ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้นฉบับบารามอส

    ลำดับตอนที่ #2 : อะลาคิลกับคนเเคระเขากวางในตะเกียงวิเศษ

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 59


    **** หมายเหตุ 

    ขณะนี้ข้าน้อยอยากให้ทุกท่านลืมเรื่องเอดินเบิร์กไปซะ   เปลี่ยนเป็นดินเเดนอาหรับราตรีก่อน  เพื่ออรรถรสในการอ่านของท่าน^____^


    ++**++**++

    ณ ดินเเดนอาหรับราตรีกลางทะเลทรายอันไกลโพ้น

    จอมกษัตริย์แห่งดินเเดนมีนามว่าบาโร  วาเนบลี  มีเจ้าชายนามว่าคาโลและเจ้าหญิงผู้เลอโฉมนามว่าเรนอน...

    บัดนี้เจ้าชายคาโลก็เป็นฝั่งเป็นฝาเป็นทองเเผ่นเดียวกันกับเจ้าหญิงเฟลิโอน่าไปแล้ว  จะเหลือก็แต่เจ้าหญิงเรนอนผู้เลอโฉมที่กษัตริย์บาโรหาลูกเขยไม่ได้สักที...

    คิงบาโรป่าวประกาศถามเจ้าชายและมหาเศรษฐีทุกเมืองให้มาสมัครเป็นลูกเขย  แต่กี่คนต่อกี่คนก็ไม่ถูกใจคิงหน้าบากสักที.....ใครสักคนที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติทั้งรูปร่างหน้าตาและทุนทรัพย์อันสมเกียรติกับราชธิดาของเขา

    คิงบาโรได้แต่คาดหวังในใจเรื่อยมา ....

    ++**++**++

      ตลาดหน้าพระราชวังของกษัตริย์บาโร

    นายอะลาคิล  หรือเรียกสั้นๆว่าคิลผู้มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่งานถนัดก็คงจะเป็นงานรับจ้างฆ่าตามแบบฉบับคาแรคเตอร์เดิม และแน่นอนว่านายอะลาคิลก็หมายปองในตัวเจ้าหญิงเรนอนเหมือนชายหนุ่มทุกๆคนที่อาศัยอยุ่ในเมืองนี้ เพราะเจ้าหญิงเรนอนทั้งมีรูปโฉมที่งดงามและมีความสามารถในหลายด้าน แต่อย่างไรก็ตาม..ก็ต้องเข้าใจในฐานะของตนเองที่ไม่อาจเอื้อม

    ณ ที่พระราชวัง...มีมหาดเล็กจอมเจ้าเล่ห์ที่ชอบรีดไถภาษีจากประชาชนชื่อว่าครี๊ด  ซึ่งครี๊ดดี้นี่เองที่ต้องการจะฮุบบัลลังค์ของคิงบาโรแต่ขาดกำลังทรัพย์  จึงคิดจะรวบหัวรวบหางเจ้าหญิงเรนอนเพื่อโอกาสที่จะครองบัลลังก์แห่งกรุงแบกแดดในอนาคต นอกจากจะได้เมียสวยแล้ว ยังได้บัลลังก์และทรัพย์สมบัติมหาศาลประเมินค่าไม่ได้ในท้องพระโรงอีกด้วย

    วันหนึ่งมีพ่อค้าเร่ร่อน รับบทโดยนายมาดัส เดอเบอโรว์ พ่อค้าทุกสถาบัน  เร่รอนเข้ามาในเมืองเพื่อมาเสนอขายเเผนที่ขุมทรัพย์ให้ท่านมหาดครี๊ด  เป็นอันรู้กันโดยถ้วนหน้าว่า พ่อค้าหัวล้านนายนี้ ตาดีได้ ตาร้ายก็เสีย มากกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นของสินค้าที่พ่อค้ามาดัสนำมาขาย ไม่เป็นสินค้ายอมแมว ก็เป็นของปลอมไปซะหมด

    ซึ่งแน่นอนว่า พ่อโจรสลัดตาเดียวนั้น...

    ถูกจัดกลุ่มอยู่ในพวก ตาร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย

    นายมาดัสเสนอขายแผนที่ซ่อนขุมทรัพย์ของกษัตริย์ปริศนาสมัยโบราณ ที่ไม่ทราบว่ามันมีจริงหรือเปล่าด้วยซ้ำในราคาที่แพงหูดับ แต่แน่นอนว่าท่านมหาดครี๊ดที่เป็นผู้ดำเนินราชการ ได้รีดไถภาษีจากประชาชนมาเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนพระราชา

    แต่ด้วยความที่ว่าที่ซ่อนขุมทรัพย์นั้นมันอยู่ในถ้ำที่อันตราย...จะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  เพื่อความปลอดภัย ท่านมหาดครี๊ดจึงีรีดไถเงินภาษีจากประชาชนเพิ่มเติม เพือไปจ้างคิลลี่ของเราให้ไปเอาขุมทรัพย์เเทน

    ไม่ใช่โง่เง่าหรือเซ่อซ่า  เเต่เพราะบทที่ผู้กำกับให้มา คิลจึงขอเวลาคิดหนึ่งคืนเเล้วมาตอบตกลงในวันรุ่งขึ้นทันที....

    เวลาสามนาฬิกาของวันถัดมา  บริเวณสถานที่นัดพบที่หน้าถ้ำ.....

    " เดี๋ยวแกลงไปข้างล่างนั่น...มีสมบัติเท่าไหร่ขนขึ้นมาก่อน   แล้วได้เท่าไหร่เราค่อยมาตกลงกันที่หลัง " มหาดเล็กจอมเจ้าเล่ห์แจกแจงแผนอย่างรวบรัดให้นายอะลาคิล เนื่องจากวันนี้หนีงานราชการมาจึงเกรงจะเป็นที่ต้องสงสัย มหาดครี๊ดยื่นไฟเเช็กพร้อมคบเพลิงเก่าๆอันหนึ่งให้คิลไป...

    คิลลี่เกาหัวเเกรกๆในความโง่ตามที่ผู้เขียนบทให้มาว่าเล่นบทตามนี้ก็ตามนี้ไป นายนักรับจ้างผู้น่าสงสารเดินดุ่มๆเข้าไปในถ้ำพร้อมแผนที่ ไฟแช็ก และคบเพลิงเก่าๆหนึ่งอันด้วยใจโทรมๆ อย่างน้อยวันนี้ก็มีเงินมากพอที่จะเอาไปเลี้ยงข้าวพี่ๆ พ่อแม่จะต้องภูมิใจในตัวเขามากๆแน่

     

    เกาหัวยังไม่ทันไร ....ปากถ้ำก็ถล่มลงมา


    ท่านมหาดเล็กครี๊ดที่รออยู่หน้าถ้ำเเละเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็รีบหนีเปิดกลัวโดนข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา อาจจะต้องจ่ายค่าปิดปากผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมเพราะกังวลว่าเป็นข่าวดังอีกต่างหาก ส่วนนายคิลด้วยความตกใจจึงปล่อยตะเกียงทิ้งเเล้ววิ่งหนีหินก้อนเล็กก้อนใหญ่ที่กำลังถล่มลงมาไม่ขาดสาย

    เมื่อหินงี่เง่าที่ผู้เเต่งเอามาเพื่อกลั่นเเกล้งนักฆ่าน้อยโดยเฉพาะหล่นลงมาจนสาแกใจก็เล่นเอาอะลาคิลเหนื่อยไปพอควร...


    งวดหน้าจะขอกลับตัวกลับใจไม่เป็น กขค อีก...
    เพิ่งจะรู้ว่าผลกรรมมันตามมาเร็วยังกะติดสเก็ตบอร์ด....

    คิลสารภาพบาปต่อตนเองยังไม่ทันไรก็สะดุดก้อนหินหกล้มคะมำ  เคราะห์ซ้ำกรรมซัดที่ตะเกียงจุดไฟก็ไม่มี รอบกายนายหนุ่มรับจ้างจึงมีแต่ความมืดเต็มไปหมด  แต่ก็เหมือนโชคยังพอเข้าข้างที่ควานมือสะเปะสะปะไปมาแล้วพบกับตะเกียงใบหนึ่งกองอยู่ที่พื้น

    ใครมันเสือกมาทิ้งตะเกียงมั่วซั่ววะ....
    เอาวะ แต่ก็ยังดี จะได้มีใช้พอดี

     

    ...แต่อยู่ๆมีตะเกียงมาทิ้งไว้ในถ้ำเเบบนี้...
    เเปลก....

    คิลหยิบเอาหินติดไฟที่ติดตัวมาจุดไฟในตะเกียง  โชคดีที่ยังมีน้ำมันเหลืออยู่นิดหน่อย....

    ตะเกียงเก่าๆค่อยๆส่องสว่างขึ้นทีละน้อยพอให้อะลาคิลได้สอดส่ายสายตาไปมองรอบๆถ้ำก่อนจะพบว่าเจ้าของตะเกียงคนก่อนนอนอยู่ใต้เเทบเท้าเขาในสภาพที่เหลือแต่กระดูก...

    นี่มันของคนตายเรอะ...
    ยี้...มันชักจะเกินความอดทนเเล้วนะเฟ้ย...
    คิลสบถในใจ

    ก่อนจะเอาชายเสื้อตัวเองถูจะเกียงหวังขจัดเสนียดจัญไรอย่างอนามัยจัด  ถูจนตะเกียงขาวสะอาดไปข้างหนึ่ง  เเต่ทว่า...

    ไอ้ผู้เขียนมันเขียนไว้ว่าจะมียักษ์ออกมาจากตะเกียง...
    ....ไหงมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นวะ....

    แล้วไฟก็สว่างพรึ่บพร้อมเสียงตะโกนจากผู้กำกับ

    " ค้าทททททททท!!!!!!!  พักกล้องโว้ยยยยยยย!!!!!! " 

    " มันเกิดอะไรขึ้นห๊ะคิล..นายถูตะเกียงยังไง " ผู้กำกับ?คาดคั้นอย่างหัวเสีย  ตั้งเเต่มาถ่ายทำหนังเรื่องนี้หมดค่าน้ำค่าข้าวของชาวป้อมอัศวินไปเยอะ 

    โดยเฉพาะนายนักรบตราเดียวที่ตั้งวงก๊งเช้าก๊งเย็น  แถมตะเกียงเสือกใช้งานไม่ได้อีก...นี่มันอะไรกันวะ!!!!

    " ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...ถูตะเกียงเเล้วเเต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น " คิลตอบอย่างหมดหวัง

    ก่อนเสียงจากคนในตะเกียงจะดังเเทรกขึ้นมา

    " ข้าไม่ออกไป  หากองค์หญิงผู้เลอโฉมของกระหม่อมไม่มาถูตะเกียง...ข้าก็ไม่ออกไป!!!!! " เสียงประกาศวาจาสิทธ์ดังลั่นๆอยู่ในตะเกียงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร

    ผู้เขียนบทนี่เข้าท่า...
    กะให้คนเเคระที่ตัวเล็กที่สุดในเรื่องมาเป็นยักษ์
    บ๊ะ!! สร้างสรรค์...

    ทางด้านองค์หญิงที่นั่งโซ้ยส้มตำจนผู้กำกับขาดทุนยับก็เริ่มหน้าตึง  ธรรมดาเรียกองค์หญิงก็เลี่ยนจะตายเเล้ว  มันเสือกให้คำว่า " เลอโฉม " ต่อท้าย  ชาตินี้เเกก็ไม่ต้องออกมาจากตะเกียงหรอก!!!

    ทางฝ่ายผู้กำกับที่เสียหายหลายเเสนเริ่มนับหนึ่งถึงร้อยในใจ การทำงานประเภทนี้ต้องอาศัยความอดทนเเละความประนีประนอม  ถึงแม้ว่าเหล่านักเเสดงจะเอาแต่ใจตัวเองมากขนาดไหนก็ตาม!!!

    ตอนเเรก็คิดว่าคนที่พูดง่ายทีสุดก็น่าจะเจ้าชายคาโลกะคิงบาโร
    ที่ไหนได้..เข้าถึงยากเหลือเกิน
    อันดับต่อมาก็น่าจะเป็นแม่ธิดาเเห่งความมืดเเละสลัดตาเดียวที่น่าจะคุยกันรู้เรื่อง
    เป็นจริงดังทีคาดเพราะทั้งสองมีความเป็นกันเอง...
    ...แต่เห็นบิลค่าอาหารกับค่าเหล่าที่ต้องจ่ายทุกวันก็เเทบจะเป็นลม...
    สรุปแล้ว..เขาขอทำงานโดยไม่อยากเข้าใจบุคคลใดทั้งนั้น!!!!

    ผู้กำกับผู้เชี่ยวชาญสั่งรีเทปใหม่ไปเอาเฟรินที่นังโซ้ยส้มตำอยู่ริมกล้องมาร่วมเข้าฉาก....เปลี่ยนบทใหม่ให้เจ้าหญิงเฟลิโอน่าหนีเจ้าชายคาโลออกมาสมทบกับคิลเเล้วติดอยู่ในถ้ำด้วยกัน

    ในขณะเดียวกันทางด้านเจ้าชายคาโลที่พระชายาหายไปก็กำลังตามหาเเทบพลิกแผ่นดินไปข้าง...หากว่าเจออยู่กับคิล  นายนักฆ่าคงชะตาขาดก่อนได้เเต่งงานเป็นเเน่เเท้..

    ทางด้านเฟรินที่เข้าไปติดอยู่ในถ้ำมืดๆก็เกิดอาการโรคกลัวผีเก่ากำเริบ เล่นเอาคิลปวดหัวปวดหางไปหมดกว่าจะตามหาตะเกียงเจอ

    เฟรินรีบถูตะเกียงให้ขาวใสเหมือนอย่างที่คิลทำ  ไม่นานควันสีขาวก็ลอยพุ่งออกมาปรากฏร่างคนเเคระตัวน้อยที่มีเขาขนาดธรรมชาติลงโทษขึ้น

    " ท่านเป็นคนปลดปล่อยข้า  เพื่อตอบเเทน...ข้ายินดีมอบพรสามประการให้ท่าน" โกโดมค้อมหัวอย่างสุภาพจนเขาติดพื้น  ภาพที่คิลเห็นเเล้วต้องเกาหัวแกรกๆ

    ตอนที่มันเป็นยักษ์กว่าพระเอกนางเอกจะได้เเต่งงานกันก็ลำบากรากเลือด...
    เเล้วนี้คนเขียนเสือกเอาออกมาไซส์แค่นี้....
    มันจะต้องใช้เวลาแค่ไหนว่าเรื่องนี้จะจบอย่างเเฮปปี้...
    ...คิดเเล้วกลุ้ม...

    แต่ด้วยบทที่ได้มา  อะลาคิลต้องทำหน้าอินโนเซนต์...ไม่รู้เรื่องไว้ก่อน

    " ฉันน่ะเหรอ " คิลถามหน้าซื่อพลางชี้มาที่ตัวเอง

    " ไม่ใช่ท่านคิล  องค์หญิงผู้เลอโฉมคนนั้นต่างหาก " โกโดมส่ายหน้า

    ทางฝั่งองค์หญิงผู้เลอโฉมก็หน้าตึง  เกิดมีอาการอยากกระทืบผู้วิเศษในตะเกียงขึ้นมากระทันหัน  เเต่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรักที่อยากเเต่งงานเสียเต็มประดา  สมองน้อยๆจจึงสั่งการออกไปว่า

    " ฉันไม่อยากได้หรอก  พรสามข้ออะไรนั่น...ยกให้คิลมันไปเถอะ " 

    " ไม่ได้นะ!!! องค์หญิงเป็นคนปล่อยข้าออกมาพรสามประการควรเป็นของท่าน "

    " งั้นเอางี้  คำสั่งเเรก...ฉันขอให้แกยกกรรมสิทธิ์ของฉันให้คิล " เฟรินพูดอย่างเเฟร์ๆเเต่ดูเหมือนท่านผู้วิเศษที่มีเขาอยู่บนหัวจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก พอๆกับคนที่ได้กรรมสิทธิ์นั่นละ....

    งั้นพรสามข้อก็เหลือเเค่สอง...
    ทำไมหนังเรื่องนี้มันขาดทุนจังวะ?
    เเต่ก็เอาเถอะ....ดีกว่าไม่ได้อะไร...

    " ท่านอะลาคิลสามาขออะไรก็ได้สองข้อ....ข้ายินดีรับใช้"

    " งั้นขอแรกก็ขอให้ฉันออกไปจากที่นี่ก่อน " คิลว่าพร้อมๆกับที่โกโดมร่ายมนต์  อึดใจ...ทั้งหมดก็ออกมาปรากฎตัวที่หน้าถ้ำ

    " ข้อสองขอให้ฉันมีทรัพย์สมบัติมากพอที่จะไปสู่ขอเจ้าหญิงเรนอนเเละมากพอที่จะเลี้ยงดูเค้าอย่างดีไปตลอดชีวิต..." คิลว่าด้วยตาที่เป็นประกายมุ่งมั่น เป็นการขอพรรวดเดียวที่เหมือนคอมโบไปเลยทีเดียวสามสี่ข้อ ภาพที่โกโดมมองเเล้วเห็นใจกับความรักที่อาภัพมาโดยตลอดของอะลาคิล...

    โกโดมร่ายมนต์ข้อสุดท้ายให้คิลมีปราสาทขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง 

    มีข้าทาสบริวารมากมาย  ทรัพย์สมบัติมหาศาลไม่เเพ้กษัตริย์เลยทีเดียว

    ก่อนผู้วิเศษในตะเกียงจะกลับเข้าไปในตะเกียงเพื่อรอเจ้านายคนต่อไป...

    ทางฝั่งอะลาคิลก็มิได้ลืมบุญคุณของคนเเคระน้อยรีบเก็บตะเกียงเก่าๆไปบูชาไว้ในที่อย่างดีเพื่อรอมอบให้คนที่เขาเห็นว่าเหมาะสมก่อนจะเข้าไปเตรียมตัวในปราสาทเพื่อรอวันรุ่งขึ้นที่จะได้สู่ขอเจ้าหญิงเรนอนมาไว้ในอ้อมเเขน..

    ++**++**++**++**++**++**

    วันรุ่งขึ้น ณ ปราสาทของคิงบาโร

    ขบวนเเห่ยิ่งใหญ่เป็นขบวนที่ร้อยกว่าๆที่มาสู่ขอเจ้าหญิงเรนอนเเต่ก็ได้เเต่เพียงคำปฏิเสธกลับไป  คิงบาโรถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยกว่าๆเช่นกันที่ยังหาลูกเขยเเบบที่ถูกใจไม่ได้สักที

    ในระหว่างที่คิงหน้าบากกำลังจะตัดใจเรื่องลูกเขย  นายทหารผิวเกรียมๆก็วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาบอกว่ามีขบวนเเห่จากมหาเศรษฐีใหญ่ในเมืองจะมาสู่ขอเจ้าหญิง  ท่าทางเป็นหนุ่มเเน่นเเถมหล่อเอาการ  คิงหน้าบากจึงอนุญาตให้เข้าเฝ้าทันที

    ++***++***++**++**++**++**++**++**++

    ขบวนเเห่มหาเศรษฐีใหม่ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เคลื่อนขบวนเข้าสู่พระราชวัง  บนเสลี่ยงทองคำเศรษฐีใหม่กำลังนั่งอย่างสง่าผ่าเผยผิดคาเเรคเตอร์  ใบมือยังคงถือตะเกียงวิเศษใบเก่าๆนั้นอย่างซาบซึ้งจัด

    เอาเป็นว่าผู้เขียนเริ่มขี้เกียจ...ด้วยวาทะศิลป์อันคมคายของเจ้าหญิงเฟลิโอน่าก็กล่อมคิงบาโรให้รับลูกเขยคนนี้ได้สำเร็จ นอกจากว่าที่ราชบุตรเขยแล้ว อดีตนายนักฆ่ายังพ่วงความดีความชอบที่จับเจ้าหญิงจอมยุ่งคืนสู่พระราชวังอย่างปลอดภัย

    งานเเต่งงานจะมีขึ้นในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า  โดยมีเฟลิโอน่าเป็นแม่งานใหญ่ท่ามกลางความสงสัยของคิงบาโรว่าลูกสะใภ้มาทำอะไรที่นี่?

    ++**++**++**++**++**++**++**++**++**++

    ณ งานวันเเต่งงานท่ามกลางความเฮฮาเเห่งสมาชิกชาวป้อม

    " เฮ้ย..พูดเเล้วจะหาว่าโม้  ที่ฉันกับไอ้คิลมันลงไปในถ้ำบ้าๆนั่นเพราะมันมีสมบัติอยู่เว้ย...มหาศาล ทองทั้งนั้น แต่ที่ไอ้คิลมีเนี่ยมันมาจากตะเกียงวิเศษ" เฟรินพล่ามน้ำลายเเตกฟองฟอดต่อหน้าเพื่อนๆที่นั่งฟังวีรกรรมเเบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง....

    พอดีกับที่ท่านมหาดครี๊ดมาได้ยินข้อความนี่เข้าพอดี.....

    นี่ไอ้อะลาคิลมันได้ดีเพราะตะเกียงวิเศษหรอกเรอะ
    ดีล่ะ...งั้นฉันคงต้องขโมยมันมา...

    มหาดครี๊ดดี้คิดในใจแล้วใส่เสียงหัวเราะเอฟเฟคอย่างตัวร้าย ก่อนจะเข้าไปร่วมชนแก้วกับสมาชิกชาวป้อมอัศวินอย่างคุ้นเคย

    ด้วยความเลวได้ใจและมักใหญ่ใฝสูงทำให้ครี๊ดเริ่มคิดวางเเผน" ฆ่าผัวเขาเสีย..พาเมียเขาหนี " มันในวันเเต่งงานนั่นล่ะ...เอาเถอะ  พักเรื่องเครียดๆมาฟังเรื่องดีๆทางนี้ดีกว่า.....

    " เรนอน..." 

    " คะ...คุณคิล" 

    " เรียกคิลเฉยๆไม่ได้เหรอ  นี่วันเเต่งงานของเราสองคนนะ " 

    " -///- " 

    " ฉันรักเธอนะเรนอน..."

    " ค่ะ..ฉันก็รัก  อะ...เอ่อ..คิล-///-"

    เอาเป็นว่าพักบทสนทนานี้ไว้ก่อน  ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล.....

    ตัดภาพไปดูอีกทางหนึ่งกัน

    คิงในอาณาจักรใกล้เคียงก็มาเเสดงความยินดีกับบาโรยกใหญ่  เเต่คนที่ดูจะภูมิใจมากที่สุดเห็นจะเป็น....

    ....เจ้าหญิงเฟลิโอน่า....

    " จะบอกให้นะว่าถ้าเรื่องนี้ไม่มีฉันน่ะ  คิลมันไม่มีทางสมหวัง...ลองคิดดูน..."

    " เฟริน ....."

    " ง่า...คาโล..." 

    " อ่าวเฮ้ยย...คาโลมาแค่นี้ถึงกับหงอเลยเหรอวะ  วี๊ดวิ้ววววว " พวกเพื่อนๆโดนเฟรินค้อนเข้าให้วงโตก่อนจะหันไปเผชิญกับน้ำเเข็งตรงหน้าต่อ...

    " อ่า...สบายดีนะ " 

    " สบายอะไรของเธอ รู้มั๊ยว่าฉันตามหาเธอแทบพลิกแผ่นดิน " 

    " คือ...ฉัน..."

    " ฉันเป็นห่วงเธอนะ...รู้มั๊ย "

    " วี๊ดดดดดดวิ้วววววววววว...." เสียงเเซวของเพื่อนๆล้อเลียนบทหวานๆตรงหน้าแต่ดูเหมือนคู่กรณีจะชินชาไปซะเเล้ว คาโลคว้าเฟรินเข้ามากอดไว้เเนบอกให้หายคิดถึง  ก่อนเอ่ย...

    " กลับกันเถอะนะ หมดหน้าที่เธอแล้วใช่มั๊ย " 

    " อือ..."

    ++**++**++**++**++**++*++**++**++**++**++

    คืนส่งตัวเข้าห่อ เอ๊ย!!!หอ...

    เนื่องจากว่าทางผู้เขียนไม่ถนัดบทอย่างว่าและบทอันตรายอย่างเเรงและฟิคนี้เน้นฮาไว้ก่อน  ขอข้ามอะไรซักหน่อยไม่ว่ากันนะคะ=_____=

    ระหว่างคู่ข้าวใหม่ปลากำลังมีฟามสุขตามประสาเนื้อคู่พรหมลิขิต  อะลาคิลมีความสุขกับเจ้าหญิงคนสวยจนลืมไปว่าตะเกียงวิเศษอยู่นอกห้อง

    และเเล้ว...คนมหาดครี๊ดดี้ที่ซุ่มวางแผนอยู่ก็ฉกตะเกียงไปด้วยความละโมบ  โดยหารู้มั๊ยว่ามีอุปสรรคใหญ่รออยู่

    ถ้าฟิคเรื่องนี้ตัดจบ  ผู้เขียนคงจะโดนกระทืบทิ้งเป็นแน่แท้...เอาเป็นว่าเรามาติดตามชะตาชีวิตกุดๆของครี๊ดกันต่อ

    ครี๊ดดี่เมื่อได้ตะเกียงไปเเล้วก็รีบกลับบ้านของตนไป ส่วนเจ้าของเดิมก็มีภาระหน้าที่ต้องทำจนลืมไปแล้วว่าเอาตะเกียงไปวางไว้ที่ไหน  ได้แต่นั่งเสียดายเพราะวันแต่งงานโกโดมบอกว่าจะแถมพรให้อีกข้อ

    ณ บ้านของครี๊ด

    มหาดจอมโลภกำลังทาถูๆตะเกียงเหมือนทายาหม่องตาถ้วยทองแต่ก็ไม่เกิดผล งวดนี้ผู้กำกับไม่สั่งคัทกล้องเพราะต้องการแก้แค้นค่าอาหาร+ค่าเหล้าที่ครี๊ดทำไว้เป็นจำนวนมหาศาล....

    " เฮ้ย!!ทำไมมันไม่เห็นมีผู้วิเศษออกมาเลยวะ " ครี๊ดบ่นอย่างหัวเสียก่อนจะมีเสียงเดิมๆออกมาจากตะเกียง

    " ข้าไม่ออกไป!!ยังไงข้าก็ไม่ออกไป!! ต้องให้องค์หญิงผู้เลอโฉมของข้ามาปลดปล่อยข้าคนเดียวเท่านั้น!!!! " เสียงของผู้วิเศษมินิไซส์ตะโกนออกมา  นั่นเอง...ทำให้มหาดครี๊ดเห็นทางสว่าง

    งั้นเราก็ต้องลักพาตัวเฟลิโอน่ามาถูตะเกียง
    พอเราได้พรสามข้อเราก็ฆ่ามันทิ้ง...
    ...หรือไม่ก็...จับมาเรียกค่าไถ่ได้อีกต่อหนึ่ง
    อุวะ! เรานี้มันฉลาดเป็นบ้า!!!!

    โดยที่สลัดตาเดียวของเราไม่ได้รู้เลยว่ามีแต่จะชะตาขาดในเร็ววัน  ก็รู้ทั้งรู้อยู่ว่าเจ้าชายคาโลเป็นคนแบบไหน....

    แผนการลักพาตัวเจ้าหญิงเฟลิโอน่าเป็นไปอย่างงายดายเพียงแค่เอาอาหารไปล่อออกมา ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ครี๊ดดี้อุ้มเฟรินในสภาพสลบไสลเข้าบ้านมาถึงหูเจ้าชายคาโลแล้วมันจะทำให้ก้อนน้ำแข็งยักษ์กลายเป็นภูเขาไฟระเบิดในชั่วพริบตา!!!

    ณ คฤหาสน์ขนาดปานกลางของครี๊ด

    " แกปล่อยฉันไปเหอะครี๊ดเอ้ยย...แกจะหาว่าฉันไม่เตือนนา..."

    " คาโลจะเอานายไปตัดม้าม  ดามปอด  ถอดเล็บ เอาเห็บขึ้นหัว  เอาตัวราดน้ำกรด  เอาหัวกดน้ำ  เอา..." 

    " เฮ้ย!! พอๆๆๆ ฟังก็จะบ้าตายแล้ว  เอาเป็นว่านายถูตะเกียงแล้วรีบๆกลับไปหาสามีนายซะ  ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่อีกนานว่ะ=____= "

    " งั้นนายก็ได้เสวยสุขคนเดียวงั้นสิ   ไม่เอาเว้ย!!! ปล่อยช้านนนนนนน" 

    " เอามือมานี่!! ถูตะเกียงซะ " 
     
    ว่าเเล้วครี๊ดก็เอามือบางๆของเฟรินไปขัดๆที่ตะเกียง ไม่ทันไรควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาเหมือนวางระเบิดแก็ส  ก่อนโคมุสน้อยจะโผล่มาในมุขเดิมๆ

    " ข้าของมอบพรสามประการให้ท่าน องค์หญิงผู้เลอโฉมผู้ปลดปล่อยข้า..." 

    ทางด้านเฟรินขอวิ่งไปหากระโถนมาเป็นการด่วน  เเบบว่าทนไม่ได้....

    " เฮ้ยได้ไงวะ  ฉันเป็นคนเอามือแม่นี่มาถูตะเกียงแกนะเว้ย!!" ครี๊ดดี้รีบโวยวายตามหลักการอันฉลาดแกมโกงเมื่อผลประโยชน์กำลังหายไปต่อหน้าต่อตา

    " แต่ตามหลักทางเคมีแล้ว  มือนั่นเป็นขององค์หญิงผู้เลอโฉมมิใช่ท่าน...ขอเเสดงความเสียใจ..."  โกโดมเเสดงท่าทีสลดได้อย่างหน้าเตะสุดๆ

    " เฮ้ออออ  เอาเป็นว่าพรข้อแรกฉันขอให้ครี๊ดมันได้พรอีกสองข้อของฉันไปละกัน" 
    เฟรินเอ่ยอย่างเสียสละ อยากกลับไปกินส้มตำแซ่บๆจะแย่แล้ว

    ผู้เขียนเรื่องคงเพิ่งออกมาจากหลังคาแดง...
    มีพรมาเกยถึงหกข้อ...


    เเ ง  ... ให้ชาวบ้านเค้าหมด
    ไอ้กวางเฮงซวยนั่นอีกตัวหนึ่ง
    เฟรินกัดฟันอย่างคาดโทษก่อนหันไปฟังคำประกาศก้องของกบฎครี๊ด...

    " พรข้อแรกข้าขอให้ข้าสลับตัวกับไอ้คิงรับจ้างหน้าจืดนั่น  เดี๋ยวนี้!!!"

    ++**++**++**++**++**++**++**++**++

    คำขอของครี๊ดสำเร็จผลในพริบตา  อะลาคิลต้องกลับไปทำอาชีพรับจ้างตามเดิม  เจ้าหญิงเรนอนโดนจับแต่งงานโดยไม่เต็มใจนัก ประชาชนทุกคนไม่มีความสุขเพราะมหาดครี๊ดจอมรีดไถภาษีกำลังจะได้เป็นพระราชาคนต่อไปแห่งดินแดนนี้

    .มีเพียงครี๊ดดี้คนเดียวที่มีความสุข....

    " +55555 ข้าคือผู้หญิงใหญ่ เอ๊ย!! ยิ่งใหญ่ในโลกนี้  ไม่มีใครใหญ่กว่าข้าอีกแล้ว.." ครี๊ดประกาศก้องต่อหน้าพสกนิกรและอะลาคิลที่จ้องมองด้วยความเเค้น

    รอให้มันแค้นมากๆก่อนเถอะ...
    เดี๋ยวพระเอกคนนี้จะโชว์ให้ดู....

    " แกมันก็ได้ดีเพราะมีคนช่วยเเหละวะ  ตัวแกล้วนๆมันก็ไอ้คนที่มีหัวไว้คั่นหู"
    คิลตะโกนออกมาท่ามกลางฝูงชนทำให้คิงครี๊ด(กระดากปากเวลาเรียกว่ะ )เริ่มหน้าตึงที่โดนแฉความลับ

    "แกเอาอะไรมาพูด  แล้วตัวแกมันมีดีอะไรหา!!!" 

    " อย่างน้อยเรนอนก็รักฉัน  ไม่ได้ฝืนใจเหมือนนายเว้ย!!!!"

    " แกรู้ได้ยังไงว่าเรนอนไม่รักฉัน!!!  ตัวแกมันมีอะไรดีนักหนา...."

    " ฉันอาจไม่ได้มีดีอะไร แต่อย่างน้อย...ฉันก็ไม่ใช่จอมลวงโลกอย่างแก " 

    " หนอย..แก...."

    " พลังอำนาจที่แกได้มามันก็มาจากตะเกียง  ตัวแกน่ะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรซักนิด!!!"

    " แล้วแกจะได้เห็นดีกัน!!!" 

    ครี๊ดประกาศอีกครั้งด้วยความเดือดดาลก่อนจะเอาตะเกียงมาถูๆๆๆเรียกโกโดมเพื่อขอพรข้อสุดท้าย....

    " นี่แกทำให้ฉันเป็นผู้วิเศษเหมือนแกทีดิ..." ครี๊ดหันไปพูดกับโกโดมที่เพิ่งออกมาจากตะเกียงและทำหน้าเหรอหราไม่รู้เรื่อง

    " ยังไงขอรับ?" 

    " เอางี้...ถ้าฉันเป็นแกฉันก็ใช้เวทมนต์ได้ใช่มะ  งั้นฉันจะสลับตัวกับแก!!!" ครี๊ดว่าอย่งกราดเกรี้ยว

    " ถ้าท่านมาเป็นข้า ท่านสามารถทำอะไรก็ได้เพียงใช้เวทมนต์ตัวเองเสก...แต่นี่เป็นพรข้อสุดท้ายของท่าน  ท่านแน่ใจแล้วหรือ?...." โกโดมย้ำ

    " อุวะ  ฉันบอกแล้วไง...จัดการให้ฉันเดี๋ยวนี้!!!!" 

    ...สิ้นคำประกาศของครี๊ด  ตัวครี๊ดดี้ก็หายวับไปอยู่ในตะเกียง  พร้อมๆกับที่โกโดมโดนปลดปล่อยออกมา.....

    " ตกลงมันโง่หรือมันฉลาดวะเนี่ย?" คิลที่เพิ่งปีนกำเเพงพระราชวังขึ้นมาเมื่อกี้มองตะเกียงที่ใส่มหาดครี๊ดอย่างสมเพช  ก่อนหันไปทางโกโดมอีกครั้ง

    " นายติดพรฉันอยู่ข้อนึงนะ  จำได้ไหม?" 

    " จำได้ขอรับ  ท่านคิลเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะได้พรข้อนี้...." โกโดมก้มหัวอย่างนอบน้อมเตรียมรับคำสั่ง

    " ทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น..."

    ++**++**++**++**++**++**++**++*++

    หลายปีต่อมา...

    อะลาคิลได้ขึ้นเป็นกษัตริย์  ได้ข่าวว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยเมตตาโดยมีมหาดเล็กร่างแคระที่มีเขาบนหัวที่ใหญ่กว่าตัวช่วยบริหารประเทศ

    ส่วนครี๊ดดี้ที่กลายเป็นผู้วิเศษในตะเกียงที่ไม่มีใครต้องการ  อะลาคิลสั่งให้เอาตะเกียงอันนั้นไปฝังทันทีเพื่อป้องกันใครมาถูตะเกียงสุ่มสี่สุ่ห้า

    ทางฝั่งเฟริน...ก็ต้องกลับไปทำลูกชดใช้คาโลโทษฐานที่ทำให้เป็นห่วงมากเกินพิกัด

    สรุปแล้ว...
    เรื่องนี้ก็จบได้อย่างแฮปปี้^______^
    ----------------------------------------------------------------------------------------------

    บันทึกผู้แต่ง

    1.       เขียนครั้งแรกและอัพจบในวันที่ 2 ต.ต. 2551 ด้วยพล็อตเรื่องที่มีความมึน แต่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ตอนนั้นแอบกังวลเรื่องเปิดเทอม กลัวจะไม่ว่าง กลัวจะอัพได้น้อยลง แต่เนื่องจากเพิ่งเปิดเรื่องที่ 2 เราจะสู้ต่อไป

    2.       อัพครั้งที่สองในวันที่ 4 กรกฏาคม 2559 ยังคงอยุ่ในโปรเจคอีดิธคำผิดและเพิ่มเติมความสมูธให้เนื้อเรื่องต่อไป ( หรือบางทีอาจจะหยาบกว่าเดิม 5555+ )

    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^_____^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×