[OS] :: 130915 wait to arrive II :: (KrisHan) - [OS] :: 130915 wait to arrive II :: (KrisHan) นิยาย [OS] :: 130915 wait to arrive II :: (KrisHan) : Dek-D.com - Writer

    [OS] :: 130915 wait to arrive II :: (KrisHan)

    ผู้เข้าชมรวม

    364

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    364

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.ย. 56 / 23:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



      :: WAIT TO ARRIVE II ::

       


       

       








       

      คริสพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืดเมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง  แสงไฟจากหลอดไฟข้างถนนและตึกสูงด้านนอกลอดผ่านกรอบหน้าต่างที่มีผ้าม่านขาวผืนบางรูดชิดขอบสองข้าง ไฟสลัวที่สาดส่องเข้ามาสะท้อนให้เห็นร่างเล็กที่เขาคุ้นเคยนั่งอยู่บนเตียงหันหน้าออกไปยังนอกหน้าต่าง  ผมสีน้ำตาลแดงเมื่อกระทบกับแสงไฟทำให้สะท้อนส่องประกายดูโดดเด่นในความมืดสะดุดตาคนเข้ามาใหม่ยิ่งนัก  ปฏิกิริยานั่งนิ่งไร้การตอบรับเมื่อประตูถูกเปิดทำให้รู้ว่าคนที่นั่งหันหลังนั้นกำลังเหม่อลอย แผ่นหลังดูนิ่งเหมือนไม่ไหวติงแต่หากเพ่งดูดีๆจะเห็นว่ามีแค่การเคลื่อนไหวตามจังหวะผ่อนลมหายใจเข้าออกเพียงเบาๆเท่านั้น ตาคมมองตามแผ่นหลังบางอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินไปยังเตียงแล้วนั่งลงข้างๆ ผืนเตียงที่ยุบลงเรียกสติของคนตัวเล็กละสายตาหันมามอง 

       

      “อ้าว  คริส  มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่”  ลู่หานอุทานขึ้นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงที่อยู่ๆก็มาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง



      “อยู่อะไรมืดๆ ไฟก็ไม่เปิด  จะช่วยบริษัทประหยัดค่าไฟหรือไง”  คนตัวเล็กไม่ตอบแต่แค่นหัวเราะเบาๆ



      “เหม่ออะไรอยู่ล่ะ หืม”



      “เปล่า ก็แค่มองอะไรเรื่อยเปื่อย”



      “เหรอ  อยากรู้จริงๆว่าถังขยะข้างนอกนั่นมีอะไรดี  เอ..หรือว่านายแอบดูคนที่ตึกฝั่งโน้นล่ะ ส่องสาวเหรอ?



      “ไอ้บ้า!!! พอเลย”  ไม่พูดเปล่า  มือเล็กผลักไปที่ไหล่ซ้ายของชายหนุ่มจนเอนตามแรงผลักอย่างไม่ทันตั้งตัว  ท่าทางและน้ำเสียงนิ่งๆของคนถามทำให้คนฟังหมั่นไส้จนอยากเอาคืนบ้าง  แต่มันก็เรียกรอยยิ้มเขินอายบนใบหน้าหวานจนคริสเองยังต้องยิ้มตาม   คริสไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ลู่หานกำลังคิดอะไรอยู่ เขาพูดแกล้งก็เพราะอยากเห็นรอยยิ้มของลู่หาน อยากให้ลู่หานยิ้มให้เขาก็เท่านั้น.. ไม่เจอกันตั้งหลายวันรู้บ้างมั๊ยว่าเขาคิดถึงรอยยิ้มสดใจนี้แทบแย่  คนตัวเล็กหันหน้าไปทางหน้าต่างอีกครั้งก่อนจะหันขวับกลับมาเหมือนนึกขึ้นได้



      “แล้วนายล่ะกลับมาตั้งแต่ตอนไหน โทรไปก็ไม่เปิดเครื่อง ถามใครก็ไม่มีใครรู้”



      “อ๋อ พอดีปิดเครื่อง ถึงตอนห้าโมงนี่เอง พี่ยงมินไม่ได้บอกไว้เหรอ”



      “ไม่ บอกแล้วถามใครก็ไม่มีใครรู้”  



      “กลับมาช่วงพวกนายไปแดจอนพอดี ตอนมาเนี่ยโล่งเลย ดีจริงๆ สงสัยแฟนๆจะไปงานพวกนายกันหมด”



      “ถึงแล้วนายออกไปไหนต่อ ทำไมกลับมาถึงไม่เห็น” คริสเห็นลู่หานถามไม่หยุดก็นึกที่จะอดขำในใจไม่ได้  คนอะไรเหมือนแม่เขาไม่มีผิด  นั่นไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด กลับรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำเพราะเขารู้ว่าที่ลู่หานชอบเซ้าซี้ถามก็เพราะเป็นห่วง  มันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจเหมือนมีแม่ที่เขารักอยู่ข้างๆ มีคนรักที่เขารักมากคอยเป็นห่วงแบบนี้  พอคิดได้แล้วก็ทำให้รู้สึกมีความสุขจนหัวใจพองโตได้เลยทีเดียว



      “ฉันหิวก็เลยออกไปหาอะไรกิน แต่กว่าจะถึงห้องก็หิวอีกละ สงสัยวันนี้ใช้พลังงานมากไปหน่อย..  เออนี่  ฉันซื้อนี่มาเผื่อด้วย คิดว่านายกลับมาแล้วคงหิว” คริสชูถุงพลาสติกจากร้านค้ามินิมาร์ทที่ถือไว้ในมือเขย่าให้ลู่หานดู   



      “อ่ะ”  คริสเปิดถุงหยิบกล่องน้ำผลไม้ยื่นให้คนข้างๆ ก่อนจะเอาของตัวเองขึ้นมาเปิดดื่มบ้าง  เมื่อลู่หานหันมาเห็นกระป๋องในมือคริสที่กำลังจ่ออยู่ริมฝีปากก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจจนคริสหยุดกลืนอึกแรกที่กำลังดื่มเข้าไปแทบไม่ทัน



      “นี่! ทำไมนายซื้อเบียร์มากินห๊ะ ไหนว่าหิวไง ทำไมไม่กินข้าวก่อน”



      “ก็ออกไปข้างนอกมันหนาว  ผมขออนุญาตทำให้ร่างกายอบอุ่นก่อนนะครับคุณรูมเมท”



      “มันหนาวขนาดนั้นเลยหรือไง  ในห้องก็มีฮีทเตอร์ วิธีดีๆมีเยอะแยะ” ลู่หานตำหนิคนตัวโตไม่หยุดปาก



      “อืมม.. นั่นสินะ ที่จริงฉันก็คิดออกอยู่วิธีนึง ได้ผลทีเดียว”



      “เพิ่งคิดได้หรือไง..



       “แต่ฉันคงต้องขอให้นายช่วย”



      “ยังไง?”  ลู่หานถามกลับด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตเหมือนลูกกวางไร้เดียงสาจ้องรอคำตอบจากคนตรงหน้า   แต่ทันทีที่เห็นแววตาวิบวับที่ส่องประกายในความมืดพร้อมอมยิ้มที่มองยังไงๆก็ดูกรุ้มกริ่มมีเลศนัยแล้ว  ทำลู่หานหลุบตาลงแทบไม่ทันก่อนทำเป็นเสมองออกไปนอกหน้าต่าง  สายตาที่ถูกปรับให้ชินกับความมืดที่มีแสงไฟสลัวๆได้แล้วนั้น  พอจะทำให้คริสเห็นว่าใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อบวกกับริมฝีปากที่เหมือนจะฝืนไม่ให้อมยิ้มที่เห็นแล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังคิดอะไร



      “ฮ่ะๆๆ นายนี่นะ..”  คริสหัวเราะพลางเอานิ้วชี้จิ้มไปที่เอวบางทำคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง  ยิ่งทำให้คริสหัวเราะเข้าไปใหญ่ เมื่อรู้ตัวว่าถูกแกล้ง  และฟังเหตุผลที่ดูข้างๆคูๆของคนตัวโตแล้ว  แม้อยากจะเถียงก็เถียงไม่ออก

       
       

      “ขำมากหรือยังไง!” 






       

       

      ... จะทำยังไงได้ล่ะ ลู่หานขัดใจคนที่ตัวเองรักเป็นเสียที่ไหน ...  ก็ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไรลู่หานก็ยินดีที่จะยอมให้อย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว  แม้บางครั้งจะรู้สึกไม่เต็มใจก็ตาม  ...

       




       

      “งั้น.. เดี๋ยวฉันออกไปทำรามยอนให้นายดีกว่า  จะได้อิ่มท้อง”




      ว่าแล้วคนตัวเล็กเตรียมจะลุกขึ้น  แต่ช้ากว่ามือหนาสองข้างที่ข้างหนึ่งนั้นไม่รู้ละจากกระป๋องเบียร์ไปตอนไหน เอื้อมมารั้งสะโพกและเอวบางของลู่หานให้กลับลงที่เดิมไว้ทันพอดี





      “เดี๋ยวสิ” 

       



      ลู่หานมองหน้าคริสอย่างงงงวยก่อนจะเลื่อนไปจ้องตาอีกฝ่าย  สายตาคมกริบที่มองกลับมานั้นดูแข็งและดุดัน  จนทำให้ลู่หานรู้สึกกลัวเหมือนตัวเองทำอะไรผิด  เขาจึงเป็นฝ่ายละสายตาไปก่อนอีกครั้ง

       



      “ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าอยากกินรามยอน”

       



      “..ก็เห็นนายบอกหิว  ฉันก...”

       



      “ก็ซื้อของกินมาแล้วนี่ไง”


       

       ....




      “ก็กลัวนายจะไม่อิ่ม ”






      คริสมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะเอนตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหู

       

       


      “แค่อยู่กับเสี่ยวลู่ฉันก็อิ่มแล้วล่ะ”  



       



       

      ลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองทันทีในขณะเดียวกับที่คริสโน้มตัวลงมาประกบจูบลงบนริมฝีปากบาง  คนตัวเล็กหลับตาลงอย่างรวดเร็วเพราะสัมผัสที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว  ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะแทบหลุดออกมาจากนอกอก  มือไม้ที่ทำท่าจะยกผลักออกตามสัญชาติญาณในตอนแรกถูกลดระดับลงแถมยังรู้สึกเกะกะจนไม่รู้จะไปวางไว้ตรงไหน 

       
       

      ไม่ใช่ว่าเขากับคริสจะยังไม่เคยจูบกันมาก่อน  หากแต่หากเคย และไม่ได้ทำมานานแล้ว  เนื่องจากอะไรหลายๆอย่าง  แต่ไม่ว่าจะครั้งนี้หรือครั้งไหนๆ สำหรับลู่หาน  จูบของคริสก็คำให้เขาใจเต้นเหมือนถูกจูบครั้งแรกเสมอ ... 

       
       

      ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะเริ่มปรับตัว  คริสกลับเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกเสียก่อน  สัมผัสอบอุ่นที่จู่ๆก็หายไปทำลู่หานลืมตาขึ้นมามองอย่างงุนงง  คริสเลื่อนฝ่ามือหนาขึ้นมาปัดผมสีน้ำตาลชื้นเหงื่อที่ระอยู่บนหน้าผากคนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล  ก่อนจะเลื่อนลงมาทาบทามลงบนใบหน้าเรียวเล็ก  สายตาคมมองตามนิ้วของตัวเองที่ค่อยๆเกลี่ยแก้มขาวเนียนเหมือนผิวเด็กคล้ายหยอกล้อ  สัมผัสเนียนนุ่มทำให้เขารู้สึกดีไม่ต่างจากคนถูกกระทำที่เริ่มปรือตาพริ้มตามสัมผัสเคลื่อนไหวของนิ้วเรียวยาว  ทำเอาคนเห็นรู้สึกใจสั่นพยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดกลั้นเพราะความน่ารักที่เจ้าตัวไม่รับรู้  หัวแม่มือย้ายไปเกลี่ยริมฝีปากสีสวยที่พลางเผยอขึ้นลงตามนิ้วที่ลูบสัมผัส   คริสหยุดการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ  ละสายตาขึ้นมาสบตาคนตรงหน้าที่ค่อยๆลืมขึ้น  น้ำในดวงตากลมเหมือนลูกกวางที่กำลังต้องแสงไฟสลัวนั้นทำให้ดูหวานฉ่ำคล้ายสัตว์เลี้ยงกำลังออดอ้อนผู้เป็นเจ้าของ


       

      ในความมืดและเงียบงัน  ดวงตาสองคู่สบประสานกันแลดูเนิ่นนานเหมือนรออะไรบางอย่าง  ริมฝีปากเล็กที่เม้มอยู่อย่างเขินอายยกขึ้นสวนทางกับดวงตาที่หลุบต่ำลง  คริสเห็นแล้วไม่วายยิ้มออกมาให้คนตัวเล็กตรงหน้าแม้จะไม่เห็น  พลันโน้มตัวเอาสันจมูกสวยได้รูปของตนเข้าไปสูดเอาความหอมหวานจากแก้มขาวนวลเนียน  ไรหนวดที่เริ่มขึ้นเมื่อถูกสัมผัสเข้าไปยังผิวบางก็ทำเอาลู่หานสะดุ้งเสียวจนเผลอครางขึ้นในลำคออย่างที่คริสได้ยินแล้วรู้สึกพอใจ  ริมฝีปากเคลื่อนไปประทับลงบนกลีบปากบางอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง    คริสดูดดื่มความหวานจากกลีบชมพูภายนอกจนพอใจแล้วจึงละเลียดเข้าไปควานหาความหวานภายในบ้าง  ร่างเล็กที่ยังดูเกร็งในตอนแรกรู้สึกผ่อนคลายขึ้นปล่อยตัวเองไปตามจังหวะที่คนตัวโตควบคุม  มือสองข้างที่ตอนแรกไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนตอนนี้ข้างหนึ่งโอบรัดไปที่ท้ายทอย ส่วนอีกข้างถูกแทรกเข้าไปในผมสีทองของที่เริ่มยาวของคริส  มือเล็กขยุ้มเส้นผมหนักเบาไปตามการเคลื่อนไหวและสัมผัสที่เร่าร้อน เมื่อไร้เสียงสนทนาทำให้ได้ยินแค่เสียงสัมผัสจากเนื้อหนังและผ้าที่เสียดสีกัน รวมถึงเสียงลมหายใจที่ดังหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆของคนทั้งสองจนลมหายใจแทบไม่เหลือ  คริสค่อยๆผ่อนจูบริมฝีปากเล็กเพราะกลัวคนรักจะหมดลมหายใจเสียก่อน ก่อนที่จะผละออกเอาหน้าผากกับจมูกชนกัน สลับส่งยิ้มให้กันด้วยสายตาอ่อนโยน

       





       

      ... ไม่ต้องมีคำพูด  แค่มองตากันก็เข้าใจ ...

       





       

       เพียงแค่ไม่กี่นาทีแต่เหมือนกับเวลาผ่านไปยาวนานนับชั่วโมง  คริสคลอเคลียกับใบหน้าลู่หานอยู่อย่างนั้นก่อนจะจับเอวคนตัวเล็กเขยิบขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง  ลู่หานเอาหัวซบกับไหล่กว้าง สายตามองไปยังมือขวาของตัวเองที่ถูกเกาะกุมด้วยมือหนาของคนข้างๆ

       

       

      “คิดถึงจัง”  คริสพูดขึ้นมาพลางใช้นิ้วมือซ้ายเกลี่ยมือเล็กที่ตนเกาะกุมอยู่ไปมาอย่านุ่มนวล

       
       

      “นานแล้วเนอะ”

       
       

      “ใช่ ... นานแล้ว”

       
       

      “แต่ก็เหมือนเดิมเลย”

       
       

      “....”

       


       

      “นายยังทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเดิม... เหมือนครั้งแรก” พูดจบพลางเอาใบหน้าซุกเข้ากับต้นแขนคริสด้วยความเขินอาย  คริสเข้าใจในสิ่งที่ลู่หานพูดออกมา  ครั้งแรกของเขากับลู่หานที่ไม่ได้มีแค่จูบ  พอเห็นท่าทีเขินอายของลู่หานก็ยิ้มให้กับความน่ารักของเจ้าตัวจนอดก้มลงไปหอมผมของคนข้างๆไม่ได้

       





       

      หัวใจสองดวง...ที่เติมความรักให้กันจนล้น

      เหมือนร่างกายและหัวใจที่เหนื่อยล้าได้รับการชาร์ตพลัง

      เหมือนปากท้องที่กำลังหิวโหยได้รับอาหาร

      แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้

      ก็อิ่มใจแล้ว

       





       

       

      “เหนื่อยมั้ย”

       

      “หืม”


      “งานวันนี้เหนื่อยมั้ย ได้ยินว่าแฟนไซน์ถูกยกเลิกเหรอ”

      “อืม ใช่ แฟนเยอะเกินไปน่ะ วุ่ยวาย เลยยกเลิกไปจัดที่ใหม่”

       

      “งั้นเหรอ”

       

      “ถ้านายเห็นแฟนๆที่มาวันนี้นะ นายต้องตกใจมากแน่ๆ” ลู่หานเด้งตัวขึ้นมาเล่าให้คริสฟังด้วยดวงตากลมโต เหมือนเด็กน้อยที่เจอเรื่องตื่นเต้นแล้วจะต้องเก็บเอามาเล่าให้พ่อแม่ฟัง ...น่ารักจริงๆเลย...


      “เห็นรูปที่พี่ยงมินให้ดูแล้วแหละ ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าเราจะดังขนาดนี้ ฮ่ะๆ”


      อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย พวกเราเพิ่งเดบิ้วท์มาได้ปีกว่าๆเองเถอะ”

       

      “อ้าว หรือไม่จริง แต่ละงานแฟนๆเรามากันเยอะทั้งนั้น ก็ไม่แปลกหรอกเพราะพวกเราอยู่ในช่วงขาขึ้น”

       

      “อืม มันก็จริง .. แต่ฉันก็ยังอยากจะพยายามให้มากกว่านี้ อยากจะเก่งให้มากกว่านี้ อยากทำให้ทุกเห็นว่าเรามีความสามารถมากกว่าหน้าตา”

       

      “ลู่หานของฉันทำได้อยู่แล้วล่ะ นายน่ะเก่งที่สุดเลย” คริสว่าพลางเอามาขยี้หัวลู่หานเบาๆ

       

      “ฉันแค่ไม่อยากทำให้แฟนๆของเราต้องผิดหวัง ไม่อยากให้พวกเราโดนดูถูกด้วย”

       

      “ฉันเชื่อว่ายังไงน้องๆทุกคนต้องพยายามเป็นเพื่อนนาย ฉันเองก็จะพยายามเป็นเพื่อนนายเหมือนกัน” คริสยิ้มกว้างให้ลู่หาน แขนยาวโอบเข้าข้างหลังมือวางบนไหล่เล็กกระชับเข้าหาตัวหนักๆสองสามทีเป็นการให้กำลังใจ  คริสรู้ดีว่าความฝันของลู่หานคืออะไร  และกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ลู่หานต้องสู้มาด้วยความเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เขาเข้าใจเป็นอย่างดี คบกันมาห้าปี เรื่องแค่นี้ทำไมคริสจะไม่รู้ 



      “ตอนที่ฉันโทรหานายไม่ได้ รู้มั๊ยว่าฉันกังวลแค่ไหน” ลู่หานพูดอู้อี้ในอ้อมแขนอุ่นๆที่กอดรัดเขาอยู่

       

      “ทำไมล่ะ..  ขอโทษอีกทีแล้วกันนะ”

       

      “ฉันไม่โกรธหรอก แต่ฉัน... กลัว ”

       



       

      “.....”

       





       

      “ฉันกลัวว่าเราจะไม่เจอกันอีก  ไม่รู้สิ...”  ลู่หานหลุบตาก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเศร้า

       



       

      “..... ”

       




       

      “เจ้ากวางบ้าเอ้ย! คิดอะไรบ้าๆ ฮ่าๆ ตลกชะมัด

       

      คนอุตส่าห์เป็นห่วง ไปไกลๆเลย

       

                  "อย่าคิดมากน่า นี่ฉันไปได้ของที่โครมฮาร์ทมาให้นายเยอะแยะเลยนะอยู่ในกระเป๋านู่น จะดูเลยมั๊ย"



                  "ใครสนกันเล่า!"




       

       ลู่หานพยายามผละออกจากอ้อมกอดของคนตัวโต น้ำเสียงที่ทำท่าจะงอนทำให้คริสหยุดพูดเล่นจนต้องปรับข้าสู่โหมดจริงจัง  เขาแค่ตั้งรับกับลู่หานไม่ทันแค่นั้นเอง  คริสรู้ว่าลู่หานเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมาก แต่เรื่องแค่นี้ แค่เขากลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวไม่กี่วัน ไม่น่าจะทำให้ลู่หานเอาเก็บมาคิดได้ถึงขนาดนี้ 

       

       

      “ไม่เชื่อใจฉันเหรอ”


       

      “ใครบอกล่ะ ฉันน่ะเชื่อใจนายอยู่แล้ว แต่.. แค่กังวล บอกไม่ถูก”

       

      “ก็เป็นแบบนี้ตลอด ไปอ่านอะไรมาอีกล่ะฮึ ข้อความที่แฟนโพสต์ในเว็บล่ะสิท่า”

       

      “ก็ทำนองนั้น”

       

      “เจ้าแพนด้านั่นเอาอะไรแปลกๆมาให้นายดูอีกแล้ว เดี๋ยวเจอตัวจะจัดการ”

       

      “อย่าไปโทษน้องเลย ฉันนี่แหละที่คิดมากเอง”

                     

                  “ลู่หาน”

       

                  

        “......”

                     
       

      “ที่นายควรเชื่อน่ะ คือนี่ต่างหาก”  



                  มือใหญ่ของคริสที่กุมมือลู่หานไว้อยู่ค่อยๆเลื่อนจับมือเล็กขึ้นมาแนบกับหน้าอกข้างซ้ายของเขา

       
       

      “หัวใจของฉัน นายต้องเชื่อใจฉันเท่านั้น เข้าใจมั๊ย”

       
       

      “อื้ม” 

                     
       

      “เพราะหัวใจของฉัน มันไม่เคยโกหกนาย”

                     
       

      “อืม”

                     
       

      “ถึงตัวฉันจะไม่อยู่นี่  ถึงเราจะไกลกัน  หัวใจของฉันมันจะอยู่กับนายเสมอ  เข้าใจนะ”

                     
       

      “อืม”  ลู่หานพยักหน้าตอบรับรัวไม่ต่างจากหุ่นยนต์ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความอาย

       


       

      เมื่อบทสนทนาแสนหวานเลี่ยนที่ทำให้ลู่หานหน้าแดงแทบจะม้วนหายเข้าไปในตัวคริสจบลง ทั้งสองคนเงียบไปพักใหญ่  แต่สองมือนั้นยังคงเกาะกุมกันแน่น  ความเงียบเข้ามาครอบงำจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของกันและกันราวกับจงใจปล่อยให้ดวงใจสองดวงได้ใช้เวลาสื่อสาร ความมืดเข้าคลืบคลาน  ดวงไฟจากตึกตรงข้ามค่อยๆดับลง  อากาศที่เคยรู้สึกหนาว  หนาวจนร้อนรุ่ม  แล้วก็กลับมาหนาวอีกครั้ง  ทำให้คนตัวเล็กขยับเสื้อโค้ทที่สวมกระชับเข้าหาตัวเล็กน้อยก่อนจะพูดเอ่ยขึ้น



                  “ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ .. นายจะ”


      “วันนั้นยังมาไม่ถึง จำคำที่ฉันพูดเอาไว้วันนี้ก็พอ”

       

      “อืม..  ฉันเชื่อใจนาย  ฉัน.. ฉันรักนายนะ” ลู่หานที่เมื่อกี้จะเหมือนไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปรีบเม้มปากตัวเองเข้าหากัน

       

      “อะไรนะ เมื่อกี้ไม่ได้ยินเลย”

       

      “เปล่า ไม่ได้พูดอะไร”

       

      “โกหกไม่ดีนะครับ จะพูดหรือไม่พูด”

       

      “ไม่!”

       

      “รู้มั๊ยเด็กดื้อต้องถูกลงทำโทษ”

       

      “ไม่รู้”  




                  ลู่หานที่เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไปแหย่หนวดเสือเข้าและจะรู้ว่าเจออะไรต่อไปกำลังจะสลัดตัวออกไปจากเตียง แต่ช้ากว่าเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อที่ถูกมาเสิร์ฟถึงที่ 




                  “งั้นเดี๋ยวจะทำให้รู้”  




                  คริสดึงลู่หานกลับมาผลักลงไปที่เตียง ขึ้นคร่อมกลางลำตัว สองมือแกร่งจับข้อมือกดไว้กับเตียงให้ไม่ให้เหยื่ออันโอชะหนีไปไหนได้ ดิ้นไม่หลุด




       

      “คริสปล่อย เดี๋ยวน้องเข้ามาเห็นหมด”

       

      “เห็นจะเป็นอะไร จะได้เชือดไก่ให้ลิงดูว่าทำผิดต้องได้รับโทษแบบนี้”

       

      “ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยย”  ลู่หานพยายามดิ้นให้หลุดจากการกักขังของคนตัวโต แต่ด้วยร่างกายที่เสียเปรียบกว่า ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีทางดิ้นหลุด  สงสัยจะต้องใช้ไม้อื่น ว่าแล้วสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าพอดี

       

       “เอ้อคริส ฉันว่าชุดนายวันนี้ตลกมากๆเลยว่ะ แว่นดำนี่จะใส่ทำไม อย่างกับโจร” ลู่หานพยักพเยิดใส่เจ้าแว่นดำทรงตี๋ใหญ่มาเฟียยุกแปดศูนย์ที่เหน็บอยู่คอเสื้อที่คนตัวโตใส่อยู่ แต่เหมือนเจ้าของแว่นตี๋ใหญ่นั้นจะรู้ว่ามาไม้ไหน


       

      “เสียใจ เปลี่ยนเรื่องตอนนี้สายไปแล้วเจ้ากวางพยศ หึ”

       

      “ไอ้บ้าคริส ปล่อยนะเว้ย”

       

      “หืม พูดไม่เพราะเลยนะครับ ลู่หานคนน่ารักของผมเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ”

       

      “ยอมแล้ว พูดก็ได้”

       

      “ว่า...”

       

      “ฉัน .. ร .. อือ อื้มม” 


       
                  "ง่ายแบบนี้ไม่สนุกเลย"


                  
                   "ไอ้บ..อะ อื้มม.."





                  คริสไม่ปล่อยให้ลู่หานพูดจบหรอก หน้าตาที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้น่ะก็ใช้ไม่ได้ผลหรอก  เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวอยากจะแกล้งเสียให้เข็ด ไม่เจอกันตั้งหลายวันความจริงก็คิดถึงจะแย่ เจอกันดราม่าด้วยกันเสร็จก็มาตีกันตอนจบซะอย่างนั้น  คำพูดที่คริสอยากได้ยิน คืนนี้จะยินไปอีกหลายครั้งเพราะฉะนั้นตอนนี้เขาไม่สนใจหรอก  เขาขอใจร้าย  ขอเอาคืนคนตัวเล็กก่อน ในเมื่อลู่หานบอกเขาว่าเหมือนโจร งั้นคืนนี้เขาจะขอลองเป็นโจรดูสักครั้ง โจรปล้นใจ ปล้นหัวใจลู่หาน เพื่อนสนิทแสนร้ายกาจที่บังอาจมาปล้นหัวใจ ปล้นความคิดถึงจากโจรคนนี้ไปด้วยเหมือนกัน.




       











      ---------- END ---------











      เหมือนจะเปลี่ยนแนวตอนจบ ถถถถ 
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×