ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MSC Original Character

    ลำดับตอนที่ #2 : ชีวิตประจำวัน

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 54



     

                กลิ่นหอมของฤดูใบไม้ร่วงกำลังมาเยือนร่างสูงที่ยืนอยู่ท่ามกลางใบไม้เหล่านั้นยืนจ้องภาพวิวทิวทัศน์นั้นไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่าบนโลกนี้เขาจะได้พบกับอะไรที่สวยงามนอกจากเลือด กระสุน และศพ เสียงกรีดร้องและใบหน้าของผู้คนที่หวาดกลัวยามที่สบดวงตาของเขา

                ยังมีชีวิตรอดอยู่อีกรึไง”

                คำทักทายนั้นทำให้เขาหันกับไปมองไอ้คนที่ปล่อยประโยคหมาๆนั้นออกมา ไม่ใช่เขาคนเดียวที่มักจะพูดแบบนั้นแต่เป็นอีกคนที่ปล่อยประโยคได้เจ็บแสบพอกันพร้อมกับไอ้หน้าตายียวนนั่นอีก

                “จะตายก่อนมึงได้ไงวะ”

                “เรอะกูก็นึกว่ามึงจะกระโดดลงทะเลเป็นอาหารปลา หรือไม่ก็หาต้นไม้สูงๆผูกเชือกแล้วแขวนคอตัวเองไป พาตัวเองไปหายมบาลแล้ว”

                “นรกยังไม่มีที่ให้กูอยู่ว่ะ ถ้ามึงก็ไม่แน่ไอ้หลงเทียน” พูดปั๊บก็ยกปากกระบอกปืนชี้มาทางชายหนุ่มที่ปล่อยวาจายียวนเมื่อกี้ออกมา หลงเทียนมองภาพนั้นก่อนจะหัวเราะหึออกมาพร้อมกับใช้นิ้วชี้แตะปากกระบอกปืนแล้วลดปืนลง

                “งั้นสงสัยมึงต้องไปสมัยซะแล้วล่ะ ไอ้คุณเรย์ โดนยิงก้าวนัดยังเสือกรอดมาได้ เชื่อมึงเลย”

                “ก็กูบอกแล้วไงว่านรกยังไม่ว่าง” เรย์พูดพลางเก็บกระบอกปืนลงที่เดิม

                “เออๆๆๆ นัดกูมาเพื่ออะไร คงไม่ใช่เอาลูกตะกั่วแล่นเข้ามาในหัวกูหรอกนะ”

                “ถ้าใช่มึงจะยอมรึเปล่า”

                “อย่าเลย กูยังไม่อยากให้แผ่นดินมันสูงขึ้น” ดวงตาเหลือบสีน้ำเงินเข้มมองเพื่อนรักของตัวเองไอ้ผู้ชายที่เรียกได้ว่าอยู่ลึกที่สุดในขุมนรก เลวยิ่งกว่าหาอะไรเปรียบเทียบ ไม่เคยรู้จักคุณค่าของการมีชีวิตอยู่อยู่ไปวันๆเพื่อรอความตายเท่านั้น “เจอที่ที่เหมาะกับมึงแล้วรึไง” บุหรี่มวนนึงถูกจุดขึ้นมาช้าๆ มือหนาป้องมันให้พ้นจากสายลมที่จะคอยพัดผ่านมันให้ดับลง

                “ก็ไม่ได้เรียกว่าเหมาะเท่าไร”

                “เหอะ กูไม่เชื่อ คนอย่างมึงถ้าไม่เจอที่ที่เหมาะไม่มีทางมาหากูในวันนี้หรอก” ควันขาวถูกปล่อยออกจากริมฝีปากนั้นช้าๆลอยขึ้นสู่อากาศ น่าแปลกที่ท้องฟ้าในวันนี้ “ถ้าอย่างนั้นมึงก็อย่าลืมคำพูดมึงล่ะ”

                …….” ความเงียบปกคลุมบริเวณนั้นทันที เรื่องบางเรื่องที่ไหลเข้ามาในหัวราวกับภาพหนังเก่าในวันวานฉายซ้อน ภาพวันที่ฝนตกหนักในตรอกมืด

                ชายคนหนึ่งในชุดโค้ทยาว

                เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังถือมีดหันใส่คนตรงหน้า

                เสียงฟ้าคำราม

                กลิ่นคาวเลือด

                ความโสโครกของสังคม

                แต่ในที่แห่งนั้นก็ยังมี

                มือข้างหนึ่งที่ยื่นมาให้

                “อยู่ที่นี่คงหนาวน่าดู มาอยู่กับฉันก่อนมั๊ย” รอยยิ้มที่อยู่ภายใต้ร่มสีดำคันนั้นเขายังจำได้ดี แม้จะสัมผัสได้กลิ่นคาวเลือดจากชายคนนั้นมากมายแต่ก็สัมผัสความอบอุ่นได้อย่างมากมายเช่นกันในวันนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความหวาดกลัวต่อโลกที่น่าสังเวชนี่ก็หายไปกลายเป็นความน่าสมเพชเข้ามาแทนที่ คำในวันนั้นยังคงจำใส่ใส่หัวเขาตลอดเวลา

                คนเรามันมีสิทธิ์ที่จะเลือก แต่เลือกแล้ว ต้องเลือกให้ดีที่สุด ในเมื่อเลือกที่อยู่ใต้เท้าใครแล้ว ก็ควรเลือกคนที่เราเชื่อว่าเขาจะไม่ทรยศหักหลังในความไว้ใจของเรา

                “ไอ้เรย์!

                “หือ

                “ทำไมแกเลือกที่อยู่ที่นั่นทั้งที่แกกลับไปที่ญี่ปุ่นทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นของแกอยู่ดีวะ”

                “ไม่รู้ อธิบายไปยังไงคนโง่ยิ่งกว่าควายอย่างมึงก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก” ไอ้คำด่าเจ็บแสบที่ออกมาจากปากหมานั่นนึกแล้วเย็บปากมันไว้ไม่ให้พูดนั่นแหละดีที่สุด ไอ้คนที่โดนด่าว่าโง่เลิกคิ้วมองไอ้คนข้างกายนิดหน่อย

                “พูดไม่ได้ดูตัวเองเลยนะมึง” บุหรี่ในมือของหลงเทียนมอดดับลงช้าๆก่อนที่มั่งจะถูกทิ้งลงสู่พื้น รองเท้าหนังราคาแพงยกขึ้นบดขยี้ไม่ให้เหลือไฟ เรย์หันหลังค่อยๆก้มขาออกไปจากบริเวณนั้นเมื่อนิโคตินอีกมวนถูกจุดขึ้น

                “เฮ้ย!!!

                ขาที่สองสามก้าวก็ต้องหยุดกึก เมื่อหลงเทียนตะโกนเรียกไว้พลางกับโยนอะไรบางอย่างมาให้ มือหนายกมือขึ้นรับสิ่งๆนั้นไว้ “ป๋าให้มันมาให้ สิ่งที่มันควรเป็นของมึง”

                เรย์ยกสิ่งนั้นขึ้นกล่องดำสีเหลี่ยมในขนาดพาเหมาะที่มีรูปสลักสัตว์ในตำนานที่ไม่คิดว่าจะมีจริงเอาไว้หากแต่มันกลับถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ยาวเอาไว้ มุมปากของชายหนุ่มค่อยๆยกขึ้นมาเมื่อเห็นสิ่งนั้น เป็นครั้งในชีวิตของเขาที่มีรอยยิ้มพาดผ่านบนใบหน้าคมคายนั้น หลงเทียนมองเหลือบมองครั้งหนึ่งก็จะเงยมองท้องฟ้าอีกครั้ง

                “ชอบทิ้งเรื่องยุ่งยากไว้เสมอเลยนะ ไอ้พ่อเวร!

     

                บางทีการมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่ต้องหลบหนี.....มันคงจะมีความสุขมากสินะ

     

     

                สองสามปีผ่านมา






                ประตูบานใหญ่ในห้องภายในปราสาทที่พักของแก๊งมาเฟียบ้านนอกระดับเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกุญแจมากมายแต่เหมือนมันจะหลุดออกหมดด้วยแรงเท้าของใครบางคนที่ถีบมาเต็มแรงบรรดาตัวล็อคทั้งหลายดีดหลุดจากที่ที่มันเคยอยู่ออกหมดก่อนที่จะ

                เก๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงตะหลิวกับกระทะก้นลึกที่เอามารวมกันทำให้เกินเครื่องกระทบที่ส่งเสียงดังอย่างรุนแรง แต่เหมือนว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงจะหาทางคนที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มๆนั้นจะหาอุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากเสียงนั้น แต่มีรึว่าชายหนุ่มจะรู้ทัน หมอนที่ครอบหัวทุยๆนั้นถูกครอบด้วยกระทะอีกทีก่อนที่ตะหลิวนั้นจะเคาะลงไปที่ก้นกระทะนูนๆๆนั่น เท่านั้นแหละเสียงกรี๊ดลั่นก็ดังขึ้นทันทีเมื่อบอสสาวตื่นขึ้น

                “ไอ้บ้า!!!! แกบังอาจมาคุกครามความงามของฉัน”

                “แก่ขนาดนี้นอนไป ตีนกามันก็มาหาอยู่ดีแหละ”

                “อร๊าย!!!!!! ไอ้คุณเรย์แกออกไปแล้วนะ ไป๊!!!!! ไอ้ตาบอด ไอ้คนตาไม่ถึง ไอ้ตาไร้แวว!!!” หมอนถูกปาออกไปเป้าหมายคือหัวหุยๆของคนหล่อๆนั้นแต่เหมือนจะรู้ทันจึงเอียงคอหลบทันแล้วปิดประตูไป เหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้บางอย่างเลยเปิดประตูเข้าไปอีกรอบและมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เมื่อเห็นร่างงามนอนฟุบลงไปที่เตียงนั้นอีก ขายาวๆก้าวฉับๆผ่านอะไรต่อมิอะไรไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับช้อนร่างงามนั่นก่อนจะพาเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็

                โครม!!!!!

                ร่างของบอสสาวถูกทิ้งไปอย่างไม่ใยดี แล้วค่อยเดินจากไปเป็นอันเสร็จพิธีในวันนี้ทิ้งให้หญิงสาวคนสวยไว้เบื้องหลังประตูค่อยไปจัดการห้องต่อไป เหมือนห้องนี้จะไม่ต้องปลุกเมื่อเห็นเจ้าเหมียวใหญ่เดินออกมามองเขาตาแป๋ว

                “ตื่นเข้าเหมือนเดิมเลยนะครับ”

                “ทักอย่างอื่นเป็นด้วยรึไง” เรย์ว่าขึ้นพลางมองเจ้าเหมียวใหญ่ตัวนั้น หากแต่ไป๋หู่กลับไม่ตอบกลับส่งยิ้มหวานให้

                “กินแค่ถ้วยเดียวล่ะ”

                “ครับ!” พูดจบก็รีบวิ่งไปทางห้องครัวทันทีที่เขาทำอาหารเช้าเตรียมไว้ในวันนี้ ร่างสูงเดินก้าวต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งพอเจอเจ้าจิ้งจอกตัวแสบที่ตั้งท่าจะเข้ามาเกรียนใส่ตามแบบทุกวันพอเดินมาถึงเท่านั้น ขาของคุณหมายเลขศูนย์ก็เตะเอาสะโพกคนที่กำลังจะอ้าปากพูดเตะอัดร่างบึกๆนั้นเตะอักข้างฝาค่อยเดินจากไป

                “ไอ้พวกบ้าบอเอ๊ย” พูดจบก็ทิ้งให้ร่างนั้นนอนกองกับพื้นมองเขาด้วยแสนตาเครียดแค้นแบบทุกครั้ง และมันก็เป็นอย่างนี้เกือบจะทุกวัน และมันก็เป็นเหมือนกันทุกเช้าที่แทบจะไม่มีร่างสูงนั้นอยู่บนโต๊ะอาหารหรูหรานั่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×