[OS] :: 130915 wait to arrive II :: (KrisHan)
ผู้เข้าชมรวม
364
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
:: WAIT TO ARRIVE II ::
คริสพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืดเมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง แสงไฟจากหลอดไฟข้างถนนและตึกสูงด้านนอกลอดผ่านกรอบหน้าต่างที่มีผ้าม่านขาวผืนบางรูดชิดขอบสองข้าง ไฟสลัวที่สาดส่องเข้ามาสะท้อนให้เห็นร่างเล็กที่เขาคุ้นเคยนั่งอยู่บนเตียงหันหน้าออกไปยังนอกหน้าต่าง ผมสีน้ำตาลแดงเมื่อกระทบกับแสงไฟทำให้สะท้อนส่องประกายดูโดดเด่นในความมืดสะดุดตาคนเข้ามาใหม่ยิ่งนัก ปฏิกิริยานั่งนิ่งไร้การตอบรับเมื่อประตูถูกเปิดทำให้รู้ว่าคนที่นั่งหันหลังนั้นกำลังเหม่อลอย แผ่นหลังดูนิ่งเหมือนไม่ไหวติงแต่หากเพ่งดูดีๆจะเห็นว่ามีแค่การเคลื่อนไหวตามจังหวะผ่อนลมหายใจเข้าออกเพียงเบาๆเท่านั้น ตาคมมองตามแผ่นหลังบางอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินไปยังเตียงแล้วนั่งลงข้างๆ ผืนเตียงที่ยุบลงเรียกสติของคนตัวเล็กละสายตาหันมามอง
“อ้าว คริส มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” ลู่หานอุทานขึ้นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงที่อยู่ๆก็มาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“อยู่อะไรมืดๆ ไฟก็ไม่เปิด จะช่วยบริษัทประหยัดค่าไฟหรือไง” คนตัวเล็กไม่ตอบแต่แค่นหัวเราะเบาๆ
“เหม่ออะไรอยู่ล่ะ หืม”
“เปล่า ก็แค่มองอะไรเรื่อยเปื่อย”
“เหรอ อยากรู้จริงๆว่าถังขยะข้างนอกนั่นมีอะไรดี เอ..หรือว่านายแอบดูคนที่ตึกฝั่งโน้นล่ะ ส่องสาวเหรอ?”
“ไอ้บ้า!!! พอเลย” ไม่พูดเปล่า มือเล็กผลักไปที่ไหล่ซ้ายของชายหนุ่มจนเอนตามแรงผลักอย่างไม่ทันตั้งตัว ท่าทางและน้ำเสียงนิ่งๆของคนถามทำให้คนฟังหมั่นไส้จนอยากเอาคืนบ้าง แต่มันก็เรียกรอยยิ้มเขินอายบนใบหน้าหวานจนคริสเองยังต้องยิ้มตาม คริสไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ลู่หานกำลังคิดอะไรอยู่ เขาพูดแกล้งก็เพราะอยากเห็นรอยยิ้มของลู่หาน อยากให้ลู่หานยิ้มให้เขาก็เท่านั้น.. ไม่เจอกันตั้งหลายวันรู้บ้างมั๊ยว่าเขาคิดถึงรอยยิ้มสดใจนี้แทบแย่ คนตัวเล็กหันหน้าไปทางหน้าต่างอีกครั้งก่อนจะหันขวับกลับมาเหมือนนึกขึ้นได้
“แล้วนายล่ะกลับมาตั้งแต่ตอนไหน โทรไปก็ไม่เปิดเครื่อง ถามใครก็ไม่มีใครรู้”
“อ๋อ พอดีปิดเครื่อง ถึงตอนห้าโมงนี่เอง พี่ยงมินไม่ได้บอกไว้เหรอ”
“ไม่ บอกแล้วถามใครก็ไม่มีใครรู้”
“กลับมาช่วงพวกนายไปแดจอนพอดี ตอนมาเนี่ยโล่งเลย ดีจริงๆ สงสัยแฟนๆจะไปงานพวกนายกันหมด”
“ถึงแล้วนายออกไปไหนต่อ ทำไมกลับมาถึงไม่เห็น” คริสเห็นลู่หานถามไม่หยุดก็นึกที่จะอดขำในใจไม่ได้ คนอะไรเหมือนแม่เขาไม่มีผิด นั่นไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด กลับรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำเพราะเขารู้ว่าที่ลู่หานชอบเซ้าซี้ถามก็เพราะเป็นห่วง มันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจเหมือนมีแม่ที่เขารักอยู่ข้างๆ มีคนรักที่เขารักมากคอยเป็นห่วงแบบนี้ พอคิดได้แล้วก็ทำให้รู้สึกมีความสุขจนหัวใจพองโตได้เลยทีเดียว
“ฉันหิวก็เลยออกไปหาอะไรกิน แต่กว่าจะถึงห้องก็หิวอีกละ สงสัยวันนี้ใช้พลังงานมากไปหน่อย.. เออนี่ ฉันซื้อนี่มาเผื่อด้วย คิดว่านายกลับมาแล้วคงหิว” คริสชูถุงพลาสติกจากร้านค้ามินิมาร์ทที่ถือไว้ในมือเขย่าให้ลู่หานดู
“อ่ะ” คริสเปิดถุงหยิบกล่องน้ำผลไม้ยื่นให้คนข้างๆ ก่อนจะเอาของตัวเองขึ้นมาเปิดดื่มบ้าง เมื่อลู่หานหันมาเห็นกระป๋องในมือคริสที่กำลังจ่ออยู่ริมฝีปากก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจจนคริสหยุดกลืนอึกแรกที่กำลังดื่มเข้าไปแทบไม่ทัน
“นี่! ทำไมนายซื้อเบียร์มากินห๊ะ ไหนว่าหิวไง ทำไมไม่กินข้าวก่อน”
“ก็ออกไปข้างนอกมันหนาว ผมขออนุญาตทำให้ร่างกายอบอุ่นก่อนนะครับคุณรูมเมท”
“มันหนาวขนาดนั้นเลยหรือไง ในห้องก็มีฮีทเตอร์ วิธีดีๆมีเยอะแยะ” ลู่หานตำหนิคนตัวโตไม่หยุดปาก
“อืมม.. นั่นสินะ ที่จริงฉันก็คิดออกอยู่วิธีนึง ได้ผลทีเดียว”
“เพิ่งคิดได้หรือไง..”
“แต่ฉันคงต้องขอให้นายช่วย”
“ยังไง?” ลู่หานถามกลับด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตเหมือนลูกกวางไร้เดียงสาจ้องรอคำตอบจากคนตรงหน้า แต่ทันทีที่เห็นแววตาวิบวับที่ส่องประกายในความมืดพร้อมอมยิ้มที่มองยังไงๆก็ดูกรุ้มกริ่มมีเลศนัยแล้ว ทำลู่หานหลุบตาลงแทบไม่ทันก่อนทำเป็นเสมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาที่ถูกปรับให้ชินกับความมืดที่มีแสงไฟสลัวๆได้แล้วนั้น พอจะทำให้คริสเห็นว่าใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อบวกกับริมฝีปากที่เหมือนจะฝืนไม่ให้อมยิ้มที่เห็นแล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังคิดอะไร
“ฮ่ะๆๆ นายนี่นะ..” คริสหัวเราะพลางเอานิ้วชี้จิ้มไปที่เอวบางทำคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง ยิ่งทำให้คริสหัวเราะเข้าไปใหญ่ เมื่อรู้ตัวว่าถูกแกล้ง และฟังเหตุผลที่ดูข้างๆคูๆของคนตัวโตแล้ว แม้อยากจะเถียงก็เถียงไม่ออก
“ขำมากหรือยังไง!”
... จะทำยังไงได้ล่ะ ลู่หานขัดใจคนที่ตัวเองรักเป็นเสียที่ไหน ... ก็ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไรลู่หานก็ยินดีที่จะยอมให้อย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว แม้บางครั้งจะรู้สึกไม่เต็มใจก็ตาม ...
“งั้น.. เดี๋ยวฉันออกไปทำรามยอนให้นายดีกว่า จะได้อิ่มท้อง”
ว่าแล้วคนตัวเล็กเตรียมจะลุกขึ้น แต่ช้ากว่ามือหนาสองข้างที่ข้างหนึ่งนั้นไม่รู้ละจากกระป๋องเบียร์ไปตอนไหน เอื้อมมารั้งสะโพกและเอวบางของลู่หานให้กลับลงที่เดิมไว้ทันพอดี
“เดี๋ยวสิ”
ลู่หานมองหน้าคริสอย่างงงงวยก่อนจะเลื่อนไปจ้องตาอีกฝ่าย สายตาคมกริบที่มองกลับมานั้นดูแข็งและดุดัน จนทำให้ลู่หานรู้สึกกลัวเหมือนตัวเองทำอะไรผิด เขาจึงเป็นฝ่ายละสายตาไปก่อนอีกครั้ง
“ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าอยากกินรามยอน”
“..ก็เห็นนายบอกหิว ฉันก...”
“ก็ซื้อของกินมาแล้วนี่ไง”
....
“ก็กลัวนายจะไม่อิ่ม ”
คริสมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะเอนตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหู
“แค่อยู่กับเสี่ยวลู่ฉันก็อิ่มแล้วล่ะ”
ลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองทันทีในขณะเดียวกับที่คริสโน้มตัวลงมาประกบจูบลงบนริมฝีปากบาง คนตัวเล็กหลับตาลงอย่างรวดเร็วเพราะสัมผัสที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะแทบหลุดออกมาจากนอกอก มือไม้ที่ทำท่าจะยกผลักออกตามสัญชาติญาณในตอนแรกถูกลดระดับลงแถมยังรู้สึกเกะกะจนไม่รู้จะไปวางไว้ตรงไหน
ไม่ใช่ว่าเขากับคริสจะยังไม่เคยจูบกันมาก่อน หากแต่หาก‘เคย’ และไม่ได้ทำมา‘นาน’แล้ว เนื่องจากอะไรหลายๆอย่าง แต่ไม่ว่าจะครั้งนี้หรือครั้งไหนๆ สำหรับลู่หาน จูบของคริสก็คำให้เขาใจเต้นเหมือนถูกจูบครั้งแรกเสมอ ...
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะเริ่มปรับตัว คริสกลับเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกเสียก่อน สัมผัสอบอุ่นที่จู่ๆก็หายไปทำลู่หานลืมตาขึ้นมามองอย่างงุนงง คริสเลื่อนฝ่ามือหนาขึ้นมาปัดผมสีน้ำตาลชื้นเหงื่อที่ระอยู่บนหน้าผากคนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล ก่อนจะเลื่อนลงมาทาบทามลงบนใบหน้าเรียวเล็ก สายตาคมมองตามนิ้วของตัวเองที่ค่อยๆเกลี่ยแก้มขาวเนียนเหมือนผิวเด็กคล้ายหยอกล้อ สัมผัสเนียนนุ่มทำให้เขารู้สึกดีไม่ต่างจากคนถูกกระทำที่เริ่มปรือตาพริ้มตามสัมผัสเคลื่อนไหวของนิ้วเรียวยาว ทำเอาคนเห็นรู้สึกใจสั่นพยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดกลั้นเพราะความน่ารักที่เจ้าตัวไม่รับรู้ หัวแม่มือย้ายไปเกลี่ยริมฝีปากสีสวยที่พลางเผยอขึ้นลงตามนิ้วที่ลูบสัมผัส คริสหยุดการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ ละสายตาขึ้นมาสบตาคนตรงหน้าที่ค่อยๆลืมขึ้น น้ำในดวงตากลมเหมือนลูกกวางที่กำลังต้องแสงไฟสลัวนั้นทำให้ดูหวานฉ่ำคล้ายสัตว์เลี้ยงกำลังออดอ้อนผู้เป็นเจ้าของ
ในความมืดและเงียบงัน ดวงตาสองคู่สบประสานกันแลดูเนิ่นนานเหมือนรออะไรบางอย่าง ริมฝีปากเล็กที่เม้มอยู่อย่างเขินอายยกขึ้นสวนทางกับดวงตาที่หลุบต่ำลง คริสเห็นแล้วไม่วายยิ้มออกมาให้คนตัวเล็กตรงหน้าแม้จะไม่เห็น พลันโน้มตัวเอาสันจมูกสวยได้รูปของตนเข้าไปสูดเอาความหอมหวานจากแก้มขาวนวลเนียน ไรหนวดที่เริ่มขึ้นเมื่อถูกสัมผัสเข้าไปยังผิวบางก็ทำเอาลู่หานสะดุ้งเสียวจนเผลอครางขึ้นในลำคออย่างที่คริสได้ยินแล้วรู้สึกพอใจ ริมฝีปากเคลื่อนไปประทับลงบนกลีบปากบางอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง คริสดูดดื่มความหวานจากกลีบชมพูภายนอกจนพอใจแล้วจึงละเลียดเข้าไปควานหาความหวานภายในบ้าง ร่างเล็กที่ยังดูเกร็งในตอนแรกรู้สึกผ่อนคลายขึ้นปล่อยตัวเองไปตามจังหวะที่คนตัวโตควบคุม มือสองข้างที่ตอนแรกไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนตอนนี้ข้างหนึ่งโอบรัดไปที่ท้ายทอย ส่วนอีกข้างถูกแทรกเข้าไปในผมสีทองของที่เริ่มยาวของคริส มือเล็กขยุ้มเส้นผมหนักเบาไปตามการเคลื่อนไหวและสัมผัสที่เร่าร้อน เมื่อไร้เสียงสนทนาทำให้ได้ยินแค่เสียงสัมผัสจากเนื้อหนังและผ้าที่เสียดสีกัน รวมถึงเสียงลมหายใจที่ดังหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆของคนทั้งสองจนลมหายใจแทบไม่เหลือ คริสค่อยๆผ่อนจูบริมฝีปากเล็กเพราะกลัวคนรักจะหมดลมหายใจเสียก่อน ก่อนที่จะผละออกเอาหน้าผากกับจมูกชนกัน สลับส่งยิ้มให้กันด้วยสายตาอ่อนโยน
... ไม่ต้องมีคำพูด แค่มองตากันก็เข้าใจ ...
เพียงแค่ไม่กี่นาทีแต่เหมือนกับเวลาผ่านไปยาวนานนับชั่วโมง คริสคลอเคลียกับใบหน้าลู่หานอยู่อย่างนั้นก่อนจะจับเอวคนตัวเล็กเขยิบขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง ลู่หานเอาหัวซบกับไหล่กว้าง สายตามองไปยังมือขวาของตัวเองที่ถูกเกาะกุมด้วยมือหนาของคนข้างๆ
“คิดถึงจัง” คริสพูดขึ้นมาพลางใช้นิ้วมือซ้ายเกลี่ยมือเล็กที่ตนเกาะกุมอยู่ไปมาอย่านุ่มนวล
“นานแล้วเนอะ”
“ใช่ ... นานแล้ว”
“แต่ก็เหมือนเดิมเลย”
“....”
“นายยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเดิม... เหมือนครั้งแรก” พูดจบพลางเอาใบหน้าซุกเข้ากับต้นแขนคริสด้วยความเขินอาย คริสเข้าใจในสิ่งที่ลู่หานพูดออกมา ครั้งแรกของเขากับลู่หานที่ไม่ได้มีแค่จูบ พอเห็นท่าทีเขินอายของลู่หานก็ยิ้มให้กับความน่ารักของเจ้าตัวจนอดก้มลงไปหอมผมของคนข้างๆไม่ได้
หัวใจสองดวง...ที่เติมความรักให้กันจนล้น
เหมือนร่างกายและหัวใจที่เหนื่อยล้าได้รับการชาร์ตพลัง
เหมือนปากท้องที่กำลังหิวโหยได้รับอาหาร
แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้
ก็อิ่มใจแล้ว
“เหนื่อยมั้ย”
“หืม”
“งานวันนี้เหนื่อยมั้ย ได้ยินว่าแฟนไซน์ถูกยกเลิกเหรอ”
“อืม ใช่ แฟนเยอะเกินไปน่ะ วุ่ยวาย เลยยกเลิกไปจัดที่ใหม่”
“งั้นเหรอ”
“ถ้านายเห็นแฟนๆที่มาวันนี้นะ นายต้องตกใจมากแน่ๆ” ลู่หานเด้งตัวขึ้นมาเล่าให้คริสฟังด้วยดวงตากลมโต เหมือนเด็กน้อยที่เจอเรื่องตื่นเต้นแล้วจะต้องเก็บเอามาเล่าให้พ่อแม่ฟัง ...น่ารักจริงๆเลย...
“เห็นรูปที่พี่ยงมินให้ดูแล้วแหละ ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าเราจะดังขนาดนี้ ฮ่ะๆ”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย พวกเราเพิ่งเดบิ้วท์มาได้ปีกว่าๆเองเถอะ”
“อ้าว หรือไม่จริง แต่ละงานแฟนๆเรามากันเยอะทั้งนั้น ก็ไม่แปลกหรอกเพราะพวกเราอยู่ในช่วงขาขึ้น”
“อืม มันก็จริง .. แต่ฉันก็ยังอยากจะพยายามให้มากกว่านี้ อยากจะเก่งให้มากกว่านี้ อยากทำให้ทุกเห็นว่าเรามีความสามารถมากกว่าหน้าตา”
“ลู่หานของฉันทำได้อยู่แล้วล่ะ นายน่ะเก่งที่สุดเลย” คริสว่าพลางเอามาขยี้หัวลู่หานเบาๆ
“ฉันแค่ไม่อยากทำให้แฟนๆของเราต้องผิดหวัง ไม่อยากให้พวกเราโดนดูถูกด้วย”
“ฉันเชื่อว่ายังไงน้องๆทุกคนต้องพยายามเป็นเพื่อนนาย ฉันเองก็จะพยายามเป็นเพื่อนนายเหมือนกัน” คริสยิ้มกว้างให้ลู่หาน แขนยาวโอบเข้าข้างหลังมือวางบนไหล่เล็กกระชับเข้าหาตัวหนักๆสองสามทีเป็นการให้กำลังใจ คริสรู้ดีว่าความฝันของลู่หานคืออะไร และกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ลู่หานต้องสู้มาด้วยความเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เขาเข้าใจเป็นอย่างดี คบกันมาห้าปี เรื่องแค่นี้ทำไมคริสจะไม่รู้
“ตอนที่ฉันโทรหานายไม่ได้ รู้มั๊ยว่าฉันกังวลแค่ไหน” ลู่หานพูดอู้อี้ในอ้อมแขนอุ่นๆที่กอดรัดเขาอยู่
“ทำไมล่ะ.. ขอโทษอีกทีแล้วกันนะ”
“ฉันไม่โกรธหรอก แต่ฉัน... กลัว ”
“.....”
“ฉันกลัวว่าเราจะไม่เจอกันอีก ไม่รู้สิ...” ลู่หานหลุบตาก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเศร้า
“..... ”
“เจ้ากวางบ้าเอ้ย! คิดอะไรบ้าๆ ฮ่าๆ ตลกชะมัด”
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง ไปไกลๆเลย”
"อย่าคิดมากน่า นี่ฉันไปได้ของที่โครมฮาร์ทมาให้นายเยอะแยะเลยนะอยู่ในกระเป๋านู่น จะดูเลยมั๊ย"
"ใครสนกันเล่า!"
ลู่หานพยายามผละออกจากอ้อมกอดของคนตัวโต น้ำเสียงที่ทำท่าจะงอนทำให้คริสหยุดพูดเล่นจนต้องปรับข้าสู่โหมดจริงจัง เขาแค่ตั้งรับกับลู่หานไม่ทันแค่นั้นเอง คริสรู้ว่าลู่หานเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมาก แต่เรื่องแค่นี้ แค่เขากลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวไม่กี่วัน ไม่น่าจะทำให้ลู่หานเอาเก็บมาคิดได้ถึงขนาดนี้
“ไม่เชื่อใจฉันเหรอ”
“ใครบอกล่ะ ฉันน่ะเชื่อใจนายอยู่แล้ว แต่.. แค่กังวล บอกไม่ถูก”
“ก็เป็นแบบนี้ตลอด ไปอ่านอะไรมาอีกล่ะฮึ ข้อความที่แฟนโพสต์ในเว็บล่ะสิท่า”
“ก็ทำนองนั้น”
“เจ้าแพนด้านั่นเอาอะไรแปลกๆมาให้นายดูอีกแล้ว เดี๋ยวเจอตัวจะจัดการ”
“อย่าไปโทษน้องเลย ฉันนี่แหละที่คิดมากเอง”
“ลู่หาน”
“......”
“ที่นายควรเชื่อน่ะ คือนี่ต่างหาก”
มือใหญ่ของคริสที่กุมมือลู่หานไว้อยู่ค่อยๆเลื่อนจับมือเล็กขึ้นมาแนบกับหน้าอกข้างซ้ายของเขา
“หัวใจของฉัน นายต้องเชื่อใจฉันเท่านั้น เข้าใจมั๊ย”
“อื้ม”
“เพราะหัวใจของฉัน มันไม่เคยโกหกนาย”
“อืม”
“ถึงตัวฉันจะไม่อยู่นี่ ถึงเราจะไกลกัน หัวใจของฉันมันจะอยู่กับนายเสมอ เข้าใจนะ”
“อืม” ลู่หานพยักหน้าตอบรับรัวไม่ต่างจากหุ่นยนต์ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความอาย
เมื่อบทสนทนาแสนหวานเลี่ยนที่ทำให้ลู่หานหน้าแดงแทบจะม้วนหายเข้าไปในตัวคริสจบลง ทั้งสองคนเงียบไปพักใหญ่ แต่สองมือนั้นยังคงเกาะกุมกันแน่น ความเงียบเข้ามาครอบงำจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของกันและกันราวกับจงใจปล่อยให้ดวงใจสองดวงได้ใช้เวลาสื่อสาร ความมืดเข้าคลืบคลาน ดวงไฟจากตึกตรงข้ามค่อยๆดับลง อากาศที่เคยรู้สึกหนาว หนาวจนร้อนรุ่ม แล้วก็กลับมาหนาวอีกครั้ง ทำให้คนตัวเล็กขยับเสื้อโค้ทที่สวมกระชับเข้าหาตัวเล็กน้อยก่อนจะพูดเอ่ยขึ้น
“ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ .. นายจะ”
“วันนั้นยังมาไม่ถึง จำคำที่ฉันพูดเอาไว้วันนี้ก็พอ”
“อืม.. ฉันเชื่อใจนาย ฉัน.. ฉันรักนายนะ” ลู่หานที่เมื่อกี้จะเหมือนไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปรีบเม้มปากตัวเองเข้าหากัน
“อะไรนะ เมื่อกี้ไม่ได้ยินเลย”
“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร”
“โกหกไม่ดีนะครับ จะพูดหรือไม่พูด”
“ไม่!”
“รู้มั๊ยเด็กดื้อต้องถูกลงทำโทษ”
“ไม่รู้”
ลู่หานที่เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไปแหย่หนวดเสือเข้าและจะรู้ว่าเจออะไรต่อไปกำลังจะสลัดตัวออกไปจากเตียง แต่ช้ากว่าเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ถูกมาเสิร์ฟถึงที่
“งั้นเดี๋ยวจะทำให้รู้”
คริสดึงลู่หานกลับมาผลักลงไปที่เตียง ขึ้นคร่อมกลางลำตัว สองมือแกร่งจับข้อมือกดไว้กับเตียงให้ไม่ให้เหยื่ออันโอชะหนีไปไหนได้ ดิ้นไม่หลุด
“คริสปล่อย เดี๋ยวน้องเข้ามาเห็นหมด”
“เห็นจะเป็นอะไร จะได้เชือดไก่ให้ลิงดูว่าทำผิดต้องได้รับโทษแบบนี้”
“ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยย” ลู่หานพยายามดิ้นให้หลุดจากการกักขังของคนตัวโต แต่ด้วยร่างกายที่เสียเปรียบกว่า ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางดิ้นหลุด สงสัยจะต้องใช้ไม้อื่น ว่าแล้วสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าพอดี
“เอ้อคริส ฉันว่าชุดนายวันนี้ตลกมากๆเลยว่ะ แว่นดำนี่จะใส่ทำไม อย่างกับโจร” ลู่หานพยักพเยิดใส่เจ้าแว่นดำทรงตี๋ใหญ่มาเฟียยุกแปดศูนย์ที่เหน็บอยู่คอเสื้อที่คนตัวโตใส่อยู่ แต่เหมือนเจ้าของแว่นตี๋ใหญ่นั้นจะรู้ว่ามาไม้ไหน
“เสียใจ เปลี่ยนเรื่องตอนนี้สายไปแล้วเจ้ากวางพยศ หึ”
“ไอ้บ้าคริส ปล่อยนะเว้ย”
“หืม พูดไม่เพราะเลยนะครับ ลู่หานคนน่ารักของผมเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ”
“ยอมแล้ว พูดก็ได้”
“ว่า...”
“ฉัน .. ร .. อือ อื้มม”
"ง่ายแบบนี้ไม่สนุกเลย"
"ไอ้บ..อะ อื้มม.."
คริสไม่ปล่อยให้ลู่หานพูดจบหรอก หน้าตาที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้น่ะก็ใช้ไม่ได้ผลหรอก เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวอยากจะแกล้งเสียให้เข็ด ไม่เจอกันตั้งหลายวันความจริงก็คิดถึงจะแย่ เจอกันดราม่าด้วยกันเสร็จก็มาตีกันตอนจบซะอย่างนั้น คำพูดที่คริสอยากได้ยิน คืนนี้จะยินไปอีกหลายครั้งเพราะฉะนั้นตอนนี้เขาไม่สนใจหรอก เขาขอใจร้าย ขอเอาคืนคนตัวเล็กก่อน ในเมื่อลู่หานบอกเขาว่าเหมือนโจร งั้นคืนนี้เขาจะขอลองเป็นโจรดูสักครั้ง โจรปล้นใจ ปล้นหัวใจลู่หาน เพื่อนสนิทแสนร้ายกาจที่บังอาจมาปล้นหัวใจ ปล้นความคิดถึงจากโจรคนนี้ไปด้วยเหมือนกัน.
---------- END ---------
เหมือนจะเปลี่ยนแนวตอนจบ ถถถถ
ผลงานอื่นๆ ของ - L79 - ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ - L79 -
ความคิดเห็น