ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Grelacia

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 4 ค้นหา

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 52


    ตอนที่ 4 ค้นหา


    "คนที่ชื่อลาเซ่นั่นเป็นใครกันแน่นะ ไม่มีเหตุผลที่ท่านอาจารย์คาลจะย้ายสายของลาเซ่มายังสายไม้เท้าเวทย์นี่นา" ฟาล่ากล่าวอย่างไม่เข้าใจ

    "อืม เรื่องนี้อานาเมลก็บอกพวกเราแล้ว แต่ตอนที่อานาเมลพบกับอาจารย์คาล ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้จักกันจริงๆนะ สำหรับจุดประสงค์ที่เข้ามานั่น บางทีพวกเราอาจจะคิดมากก็ได้ ลาเซ่อาจจะเข้ามาเพราะมีพลังพิเศษทำให้ผิดแปลกไปจากสายเกลนก็เป็นได้นี่นา"

    "แต่ข้าก็ยังสงสัยอยู่ดีนะลาซิโอ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเองก็สงสัย อีกอย่างตอนนี้ทุกสายกำลังเคลื่อนไหวเพื่อหาตัวผู้ที่จะมาปกครองเกรลาเชีย การย้ายมาของลาเซ่ต้องเป็นที่จับตามองของทุกสายเป็นแน่" ยานีลเสนอความเห็น

    "หากชายคนนี้มีฝีมือแล้วทำไมท่านผู้เฒ่าซาวีนจึงยอมมอบให้แก่ท่านผู้เฒ่าคาลล่ะ ข้าเคยพบกับท่านผู้เฒ่าซาวีนครั้งหนึ่งไม่น่าจะเป็นผู้ที่ยอมทำตามคนอื่นได้ง่ายๆนักหรอกนะ"

    "ฟาล่า เรื่องนี้เกิดเมื่อนานพอสมควร เป็นข่าวลือที่ข้าได้ยินมา ท่านผู้เฒ่าคาลได้เคยช่วยชีวิตท่านผู้เฒ่าซาวีนไว้ ต่อมาทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกันน่ะ อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสายขึ้น"

    "บางทีลาเซ่อาจจะเป็นคนอยากเปลี่ยนสายเองก็ได้" ลาซิโอกล่าวอย่างครุ่นคิด

    "ทำไมล่ะ" ยานีลถามอย่างไม่เข้าใจ

    "ข้าน่ะเลี้ยงดูลาโอตั้งแต่มันยังเด็ก พวกเจ้าลองคิดดูสิ หากสัตว์เลี้ยงของเจ้าที่เจ้าเลี้ยงดูมันมานาน ต้องการหานายใหม่โดยที่เจ้าไม่อาจที่จะขัดใจได้ เจ้าก็ต้องเป็นห่วงมัน เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่รึ ตอนนี้อานาเมลเองก็ใช้อาคมไม่ได้ด้วยสิ เฮ้อ"

    "หึ ไม่แน่ว่าท่านผู้เฒ่าซาวีนต้องการยกหลานสาวให้ท่านผู้เฒ่าคาลก็เป็นได้จึงยอมให้ลาเซ่เข้ามาอยู่ในสายไม้เท้าเวทย์นี้น่ะ"

    "แต่ท่านผู้เฒ่าคาลไม่ใช่คนนะ" ฟาล่าแย้ง

    "อายุขัยของท่านผู้เฒ่าคาลน่ะ ยืนยาวมาก แม้ว่าท่านอาจจะแกล้งทำเป็นแก่ แต่ข้าไม่คิดว่าท่านผู้เฒ่าซาวีนจะยกหลานสาวให้แก่ท่านผู้เฒ่าคาลหรอก ลาเซ่คงตามอานาเมลมาเองมากกว่า"

    "พวกเจ้าจะให้ลาเซ่ช่วยพวกเรางั้นรึ" ยานีลถามทั้งคู่ ด้วยเขาเองก็คิดเช่นนั้น ลาเซ่อาจจะช่วยพวกเขาได้มากกว่าที่คิดก็เป็นได้

    "ใช่ เพราะอานาเมล ลาโอและฟาลเชื่อใจเขา" ฟาล่าพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของลาซิโอ

    "งั้นก็ได้" ทั้งสามกลับห้องอีกครั้ง หลังการตัดสินใจเสร็จสิ้นลง

    **********

    เมื่อเข้าไปในห้องทุกคนก็อดที่จะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เสียงหัวเราะของทั้งคนและสัตว์ ได้ปลุกผู้ที่หลับใหลให้ตื่น

    "งึม เช้าแล้วเหรอ" เซคงัวเงียตื่นขึ้นมา ขณะที่อานาเมลที่ตะแคงตัวไปทางเซคได้ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นเซคหมาป่าตัวน้อยก็หัวเราะออกมาทันที กว่าเซคจะรู้ตัวก็ใช้เวลานานพอดูทีเดียว

    "ฮึม! เจ้านั่น ลาเซ่ หายไปไหนแล้วล่ะ" เซคมองทุกคนอย่างหงุดหงิด

    "หึๆ ข้าไม่รู้ ท่านลาเซ่มักจะทำอะไรโดยไม่ให้ตั้งตัวเสมอนั่นแหล่ะ ฮ่าๆๆ อูย" อานาเมลกลับกลายเป็นคนเช่นเดิม เขายังปวดท้องไม่หายกับการหัวเราะมากๆ ลาเซ่วาดหน้าเซคซะจนเขาคิดว่าเป็นเธียจริงๆในตอนแรกที่เห็น จนต่อมาอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันเหมาะเอามากๆ เสียด้วยสิ วันหลังคงต้องขอให้สอนให้เขาซะแล้ว

    "ชิ อย่าให้เจอนะ" เซคพูดอย่างหงุดหงิด

    "ถ้าเจอแล้วจะทำไมหรือ" น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น เซคสะดุ้ง ลาเซ่นั่นเองโผล่ออกมาไม่ทันให้ตั้งตัวจริงๆ ด้วย

    "เจ้า ! อย่าทำให้ตกใจได้ไหม"

    "หึๆ มีแต่เจ้าเท่านั้นล่ะมั้งที่ตกใจ เธียรูปร่างคน ..พวกเจ้า ตกลงกันได้แล้วสินะ" เซคกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด ส่วนคนอื่นรู้ตัวตั้งแต่ลาเซ่เข้ามาในห้องแล้ว

    "เอาล่ะ พวกเราอยากให้เจ้าช่วยเหลือน่ะ ลาเซ่" ลาซิโอเอ่ยขึ้น

    "อืม..งั้นหรือ เฮ้อ ข้าแค่มาดูว่าอานาเมลปลอดภัยดีรึเปล่าเมื่อต้องอยู่กับคนที่งี่เง่าเท่านั้นน่ะ แต่หากพวกเจ้าต้องการให้ข้าช่วยจริงๆล่ะก็ ข้าก็ไม่รับปากหรอกนะว่าจะช่วย เพราะข้ายังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร" ลาเซ่ตอบอย่างสบายใจ ส่วนมือก็เกาขนให้แก่ฟาลเบาๆ ในขณะที่เซคที่ถูกอานาเมลรั้งตัวไว้ทันก่อนที่จะเข้าไปจัดการกับชายหนุ่ม

    "ข้าเชื่อใจว่าพวกสัตว์ต้องดูคนไม่ผิดแน่ เจ้าคงได้ยินเรื่องการประกาศตัวคนที่จะมาเป็นผู้ปกครองเกรลาเชียคนต่อไปแล้วสินะ"

    "แน่นอน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ" ลาเซ่มองทุกอย่างมึนงง การเป็นนักเรียนเวทย์นี่ต้องสนใจเรื่องผู้ปกครองแห่งเกรลาเชียด้วยหรือ

    "เมื่อเดือนก่อนอาจารย์บาล์นถูกฆ่าตายโดยฝีมือของพวกทางเหนือ ข้าเกรงว่าเกรลาเชียจะเกิดสงครามเร็วๆนี้แน่หากหาตัวผู้ปกครองไม่เจอ แน่นอนสภาแห่งนี้คือสถานที่สร้างนักรบอาคมชั้นยอดทีเดียว" ยานีลสรุปให้ลาเซ่ฟัง

    "ถึงเจอก็ใช่ว่าเกรลาเชียจะไม่เกิดสงคราม" ลาซิโอแทรกขึ้นมา

    "ใช่ แต่การที่เจอตัวผู้ปกครองจะทำให้ระงับสงครามได้ชั่วขณะ" ยานีลขัดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

    "อืม.. พวกเจ้าคงเถียงกันถึงเรื่องนี้มานานมากสินะ" ลาเซ่กล่าวอย่างครุ่นคิด

    "ใช่"

    "ทำไมต้องสนใจสงครามที่จะเกิดกับเกรลาเชียนัก ข้าไม่คิดว่าการที่เป็นนักเรียนของที่นี่ต้องทำให้ข้าไปช่วงชิงการเป็นผู้ครองเกรลาเชียหรอกนะ" ลาเซ่ถามด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย

    "เพราะเป็นที่ที่ข้าอยู่ตอนนี้น่ะสิ" ยานีลตอบราวกับไม่ใส่ใจ

    "สำหรับข้า เกรลาเชียคือบ้าน เป็นธรรมดาที่ต้องดูให้รู้ว่าสงครามจะเกิดจริงไหมและใครเป็นผู้ทำให้เกิด ข้าไม่เข้าใจความคิดของคนที่อยากทำให้สงครามเกิด" ลาซิโอตอบ

    "ความคิดของข้าเองก็คล้ายกับลาซิโอ แต่เกรลาเชียไม่ใช่บ้านของข้า ข้าแค่สนใจคนที่อยากให้เกิดสงครามนี้เท่านั้น" ฟาล่าไม่แสดงท่าทีอื่นใดนอกจากความเฉยเมย

    "สำหรับข้า ยังไงก็ได้" เซคตอบอย่างสนใจ

    "เอาเถอะ สำหรับข้า จะยังไงก็ได้เหมือนเจ้าหนุ่มเธียนี่ก็ได้ ข้าว่างเพราะต้องการแน่ใจเรื่องอานาเมลเท่านั้น งั้นข้าจะช่วยพวกเจ้าแล้วกัน ส่วนที่จะให้ข้าช่วยนี่คือ.." เซคมองลาเซ่อย่างไม่พอใจ คำก็เธียสองคำก็เธีย ถึงเขาจะชอบเธียมากก็เถอะ แต่เขาไม่ใช่เธียนี่!

    "พวกเราคิดว่าคนที่จะขึ้นเป็นผู้ปกครองน่าจะอยู่ในสภาเวทย์แห่งนี้ เจ้าเชี่ยวชาญเรื่องสัตว์อาจจะใช้พวกสัตว์ช่วยสืบอะไรได้บ้าง"

    "อ้อ ก็ได้นะ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ข้าอยู่ที่นี่ไม่นานนักหรอก อย่างที่บอก ข้าต้องการแน่ใจว่าอานาเมลปลอดภัยดีน่ะ"

    "เจ้าไม่ได้ย้ายมาเลยหรอกหรือ" ยานีลถามชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ

    "ก็อยากอยู่หรอก แต่ผู้ดูแลของสายนี้ไม่ยอมนี่สิ เฮ้อ.." อานาเมลกลั้นยิ้มเต็มกำลัง หากคาลอนุญาตก็แปลกแล้ว

    "นานเท่าไหร่ที่เจ้าขอทำเรื่องย้ายมาล่ะ" ลาซิโอถามอย่างครุ่นคิด

    "สามเดือน"

    "น่าจะพอ เราจะแบ่งคนกัน เซค อานาเมล ยานีลกับลาเซ่ พวกเจ้าช่วยกันหาตัวคนที่จะมาเป็นผู้ปกครอง ส่วนข้า ฟาล ลาโอและฟาล่าจะสืบเรื่องการตายของอาจารย์บาล์น"

    "เอาตามนั้นก็ได้"

    ***************

    "ลาซิโอเจ้าคิดว่าอย่างไร"

    "ฟาล่า ข้าคิดว่าเราควรตรวจนอกสภาเวทย์ก่อนน่ะ แล้วเจ้าล่ะ"

    "ข้าก็เห็นด้วยกับเจ้า แต่ข้าคิดว่าการแบ่งสถานที่ที่จะไปตรวจและแยกย้ายกันน่าจะเร็วกว่า"

    "แต่..ก็ได้ หากมีอะไรเจ้าใช้สิ่งนี้ละกัน" ลาซิโอใช้อาคมสร้างของสองสิ่งให้กับฟาล่า

    "หินสีดำนี่ข้าอยากให้เจ้าติดตัวไว้ มันจะทำให้ข้าหาเจ้าเจอ ส่วนหินสีขาวมันจะพาเจ้ามาหาข้าหากเจ้าเรียกชื่อข้าสามครั้ง" น้ำเสียงทุ้มกล่าวราวกับจะแฝงความนัยว่าเขาจะคอยปกป้องนางเสมอ ฟาล่าใจเต้นรัวโดยไม่รู้ตัว หินทั้งสองสีถูกทำเป็นต่างหูประดับที่หูคนละข้างของหญิงสาวอย่างเบามือ

    "อย่าลืมนึกถึงข้าเมื่อเจ้าเดือดร้อน ฟาล่า คืนนี้พบกันริมทะเลสาบ"

    "เดี๋ยว" ลาซิโอที่คิดจะกลับชะงักในทันที

    "มีอะไรรึ" หญิงสาวหยิบมีดสั้นออกมามอบแก่ลาซิโอ

    "มีดนี่มีอาคมของข้าลงไว้" เมื่อชายหนุ่มรับไว้ ฟาล่าก็หันหลังเดินจากไปในทันที ทิ้งให้ลาซิโอยืนนิ่งที่เดิมพักใหญ่

    "นาง..ให้ของแก่ข้า ไม่สิ นางอาจจะไม่คิดอะไรก็ได้ แต่..น่าดีใจจริงๆ"

    ทุกคืนลาซิโอจะออกไปพบกับฟาล่าทำให้ทั้งคู่ยิ่งสนิทกันมากขึ้นและล่วงรู้นิสัยของอีกฝ่ายที่คล้ายกับตนจนน่าตกใจ ทั้งสองออกนอกสภาเวทย์ ตระเวนโดยรอบไม่ห่างจากสภานัก เมื่อต่างฝ่ายต่างหาฟากของตนเสร็จก็จะสลับกับอีกฝ่ายหาบ้าง

    *********************

    ส่วนทางด้านยานีล พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกไปทุกคืน เพียงแค่อาศัยความสามารถของลาเซ่ในการควบคุมสัตว์เฟ้นหาตัวคนที่มีความสมดุลของพลังในตอนกลางคืน จะเป็นการตรวจสอบที่ดีที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่จะไม่ระมัดระวังเรื่องการควบคุมพลังในเวลานอน ส่วนตอนกลางวันพวกเขาก็จะแยกย้ายกันไปเป็นคู่เพื่อทำงาน

    "เจ้าคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช้ได้ไหม ลาเซ่"

    "อืม ไม่รู้สินะ แต่เรื่องผู้หญิง เจ้านี่สายตาแหลมคมมากทีเดียว" หญิงสาวร่างบอบบาง ผมสีชาของนางตัดกับผิวขาวเนียน ริมฝีปากแดงเรื่อ เค้าโครงหน้าที่บ่งบอกได้ชัดว่าต้องเป็นลูกหลานผู้ครองนครใดนครหนึ่งเป็นแน่ ทั้งคู่เข้าไปใกล้ ก่อนที่จะชนกับชายอีกคนหนึ่ง ยานีลรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย

    "เป็นอะไรมากไปไหม"

    "ไม่ เจ้านั่น คนเมื่อกี้ ทดสอบข้า"

    "ไม่ทันแล้วยานีล เขาหายไปแล้ว อาจจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ต้องการหาตัวผู้ปกครองให้เจอก็เป็นได้นะ"

    "ข้ารู้" ยานีลมีทีท่าวิตกอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่กักพลังตัวเองไว้ เพราะไม่คิดว่าคนที่สอบเข้ามาได้ลำดับสุดท้ายจะถูกตรวจสอบ เขาพลาดไปแล้วจริงๆ

    "ยานีล ที่นี่น่ะ หากไม่กักพลังไว้ด้วยโซ่อาคมก่อนที่จะก้าวข้ามเขตสภามาล่ะก็ คนที่มีพลังสูงกว่าเจ้า จะล่วงรู้ถึงพลังของเจ้า" ยานีลมองลาเซ่ด้วยความประหลาดใจ

    "หึ กังวลซะขนาดนั้น ปิดข้าไม่มิดหรอก อาจจะเป็นเพราะข้าอยู่กับสัตว์มากก็ได้จึงมองสีหน้าของเจ้าออก" ลาเซ่เดินนำยานีลไปเพื่อหาผู้มีสมดุลพลังต่อ 

    ...เจ้าสินะที่ข้าควรสงสัยและระวังที่สุด ลาเซ่ ยานีลมองตามชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเขา

    ****************

    "ด้านนอกสภาพวกเราก็กันจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่พบอะไรเลย ฟาล่า เจ้าคิดว่าทางเหนือจะมาจากนอกสภารึเปล่า"

    "ลาซิโอ อันที่จริง หากเป็นนอกสภาจริงน่าโดนตรวจจับเรียบร้อยแล้ว หากอยู่ในสภาผู้ที่คอยสังเกตการณ์ที่อาจจะมาด้วยน่าจะอยู่นอกสภาสิ บางทีอาจเป็นคนใน"

    "มีโอกาสสูงทีเดียวยิ่งตอนนี้สภาเวทย์เป็นเช่นนี้ เราคงต้องเปลี่ยนแผนกันแล้วล่ะ"

    "อืม คืนนี้ ข้างทะเลสาบ"

    "ได้เลย" ทั้งคู่เริ่มจากตรวจหาบริเวณสายอื่นก่อน งานของทั้งคู่คืบหน้าเร็วมากทีเดียว เพียงแค่ 7 วัน ทั่วทั้งสภาเวทย์ยกเว้นสายไม้เท้าเวทย์ก็ถูกตรวจค้นจนทั่วหากแต่ไม่มีใครเอะใจแม้แต่น้อย เพราะเมื่อไปยังสายมังกรไฟ ทั้งสองจะแปลงร่างเป็นเสียงแห่งราตรีที่ใช้ขับกล่อมมังกรเพลิงซึ่งมีอยู่ทั่วไปในสายนี้ หากแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ เมื่อต้องไปตรวจดูยังสายเกลน ทั้งคู่ก็ให้ฟาลและลาโอช่วยอำพลางกลิ่นอายของตน พบว่าท่านผู้เฒ่าซาวีนและท่านไวน์เบิร์นนั้นทำการสืบหาตัวผู้ปกครองอยู่ลับๆเช่นกัน ทว่าสายเอลาสและเธียนั้นราวกับมีการระดมพลเลยทีเดียว กระทำอย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่พบความผิดปกติที่เกี่ยวกับพวกทางเหนือเลยแม้แต่น้อย

    "มังกรไฟกับเกลนดูสงบมากเลยนะฟาล่า"

    "ผิดกับเอลาสและเธียเอามากๆเลย สายเกลนและมังกรไฟน่าสงสัยจริงๆ หรือว่าจะมีการร่วมมือกับพวกทางเหนือโดยที่พวกเราตรวจหาไม่เจอ"

    "เราตรวจค้นที่ละสี่รอบ เป็นไปไม่ได้ที่จะเล็ดลอดสายตาของข้า เจ้า ฟาล และลาโอหรอกนะ"

    "เช่นนั้นก็มาถึงจุดที่พวกเรากังวลที่สุดแล้วสินะ"

    "นั่นน่ะสิ หากประตูที่เชื่อมอยู่แค่ปลายจมูกพวกเราแล้วล่ะก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ"

    "หรือเจ้าคิดจะบอกอาจารย์คาล"

    "ข้าคิดเช่นนั้นจริง และอยากจะให้ลาเซ่มาช่วยพวกเราแทน"

    *****************

    ระดับพลังของยานีลที่วัดได้สูงจนน่าตกใจ สูงกว่าคนที่ชื่อลาเซ่ แต่น้อยกว่าคาลไม่มากนัก อีกทั้งความสมดุลของพลังก็มีมากจนน่าจับตามอง ฟาเซลยังคงทำการตรวจวัดต่อไป

    คนที่มากับลาเซ่พลังน่าสนใจมาก เขาจึงเลือกที่จะตรวจวัดคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับลาเซ่ก่อน เซคและอานาเมลเองก็ถูกวัดระดับพลังและความสมดุลโดยไม่รู้ตัว แต่พลังของทั้งสองไม่เป็นที่น่าสนใจของฟาเซลแม้แต่น้อย 

    ด้านของลาซิโอและฟาล่าเองก็ถูกตรวจวัดเช่นกัน ระดับพลังของทั้งคู่ไม่สูงมากแต่ความสมดุลนั้นเข้าขั้นเลยทีเดียว แน่นอนทั้งคู่ไม่รู้ตัวเช่นกัน ฟาเซลยังคงตรวจวัดจนครบแล้วออกจากสายด้วยความช่วยเหลือจากเดร่าเช่นเคย

    ***************

    "เป็นไงบ้างครับ"

    "มีน่าสนใจหลายคน แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือยานีล พลังสูงและความสมดุลก็สูงเช่นกัน"

    "จะจับตัวมาเลยไหมครับ"

    "ดี ข้าได้ข่าวว่าทุกคืนพระจันทร์เต็มดวงคาลจะไม่ออกมานอกห้อง อีกสามคืนจะถึงคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เราค่อยลงมือวันนั้น"

    ****************

    "เฮ้อ นี่ข้าแก่แล้วจริงๆสินะพวกเจ้าถึงทำเช่นนี้กันนะ ลาซิโอ ฟาล่า"

    "พวกเราสงสัยจริงๆนะครับอาจารย์ หากมีคนที่เชิญพวกทางเหนือได้จริง ทำไมถึงไม่แสดงอะไรออกมาเลย ทั้งที่พวกเราตรวจหมดแล้วยกเว้นสายไม้เท้าเวทย์นี่เท่านั้น"

    "พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่ได้ตรวจสอบสายไม้เท้าเวทย์และสายอื่นงั้นหรือ ข้าเองก็ตรวจหมดแล้วแต่ก็ไม่พบ"

    "เช่นนั้นหรือว่า.."

    "ใช่ อย่างที่พวกเจ้าคิด เป็นการรวมร่างไม่ใช่แค่พามาเฉยๆ ส่วนประตูน่ะข้าก็เจอแล้ว"

    "ใต้ทะเลสาบในสายไม้เท้าเวทย์ที่ที่พวกเรานัดเจอกันทุกคืนสินะคะ"

    "พวกเจ้าโชคดีมากที่อยู่ที่นั่นทุกคืนแต่ไม่เป็นอันตราย" คาลเอ่ยเสียงเรียบอย่างสะกัดกั้นอารมณ์

    "มันมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเงาของพระจันทร์ปรากฏขึ้น ส่วนประตูอื่นนอกจากนี้ หาไม่พบเลยครับ"

    "พระจันทร์ทำให้มันเปลี่ยนแปลงยังไงล่ะ" ผู้เฒ่าเบิกตากว้างด้วยความสนใจ

    "น้ำวนครับ กระแสน้ำจะเชี่ยวขึ้น ข้าคิดว่าน้ำนั่นจะพาไปยังเซลโก้ได้ แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะพากลับมาได้ไหม"

    "พวกเราเคยลองใช้เชือกยาวผูกติดกับเศษผ้าส่งเข้าไปดู พอตอนเช้าก็ให้ลาโอหาดู กลับไม่พบทั้งเชือกที่ว่าและเศษผ้าเลย รวมทั้งในทะเลสาบก็ไม่มีสัตว์น้ำเลยซักตัวค่ะ"

    คาลมองทั้งคู่อย่างครุ่นคิดก่อนที่จะใช้อาคมเรียกประวัติของทั้งคู่ขึ้นมาดูก่อนที่จะลงมือเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

    "ต่อไปนี้พวกเจ้าได้ 'หกไม้' ข้าได้รับรองให้แล้ว เอาล่ะ ทั้งสองคนตามข้ามา" ลาซิโอและฟาล่าถูกนำตัวไปยังอีกห้องหนึ่ง

    "คาล ..เด็กสองคนนี่" ชายหนุ่มอีกคนอยู่ในห้องนั้น

    "ท่านราจีฟ เด็กสองคนนี่เป็นผู้หาปากทางเข้าเซลโก้เจอครับ" ดวงตาสีทรายมองทั้งคู่อย่างพิจารณา

    "อา..เช่นนั้นข้าคงต้องพาพวกเขาไปด้วยสินะ"

    "ข้าไปเอง แต่ฟาล่า ข้ามิอาจให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย"

    "ไม่นะ ลาซิโอ ข้าก็จะไปและเจ้าห้ามข้าไม่ได้" สายตาสาวน้อยมองลาซิโอเย็นเยียบในทันที ลาซิโอปกป้องนางมากเกินความจำเป็นเสียแล้ว ไอความมืดปกคลุมโดยไม่รู้ตัว

    "หึ ฟิเลียสินะ" ราจีฟเอ่ยขึ้น หญิงสาวนิ่งอย่างยอมรับกลายๆ

    "เจ้าเป็นคนฟิเลียหรอกรึ" ลาซิโอไม่รู้มาก่อนเลย

    "ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้านี่ แล้วท่านรู้ได้อย่างไร"

    "สายตานั่น บ่งบอกความเป็นฟิเลียอย่างเห็นชัดเชียวล่ะ โตขึ้นเจ้าคง.."

    "อะแฮ่ม ท่านราจีฟ นี่ 'เด็ก' นะครับ" คาลรีบเรียกชายหนุ่มให้รู้สึกตัวก่อนที่แสดงนิสัยเก่าออกมา

    "อ่า เอาล่ะพวกเจ้าคืนสู่ร่างเดิมเถอะ จะได้ไม่มีปัญหาว่า พบเด็กของสภาเวทย์ไปป้วนเปี้ยนที่เซลโก้" ทั้งสองคืนสู่สภาพเดิมของตนในทันที

    "เดี๋ยวแม่หนู ร่างจริงๆของเจ้าน่ะ" ราจีฟสำทับเมื่อเห็นว่า ฟาล่าคลายมนต์แค่ชั้นเดียว ก่อนที่จะเข้ามายังสภาเวทย์ ฟาล่าได้เปลี่ยนร่างสองขั้น ขั้นแรกทำให้ดูว่าเป็นเด็กอายุไม่ถึงสิบปี ส่วนอีกขั้นนั้นทำให้คนภายนอกมองเห็นว่าตนอายุมากกว่าสิบห้าทั้งที่จริงแล้ว นางอายุสิบสองเท่ากับลาซิโอ ซึ่งลาซิโอเองก็รู้ว่านางใช้อาคมสองชั้น เด็กสาวร่างโปร่ง ผมสีแสดยาวสลวย ดวงตาสีแดงเพลิงอมประกายเขียว บอกถึงความหงุดหงิดชัดเจน ขณะที่เด็กหนุ่มผมดำสั้น ดวงตาทองส่อแววดื้อดึง

    "เอ่อ แน่ใจนะครับ ท่านราจีฟว่าจะไม่ให้ปลอมตัวไปน่ะ แค่ผมกับตาก็เด่นมากแล้ว"

    "เจ้าก็รู้ว่าหาคนที่มีสมดุลแห่งพลังในการไปยังเซลโก้ได้ยากอีกทั้ง หากไม่อยู่ในร่างเดิมจะทำให้สมดุลแห่งพลังในกายผิดเพี้ยนไป"

    "จะเดินทางเมื่อไหร่ครับ ในสายของข้ายังมีอีกหลายคนทีเดียวที่มีสมดุลแห่งพลังในกาย"

    "จะดีหรือ คาล ยังไงซะเจ้าเองก็เป็นอาจารย์ หากเด็กหายไปหลายคนคงเป็นที่ผิดสังเกตมากทีเดียว ความเป็นกลางของเจ้าในสภาจะสั่นคลอนนะ"

    "ข้าต้องการให้แน่ใจว่าท่านจะเจอสิ่งนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ท่านแต่ข้าเองก็เป็นห่วง..เขา" ทั้งคู่เริ่มคุยด้วยเสียงกระซิบที่ยากจะจับใจความได้ รวมทั้งภาษาที่ใช้ก็ยากจะบอกได้แน่ชัดว่าเป็นของเกรลาเชียหรือไม่ ลาซิโอพยักหน้าเล็กน้อยแก่หญิงสาว หากแต่หญิงสาวส่ายหน้าพลางทำปากบอกว่า มันเบาไป ฟาลไม่ได้ยิน

    "ข้ารู้ๆ เขาเองก็คงคิดถึงเจ้า เขาเอ็นดูเจ้ามากนะคาล รักษาที่นี่ไว้ให้ดีล่ะ ข้าจะให้คนๆ นั้นช่วยเจ้าดูแลที่นี่ หึๆ เขาแค่ชอบแหย่เจ้าเท่านั้นเอง เจ้าก็รู้" แม้ว่าจะเป็นความจริงแต่คาลก็อดทำหน้าย่นไม่ได้ ใบหน้าชราแลดูแก่กว่าเดิมนับสิบปี

    "ไม่นานที่นี่คงกลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อม เจ้าต้องระวังให้ดี" มือแกร่งตบบ่าผู้เฒ่าเบาๆ

    "ครับ ท่านจะเอาอานาเมลไปด้วยไหมครับ"

    "หนูน้อยคนนี้มีหมาป่าบริสุทธิ์อยู่แล้วคงไม่ต้องพาอานาเมลไปหรอก อีกอย่างอานาเมลเองก็ไม่สามารถใช้อาคมได้ รังแต่จะเป็นอันตรายซะเปล่าๆ"

    "ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากไปด้วยจริงๆ"

    "ฝากดูแลที่นี่ด้วย คาล"

    "ครับ" ผู้เฒ่าชราค้อมศีรษะให้ชายหนุ่ม ก่อนที่ทั้งสามจะออกจากห้องไป

    ***************

    "ท่านเป็นอะไรกับอาจารย์คาลหรือครับ"

    "อืม อันนี้ตอบยากนะ พวกเจ้าก็คิดซะว่าข้าเป็นอาจารย์พวกเจ้าอีกคนละกัน ข้าชื่อราจีฟ แล้วที่ต้องพาพวกเจ้ามาด้วยเพราะพวกเจ้ารู้ว่ามีทางเข้าออกที่สายไม้เท้าเวทย์ รวมทั้งมีสมดุลพลังในกาย นอกจากนี้หมาป่าของเจ้าก็มีประโยชน์กับข้ามาก"

    "สมดุลแห่งพลังคืออะไรคะ"

    "สมดุลแห่งพลัง หากเจ้ามีหมายความว่าเจ้าอาจจะได้มีโอกาสครอบครองเกรลาเชีย นั่นเป็นเงื่อนไขขั้นแรกของผู้ที่สามารถผ่านการคัดเลือกจากวิถีแห่งลม แต่มันจะเป็นมากในการผ่านประตูที่ไปยังดินแดนที่มีกลิ่นอายปีศาจคละคลุ้งเช่นเซลโก้ พวกเจ้าแน่ใจนะที่จะไปกับข้า"

    "ครับ/ค่ะ"

    "ทำไมล่ะ"

    "ข้าอยากรู้"

    "ข้าก็เช่นกัน หากท่านพบประตูคงรู้ว่าใครสร้างสินะ" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเคย

    "ไม่ เรื่องนั้นข้าไม่รู้ ผู้ที่เปิดประตูจะต้องมีการรวมร่างกับพวกเซลโก้ ผู้ที่รวมร่างกับพวกเซลโก้คนสุดท้ายคือเบทรีด เมื่อหลายร้อยปีก่อน ก่อนที่เคล์ยจะหายไป หากเบทรีดยังไม่ตายและสร้างผู้ที่มีร่างรวมกับปีศาจขึ้น ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะเป็นใครและมีจำนวนเท่าใด หรือบางทีเบทรีดอาจจะสูญสลายไปแล้วก็ได้ นั่น..ก็แค่เรื่องเล่า" แต่ราจีฟก็รู้ดีที่สุดว่าเบทรีดน่ะไม่ตายง่ายๆหรอก

    "ถ้าอย่างนั้นสภาแห่งนี้ก็ตกอยู่ในอันตราย" ฟาล่ามองไปยังราจีฟเป็นเชิงถาม

    "คาลดูแลได้ ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะแพ้กับพวกทางเหนือหรือแม้แต่พวกที่ทำให้สภายุ่งเหยิงเช่นพวกฟาเซลหรอกนะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก" ในที่สุด ทั้งสามมาถึงทะเลสาบ ราจีฟโบกมือเพียงครั้งเดียวทะเลสาบแยกออกเป็นบันไดเดินลงไปยังข้างใต้ เด็กทั้งสองมองด้วยความตกตะลึง

    "ตามมาสิ ประตูนี้จะพาไปยังบริเวณที่ใกล้เซลโก้ที่สุดเท่านั้น เพราะในเซลโก้เองการสร้างประตูเชื่อมต่อโดยตรงหากไม่ใช่ผู้ที่มีกลิ่นอายแห่งความมืดบริสุทธิ์เช่นพวกเชื้อสายกษัตริย์ฟิเลียแล้วจะทำได้ยากมาก"

    "พลังของท่าน" ลาซิโอลอบกลืนน้ำลาย

    "ข้าใช้พลังดินน่ะ ฟาล่า สัตว์เลี้ยงของเจ้าให้มันออกมาข้าจะทำให้มันเป็นเหมือนเครื่องประดับ เพราะหมาป่าสีเงินจะเป็นที่จับตามอง รวมทั้งเป็นเหยื่อได้ง่ายกับพวกที่ต้องการมัน ส่วนเธียของเจ้า ลาซิโอ นิ้ว คอกับหัวเจ้าอยากวางมันไว้ตรงไหนล่ะ"

    "ทำไมล่ะครับ" ฟาล่าเรียกฟาลที่มีท่าทีหวาดกลัวออกมา ส่วนลาโอก็หลุดออกมาจากเสื้อของเด็กหนุ่ม

    "เธีย หากหลับตาจะปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือก หากเกิดปัญหาจริงๆ ต้องให้เจ้าใช้พลังของเธียของเจ้า จะช่วยพลางตัวพวกเราได้"

    "ที่หูได้ไหมครับ"

    "ได้สิ"

    "สร้อยคอค่ะ" ฟาลกลายเป็นเครื่องประดับบนคอของหญิงสาว ส่วนลาโอก็ติดอยู่กับหูข้างหนึ่งของเด็กหนุ่ม

    "แล้วท่านไม่มีสัตว์เลี้ยงตัวไหนเลยหรือครับ"

    "มีสิ เป็นเหมือนเพื่อนข้าน่ะ จะให้คอยดูรอบๆและระวังให้พวกเรา" ชายหนุ่มยกนิ้วของตนให้ทั้งสองดู แหวนสีทองหัวประดับสีดำสนิท ไม่สามารถรู้สึกถึงความมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย

    "ชื่อเรนน่ะ แต่ตอนนี้ยังหลับอยู่" ฟังดูน่าวางใจเอามากๆสินะ ลาซิโอคิดอย่างปลงตก

    "พวกเจ้าพร้อมรึยัง"

    "ครับ/ค่ะ" ราจีฟจับมือทั้งคู่ แสงสีเทาอาบร่างทั้งสาม ก่อนที่ชายหนุ่มจะพาทั้งสองคนเดินผ่านประตูนั่น

    "เอาล่ะถึงแล้ว"

    "เมื่อกี้" หญิงสาวมองสำรวจตัวเอง

    "สำหรับพลางตัว ทำให้ดูเหมือนว่าพวกเรามีกลิ่นอายความมืด จะได้เป็นที่สนใจน้อยกว่าการที่มีสมดุลแห่งพลัง" ทั้งสองเดินตามราจีฟไปทางประตูเมือง

    "แต่..ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านถึงไม่พาผู้ที่มีความมืดมาล่ะคะ" หญิงสาวถามอย่างคาดคั้น

    "หากเป็นผู้ที่มีความมืดมา มีโอกาสที่จะถูกล่อลวงไปยังด้านมืดได้ง่าย ช่วงนี้เป็นโอกาสดี ข้าต้องการทำงานให้สำเร็จ คำทำนายแห่งเกรลาเชียดึงให้เซลโก้สนใจ การเฝ้าระวังจึงหละหลวม ข้าต้องการหาแหวนวงหนึ่งในเซลโก้ มันชื่อว่าแหวนสีหมอก"

    "ท่านคงไม่ได้ปลอมคำทำนายหรอกนะ"

    "หึๆๆ เจ้าหนุ่ม เจ้าถามได้ดี ข้าน่ะใช้เวทย์แห่งกาลไม่ได้หรอกนะ จะปลอมคำทำนายได้ยังไง และเพื่ออะไรกันล่ะ ข้าแค่รอจนถึงเวลาที่มีคำทำนายปรากฏเท่านั้น แต่เพราะคาลขี้กังวลเกินไปหน่อยเลยให้ข้าพาพวกเจ้ามาด้วย" ใบหน้าที่ดูอ่อนล้าของชายหนุ่มเมื่อยิ้มแล้วน่าจะทำให้สาวหลงได้มากมายทีเดียว

    "แล้วท่านจะให้พวกเราทำอะไรล่ะคะ"

    "ข้าต้องการหาคะ... ไม่สิ แหวนวงนั้น เรนกับหมาป่าของเจ้า"

    "ฟาล มันชื่อฟาล"

    "เรนกับฟาล ข้าอยากให้ช่วยหาแหวนวงนั้น"

    "เซลโก้เป็นเมืองที่ใหญ่มากนะครับ"

    "ใช่ ข้ารู้ รู้ดีทีเดียว" มือของชายหนุ่มกำแน่น ลาซิโอและฟาล่ามองอย่างแคลงใจ ทั้งสามมาถึงประตูเมือง เซลโก้ เกือบจะเป็นเมืองร้างไม่สิร้างแล้วต่างหาก

    "พวกเรามีเวลาสามวันส่วนที่พักข้าจะสร้างทางใต้ดินขึ้นแต่พวกเจ้าต้องไม่ทำให้สิ่งมีชีวิตอันน้อยนิดที่อยู่ที่นี่แตกตื่น สำหรับอาหาร ข้าเตรียมมาพร้อมแล้ว" ราจีฟนำทั้งคู่ไปยังโพรงใต้ดินแห่งหนึ่งมีทุกอย่างพร้อมแล้วจริงๆ ราวกับว่าชายหนุ่มแทบจะกินอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน

    "สิ่งมีชีวิตที่ท่านว่าคืออะไรครับ"

    "เกร็ดวารี"

    "เอ๊ะ แต่เกร็ดวารีไม่ได้อยู่ในที่ที่เย็นและชื้นหรือคะ"

    "เซลโก้เมื่อก่อนถูกทำให้เป็นเมืองร้าง สิ่งมีชีวิตถูกดูดไปเพื่อสร้างดาบพฤกษาด้วยความโลภของคนผู้หนึ่ง ต่อมาได้ถูกชำระล้างด้วยดาบมารดาแห่งแผ่นดิน แต่ไม่นานความอุดมสมบูรณ์ที่เกิดกลับถูกกลืนกินอีกครั้งได้มีการสร้างดาบพฤกษาอีก และโปรยละอองแห่งความตายออกมาปกคลุมพื้นที่โดยใช้เธียจำนวนมาก และทำการร่ายอาคมสาปให้ที่ดินแห่งนี้ไม่สามารถฟื้นคืนได้อีกก่อนที่จะสร้างกองทัพปีศาจขึ้นด้วยซากศพของคนที่ตายไปแล้วและนำมาฝั่งให้หลับใหลใต้ที่ดินแห่งนี้ เมื่อมีการเรียกขานพวกซากศพก็จะลุกขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน พวกเกร็ดวารีต้องการแค่ความเย็น พวกเจ้าต้องระวังเกร็ดวารีที่อยู่นี่นั้นมีพิษเพราะอาศัยน้ำเลือดและน้ำหนองที่ปะปนมากับน้ำที่นี่ แต่พวกเจ้าวางใจอาหารและน้ำที่ข้าเก็บไว้มาจากที่อื่น"

    "แหวนนั่นคงสำคัญมาก"

    "ใช่มากทีเดียว ข้าต้องหาให้เจอก่อนที่พวกที่อยู่ที่นี่จะรู้สึกตัว เราจะออกหาตอนกลางวันและออกนอกเมืองหรือซ่อนกายในตอนกลางคืน"

    "อาจารย์ครับแล้วแหวนนั่นอยู่ที่ไหนล่ะครับ ท่านสามารถระบุได้ไหมครับ"

    "ไม่แน่ใจ ข้าคิดว่าจะลองดูอีกครั้งหนึ่ง บางทีหากพวกทางเหนือลดน้อยลง อาจจะสามารถระบุตำแหน่งได้" ชายหนุ่มกล่าวอย่างเคร่งเครียด

    "ท่านหาแหวนนั่นมานานแค่ไหนแล้วคะ"

    "นาน" ราจีฟไม่ตอบอะไรอีก

    "นี่คือที่นอนของพวกเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าส่งเสียงดัง อย่างที่บอก หากต้องการพูดคุยกันให้ร่ายอาคมสกัดเสียงไว้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงทำได้"

    **********

    เมื่อราจีฟออกไปทั้งคู่จึงได้ร่ายอาคมสกัดกั้นเสียง

    "ผู้ชายคนนี้เชี่ยวชาญอาคมด้านดินมากเลยทีเดียวนะ ลาซิโอ"

    "แหวนนั่น มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือ ฟาล่า"

    "ไม่รู้สิ"

    "เจ้าคิดว่ายังไงกับดินพวกนี้ล่ะฟาล่า"

    "มันดูมีชีวิตไม่เหมือนดินข้างนอกนั่น" หญิงสาวสัมผัสดินสีทองอ่อนนุ่มผิดกับที่ที่พวกเขาผ่านมาซึ่งเป็นดินแห้งสีดินผสมดินเลนเละเหลวที่มีกลิ่นน่าขนลุก

    "ใช่ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจอยู่นอกเมืองเซลโก้แล้วก็ได้นะฟาล่า"

    "หมายความว่า ทางเข้าโพรงนี้อยู่ที่เซลโก้แต่จริงๆแล้ว หลุมที่ขุดมันออกมาทางนอกเมืองยังงั้นหรือ" หญิงสาวอดแคลงใจไม่ได้

    "หรือไม่ก็ผู้ชายคนนั้นเขาเอาดินจากที่อื่นมาถมใส่เมืองเซลโก้นั่นแหล่ะ"

    "จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ลาซิโอ ข้าคิดว่าการพลางตัวที่เขาทำก่อนที่พวกเราเข้ามานั่นมีความหมายมากกว่านั้นนะ" แสงสีเทาที่อาบร่างพวกเขานั่นเอง

    "เจ้าสงสัยเหมือนข้าเลย หรือว่าดินที่เซลโก้เองก็มีชีวิต"

    "ข้าก็ไม่รู้ ข้าไม่เก่งเวทย์ดินเอาซะเลย"

    "..ฟาลไง ฟาล่า ฟาลอาจจะรู้ถึงความผิดปกติของดินก็ได้ การที่ต้องให้ฟาลช่วยหาอาจจะเป็นเพราะฟาลรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับดินก็ได้ ที่นี่มีแต่ดิน เลนแล้วก็เนินทรายนะฟาล่า ไม่มีต้นไม้ ไม่มีป่า ไม่มีอะไรเลย" หญิงสาวสัมผัสจี้ของตนเบาๆ หมาป่าสีเงินออกมาจากจี้

    "ฟาล ดินที่นี่มีอะไรผิดปกติไหม"

    "มากเลยล่ะฟาล่า เป็นดินที่ได้รับการชำระแล้วแต่..ฟาล่า พวกเรายังอยู่ในเซลโก้นะ พื้นข้างใต้ดินนี่เป็นผืนดินที่ตายแล้วน่ะ"

    "บ้าน่า นี่เขาเอาดินจากที่อื่นมาถมที่นี่เลยหรือ" ลาซิโออุทานด้วยความตกใจ

    "หรืออาจจะทำการชำระล้างเอง เขามีพลังแห่งดินสูงมากนะลาซิโอ"

    "จอมเวทย์ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้นะฟาล่า การชำระล้างดินน่ะ ส่วนใหญ่จะต้องมีสื่ออาคม ไม่แน่ว่าสัตว์ที่ชื่อว่าเรนนั่นอาจจะเป็นสื่ออาคมก็ได้นะ"

    "อืม" แต่ทั้งหมดก็รู้ว่าผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้คงไม่ยอมตอบเป็นแน่

    *********

    "ท่านราจีฟครับ" แมวหนุ่มสีดำปลอดออกมาจากแหวน

    "เรน"

    "จะไม่กางอาคมจริงๆหรือครับ หากท่านไม่กางอาคมแล้วล่ะก็พลังของท่านจะถูกนำไปชำระดินนะครับ"

    "เรน ข้ามีหน้าที่ต้องชำระล้างผืนดินนะ ข้าทนไม่ได้หรอกที่เห็นดินพวกนี้ต้องตายไป แม้แต่ถูกลืม ข้าก็ทำไม่ได้หรอก ผืนดินคือส่วนหนึ่งของข้านะเรน"

    "แต่ตัวท่านจะอ่อนแรง"

    "หากข้าชำระได้มากขึ้น การจับสัมผัสของแหวนก็จะง่ายขึ้นด้วยนะเรน"

    "ครับข้าเข้าใจ..." แมวหนุ่มนิ่งไปชั่วอึดใจ หูเรียวกระดิกเล็กน้อย

    "มีอะไรหรือ เรน"

    "เด็กพวกนั้น ใช่ย่อยเลยนะครับ พวกเขาสงสัยว่าท่านทำการชำระดินอยู่"

    "หึๆ ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เพื่อแหวน ข้าไม่สนใจอะไรหรอก"

    "ท่านคิดจะทำพิธีอีกหรือครับ"

    "เรน ใกล้แล้วนะ ข้าชำระดินที่นี่มานานร่วมร้อยปีแล้ว พื้นที่ข้างล่างนั่นเป็นของข้าเกือบหมดโดยที่พวกที่นี่ไม่รู้ตัว ข้าจะใช้ร่างเจ้าเป็นสื่อตรวจหาสิ่งที่อยู่ระหว่างเจ้ากับดินที่ชำระล้างแล้วในบริเวณที่เป็นของข้า"

    "ครับ ข้าจะช่วยท่าน"

    "เรน.."

    "ครับ"

    "หากข้าเป็นอะไรไป หรือไม่อาจดูแลสองคนนั่นได้ ฝากเจ้าดูแลสองคนนั่นด้วย"

    "ครับ" แมวหนุ่มยังคงไม่มีทีท่าเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

    "อีกสองวันสินะครับ"

    "ใช่"

    ***********

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×