คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กุญแจห้าดอก
แซมวลเร่งเดินไปยังห้องสมุด โต๊ะหนังสืออยู่ที่นั่น
แม้จะไม่รู้ว่าม่านสีดำคืออะไร แต่อย่างน้อย…
ชายหนุ่มชะงัก ย่าออกมาจากห้องนั่งเล่นพอดี
“แซมวล” ย่าเรียกเขาไว้ “จะไปไหน”
“ไปห้องสมุดครับ”
ชายหนุ่มไม่ค่อยสบายใจนัก “ผม…จะไปหาหนังสือ”
เขาขยับตัวเพราะอึดอัดใจ
ของที่ยัดไว้ในกระเป๋าแต่ลวกๆ จึงตกลงมา แซมวลรีบก้มลงเก็บ แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว
“นั่นรูปใครกัน” ย่าถาม ชี้ไปยังรูปที่ชายหนุ่มพบในเตาผิงและเพิ่งปะติดปะต่อเข้ากันเป็นรูปเดียว
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน” แซมวลบอก
เขาชั่งใจ ไหนๆ ย่าก็รู้แล้ว ทำไมถึงจะต้องปิดบังอยู่อีกเล่า “ย่ารู้ไหมครับ ผมเจอในห้อง…”
ย่าของเขารับรูปพิจารณาดู ครั้นแล้วสีหน้าท่านก็เปลี่ยนไปวูบหนึ่ง…ชั่วขณะเท่านั้น
ก่อนจะคืนกลับสู่สภาพปรกติ กลายเป็นย่าที่เป็นผู้ดีและมักสำรวมของแซมวลเช่นเดิม
“เจมส์” ย่าบอกอย่างสงบ “นี่รูปเจมส์
ตอนเด็กๆ เขาเคยอยู่ที่แบลคมิเรอร์หลายปี วิลเลียมเอามาเลี้ยงไว้
แต่หลังจากนั้น…น่าสงสาร เขาป่วยเป็นโรคทางจิต โรเบิร์ตต้องพาไปรักษาที่แอชเบอร์รี
ป่านนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา”
“ผมไม่เห็นรู้จัก” แซมวลแปลกใจ
“เขาออกไปก่อนเจ้าจะเข้ามา…ไม่ทันถึงปีดีกระมัง
ตอนนั้นเขาอายุสิบสามสิบสี่เท่านั้น น่าสงสาร ต้องอยู่ที่แอชเบอร์รีเป็นยี่สิบกว่าปีเข้านี่แล้ว
ถึงทางเราจะออกเงินดูแลให้แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย”
…งั้นหรือ เป็นเด็กที่ปู่รับอุปการะหรือ…แซมวลคิด
เพ่งดูรูปนั้นอีกครั้ง…คนในรูปอายุมากกว่าเขา ไม่ใช่เด็กสิบสามอย่างที่ย่าบอก
คงเพิ่งถ่ายไม่นาน…อาจจะในแอชเบอร์รีนั่นเอง แซมวลเคยได้ยินว่าคนไข้แอชเบอร์รีบางคนเป็นบ้าไม่หายต้องอยู่ที่นั่นชั่วชีวิต
คิดแล้วก็ออกจะน่าสงสารเหมือนกัน
เขาเพิ่งสังเกตเห็นหลังจากได้พิจารณารูปอีกครั้ง…แม้คนชื่อเจมส์นั้นจะยกมุมปากขึ้นเป็นเชิงยิ้ม
แต่แววตากลับหวาดกลัว…หวาดกลัวมากเสียจนในอีกมุมหนึ่งก็ดูวิปลาสดุร้าย
ราวกับสัตว์ที่ถูกต้อนจนมุมและเตรียมจะกางเล็บสู้กลับอย่างนั้น
ชายหนุ่มพูดจากับย่าอีกสองสามคำแล้วรีบขอตัวมา
ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่ได้สนิทกับท่านเป็นพิเศษอยู่แล้ว ปู่นั้นพอใจเฮฮาสังสรรค์
แต่ย่าเป็นคนเจ้าระเบียบ มีมารยาทและเป็นผู้ดี ไม่แสดงความรู้สึกเช่นเดียวกับลุงโรเบิร์ต
แม้แต่สมัยแซมวลยังเด็กก็ดูเหมือนจะไม่เคยกอดเขาเลยสักครั้งเดียว
แซมวลมาอยู่ที่แบลคมิเรอร์ตั้งแต่หกขวบ
หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์ ชายหนุ่มจำเรื่องก่อนหน้านั้นไม่ได้ถนัดนัก
เคยมีคนบอกว่าลุงเหมือนย่า แต่พ่อเหมือนปู่ …เหมือนตรงที่ชอบผจญภัย ชอบเสี่ยง
ชอบสนุก มีแต่คนเสียดายที่ “คุณรันเดล” ตายเสียแต่ยังหนุ่ม บางทีคนพวกนั้นอาจจะอยากหาความเป็น
“คุณรันเดล” ในตัวแซมวลที่เป็นลูกชายคนเดียว แต่น่าเสียดาย แซมวลไม่ได้เหมือนใครอย่างจริงจัง
เขาออกจะอ่อนไหวและพูดน้อย กระนั้นก็ไม่ใช่คนถือตัว ถ้าไม่เกิดเรื่องคัธรินขึ้นบางทีชายหนุ่มคงใช้ชีวิตเป็นนักวิชาการไปเรื่อยๆ
ไม่มีอะไรเกินนี้อีก
…ม่านสีดำ…ม่านสีดำ
แซมวลเข้าไปในห้องสมุด
ค้นโต๊ะหนังสือ เขารู้ว่าปู่ชอบเล่นปริศนา…แต่แปลก เท่าที่จำได้โต๊ะหนังสือไม่รกอย่างนี้
นอกจากนั้นหนังสือที่กองอยู่ก็มีแต่ประวัติของแบลคมิเรอร์และสกุลกอร์ดอน
มีปูมเล่มใหญ่ที่เจเรมี กอร์ดอน พ่อของปู่เป็นคนเขียน แซมวลอ่านผ่านตาแวบหนึ่ง
เห็นเล่าเรื่องว่าปราสาทเก่าสมัยมาร์คัสกับมอร์เดรดนั้นไฟไหม้หมดเมื่อหลายร้อยปีก่อน
แบลคมิเรอร์ที่เขาอยู่เดี๋ยวนี้เป็นหลังสร้างใหม่บนฐานเดิม
นอกจากนี้ก็พูดถึงเรื่องการฝังศพ รวบรวมรายชื่อคนตระกูลกอร์ดอนสายตรงที่ฝังอยู่ที่วิหารวอร์มฮีล…
แซมวลเหลือบตาขึ้นจากหนังสือ
ปะเข้ากับกระปุกหมึกพอดี
…ม่านอันดำสนิท
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปที่กระปุกหมึกนั้น
นึกถึงหมึกดำที่สาดลงบนหน้ากระดาษราวกับเอาม่านลงคลุม เขาขยับขวดหมึก
เมื่อแรกมันติดกับฐานแน่น แต่เมื่อพยายามอีกเล็กน้อยชายหนุ่มก็ดึงออกมาได้
เมื่อเอากระปุกหมึกออกแล้วแซมวลจึงเห็นปุ่มเล็กๆ
อยู่ข้างใต้…บางทีคงเป็นกลไกอะไรที่ปู่โปรดนักอีกแล้ว
เขากดปุ่ม มีเสียงดังครืด
แล้วแท่นใต้ตู้หนังสือแท่นหนึ่งก็ดีดเปิดออกเป็นช่องกล ในช่องนั้นมีของอยู่สองสามชิ้น
หนังสือสองสามเล่ม และมีกล่องอยู่กล่องหนึ่ง บนกล่องประทับตราเป็นระบบสุริยะ
มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง ทว่านอกจากนั้นก็มีเพียงเส้นวงโคจร ไม่มีดาวเคราะห์เลยสักดวงเดียว
เมื่อเปิดกล่องนั้นออกดูจึงปรากฏว่าเป็นลูกกลมๆ สีต่างๆ หลายลูก ขนาดไม่เท่ากันเลย
แซมวลเงยหน้าขึ้นทันที เขาจำลูกโลกใหญ่ของปู่ได้…ปู่มีลูกโลกลูกหนึ่ง
แซมวลเห็นมาแต่เล็ก ตัวลูกโลกเลื่อนเปิดออกได้ ข้างในมีแผนภูมิระบบสุริยะ ทว่าก็มีเพียงดวงอาทิตย์เช่นกัน
นอกจากนั้นดาวเคราะห์อื่นๆ เพียงใช้หมุดหัวแบนปักหมายไว้
ไม่มีสัญลักษณ์ดาวประจำที่ เขาเคยถามปู่ว่าดาวเคราะห์ไปที่ใดหมดสิ้นแต่ท่านกลับทำเป็นไม่ได้ยิน
แซมวลหาลูกโลกดังกล่าวได้ไม่ยากนัก มันตั้งอยู่ตรงมุมในของห้องสมุด
ที่เดิมที่เคยอยู่เสมอมา เมื่อเลื่อนเปิดด้านบนออก แผนภูมิระบบสุริยะตลอดจนหมุนหัวแบนว่างเปล่าเก้าอันก็ยังคงอยู่ที่เดิม
ชายหนุ่มพิจารณาลูกกลมทั้งเก้าในกล่อง
เขาจำได้…พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส เสาร์ ยูเรนัส เนปจูน พลูโต ปู่ชอบดูดาว
เคยสอนเขาไว้ สอนให้ท่อง ให้บอกขนาด ให้บอกสีของแต่ละดวง แซมวลเอาลูกกลมแต่ละลูกวางแทนตำแหน่งดาวแต่ละดวง
ตามสี ตามขนาด ตามระยะห่าง ครั้นวางดวงสุดท้ายลงแล้ว แก่นนูนตรงกลางที่แทนพระอาทิตย์ก็ดีดเปิดออก
เผยให้เห็นกุญแจดอกหนึ่งวางอยู่
…ปู่ก็ยังชอบทำอะไรซับซ้อนเหมือนเดิม…ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย
รีบคว้ากุญแจนั้นและขึ้นไปยังหอคอย
ห้องในหอคอยมีกลิ่นประหลาด กลิ่นกระดาษเก่าและกลิ่นยาที่ปู่ใช้ผสมผสานกันจนคล้ายมีไอตัวมนุษย์…ราวกับปู่ไม่ได้จากไปไหน
แซมวลมองห้องนั้นอย่างค่อนข้างทึ่ง หนังสือกองอยู่มากมายระเกะระกะ มีกระดาษบันทึกปะอยู่บนข้างฝาและบนโต๊ะ
หีบใหญ่สามหีบ โต๊ะทำงาน โต๊ะหมากรุก และกล้องดูดาว
เขามองโต๊ะหมากรุก
นึกถึงเมื่อเล่นกับปู่สมัยเด็ก ย่ากับลุงโรเบิร์ตไม่ชอบหมากรุก
แต่ปู่นั้นเป็นเซียน เมื่อหาคู่ดวลไม่ได้ก็จับเอาหลานมาสอนเสียเลย
…เรือสีดำหายไปไหน…ชายหนุ่มสงสัย
แต่หลังจากนั้นเขาก็พบเรือสีดำบนโต๊ะหนังสือ…ควรจะพูดว่าบนโต๊ะหนังสือดีหรือเปล่า
เพราะมันปักอยู่บนลิ้นชัก ถูกใช้แทนมือจับ เมื่อเขาดึงออกมาก็พบว่าเรือตัวนั้นถูกออกแบบใหม่ให้เป็นมีดพับขนาดจิ๋ว
ถึงอย่างไรปู่ก็ยังชอบเล่นของแบบนี้เหมือนเดิม
ชายหนุ่มมองลิ้นชักนั้น
เขาเปิดออกดูแต่ไม่เห็นอะไรเป็นสาระสำคัญ หลังจากที่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแซมวลก็นึกถึงวิธีซ่อนของของปู่
เขาก้มลงใต้ลิ้นชักและพบว่าเป็นคาด...มีสมุดเล่มหนึ่งถูกใช้แถบหนังรัดไว้กับพื้นลิ้นชักด้านนอก
เมื่อดึงออกมาแล้วก็พบว่าเป็นหนังสือบันทึกของปู่…ของลอร์ดวิลเลียม กอร์ดอน
ข้อความเริ่มต้นเมื่อราวปีเศษก่อนหน้านี้
เดือนมีนาคม เนื้อหาขาดวิ่นไม่ติดต่อกันคล้ายเพียงบันทึกความรู้สึกแต่ละชั่วขณะไว้เท่านั้น…เป็นที่ระบายของปู่
###
…กุญแจมีทั้งสิ้นห้าดอก
-
ที่ฉันดอกหนึ่ง
-
เจมส์ดอกหนึ่ง (ฉันไม่รู้สึกผิดที่ให้มันกับเจมส์ มันควรจะเป็นของเขา)
-
ที่เวลส์ดอกหนึ่ง (อยู่ในคฤหาสน์ของพวกกอร์ดอนสายเวลส์ ไปเมื่อเดิร์คแฮม
กอร์ดอน ออกจากบ้าน)
-
ที่มาร์คัสดอกหนึ่ง
-
และอีกดอกหนึ่งไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน
...ฉันคิดว่าจะเริ่มต้นหาเท่าที่คิดว่าหาได้ก่อน…น่ากลัว
มีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น รู้สึกว่าเวลาเหลือน้อยลงเต็มที
ระยะหลังนี้ร่างกายของฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว ถ้ารู้เรื่องนี้เสียแต่เมื่อก่อนก็ดี
แต่ในที่สุดโรคนี้ก็คงเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่หลบอยู่ในที่มืด รอให้อ่อนแอเสียก่อนค่อยโจมตีทำลาย
ถ้าหากมีเวลามากกว่านี้…ไม่ ไม่ควรจะคิดแบบนั้น ควรจะคิดว่าเวลาที่เหลืออยู่มีเท่าไร
ควรจะรีบ
บางครั้งยิ่งเวลาน้อยลง
ก็อดคิดถึงสิ่งที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำไม่ได้
...ฉันลองติดต่อไปที่เวลส์
เอลีนอร์ยินดีต้อนรับ แต่เมื่อบอกว่าขอเข้าไปในสุสานของเดิร์คแฮมก็โกรธ
รู้อยู่หรอกว่าเอลีนอร์ก็อย่างนี้เอง เป็นพวกหัวเก่าจนน่าระอา
แต่ไม่คิดเลยว่าความน่าระอานั้นจะกลายเป็นกำแพงยิ่งใหญ่ไปจนได้
ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่ใช่คนจะมีแรงไปเที่ยวลอบเข้าสุสานของใครเวลากลางคืนอีกต่อไป
ฉันต้องทำสิ่งที่ทำได้ก่อน
...คืนนี้ฉันได้ยินเสียง เสียงประหลาดโหยหวนอยู่นอกหน้าต่าง
ฉันกลัว ไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แบตส์กับวิคตอเรียเป็นห่วง แต่ฉันบอกเขาว่าไม่เป็นไร
ฉันกลัวว่าเวลาของตัวเองจะเหลือไม่มาก
...ฉันคุยกับพ่อเฟรเดอริค หว่านล้อมชักแม่น้ำทั้งห้ามากมาย
ในที่สุดก็หาทางลงไปที่สุสานของมาร์คัสจนได้…ใช่ ตอนนี้ที่แน่ๆ มีกุญแจของฉัน
ของเจมส์ และฉันจะไปเอาของมาร์คัส กอร์ดอน แต่ในสุสานมีปริศนาที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้
ฉันล้าลงมาก สมองก็คิดช้ากว่าเดิม หลังจากอยู่ในที่มืดและอับหลายชั่วโมงฉันก็ยอมแพ้และต้องกลับขึ้นมา
ฉันจะกลับไปอีก ต่อให้มาร์คัสวางกับดักไว้อีกร้อยชั้น ฉันก็ต้องเอากุญแจของเขามา…ก่อนที่จะสายเกินไป
...มีเสียงประหลาดอีกแล้ว ฉันได้ยินเสียงที่ไม่ควรได้ยิน
เมื่อคืนนี้ฉันฝันเห็นเจมส์ ฉันถามโรเบิร์ตว่าเจมส์เป็นอย่างไรบ้าง
เขาก็เอารูปมาให้ดู ดูหลายรอบ…หลังจากนั้นก็ไม่อยากดูอีก ฉันฉีกรูปเจมส์ทิ้งไป…ฉันเป็นคนขี้ขลาด
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังฝันถึงเจมส์ บางทีที่เริ่มต้นตรงกุญแจของมาร์คัสก่อนทั้งที่เวลากระชั้นแบบนี้อาจจะเพราะฉันเองขี้ขลาด
ฉันเชื่อว่าถ้าหากยืนยันมั่นคงกว่านี้ ในที่สุดโรเบิร์ตอาจจะยอม
แต่ฉันไม่ได้ยืนยัน ไม่ได้ไปหาเจมส์ ฉันกลัว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไร
...บางทีอาจจะเพราะเจมส์สะท้อนฉัน
สะท้อนสิ่งที่ฉันกำลังจะเป็น
…กระจกเงาสีดำ
...ฉันสงสัย คำสาปจะไปไกลถึงไหน
ถึงที่เวลส์ไหม ถึงโรเบิร์ตไหม และ…ถึงแซมวลไหม ได้โปรดอย่าไปถึงแซมวล
ขอพระเจ้าปกป้องคุ้มครองแซมวล คุ้มครองจากความเจ็บปวดทั้งปวง อย่าให้หลานของข้าน้อยต้องเสียใจกับอะไรอีกเลย
…บางทีถ้าฉันแก้คำสาปนั้นทัน
...ฉันไม่สบาย ไข้ขึ้นสูง วิคตอเรียบังคับฉันออกจากหอคอย
ฉันยังขืนไปที่วอร์มฮีล แต่สมองกลับไม่แล่น คิดอะไรไม่ออก
เขาพบฉันสลบอยู่ตรงทางเข้าสุสาน พ่อเฟรเดอริคให้ดิคคนขุดหลุมศพพาฉันกลับบ้าน
วิคตอเรียเรียกหมอแฮร์มันน์มา ฉันเลยเอานาฬิกาให้เขา ฉันไม่รู้ แต่ฉัน…กลัว ให้หมอแฮร์มันน์อาจจะดีกว่า
ดีที่สุดแล้ว
...ฉันได้ยินเสียงทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว
ฉันไม่สบายมากกินอาหารไม่ได้ แต่ก็ขังตัวเองอยู่บนหอคอย…บางทีอาจจะ…ไม่ไหวแล้ว
ฉันกลัว รู้สึกเหมือนมีอะไรหลอกหลอน มีอะไรตามล่า บางครั้งสติของฉันก็เลือน
บางครั้งก็พูดอะไรแปลกๆ และคิดอะไรแปลกๆ …ฉันจะเป็นอย่างเจมส์ไหม บางทีคำสาปคงใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว
ถ้าหากฉันปกป้องทุกคนไม่ได้ บางทีฉันอาจจะต้องให้แซมวลกลับมา
แต่แซมวลจะตอบจดหมายฉันไหม เขาไม่เคยตอบจดหมายเลย สิบสองปีแล้ว มีคนบอกว่าเห็นเขาที่ออสเตรีย
บอกว่าถึงส่งจดหมายให้เขาก็ไม่มีประโยชน์ แซมวลไม่เปิดจดหมายจากแบลคมิเรอร์แม้แต่ฉบับเดียว
พระเจ้า
ข้าน้อยอยากเห็นเด็กคนนั้น…อยากเห็นอีกสักครั้งก่อนตาย
###
แซมวลวางสมุดลง ข้อความไม่ปะติดปะต่อเหล่านั้นไม่บ่งนัยอะไรมากนัก
แต่ในที่สุดแล้วความรู้สึกของปู่ก็ถ่ายทอดออกมาตามตัวอักษรและทำให้เขารับรู้บางอย่างที่ไม่อยากรับรู้
…เราเห็นแก่ตัว…เขาถอนหายใจ…เราเห็นแก่ตัว
สิบสองปีที่หนีจากที่นี่ไป ไม่เคยคิดถึงปู่แม้แต่สักนิดเดียว
แต่ว่า…มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ
กุญแจอะไร และเกี่ยวข้องอะไรกับพวกสกุลกอร์ดอนสายเวลส์ ซึ่งเป็นสายย่อยที่แตกออกจากสกุลกอร์ดอนแบลคมิเรอร์
ปู่พูดถึงย่าน้อยเอลีนอร์ พูดถึงการไปขุดสุสานของเดิร์คแฮม กอร์ดอน
ต้นสายของพวกเวลส์ นอกจากนั้นยังพูดถึงเจมส์…ดูเหมือนเจมส์จะสำคัญยิ่งกว่าที่แซมวลคิดเสียอีก
บางทีเขาอาจจะต้องไปโรงพยาบาลแอชเบอร์รี…พบเจมส์สักครั้ง
…แต่ว่าก่อนที่ปู่จะเสีย ท่านพยายามไปที่วิหารวอร์มฮีล
เขาเองก็ควรจะไปที่นั่น บางทีไปแล้วอาจจะได้เบาะแสมากกว่านี้ว่าปู่กำลังทำอะไรอยู่
แซมวลครุ่นคิด เขาเปิดหีบของปู่
หลังจากหีบแรกไม่พบอะไรแล้วชายหนุ่มก็พบวัตถุแปลกๆ อย่างหนึ่งในหีบที่สอง
เป็นก้อนกลมคล้ายลูกแก้ว เนื้อตัน…ใส แต่เป็นสีดำ ใหญ่สักเท่ากำปั้นของเขา และเมื่อจับขึ้นมาก็รู้สึกประหลาด…รู้สึกประหลาดมากเสียจนชายหนุ่มไม่ได้วางลูกแก้วนั้น
หากแต่ถือติดมือมาด้วย แซมวลอยู่ในหอคอยอีกชั่วเวลาหนึ่ง หลังจากรู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ค้นหาอีกแล้วชายหนุ่มก็ออกมาข้างนอก
ทว่าทันทีที่เหยียบออกมา เขาก็รู้สึกปวดหัว…อาการนั้นกำเริบอีกแล้ว
มันปวดมากเสียร่างกายสั่นเทาไม่มีแรงและหายใจไม่ออกเอาทีเดียว
มีอะไรบางอย่างผ่านเข้ามา…เสียงหัวเราะ
ใช่…น่าจะเป็นเสียงหัวเราะ แหบเครือและชั่วร้าย ฟังดูหิวกระหายราวจะกรีดลงไปในวิญญาณ
หลังจากนั้นแซมวลก็สลบไป
ชายหนุ่มมารู้สึกตัวอีกครั้งบนเตียงในห้องของตัวเอง
ลุงโรเบิร์ตกับแบตส์ยืนดูเขาอยู่ เมื่อเห็นว่าฟื้นแล้วทั้งสองก็มีสีหน้าโล่งใจ
“คุณสลบอยู่ที่ห้องใต้หลังคา
ถ้ากระผมไม่ขึ้นไปคงนอนอยู่ทั้งคืน” แบตส์บอก “กระผมจึงไปตามเซอร์โรเบิร์ตให้มาดู”
“ร่างกายเจ้าไม่แข็งแรงเลย
ไม่ได้ดูแลตัวเองสักนิดสินะ” ลุงตำหนิ
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ” แซมวลอ้อมแอ้ม
“เจ้าไปทำอะไรที่ห้องใต้หลังคา”
ลุงถามต่อไปอย่างสงสัย “ห้องของพ่อก็เปิดค้างไว้ เจ้าหากุญแจห้องพ่อจนเจอหรือนี่”
“…ทำนองนั้นละครับ” ชายหนุ่มว่า
ครั้นแล้วเขาโพล่งถามออกไป “ลุงครับ เคยได้ยินเรื่องกุญแจห้าดอกไหม
ที่ว่าดอกหนึ่งอยู่ที่มาร์คัส…”
ลุงโรเบิร์ตมองเขา สายตาว่างเปล่า
“ไม่เคยได้ยิน ท่าทางเจ้าจะฝันไป พูดอะไรไม่เป็นแก่นสารพิลึก”
เขาบอก “นี่…แซมวล ลุงจะบอกให้เจ้าฟังนะ ถึงเจ้าจะเรียนวิชาเพ้อฝันอย่างไรลุงก็ไม่ว่าหรอก
และถึงจะตะลอนไปทั่วยุโรปอย่างไรก็ไม่ว่าด้วย แต่บางทีเจ้าต้องคิดบ้าง…ต้องคิดมากๆ
แบลคมิเรอร์นี่พอลุงตายแล้วก็ไม่เหลือใครอีก พวกสายเวลส์เองคงไม่มีคนแล้วเหมือนกัน
ถ้าผิดจากเจ้าใครจะดูแล เจ้าต้องทิ้งความเพ้อฝันเสียบ้าง ต้องคิดเรื่องรับผิดชอบ เป็นผู้ใหญ่เสียที”
…อายุสามสิบแล้วยังจะบอกให้เป็นผู้ใหญ่เสียทีอีกหรือ…แซมวลออกจะระอาใจ
เขานั่งฟังลุงสั่งสอนไปอีกพักใหญ่ หลังจากนั้นเมื่อลุงฉีดยาให้เข็มหนึ่งและบอกให้นอนเสีย
แซมวลก็ดีใจแทบแย่ทีเดียว
…พรุ่งนี้ต้องไปวอร์มฮีล…เขาคิดก่อนจะหลับไป
ความคิดเห็น