ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เอลมอลเอเดน

    ลำดับตอนที่ #1 : บุตรสาวแห่งเกาะพูดได้

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 49



                   ควันไฟพวยพุ่ง เพลวเพลิงสีแดงจับขอบฟ้าในทิศทางเดียวหมู่บ้านเอริซ่า ชักม้าตรงไปด้วยจิตใจที่ร้อนรนวันนี้หลังจากทบทวนเพลงดาบใหม่ที่โรงฝึกเซดริค เอริซ่าเตร่ไปเที่ยวแถวน้ำตกแทนที่จะรีบกลับบ้าน กว่าจะคิดได้เวลาก็ล่วงเลยจนเกือบมืดค่ำ หมู่บ้านของเธออยู่บนเกาะเล็กๆ ชื่อเกาะพูดได้ เอริซ่าไม่เคยไปที่ไหนไกล นอกจากบนเกาะแห่งนี้เลย 

                   มีบางคนในหมู่บ้านลงเรือไปเที่ยว ยังดินแดนห่างไกลออกไป แล้วกลับมาเล่าถึงความเจริญแห่งโลกภายนอก  เอริซ่าอยากไปผจญภัยยังดินแดนห่างไกลนั้น แต่พ่อกับแม่ของเธอไม่ยินยอมบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงมันอันตราย พ่อสัญญาว่าถ้าเธออายุ 20 ปี พ่อจะเป็นคนพาออกไปจากเกาะแห่งนี้เอง ซึ่งก็อีกแค่6เดือนเท่านั้น
    เอริซ่าตื่นเต้นและอดใจรอแทบไม่ไหว 

                   แต่ตอนนี้เอริซ่าอยากรู้นักว่ามันเกิดอะไรที่หมู่บ้านกันแน่เธอสังหรใจว่าอาจเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก และก็จริงดังคาดเอริซ่าชาไปทั้งตัวมือกระชับดาบแน่น สายตาระแวดระวัง  เมื่อเขม้นมองตรงไปข้างหน้าบ้านหลายหลังลุกไหม้  ศพนอนเกลื่อนกลาด บางศพจำแทบไม่ได้ว่าเป็นใคร เมื่อคิดถึงท่านพ่อท่านแม่ ใจของเอริซ่าร้อนยิ่งกว่าไฟที่ไหม้อยู่ตอนนี้นัก

                  ตลอดทางจนถึงบ้านเอริซ่าไม่พบใครที่รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว พวกไหนกันนะที่ทำแบบนี้กับหมู่บ้านของเธอได้ทั้งที่มีนักเวทย์และนักรบฝีมือดีหลายคน  เอริซ่ากระโดดลงหลังม้าทันทีที่ถึงบ้านใจเต้นไม่เป็นจังหวะความหวังคืออยากเห็นท่านพ่อท่านแม่รอดชีวิต ใจเธอชื้นขึ้นบ้างเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังจากในบ้านเอริซ่าค่อยๆย่องเข้าไปเพราะไม่แน่ใจนักว่าคนข้างในจะเป็นคนดีหรือคนร้าย 

                 แต่แล้วเลือดในกายเอริซ่าเย็นขึ้นมาทันทีความโกรธความเสียใจ และอารมณ์ต่างๆปนกันมากมายไปหมด ศพพ่อกับแม่นอนอยู่เคียงข้างกัน มีกลุ่มชายสามสี่คนยืนล้อมวงคุยกันอยู่ หญิงสาว ชักดาบกระโดดเข้าใส่ชายที่หันหลังไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้นหวังล้างแค้นให้พ่อกับแม่  แต่ก่อนที่ดาบจะถึงตัว ชายอีกคนกระโดดเอาดาบมากันไว้เอริซ่าเสียหลัก แต่ก็ไม่ทำให้เธอละความพยายามตวัดดาบหมายตัดคอคนขวางหน้า ชายผู้นั้นไม่โต้ตอบ เพียงแต่ใช้เพลงดาบในการป้องกันเท่านั้น 

    ''เอริซ่าหยุด ฟังลุงก่อน''  เอริซ่ารู้สึกคุ้นหูจึงหันไปมองทางต้นเสียง

    ''ท่านลุงโนอาร์'' เอริซ่าหยุดการโจมตีแล้วโผเข้าไปกอดผู้ที่เธอเรียกว่าลุง
    น้ำตามากมายไหลลงมาเปื้อนแก้มภายใต้อ้อมกอดของผู้ที่เธอเรียกว่าลุงเด็กสาวตัวสั่น แต่ไม่มีแม้เสียงสะอื้นให้ได้ยิน 

    ''ลุงมาช้าไปช่วยพ่อกับแม่ของเจ้าไม่ทัน คนในหมู่บ้านไม่มีใครรอดสักคนเดียว  ลุงใจแทบขาดไม่พบเจ้า คิดว่าพวกมันจับตัวไป'' 

    ''พวกมันเป็นใครท่านลุงข้าจะไปฆ่ามัน'' 

    ''อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย เก็บของไปกับลุง
    เดี๋ยวพวกมันย้อนกลับมาจะหนีไม่ทัน''


                  ศพพ่อแม่ ถูกจัดวางไว้อย่างดี พ่อเป็นชายร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สักยี่สิบปี พ่อคงเป็นที่หมายปองของใครหลายคน   หากแต่แม่ของเอริซ่าเธอแปลกออกไปจากทุกคนในหมู่บ้านนี้ ผมแม่เป็นสีเงินผิวขาวราวกับหิมะเสียงแม่ยามร้องเพลงขับกล่อมไพเราะทำให้โลกสว่างไสว ตาเป็นสีฟ้า หูแม่แหลมแต่ไม่ถึงกับยาวมาก แม้ใครจะมองว่าแม่ของเธอเป็นตัวประหลาด แต่เอริซ่ารักแม่มาก ต่อมาจึงรู้ความจริงว่าแม่เป้นคนของเผ่าเอลฟ์ เมืองของแม่อยู่ไกลจากที่นี่มาก สักวันถ้าเอริซ่าโตแม่จะพาไปเที่ยว  แต่วินาทีนี้เอริซ่าไม่ต้องการไปไหนในโลกนี้สิ่งที่เธอต้องการเพียงขอให้พ่อกับแม่มีชีวิต และอยู่ด้วยกันบนเกาะเล็กๆแห่งนี้

    ''ตอนลุงกับพวกมาถึงแม่เจ้ายังไม่สิ้นใจ นางฝากห่อผ้านี้ไว้ให้
    และสั่งไว้ว่าให้เก็บรักษาไว้ให้ดี''
     

                  เอริซ่ารับห่อผ้ามาถือไว้แต่ยังไม่มีกระจิตกระใจจะเปิดดู  เธอพยักหน้าแสดงอาการให้รับรู้ว่าเธอพร้อมจะเดินทาง ทุกคนรีบลงเรือทันทีที่ฝังร่างของพ่อกับแม่เสร็จ  ขณะอยู่บนเรือเอริซ่านิ่งเงียบแต่น้ำตาได้เหือดแห้งไปจากตานานแล้ว   หากตั้งใจมองหน้าหญิงสาวผู้นี้สิ่งที่เธอได้รับจากแม่คือดวงตากลมโตสีฟ้า คิ้วโก่งได้รูปรับกับจมูก   และผิวที่ขาว แม้จะไม่ขาวเท่ากับผิวของผู้เป็นแม่ก็ตามทีแต่ก็ยังนับว่าขาวอยู่นั่นเองถ้าเทียบกับคนในหมู่บ้าน โชคดีตรงเอริซ่าหูไม่แหลม  หากมองเผินๆแล้วเอริซ่าคล้ายเด็กผู้ชาย เพราะผมที่สั้นดำสนิทกับเสื้อผ้าของนักรบ ที่เธอเลือกใส่แทนการสวมกระโปรง  และเอริซ่าเลือกเรียนเพลงดาบ แทนที่จะเป็นการเรียนทางด้านเวทย์มนต์ หากจินตนาการให้เธอผมยาวแล้วสวมกระโปรง แทนกางเกงบ้าบ้านั่น  ไม่อยากจะคิดว่าจะงดงามเพียงใด 

    ''เจ้ากินอะไรรองท้องหน่อยไหม จะได้มีแรง ''

     ลุงโนอาร์ เข้ามานั่งใกล้พร้อมส่ง เนื้อย่างให้ เอริซ่ารับไปกัดกินอย่างว่าง่าย 

    ''ท่านลุงจะพาข้าไปไหนคะ แล้วจะเล่าให้ข้าฟังบ้างได้ไหม ว่าใครมันทำแบบนั้นกับหมุ่บ้านข้า''  

    ผู้ถูกเรียกว่าลุงถอนหายใจก่อนส่ายหน้าน้อยๆ

    ''เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วเอริซ่า ''  

    ''อีกหกเดือนข้างหน้า จะ ยี่สิบแล้วค่ะท่านลุง'' เอริซ่าตอบพร้อมกับทำท่าแปลกใจ   ''พวกมันเป็นคนจากเผ่าเอลฟ์เก่งทางด้านคาถาอาคม หากเจอกันซึ่งๆหน้า ลุงก็ไม่แน่ใจนัก ว่าจะเอาตัวรอดได้ไหม''   

    ''คนจากเผ่าแม่ข้า พวกมันต้องการอะไร'' เอริซ่าถามกลับไปทันที 

    ''ลุงบอกอะไรเจ้ามากไม่ได้เพราะลุงก็ไม่รู้อะไรมากนัก  เอาเป็นว่าต่อไปเจ้าต้องทำตามที่ลุงบอก และอยากให้เจ้ารับรู้ไว้ว่า บนโลกนี้ นอกจากพ่อกับแม่ของเจ้าแล้ว ยังมีลุงอีกคน ที่รักเจ้ายิ่งกว่าใคร''  


                  
    เอริซ่าพยักหน้ารับรู้แล้วกลับมาเหม่อลอยอีกครั้ง  ลุงโนอาร์  เป็นเพื่อนสนิทของพ่อ บ้านลุงอยู่บนแผ่นดินใหญ่  ตั้งแต่จำความได้ เป็นสิ่งที่เอริซ่ารับรู้ว่า ทุกสามเดือนลุงโนอาร์จะนั่งเรือมาเกาะ นำสิ่งของเครื่องใช้มาให้  และใช้เวลาส่วนใหญ่พูดคุยกับเธอ  ลุงสอนให้เอริซ่าอ่านหนังสือ สอนให้เขียนภาษาต่างๆ ลุงเล่าให้ฟังถึงเรื่องสงคราม การต่อสู้ และกลยุทธ์ในการทำศึกต่างๆ 
                 ลุงเล่าว่า บนโลกที่เอริซ่าอยู่ ไม่ได้มีแค่มนุษย์ ที่หน้าตาเหมือนเราเท่านั้น  หากแต่ยังมีเผ่าเอลฟ์ ซึ่งก็คือเผ่าของท่านแม่ เผ่าดาร์คเอลฟ์ซึ่งมีจิตใจชั่วร้ายและถนัดการใช้เวทย์มนต์ด้านมืด เผ่าอ๊อคซึ่งเป็นเผ่าที่มีร่างกายใหญ่โต และเผ่าคนแคระ ที่ตัวเล็กราวกับเด็ก

                 เอริซ่าสนุกกับเรื่องราวที่ลุงเล่า มันเหมือนกับการฟังนิทาน  แต่เอริซ่าไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้  ท่านลุงใจดีเอริซ่ารักท่านลุงไม่อยากเป็นเด็กดื้อ จึงตั้งใจเรียน  ภาษาที่ท่านลุงสอน เป็นภาษาโบราณของเผ่าต่างๆ เรียนไว้เพื่อเป็นความรู้จะได้ใช้ในอานาคต  แต่ท่านลุงบอกว่าตอนนี้ทุกเผ่า พูดภาษาเดียวกัน  เอริซ่ายังนึกขำในใจ ว่าดีเหมือนกัน หากเจอเพื่อนต่างเผ่า จะได้ไม่ยุ่งยากในการสื่อสาร    

                 เช้าวันที่ 15 ของการเดินทางรอนแรมมาในเรือเอริซ่ามองเห็นฝั่งอยู่รำไรในม่านหมอก เธอรู้สึกตื่นเต้น หากไม่คิดถึงการที่เธอต้องเสียท่านพ่อท่านแม่ไป  สิ่งที่เกิดกับเอริซ่าตอนนี้ก็น่ายินดีไม่น้อยเลยทีเดียว  ทันทีที่เรือเทียบท่า พวกของท่านลุง รีบแยกกันไปไม่นานนักก็กลับมาพร้อมม้า ครบกับจำนวนคน เอริซ่ารีบขึ้นและควบตามท่านลุงไป แม้ทุกคนจะรีบและไม่มีเสียงพูดคุยกัน แต่เอริซ่าก็อดไม่ได้ที่จะมองดูผู้คนที่คับคั่ง ของขายมากมาย และบ้านเรือนใหญ่โต หมู่บ้านเอริซ่าเทียบกับที่นี่ไม่ได้เลยสักนิด 

    ''ใกล้จะถึงกันแล้วหละ เอริซ่า'' 
    ท่านลุงชักม้ามาเทียบ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากการควบเป็นการเดินเหยาะๆแทน

    ''ที่นี่เค้าเรียกว่าเมือง รูน ยังมีเมืองเล็กๆน้อย ๆ ต่างๆอีก หลายเมืองกระจายกันอยู่ อย่างที่ลุงเคยเล่า '' 

    ''แต่รูนก็เป็นเมืองใหญ่ที่สุดแล้วมีกษัตริย์ปกครองเพียงเมืองเดียวใช่ไหมคะ'' 


                  ท่านลุงพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ   ทันทีที่ถึงประตูเมือง  ผู้คนถวายความเคารพกันเป็นแถว  เอริซ่าตกใจรีบหันซ้ายหันขวา ก็ไม่พบใครนอกจากเธอกับท่านลุงเพียงสองคน  เอริซ่ามองหน้าท่านลุงเป็นเชิงถาม แต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มตอบกลับมา  เมื่อลงจากหลังม้าเอริซ่าเดินตามท่านลุงเข้าไปภายในวังด้วยความตื่นเต้น  ตั้งแต่เกิดมาเอริซ่าไม่เคยพบอะไรสวยงามเท่านี้มาก่อน 

    ''ถวายบังคมพะยะค่ะ ฝ่าบาท'' 

                  ฝ่าบาท !  เอริซ่าตกใจหันไปมองท่านลุงโนอาร์ ท่านลุงของเอริซ่าในร่างของชายที่แต่งกายด้วยชุดธรรมดา ตลอดระยะเวลา 19 ปี  ถูกทหารตรงหน้าเรียกว่าฝ่าบาท นี่มันอะไรกัน 


                ''ลุงเป็นเจ้าของเมืองนี้ เอริซ่า'' ท่านลุงหันมา เอ่ยปากบอกในสิ่งที่เอริซ่ากำลังสงสัย

    ''นี่มันอะไรกันคะ ทำไมข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย ท่านลุง เอ่อ.. ฝ่าบาท''   ก่อนที่เอริซ่าจะได้ซักถามอะไรต่อ  พลันสายตาก็พบกับหญิงสาวนางหนึ่ง กำลังวิ่งตรงมา  ผมเธอเป็นสีเงินเหมือนท่านแม่นัยตาสีฟ้า ผิวขาวราวกับหิมะ คนเผ่าเอลฟ์  ! สวยเหลือเกิน เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน

                  ''ท่านพ่อ กลับมาแล้วหรือเพคะ ทำไมไม่มีใครไปบอกลูกเลย''  หญิงสาวโผเข้ากอดท่านลุงโนอาร์   เอริซ่าคิดในใจ แน่แล้ว นางผู้นี้เป็นลูกสาวท่านลุง  

    ''มูลิอาร์  นี่เป็นลูกสาวเพื่อนพ่อ ชื่อเอริซ่า'' 
    ท่านลุงกล่าวแนะนำ  เจ้าหญิงมูริอาร์ มองเอริซ่าตั้งแต่หัวจรดเท้า

    ''อ่อ เธอคงจะเป็นเด็กบ้านนอก ที่ท่านพ่อเสียเวลาไปอบรมสั่งสอนบ่อยๆใช่ไหม''  เจ้าหญิงพูดแค่นั้น  แล้วก็ทำราวกับเอริซ่าไม่มีตัวตน  

                   ท่านลุงโนอาร์ ให้นางกำนันมาดูแลเอริซ่า พาเธอไปอาบน้ำและหาเสื้อผ้ามาให้ใส่  แม้จะเป็นเสื้อผ้าที่ใหม่และทันสมัย แต่กลับเป็นเสื้อผ้าของเด็กผู้ชาย ด้วยความเคยชินกับการใส่กางเกง เอริซ่าไม่สงสัยและซักถามอะไร    เมื่อเอริซ่าเรียบร้อยอยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่ เจ้าหญิงหญิงมูริอาร์ก็เข้ามาพร้อมนางกำนันสองนาง 

    ''พร้อมเดินทางหรือยัง''   เอริซ่า หันซ้ายหันขวา มองดูว่าเจ้าหญิง ถามใคร 

    ''ทำไมเราถามแล้วเจ้าไม่ตอบ''  เจ้าหญิงกล่าวซ้ำ   

    ''ถามหม่อมฉันหรือเพคะ'' เอริซ่าถามกลับไป 

    ''ก็ใช่นะสิเราถามเจ้า ว่าเจ้าพร้อมเดินทางหรือยัง'' 


    ''ปะ..ไปไหนเพคะ''     เอริซ่า งงหนักขึ้นไปอีก

    ''เอ๊ะ ! ยังไง นี่ไม่มีใครบอกเจ้าเลยหรือเอริซ่า  เจ้าคิดว่าท่านพ่อเสียเวลาไปอรรมสั่งสอนเจ้าเพื่ออะไร  ถ้าไม่ใช่เพื่อให้เจ้ามาคอยดูแลเรา  แล้วเจ้าต้องออกเดินทางไปกับเราเดี๋ยวนี้ รีบเก็บของซะ''

                   หลังจากสูญเสียท่านพ่อท่านแม่ เอริซ่าก็ยังมีท่านลุงที่เอริซ่าคิดว่าท่านลุงรักเอริซ่ามากกว่าใคร   หลังจากฟังเจ้าหญิงพูด เอริซ่ารู้สึกเคว้งคว้างและสิ้นหวัง  นี่ท่านลุงไม่ได้รักเอริซ่าจริงจริงใช่ไหมท่านลุง ดีกับเอริซ่า สอนเอริซ่าทุกอย่าง เพื่อให้เอริซ่าแข็มแข็ง ฉลาด จะได้คอยปกป้องเจ้าหญิงมูลิอาร์ พระธิดาของท่านลุงสินะ   


      ''แล้วเราจะไปไหนกันเพคะเจ้าหญิง''   

    ''ไปเมืองเอลฟ์ เราจะเดินทางไปรับตำแหน่ง องรัชทายาช  พ่อของเจ้าเป็นองครักษ์ของเสด็จพ่อเรา  เจ้ามีฐานะเป็นลูก ต้องทำตามคำสาบานที่พ่อเจ้าให้ไว้ นั่นคือเจ้าต้องมาเป็นองครักษ์ให้กับเราด้วย''  

               เอริซ่า เก็บความรู้สึกน้อยใจ ไว้ ตอนนี้เธอต้องทำหน้าที่อันเคยเป็นของท่านพ่อมาก่อนให้ดีที่สุด  จะได้ไม่มีใครมากล่าวหาเอาได้ ว่าลูกสาวของท่านผิดคำสาบาน อีกอย่างหนึ่งนั้น จุดหมายปลายทางครั้งนี้ คือเมืองเอลฟ์  เอริซ่า ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตว่าอยากไปเยือนดินแดนของท่านแม่สักครั้ง  โดยที่เอริซ่าไม่อาจรู้เลยว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอเอง ตลอดไปถึงชีวิตของคนทั้งโลก  

                   ห่อผ้าของท่านแม่จนถึงตอนนี้เอริซ่าก็ยังไม่ได้เปิดดูว่าข้างในมีอะไร
    แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบมันติดตัวไปด้วย    เอริซ่าเดินออกมาภายในห้องโถงหลังจากที่เตรียมของเรียบร้อย  พบเจ้าหญิงมูริอาร์  กษัตริย์โนอาร์  และไม่ไกลกันนั้น เอริซ่าพบชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง คิวหนา นัยตามีแววแห่งความเป็นคนเอาจริงเอาจัง จมูงโด่งเป็นสัน และผมที่ตัดไว้สั้นเป็นระเบียบ ทำให้เอริซ่าเผลอมอง จนลืมมารยาท    

    ''เอริซ่า  นี่ท่าน เทรดิน เป็นองครักษ์ของลุง จะเดินทางไปกับเจ้าสองคนด้วย'' 

    ท่านเทรดิน พยักหน้าให้เอริซ่า เอริซ่าส่งยิ้มกลับไปอย่างเป็นมิตร  อย่างน้อยก็ไม่เลวร้ายเกินไปนักที่ไม่ต้องเดินทางกับเจ้าหญิงขี้เก็กเพียงสองคน 

     ''เอริซ่า  มันอาจดูกระทันหันเกินไปหน่อยสำหรับเจ้า  แต่ลุงอยากจะบอกว่าเจ้าจงจำสิ่งที่ลุงสอนให้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์  โลกเราสงบสุขมาหลายร้อยปีแล้ว เผ่าต่างๆอยู่กันอย่างสันติไม่รบพุ่งกัน หลังจากสงครามระหว่าง เอลฟ์กับดาร์คเอฟล์ เมื่อ 500 ปีก่อน  แต่ไม่นานมานี้องรัชทายาช ของเมืองพากรีโอ  หายตัวไปอย่างลึกลับ เมืองพากรีโอ เจ้าคงจำได้ว่าเป็นเมืองหลวงของเผ่าอ๊อค
                  และเวลาไม่นานต่อมา  ลูกชายหัวหน้าเผ่าดรอฟ ก็ถูกลอบสังหาร ลุงคิดว่าต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง  ลูกหญิงของเรา นับว่าเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเปรียบเป็นตัวแทนสองสองเผ่า  แม่ของมูลิอาร์เป็น เจ้าหญิงเผ่าเอลฟ์  ลุงถูกกีดกันจากคนในเผ่าพันธ์ของนาง แต่ด้วยความรักที่เรามีให้กัน  นางจึงหนีมาอยู่กับลุง และคลอดธิดาขึ้นมาหนึ่งคน พ่อของนางมาตามตัวกลับ พร้อมกับจะพรากธิดาองค์น้อยไปจากลุง  นางรักลูกของเรามากถึงกับยอมสละพลังเวทย์ทั้งหมดของนางให้ และอ้อนวอนพ่อของนาง ว่าให้ทิ้งธิดาองค์น้อยไว้กับลุง

                   เมื่อเจ้าหญิงอายุ 20 ปี เมื่อไหร่จึงจะให้กลับไปสู่เมืองเอลฟ์  และหลังจากนั้นเจ้าหญิงผู้มีสายเลือดของสองเผ่า จะเป็นคนตัดสินใจเลือกเองว่าจะเป็นคนของเผ่าใด ตลอดระยะ 19 ปีมานี้ เผ่านาง ส่งคนมาลอบสังหารลูกหญิงของลุงบ่อยเหลือเกิน  ซึ่งลุงคิดว่าคงเป็นปัญหาการชิงอำนาจในเผ่าของนางเอง  เอริซ่า ลุงจึงจำเป็นต้องให้ เจ้า ผู้มีสายเลือดสองเผ่าเช่นเดียวกับลูกหญิงของเรา เดินทางไปด้วย            

                  เพราะหากเกิดปัญหาใดใดขึ้นระหว่างนี้  ลุงเชื่อว่า เผ่าเอลฟ์ต้องมองเห็นเลือดครึ่งหนึ่งของเผ่าพันธ์เขาในตัวของเจ้าทั้งสองคนบ้างมีสิ่งหนึ่งที่ลุงอยากจะบอก เจ้ากับมูลิอาร์เกิดในวันเดียวกันโปรดคุ้มครองลูกสาวลุงให้ปลอดภัยด้วย หากแต่มีอันตรายใดถึงชีวิตจงรักษาชีวิตเจ้าให้รอดไม่ต้องห่วงผู้อื่น จำคำของลุงเอาไว้'' 

                  เมื่อพูดกับเอริซ่าจบ กษัตริย์โนอาร์หันไปรับสั่งกับท่านเทรดีนว่า มีข่าวจากชายแดนใต้แว่วมาว่า เดธหลอด ราชาปิศาจ กำลังฟื้นคืนอำนาจและคิดครองโลกอีกครั้ง ขอให้ระวังตัวให้ดี   พูดจบ กษัตริย์โนอาร์  ยื่นสิ่งหนึ่งมาให้ เอริซ่า  มองเผินๆแล้วเป็นดาบ ซึ่งมีด้ามจับสวยงาม คล้ายหัวของคทา 

    ''ลุงมอบสิ่งนี้ให้เจ้าคิดว่าคงเป็นประโยชน์  วิธีใช้ เทรดินจะเป็นคนสอน  และอีกสิ่งหนึ่ง กลอ่งเล็กๆใบนี้ ไม่มีใครสามารถเปิดมันได้นอกจากผู้เป็นเจ้าของ  แล้วเจ้าจะรู้เองเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้มัน ลุงบอกได้แค่นี้'' 

                        กษัตริย์โนอายื่นกล่องคริสตันสีฟ้าใบเล็กมาให้พร้อมกับ  ดึงตัว เอริซ่าไปกอด  มันนานจนเอริซ่ารู้สึกอึดอัด แวบหนึ่งเอริซ่าคิดว่า ท่านลุงโนอาร์ น่าจะกอดเจ้าหญิงมูลิอาร์และสั่งเสียนางแทนที่จะเป็นเธอ   คงไม่มีอะไรมากไปกว่าท่านลุงกลัวเอริซ่าจะปกป้องเจ้าหญิงไม่ดี จึงต้องสั่งอะไรมากขนาดนี้ แม้จะรู้ว่าท่านลุง ต้องการใช้เอริซ่าเป็นแค่องครักษ์เท่านั้น  แต่ก็อดน้ำตาคลอไม่ได้  เพราะท่านลุงเป็นญาติเพียงคนเดียวในโลก ที่เอริซ่าเหลืออยู่ 

    ''คงถึงเวลาแล้วกระหม่อม'' 

    ท่านเทรดินเอ่ยเตือนถึงเวลาต้องออกเดินทาง  

    ''ทูลลาเพคะ ฝ่าบาท''  เอริซ่า ก้มตัวถวายความเคารพ และค่อยๆเดินเลี่ยงออกมา 
     ก่อนเดินออกมาเอริซ่า เห็นท่านลุง รับสั่งอะไรบางอย่างกับเจ้าหญิงมูริอาร์  เธอคิดว่าคงเป็นการร่ำลาตามประสาพ่อกับลูก เธอจึงไมอยากอยู่เป็นส่วนเกิน
     

                  กว่าทั้งสามจะออกเดินทาง ก็เป็นเวลาบ่ายคล้อย เอริซ่าเก็บความสงสัยไว้ในใจ  ทำไมต้องเร่งร้อนกันขนาดนี้ด้วย ในเมื่อเธอเพิ่งเหยียบลงบนแผ่นดินเมืองรูนได้ไม่ถึงครึ่งวัน เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง แต่กลับต้องรีบเดินทางต่อไปยังดินแดนห่างไกลออกไป ทั้งสามเดินทางกันไม่ได้หยุดจนเป็นเวลาพลบค่ำ เทรดิน แวะให้ม้าดื่มน้ำและก่อกองไฟข้างลำธารสายหนึ่ง 

    ''คืนนี้เราพักที่นี่กันก่อน พรุ่งนี้เราจะเดินทางออกอาณาเขตเมืองรูน ลงไปทางใต้  เส้นทางต่อจากนี้อันตรายนัก ผ่านป่าคนตาย รังโจรป่า หอคอยงาช้าง และแวะพักเมืองโอเรนที่นั่นเป็นเมืองมนุษย์เมืองสุดท้าย ก่อนเข้าสู่ดินแดนเอลฟ์  หากพ้นจากดินแดนมนุษย์  พวกเราต้องระวังตัวกันให้มาก'' 

                   เทรดินเล่าแผนการเดินทางให้เอริซ่าและเจ้าหญิง มูริอาร์ฟัง ตลอดการเดินทาง เจ้าหญิงมูริอาร์เอาแต่นิ่งเงียบ เอริซ่า คิดว่าเจ้าหญิงคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการเดินทางเพราะทรงอยู่แต่ในรั้วในวังไม่เคยลำบาก เงียบแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะหากเจ้าหญิงพูดจาทำร้ายจิตใจ เอริซ่าอีก เธอไม่แน่ใจนักว่าจะอดทนไม่ตอบโต้ได้หรือเปล่า  ก่อนนอนเอริซ่านึกถึงห่อผ้าของท่านแม่และคิดอยากจะเปิดออกดูแต่เพราะความง่วง ทำให้เธอยังไม่เปิดมัน

    ''มืดแล้ว เปิดออกมาก็คงมองอะไรไม่ชัด เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน'' 

    เอริซ่าคิดในใจก่อนล้มตัวลงนอน   



     ''เอริซ่า........เอริซ่า.....''

    .
                  ในม่านหมอกอันเรือนรางใต้ร่มไม้ใหญ่ แผ่กิ่งใบมากมาย เอริซ่ารู้สึกสงบและปลอดภัยเหลือเกินภายใต้ร่มไม้นี้  เมื่อพยายามเพ่งมองออกไป  หญิงสาวผมสีเงินใช่แล้ว คนเผ่าเดียวกับท่านแม่  แต่เธองามและสง่ากว่ายิ่งนัก ใบหน้าสวยได้รูป คะเนน่าจะวัยประมาณไม่เกิน20 ปี หากแต่แววตาของนางอะไรบางอย่างในนั้นทำให้เอริซ่าคิด ว่าเธอมีอายุมากกว่าร่างกายที่เอริซ่าเห็น  หญิงสาวผู้นั้นส่งยิ้มมาให้
    แปลกเหลือเกิน แม้ไม่ได้ขยับปากพูด แต่เอริซ่าได้ยินนางเรียกเรียกเอริซ่า.... เอริซ่า มันดังอยู่ภายในหัว  

    ''ท่านเป็นใคร รู้จักเราได้อย่างไรแล้ว ที่นี่ที่ไหน''  

    เอริซ่าตะโกนถามหญิงสาวผู้นั้น   แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา ยังคงเป็นเพียงรอยยิ้ม  

    ''มาสิข้ารอเจ้าอยู่เอริซ่าน้อยของข้า''

    ''ท่านเป็นใคร เพราะอะไรถึงรอข้า''  

                   ภาพต่างๆค่อยๆพร่าเลือนจางหายไปในม่านหมอก  เอริซ่าสะดุ้งตื่น  ได้ยินเสียงหมาป่าหอนอยู่ไกลไกลเป็นฝันที่ประหลาดมาก  ไม่เคยฝันเช่นนี้มาก่อน เอริซ่าคิดในใจ แต่มันก็เป็นแค่ฝัน  ความง่วงทำให้เอริซ่าพลอยหลับไปอีกครั้ง

                   ข้างกองไฟ เทรดิน ยังไม่หลับ บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มหันมามองร่างสองร่างที่นอนอยู่เคียงกัน  ภายในสมองกลัดกลุ้มด้วยเรื่องราวต่างๆที่เก็บไว้มากมาย 
    องค์โนอาร์ นี่พระองค์ทรงคิดอะไรอยู่กันแน่  หม่อมฉันไม่เข้าพระทัยเลย เทรดินครุ่นคิดกับตัวเอง แม้เขาไม่เข้าใจแต่ก็ตัดสินใจไว้ว่าจะทำหน้าที่องครักษ์ให้ดีที่สุด
    แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามที

    เพื่อปกป้องคนที่กษัตริย์โนอาร์ต้องการให้ปกป้อง.....................

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×