ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crisis Love Magic World [CLMW] วิกฤตรักโลกเวทมนตร์

    ลำดับตอนที่ #1 : CLMW :: บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 57





     

    intro

    ...

     

     

     
     

     

         ขี้เกียจ...

     

         ขี้เกียจ...

     

         ขี้เกียจ...

     

         ฉันนอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงนุ่มสีขาวสะอาดตาอยู่นานจนเวลาล่วงเลยจนเกือบจะเที่ยงวันอยู่รอมร่อแล้ว

     

         ฉันก็ยังอยู่ที่เดิม...

     

        

         ก๊อกๆ

     

         "คุณหนูคะ...คุณหนู ตื่นรึยังคะ นี่ก็จะเที่ยงวันแล้วนะคะ" เสียงเคาะประตูเบาๆสองครั้งก่อนที่แม่นมจะเดินเข้ามาในห้องแล้วพูดเสียงนุ่มหูเหมือนที่พูดอยู่ประจำ

         "อือ..."

         "คุณหนูคะ...ลุกเถอะค่ะ คุณหนูยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยนะคะ" แม่นมนั่งลงที่ข้างเตียงฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเดิม

         "ไม่กิน...ไม่หิว" ฉันตอบกลับแม่นมด้วยเสียงเรียบ เหมือนที่ผ่านมา...

         "แต่ว่า..."

         "ไม่หิวจริงๆ อยากนอน..." ฉันบอกแม่นมก่อนที่แม่นมจะพูดแย้งขึ้นมา ฉันก็รู้ว่าท่านน่ะเป็นห่วงแต่ฉันไม่หิวจริงๆ

         "ก็ได้ค่ะ...ถ้าคุณหนูหิวคุณหนูลงไปทานได้เลยนะคะ" แม่นมพูดขึ้นอย่างยอมแพ้แล้วเดินออกไปแล้วปิดประตูให้เบาๆ

         ฉันลุกเดินไปปิดผ้าม่านที่เป็นสีนำตาลมันคือสิ่งเดียวในห้องทำให้ห้องนี้มืดลงถนัดตา ฉันเดินกลับไปที่เตียงนอนอีกครั้ง แต่ฉันไม่ได้หลับหรอก แค่อยากอยู่เงียบๆเท่านั้นเอง...


        

         ผ่านไป...ผ่านไป...และผ่านไป ฉันยันตัวเองให้ลุกนั่งในห้องที่ตอนนี้มืดสนิทเพราะผ้าม่านผืนหนาจนไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ฉันเดินแล้วลากผ้าม่านให้เปิดออกก็พบกับแสงอาทิตย์สีส้มแดงทางทิศตะวันตกบ่งบอกว่าตอนนี้ก็เย็นพอสมควร ฉันเดินลงบันไดเวียนของคฤหาสถ์โอลิเวียร์ตรงไปที่ห้องรับแขก เพราะเมื่อวานแม่กับพ่อฉันบอกว่ามีแขกคนสำคัญจะมาเยี่ยมที่บ้านและจะอยู่ทานข้างเย็นด้วย

        
    ใครกันนะ...


         ฉันหยุดยืนที่มุมทางเดินที่จะไปห้องรับแขก เนื่องจากได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานอยู่หลายเสียงเลย ฉันมั่นใจมากว่าในเสียงเหล่านั้นมีเสียงแม่ พ่อ แล้วก็วัฟเฟิลอยู่ด้วย แล้วก็มีเสียงที่ฉันไม่คุ้นเยเลยอีกสามสี่เสียงด้วย คงจะเป็นแขกอย่างไม่ต้องคิดอยู่แล้ว


     

         "ขอโทษที่มาช้าค่ะ" ฉันพูดเสียงนิ่งๆแล้วก้มตัวเพื่อแสดงความเคารพแล้วก็ขอโทษไปในตัวเรื่องที่เข้าขัดจังหวะคุยกัน

        
    "โอ๊ะ หนูไวท์สินะ สวยมากเลยนะลูก"


         "ขอบคุณค่ะ..." ฉันย่อตัวลงเล็กน้อยให้กับคุณน้ามาเรีย หรือ แอลเดอร์ มาเรีย เพื่อนสนิทของแม่ของฉันเอง

         "อาว่าเหมือนแม่หนูตอนสาวๆเลยล่ะ" เสียงทุ้มที่นั่งอยู่ข้างๆน้ามาเรียพูดขึ้น เจ้าของเสียงนี้คือ แอลเดอร์ วูฟ สามีของน้ามาเรียนั่นเองเห็นพ่อเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าเคยร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาด้วย คงจะสนิทกันน่าดูเลย...

         ส่วนแม่ของฉัน โอลิเวียร์ ลิเดียร์ กับคุณน้ามาเรียเองก็เคยไปรบเหมือนกันนะ ตอนที่ฟังรู้สึกเป็นการสู้รบที่ยาวนาน ยาวนานจริงๆมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นแต่ฟังจากน้ำเสียงของแม่คงจะมีทั้งเรื่องเศร้าแล้วก็สุขล่ะนะ ก็มันคือสงครามนี่ สงครามน่ะมีแต่เรื่องเศ้าทั้งนั้น แต่สำหรับฉัน...มันไม่ได้มีเพียงแค่ความเศ้รา!

         "หืมม" น้ามาเรียลากเสียงยาวทำให้หน้าของน้าวูฟนั้นซีดลงทันทีเรียกเสียงหัวเราะให้กับพ่อและแม่ของฉันได้เลยล่ะ ฉันมองไปที่ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งคุยกับวัฟเฟิล พวกเขากำลังคุยกันสนุกสนานเลยล่ะ แล้วเขา...

     

       

      ใคร...



     

         "มานั่งข้างพ่อสิไวท์" พ่อของฉันหรือ โอลิเวียร์ มาร์ค ใช้มือตบกับเบาะโซฟาเบาๆเป็นการบอกให้ฉันไปนั่งที่นั่น

        
    ฉันเดินไปนั่งข้างพ่อโดยไม่ได้พูดอะไร แต่กลับถูกมองโดยผู้ชายคนนั้น ฉันมองกลับด้วยสายตานิ่งๆส่วนเขาก็เลิกคิ้วเหมือนสงสัยแต่ฉันหันกลับมาให้ความสนใจกับคำถามของน้ามาเรียก่อน

       
      "ตอนนี้หนูอายุสิบเก้าแล้วรึเปล่า"

        
    "ค่ะ" ว่าแต่น้ามาเรียจะถามทำไมล่ะ...และดูเหมือนพ่อจะเห็นว่าคิ้วฉันขมวดเข้าหากันน้อยๆเลยหันมากระซิบกับฉันทำเอาฉันหันหน้าขวับทันที

      
       "น้ามาเรียเค้าอยากได้เราเป็นลูกสาวอีกคนน่ะ เลยมาขอก่อน"

       
      "ขอ...หรอ?" ฉันถามพ่อกลับเบาๆ

        
    "ใช่ลูกแต่พ่อบอกว่าให้ลูกยี่สิบก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลังจะดีกว่า" แล้วพ่อก็ยักคิ้วให้ฉันข้างหนึ่ง ทำเหมือนตัวเองเป็นหนุ่มไปได้

        
    "..." ฉันหันไปมองหน้าผู้ชายแปลกหน้าอีกครั้งก็พบว่าเขามองฉันอยู่ก่อนแล้วแล้วเราก็เล่นจ้องตากันอยู่นานจนน้าวูฟพูดขึ้น

       
      "เอ้า เด็กๆไปคุยเล่นกันก่อนนะขอผู้ใหญ่คุยกันสักเดี๋ยวสิ"

        

    "ค่ะ/ครับ"


     

         วัฟเฟิลลากฉันแล้วก็ผู้ชายแปลกหน้าออกมาจากห้อง อือ...อ่านไม่ผิดหรอก ลาก ออกมาจากห้องโดยไม่ทันตั้งตัวเลยล่ะ ที่จริงแล้ววัฟเฟิลเป็นพี่ชายของฉันเองอายุเราสองคนห่างกันสองปีเท่านั้นฉันเลยไม่ใช้คำขึ้นต้นในการเรียกวัฟเฟิลว่า พี่ชาย ยังไงล่ะ แต่วัฟก็ไม่ได้ว่าอะไรฉันหรอก วัฟน่ะใจดีจะตายไป

       
      "เจ็บ..." ฉันพูดเบาๆก็วัฟเล่นกำมือแน่นซะขนาดนี้นี่ แถมโดนลากอีก ทารุณชะมัดเลย

       
      "เฮ้ย
    ! โทษๆ ขอโทษนะ ไหนดูหน่อยเจ็บตรงไหน พี่ขอโทษจริงๆไม่ได้ตั้งใจ" วัฟรีบหยุดเดินแล้วปล่อนมือจากข้อมือฉันแล้วยกขึ้นดูทันที

        
    "โห่...แกนี่หวงน้องน่าดูเลยนี่หว่า" คนแปลกหน้าที่ฉันลืมไปถนัดพูดอย่างหยอกล้อกับวัฟ แต่วัฟก็ไม่ได้สนอะไรหันไปมองแวบเดียวแล้วก็ก้มหน้าก้มตาสำรวจแขนฉันต่อ ให้ตาย...

        
    "ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น..." ฉันบอกขึ้นเสียงเรียบ ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้นสักหน่อยนะ

         
    "ยัยน้องบ้า" แล้ววัฟก็เดินงอนไปโน่น ส่วนฉันส่ายหน้าแล้วยิ้มจางๆออกมาให้กับท่าทางงอนที่ดูแข็งๆแบบนั้น ทำไปได้นะพี่เรา

        
    "ฉันนึกว่าเธอจะยิ้มไม่เป็นซะแล้วนะเนี่ย" น้ำเสียงยียวนดังขึ้น ต้นเสียงคงไม่ต้องถามถึงหรอกใช่มั้ยก็คนแปลกหน้าคนนั้นนั่นแหละ ได้ยินอย่างนั้นฉันก็หุบยิ้มแล้วมองเขานิ่งๆ

       
      "เรื่องของฉัน" แล้วฉันก็เดินออกไปที่สวนของคฤหาสถ์แล้วตรงไปที่ที่ประจำทันที

       
      ที่ประจำของฉัน...คือ...ใต้ต้นไม้ อ่าหะ ใต้ต้นไม้ใหญ่ของคฤหาสถ์ พ่อบอกว่าต้นไม่ต้นนี้มีมาตั้งแต่ก่อนจะสร้างคฤหาสถ์หลังนี้ซะอีก เพราะงั้นร่มเงาของมันเลยกว้างยังไงล่ะ แล้วต้นไม้ต้นนี้ยังมี...

        
    ฉันหลับตาลงเมื่อลมพัดมากระทบใบหน้าของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและเย็นในเวลาเดียวกัน ฉันทรุดตัวนั่งลงชันเข่าขึ้นแล้วนั่งกอดเข่าอยู่เงียบๆ มองออกไปอย่างไร้จุดหมาย...


        
     "มองอะไรอยู่นั่นน่ะ" เสียงยียวนกวนประสาทที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียขึ้นมาดังขึ้นจากทางซ้าย ฉันหันไปมองต้นเสียแทบจะทันทีเลยทีเดียว


         "เรื่องของฉัน"

        
    "ซะงั้น เห็นนั่งอยู่เงียบนึกว่าหลับในซะแล้วนะเนี่ย"

        
    "เรื่องของฉัน" ฉันพูดซ้ำประโยคเดิมเพราะไม่ได้อยากจะต่อปากต่อคำ ขี้เกียจพูด  

       
      "เปลี่ยนเรื่องดีกว่า ฉันชื่อ แอลเดอร์ วู้ด ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เสียงที่เคยยียวนกวนประสาทเปลี่ยนไปเป็นนุ่มทุ้มน่าฟังจนฉันต้องหันไปมองหน้าของคนพูดเพราะอยากรู้ว่าตอนนี้เขาจะทำหน้ายังไง สิ่งที่ฉันเห็นคือ รอยยิ้ม...


         "..."

        
    "ไม่แนะนำตัวให้ฉันรู้จักหน่อยรึไง คุณคู่หมั้น" เขายังพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มนุ่นหูน่าฟัง แต่...ตอนท้ายก็เปลี่ยนจากเสียงนุ่นนั่นเป็นเสียงกวน

       
     "ไม่ล่ะ" ฉันคงเสียงนิ่งและหยิ่งไม่มองเขา แล้วใครคู่หมั้นนายกัน
    !?

       
      "งั้นก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่เธอจะแนะนำตัวกับฉันใช่มั้ย คุณคู่หมั้น" เขาถามเสียงกวนๆแล้วลงท้ายด้วยคำๆเดิม

     

        

     

     


    ...........................................................................................................................................................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×