลับครึ่งก้าวเพราะถ้าขืนถอยไปมากกว่านี้ดาบยาวในมือชายผมน้ำตาลทองต้องแทงทะลุอกเขาแน่แท้  



    “ แกจะได้ชดใช้อย่างสาสมเลยนังหนู ”



    เฟอร์โรเรนเหลือบมองทางหางตา  ...เส้นผมสีน้ำตาลทองปลิวขยับน้อยๆ  ดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน



    ร่างบางแสร้งทำเป็นยอมแพ้ปล่อยดาบลงพื้นและยกมือยอมขึ้นอย่างจำนน  หากปลายดาบยังไม่ทันสัมผัสพื้นด้วยซ้ำเมื่อเขาอาศัยจังหวะที่ศัตรูชะล่าใจพุ่งลงเก็บดาบม้วนตัวหลบไปด้านข้างแล้วเอาด้ามดาบกระทุ้งเข้าที่ท้องน้อยชายผมน้ำตาลทอง   และเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันกลับเมื่อชายผมดำปรี่เข้ามา  มีดสั้นในมือแทงเข้ากลางตัวหากเฟอร์โรเรนฉวยข้อมือแล้วจับบิดไว้ได้ทันก่อนจะจับทุ่ม  สร้างโอกาสสุดท้ายให้ตัวเองในการหนี  



    “ หนอยแน่ะแก! ” ชายผมน้ำตาลทองสบถมือยังกุมท้องที่จุกไว้แน่น



    “ ใจเย็น...  ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ” ชายผมดำปรามพร้อมกับยันกายลุกขึ้นยืน  “ มันหนีเราไปไหนไม่ได้ไกลหรอก ”



    “ จริงของเจ้า ”



    ชายผมน้ำตาลทองแสยะยิ้มวิกลจริต  ในขณะที่ผู้ที่ยืนอยู่ข้างกันยังมีสีหน้าเรียบเฉยเขาโน้มกายลงเก็บมีดสั้นเล่มหนึ่งใส่ฝัก  เสี้ยววินาทีที่ทุกสายตาจับจ้องอยู่กับแผ่นหลังของร่างบางที่วิ่งฉิวไปกับเปลวไฟที่กำลังโหมกระหน่ำไม่มีใครเลยสังเกตเห็นริมฝีปากบางที่กระตุกมุมขึ้นนิดหนึ่ง



    เฟอร์โรเรนวิ่งฝ่าชายฉกรรจ์ที่พยายามตีวงล้อมเข้ามาจับคนแล้วคนเล่าโดยอาศัยเพียงความปราดเปรียวและฝีเท้าที่ฝึกปรือการวิ่งหนีมาทั้งชีวิตไปตามทางที่หญิงสาวเคยบอกไว้จนกระทั่งมาถึงประตูหน้าที่เธอดักรอเขาอยู่แล้วก่อนจะฉุดมือให้ตามไปด้วยกันโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าการตามล่านั้นยุติลงแค่หน้าประตู

                                                                                   ~Ж Ж=== ===Ж Ж~



    “ มาถึงนี่คงปลอดภัยแล้วมั้ง... ” ยามิวบอกพลางปล่อยมือที่กุมชายโครงหอบจนตัวโยนไว้ออกเกาะต้นไม้เพื่อช่วยพยุงร่างกายก่อนจะทรุดลงนั่งด้วยความเหนื่อยล้า  แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองข้ามไหล่ผ่านหมู่ไม้ไปยังกำแพงเมืองซึ่งหักพังลงเกือบครึ่งจากน้ำมือปิศาจ



    “ คงงั้น... ” เฟอร์โรเรนตอบพร้อมกับยกแขนขึ้นปาดเหงื่อออกจากหน้าและเอนหลังยืนพิงต้นไม้ข้างๆ  กัน  “ แล้วนั่นเจ้าหัวเราะอะไรน่ะ ” ถามอย่างนึกสงสัยเมื่อเห็นหญิงสาวแอบหัวเราะคิกคัก



    “ ข้าแค่นึกถึงสมัยก่อนน่ะ ” ยามิวตอบ  “ คิดดูสิไม่เจอหน้าเจ้าตั้งสี่ปีแต่พอมาเจออีกครั้งก็... ”  หัวเราะเบาๆ  อีกครั้ง  “ เหมือนเดิมเปี๊ยบ...  วิ่งหนีตายกันตับแลบ! ให้ตายสิ!! นี่ถ้าเจ้าไปลงวิ่งแข่งนะรับรองชนะทุกรายการแน่เลย... ” จู่ๆ  เธอเงียบไปพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาเขานิ่ง   “ เจ้าแทบไม่เปลี่ยนไปจากความทรงจำของข้าเลยแม้สักนิด...  ออกจะดูเข้มแข้งกว่าด้วยซ้ำ  ข้าล่ะแปลกใจจริงๆ  ที่จู่ๆ  เจ้าก็ลุกขึ้นมาวางแผนการพิลึกพิลั่น...  จุดไฟเผาเตียงล่อพวกมัน...  แล้วก็บุกไปชิงเอาของคืนมาคนเดียวแบบนั้นน่ะ... เจ้าเก่งจริงๆ  เลยนะ  ผิดกับข้าที่... ” เธอชันเข้าขึ้นช้าๆ  ก่อนจะซบหน้านิ่งเงียบไปอีก



    “ เจ้าต่างหากที่เก่งกว่าข้า ” เฟอร์โรเรนพูดเบาๆ พร้อมกับนั่งลงเคียงข้าง  โอบศีรษะร่างบางให้พิงซบลงบนบ่าตน  “ เจ้าเก่งมากที่ทนกับชะตากรรมโหดร้ายนั่นมาได้... ”



    “ นั่นเพราะข้ากลัวเกินกว่าจะฆ่าตัวตายต่างหาก ”  



    “ ไม่เอาน่า...  เจ้าหนีจากมันมาพ้นแล้ว... และจะไม่มีวันกลับไปที่นั่นอีก ”



    “ ก็เจ้าเผามันซะวอดไปแล้วนี่ ” ยามิวบอกพลางปาดเช็ดน้ำตาออกดูเธอจะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว  



    “ แล้วจะให้ข้าเก็บเอาไว้ทำไมล่ะ...  คืนนี้เจ้านอนพักเถอะพรุ่งนี้ข้าจะพาไปส่งบ้านนะ ”



    “ พ่อแม่ข้าตายหมดแล้ว ” ยามิวพูดช้าๆ  เฟอร์โรเรนถึงกับอึ้งในข่าวใหม่ที่เพิ่งรับรู้  “ เมื่อสี่ปีก่อน...  หลังจากที่เจ้าหนีไปไม่นานพ่อแม่ข้าก็ตายด้วยโรคระบาด...  ข้าจึงย้ายมาอยู่กับญาติห่างๆ  ที่นี่  แต่ตอนนี้พวกเขาก็ตายไปแล้ว... หลังจากบังคับให้ข้าแต่งเป็นภรรยาน้อยเศรษฐีเพื่อใช้หนี้...  มันทุบตีข้า  ทรมานข้าและพอมันเบื่อข้า...  มันก็หลอกข้ามาขาย...  นี่เรน...  เจ้าอย่าทิ้งข้าไปอีกนะ... ” พูดพร้อมกับสอดมือโอบรอบเอวและกอดกระชับแน่นขึ้น  “ ข้าไม่เหลือใครอีกแล้วเรน...  นอกจากเจ้า...  เจ้าอย่าทิ้งข้าไปไหนอีกนะ ”



    “ อืม... ”  เฟอร์โรเรนยกมือขึ้นลูบเรือนผมนุ่มสลวยแผ่วเบา ภาพหนึ่งในความทรงจำเมื่อนานมาแล้วปรากฏขึ้นในห้วงความคิด  ...เด็กหญิงสองคนกำลังเกี่ยวก้อยให้สัญญาซึ่งกันและกัน...  “ สัญญา... ” และเขาก็สาบานหนักแน่นกับตัวเองว่าเหตุการณ์เมื่อสี่ปีที่แล้วจะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม...  ด้วยชีวิตเขาจะต้องปกป้องหญิงสาวคนนี้เอาไว้ให้ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×