ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Keara Timer พ่อมดกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ เคียร่า วูลร์

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 67


    บทนำ

    เคียร่า วูลร์


    คุณเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเรื่องราวพ่อมดแม่มดแบบไหนมาบ้าง?

    พ่อมดงี่เง่าที่เสียใจเพราะผู้หญิงไม่รักเลยฉุดอีกฝ่ายไปขังในหอคอย?

    หรือแม่มดจอมริษยาที่ปองร้ายหญิงงามที่สวยและสาวกว่าตน?

    แต่ที่นี่ไม่มีเรื่องแบบนั้น เพราะพ่อมดของที่นี่นั้น...

    "หึหึ ในที่สุดก็สำเร็จ! อุรึหึหึหึ" เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากร่างชายหนุ่มผู้สวมชุดคลุมสีดำสนิท

    ท่ามกลางป่าเขาที่มีต้นไม้สูงใหญ่รายล้อมจนดูวังเวง ร่างในชุดคลุมดูลึกลับได้สะบัดมือซ้ายหนึ่งหนดังคล้ายไล่แมลง ก่อนเบื้องหน้าชายผู้นั้นจะพลันมีของสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ โดยวัตถุที่โผล่ออกมาจากความว่างเปล่านั้นแท้จริงแล้วคือกระจกบานหนึ่ง ทว่า หามีผู้ใดล่วงรู้ไม่ว่ากระจกบานนี้นั้นแตกต่างจากกระจกทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

    แตกต่างทั้งด้านรูปร่าง...และ ‘คุณค่า’ ของมัน

    เวลานี้กระจกทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหุ้มกรอบสีดำสนิทค่อย ๆ ร่อนลงสู่ฝ่ามือของชายปริศนา ซึ่งหากใครได้พิจดูกระจกบานนั้นใกล้ ๆ คงได้ประหลาดใจกับความพิศวงของมัน โดยเฉพาะตัวกรอบที่หุ้มบานกระจกเอาไว้ ลักษณะของมันดูราวงานศิลปะชั้นสูงก็มิปาน

    ทั้งสี่ด้านของกรอบกระจกที่มีความกว้างพอ ๆ กับข้อนิ้วโป้งนั้นได้แกะสลักภาพนูนเสมือนจริงประดับเอาไว้อย่างโดดเด่น และหากพิจารณาดี ๆ จะพบว่าภาพเหล่ากำลังบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างอยู่...

    ตัวเอกของเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าคือแมงมุมสีขาวเทาตัวน้อยกับผีเสื้อน้อยสีส้มหม่น เริ่มต้นจากภาพกรอบส่วนบนที่ผีเสื้อน้อยกับแมงมุมอยู่กันคนละฟากฝั่ง ต่อด้วยภาพของผีเสื้อน้อยตัวนั้นที่กำลังดูดชิมน้ำหวานโดยมีเจ้าแมงมุมตัวเล็กคอยเฝ้าดูอยู่เบื้องหลัง แล้วก็ตามด้วยภาพผีเสื้อน้อยดิ้นรนในกับดักใยแมงมุมอย่างไร้หนทางสู้…

    ก่อนจะจบลงด้วยภาพสุดท้าย ซึ่งหลงเหลือไว้เพียงร่างของแมงมุมสีขาวเทาที่ดูตัวใหญ่ขึ้นกับเศษปีกสีส้มหม่น

    ช่างเป็นผลงานศิลปะที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ประณีตสมจริงจนน่าทึ่งโดยแท้ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นคงอดนึกชื่นชมและสยองไปกับรสนิยมของผู้สรรค์สร้างไปพร้อมกันไม่ได้ ทว่า สิ่งที่น่าสะพรึงและแปลกประหลาดที่สุดของกระจกบานนี้กลับเป็นยามที่เผลอเพ่งมองมันนานเกินไป...

    ผู้ใดก็ตามที่เผลอจ้องมองเกินสิบลมหายใจจะพบว่าภาพบนกรอบพลันเคลื่อนไหวได้ และจากคำบอกเล่า ภาพสุดท้ายที่ทุกคนจะได้เห็นนั้นกลับเป็นภาพที่ไม่เคยปรากฏบนตัวกรอบ โดยเป็นภาพมายาของแมงมุมสีขาวเทาที่ใช้เขี้ยวพิษของมันขย้ำผีเสื้อน้อยที่ตกเป็นเหยื่อกินอย่างเอร็ดอร่อย...

    ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพราะเวทมายาที่ผู้สร้างกระจกจงใจทิ้งไว้หรือไม่ แต่นี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กระจกปริศนาไร้ที่มาบานนี้ถูกเรียกขานอย่างลือเลื่องว่า 'กระจกต้องสาป'

    เมื่อเวลาผ่านไป บานกระจกก็เริ่มเกิดฝ้าเนื่องจากอากาศที่หนาวเหน็บ แต่แม้อากาศจะเย็นสักเพียงไหนก็ดูจะไม่ส่งผลกระทบต่อชายปริศนาที่ยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่กลางป่าราวกับคนเสียสติแม้แต่น้อย

    "คึ ๆ เวทมนตร์ที่ใช้เวลาคิดค้นถึงสองปี ในที่สุดก็สำเร็จ!" สิ้นคำพูดนั้น ประกายสายฟ้าก็ฟาดเข้ากับยอดต้นสนกาฬอันเป็นพันธุ์ต้นสนที่มีสีดำตลอดทั้งต้นจนเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาท ทว่า ชายหนุ่มผู้นั้นก็หาได้ยี่หระกับเสียงดังกล่าว เขายังคงหัวเราะต่อด้วยเสียงที่ดังกว่าเก่า จนทำให้มือที่ถือกระจกสั่นไหวไปมา

    ครู่หนึ่งกว่าร่างนั้นหยุดสั่น ในเวลาเดียวกัน เมฆหมอกบนท้องนภาก็เริ่มสลายหายไปอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นจันทร์สีเงินกลมเด่นลอยอยู่บนฟากฟ้า

    หลังแหงนมองท้องฟ้ายามราตรีได้ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ปล่อยมือสองข้างจากตัวกระจก แต่แทนที่บานกระจกนั้นจะตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก มันกลับลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ซึ่งเมื่อแสงจันทร์ส่องกระทบลงบนหน้ากระจกจนเกิดแสงสะท้อน พื้นดินที่เคยวางเปล่าก็พลันปรากฏวงกลมปริศนาที่มีลวดลายประหลาด

    แน่นอนว่ามันคือวงเวทประเภทหนึ่ง แต่ต่อให้เหล่านักปราชญ์ในสภาเวทมาเห็นก็มิอาจระบุได้ว่ามันเป็นวงเวทใด

    ตัวกระจกค่อย ๆ ลอยขึ้นสูง แสงแห่งราตรีที่อาบไล้ทำให้ภาพบนกรอบกระจกคล้ายจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ ขณะเดียวกันเสียงร่ายที่ลื่นไหลราวกับการขับขานท่วงทำนองของบทกวีก็ดังสะท้อนไปทั่ว


    " กระจก แม้น หนึ่งบาน

    จักสะท้อนภาพนานา

    ดั่งประตูเวลาส่องพิภพ

    ยามเมื่อแสงจันทราส่องบรรจบ

    ห้วงมิติจักเปิดออก

    ข้า ขอท้าทายฟ้า

    เปิดประตูกาลเวลา

    ก้าวข้ามซึ่งปัจจุบัน

    สู่ดินแดนแห่งอนาคต

    …อันไร้ที่สิ้นสุด!"


    บานกระจกที่สะท้อนกับแสงจันทร์จนเป็นเกิดแสงสีนวลในทีแรกค่อย ๆ หม่นแสงลงราวกับแสงสว่างถูกดูดกลืนไป ไม่นานนักคลื่นความมืดอันแปลกประหลาดก็พลันแผ่ออกมาจากหน้ากระจกที่ยามนี้กลายเป็นสีดำสนิท โดยคลื่นเหล่านั้นได้รวมตัวกันก่อเป็นช่องว่างอุโมงค์สีดำอันชวนพิศวง ซึ่งช่องว่างนั้นค่อย ๆ ขยายออกเป็นรูกว้างตัดกับภาพสีหม่นของทุ่งหญ้าและตัวป่าโดยรอบ

    ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในช่องว่างนั้นอย่างไม่ลังเล แต่หลังก้าวเข้าไปได้ครึ่งตัว เขาก็หันกลับไปมองด้านหลังเล็กน้อย ซึ่งจากมุมนี้ แสงไฟจากหอนาฬิกาของสภาเวทดูส่องสว่างและเด่นชัดจนน่าขำ

     "จงจำเอาไว้เถอะ เหล่าตาแก่คร่ำครึทั้งหลาย..." เสียงร่างสูงพึมพำขึ้นขณะที่นัยน์ตาสีทองเข้มยังคงจ้องมองไปยังยอดหอนาฬิกาอย่างไม่ลดละ

    "ฉันคนนี้คือ เคียร่า วูลร์ เดอะ วิซาร์ด ออฟ ไทม์เมอร์!! (พ่อมดแห่งกาลเวลา)" เสียงประกาศกร้าวถูกกลืนหายไปพร้อมหลุมดำที่ปิดลง

    พร้อมกับการสาบสูญตลอดกาลของพ่อมดจอมวุ่นแห่งดิมิเดียร์…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×