ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Grelacia

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ผู้ดูแล

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 52


    ตอนที่ 3 ผู้ดูแล


    ด้านอานาเมลและคาล

    "ไลน์ นายท่านส่งเจ้ามางั้นหรือ"

    "จะได้ดูเหมือนว่าท่านก็ถูกจับตาเช่นกันครับ กับพวกที่อยู่สายอื่นครับ" อานาเมลหรือไลน์มองคาลที่หงุดหงิดใจ

    "เดี๋ยว..เจ้า..หรือว่าถึงฤดูของเจ้าแล้วไลน์"

    "ครับ ท่านคาล เซเคียคือคนที่ข้าเลือก"

    "เวสต์เวิร์ตน่ะหรือ" เซเคีย  เวสต์เวีร์ตหรือเซค นั่นเอง

    "ครับ"

    "คงยุ่งยากน่าดูสินะ"

    "ครับ ความรู้สึกช้า แล้วท่านกับท่านฟลองล่ะครับ" ฟลองคือมังกรไฟที่อยู่ที่หุบเขาลาวา และมักตามกวนใจคาลจนผู้เฒ่าได้ตัดการติดต่อไปเมื่อต้องเข้ามาดูแลสภาเวทย์แห่งนี้ ซึ่งก็นานพอสมควรเลยทีเดียว

    "อย่าเอ่ยถึงเจ้าเด็กป่วนประสาทนั่น หากเจ้าต้องการติดตามเซเคียก็ตามใจเจ้า นี่คือคำอนุญาตที่นายท่านฝากมาให้เจ้า" แสงสีทองเรืองรองในมือของเฒ่าชรา

    "ขอบคุณครับ" ตราสัญลักษณ์ประหลาดปรากฏที่หน้าผากของชายหนุ่มก่อนจะจางหายไป

    "หากเซเคียไม่ยอมรับเจ้า เจ้าจะใช้อาคมไม่ได้นะ"

    "ครับ ข้าเข้าใจ แค่พละกำลังและความเร็วคงจะเพียงพออยู่แล้วครับ" อานาเมลยังคงมีทีท่าเป็นปกติราวกับไม่เดือดร้อนแม้แต่น้อยที่ตนจะใช้อาคมไม่ได้ ทำให้คาลเบาใจขึ้น

    "ข้าจะคอยดูแลเจ้าอยู่ห่างๆ อีกนานสินะไลน์..ไม่สิ อานาเมล ที่เจ้าจะกลับมาน่ะ"

    "ครับ ฝากความคิดถึง ท่านลาเซ่ด้วยนะครับ"

    "บอกกับเจ้าตัวเองสิ" ร่างในชุดคลุมปรากฏกายขึ้นข้างกายคาล

    "มาด้วยรึครับท่านลาเซ่"

    "อา ไลน์เนอร์ สัตว์เลี้ยงผู้น่ารัก" ชายหนุ่มในร่างหมาป่าเข้าไปคลอเคลียผู้มาใหม่

    "ขอบคุณที่ท่านช่วยดูแลข้ามาตลอดครับ"

    "จำไว้ไลน์เนอร์ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน นายท่านยังรอเจ้าเสมอ กลับมานะหากเจ้าต้องการ"

    "ครับ ท่านลาเซ่"

    ************

    "จะดีหรือครับ ที่ปล่อยไลน์ให้กลับคนงี่เง่าพรรค์นั้นน่ะ"

    "หึๆๆๆ อย่างน้อยไลน์ก็ทำตามความรู้สึกตัวเองนะคาล" สายตาที่ยั่วเย้าของชายหนุ่มทำให้ผู้เฒ่าหงุดหงิดใจ ก่อนจะเข้าใจในอาณัติสัญญาณ ร่างเหี่ยวชราแปรเปลี่ยนเป็นมังกรสีเผือดตัวเล็กบินเข้าไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม

    "อา เด็กดี"

    **************

    "อานาเมลๆ นี่เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นน่ะ"

    "เซค.. ยานีลเจ้าบอกอะไรเซคล่ะ" อานาเมลมองชายหนุ่มอีกคนที่อ่านหนังสือเงียบๆ ยานีลไม่น่าที่จะบอกอะไรที่เป็นความจริงแก่เซคแน่ และเขาเองก็ไม่อยากทำให้มันเสียเรื่องซะด้วยสิ  ยานีลยิ้มมุมปากบางๆ เป็นการส่งสัญญาณให้แก่กัน

    "เมื่อคืนหลังจากกลับมาแล้ว ฟาลไม่ได้นัดนายให้กับสาวไหนหรอกหรือ"

    "เดินเล่นใต้แสงจันทร์นี่สินะที่เจ้าหมายถึง แต่ไม่ใช่กับสาวที่ไหนหรอก.. แค่คนที่ดูแลข้ามาก่อน" สายตาของยานีลส่งแววตาผิดแปลกไปครู่หนึ่งด้วยความสงสัยว่าเรื่องจริงหรือ

    "ข้าจะใช้อาคมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เซค"

    "หะหา..." ทุกคนในห้องหันมามองผู้พูดเป็นตาเดียว

    "แล้วจะมีปัญหาเรื่องการเรียนอาคมรึเปล่า" ลาซิโอที่ฝึกโยนลูกแก้วอยู่ชะงักหันมามองด้วยความสนใจ เขารู้ว่าอานาเมลต้องมีนายถึงได้ใช้อาคมได้แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครและเพื่ออะไร

    "อาจารย์คาล ข้าอธิบายให้เขาฟังแล้ว เมื่อคืน" อานาเมลดูไม่เดิอนร้อนเลยแม้แต่น้อย

    "ทำไม ทำไมเจ้าไม่บอกข้าอานาเมล" เซคมองอานาเมลอย่างหัวเสีย

    "เซค เจ้ายังไม่ยอมรับข้า เช่นนั้นบอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ จะทำให้เจ้าหนักใจเสียเปล่าๆ อีกอย่าง ข้าไม่ได้ตายนะ เซค ถึงใช้อาคมไม่ได้แต่ข้ายังมีความเร็วและความแข็งแกร่ง ที่มากเกินพอทีเดียว" น้ำเสียงและสีหน้าผู้พูดบอกได้เป็นอย่างดีว่า ถ้าอยากลองก็เข้ามา

    "จะให้ข้าตามฟาลให้ไหม" ยานีลเอ่ยอย่างกลั้วหัวเราะ

    "หึ" ชายหนุ่มทำเสียงในคออย่าหงุดหงิด
     
    "อานาเมล เจ้าจะไม่เป็นไรแน่นะ ลาโอเคยบอกข้าว่า สัตว์เวทย์ที่ถูกนายปฏิเสธหรือถอดถอนน่ะจะถูกเหยียดหยามเย้ยหยันเชียวนะ"

    "หึๆ ฮะๆๆ ก็คงเป็นเช่นนั้น" อานาเมลไม่อนาทรร้อนใจแม้แต่น้อยหากว่ามีใครกล้ามาเหยียดหยามเขามันก็อีกเรื่องล่ะ ยานีลและลาซิโอไม่อยากเชื่อว่า เซคซึ่งเป็นคนที่อานาเมลเลือกที่จะติดตามแทนนายเก่าจะทำให้อานาเมลมีความเชื่อมั่นขนาดนั้น ทั้งคู่มองอานาเมลด้วยความพิศวง

    "แน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้มาที่สภาแห่งนี้เพื่อพักผ่อนน่ะ"

    "หึหึๆๆ ไม่แน่หรอกนะลาซิโอ" ทั้งสามมองอานาเมลด้วยความแปลกใจว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีเช่นนี้

    ***********

    กองกำลังแห่งเกรลาเชียที่ขึ้นตรงต่อผู้เฒ่าแห่งสภาเวทย์ทั้งหลายพากันรุดหน้าเพื่อหาตัวผู้ที่จะมาปกครองเกรลาเชียคนต่อไปอย่างไม่ลดละ เป็นที่รู้กันว่าหากกองกำลังของผู้เฒ่าคนใดหาเจอก่อน ย่อมมีอำนาจเบื้องหลังบัลลังก์แห่งเกรลาเชียมากมายทีเดียว

    "ท่านคาล น่าประหลาดนักที่ท่านไม่ยอมส่งขุมกำลังของท่านออกไปตามหาบุคคลในคำทำนายนั่น"

    "แล้วอย่างไรล่ะ ท่านฟาเซล ผู้ดูแลสายเธียแห่งแสงและความมืดเช่นท่าน คงไม่ได้ตั้งใจจะให้ข้าเข้าร่วมกับพวกท่านหรอกนะ" คาลยังคงเฉยเมย

    "หึ ท่านคาล เป็นเช่น ที่ท่านคิดนั่นล่ะ"

    "อะไรทำให้ท่านร้อนรนจนกระทั่งต้องมาหาข้าถึงที่สายไม้เท้าเวทย์นี่งั้นรึ" ฟาเซลหน้าชา ใช่ เป็นเขาเองที่บากหน้ามาหาคาล

    "ฮ่าๆๆ ท่านก็..พูดเกินไป ข้าเห็นว่าหากท่านไม่เข้าร่วมกับผู้ใดท่านก็จะโดดเดี่ยวในสภาแห่งนี้ หากเป็นเช่นนี้มิสู้ให้ท่านกับข้ามาร่วมมือกันไม่ดีกว่ารึ"

    "อา..น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก ข้าเองก็ยากที่จะปฏิเสธ ยากที่จะปฏิเสธเสียจริง" ฟาเซลกระหยิ่มใจ

    "แต่..ทางท่านผู้เฒ่าซาวีนก็ต้องการให้ข้าเข้าช่วย"

    "ไม่ว่าซาวีนจะเสนออะไรให้ท่านคงไม่เท่ากับที่เราเสนอ" ฟาเซลกล่าวอย่างหยึ่งทรนง

    "เรางั้นหรือ?"

    "ข้ากับเดร่า คาล พวกเราต้องการท่านนะ"

    "ท่านฟาเซล หากว่าสภานี้แบ่งเป็นสองฝ่ายก็ยากที่จะเป็นสภาเวทย์ได้" ผู้เฒ่ายังคงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพราวกับว่าฟาเซลยังมีสถานะเป็นเพียงผู้ดูแลสายเธียเช่นเดิม หาใช่พวกเดียวกันไม่

    "ท่านจะอยู่ตรงกลางงั้นหรือ" น้ำเสียงชายวัยกลางคนเริ่มกระด้างขึ้น

    "ใช่ ข้าเองก็บอกท่านผู้เฒ่าซาวีนเช่นนี้"

    "แล้วจะเสียใจคาลที่ไม่ยอมมาร่วมกับพวกเรา คาล ท่านยังหนุ่มทำไมต้องแปลงเป็นผู้เฒ่าด้วยล่ะ" ฟาเซลไม่เคยเห็นคาลในร่างคนหนุ่มมาก่อน รู้แต่ว่าคาลเป็นสัตว์เวทย์ แต่เนื่องจากเป็นมังกรดังนั้นคาลไม่จำเป็นต้องมีนายก็สามารถที่จะใช้อาคมได้ ซึ่งฟาเซลเองก็ไม่แน่ใจว่าคาลมีนายหรือไม่ เพราะคาลยังคงวางตัวเป็นกลางเช่นเดิมเรื่อยมา

    "ท่านฟาเซล วัยกลางคนเช่นพวกเราไม่นานต้องแก่ ข้าเองอยากทำตัวให้ชินเข้าไว้"

    "หึ หากข้าไม่รู้อะไรจะคิดว่า ท่านทำตัวเป็นเพื่อนซาวีนเฒ่าชรา" ชายหนุ่มใช้อาคมหายตัวไปด้วยความหงุดหงิด

    **************

    "อา ยังหาไม่เจออีกหรือ ไวน์เบิร์น"

    "ยังค่ะท่านปู่ ข้า ข้าต้องหาเจอในเร็ววันนี้แน่ค่ะ" หญิงสาวมองผู้เฒ่าที่นอนป่วยอย่างร้อนรน

    "ข้ารู้ ข้ารู้ เขาต้องอยู่แน่ เขาต้องอยู่ มิฉะนั้นจะไม่มีคำทำนายออกมาหรอก ถึงคาลจะไม่เชื่อก็ตาม" หากผู้ที่จะครองเกรลาเชียไม่อยู่ที่เกรลาเชียแล้วคำทำนายนั่นจะมีได้อย่างไร ซาวีนคิดเช่นนั้น

    "แต่ ท่านปู่.."

    "ไวน์เบิร์นปู่รู้ว่าหลานคลางแคลงใจในตัวคาล แต่ถึงคาลจะไม่เข้าร่วมกับเรา เขาก็จะไม่เข้าร่วมกับฟาเซลแน่ หลานเชื่อใจเขาได้ คาลเคยช่วยชีวิตปู่ไว้เมื่อนานมาแล้ว เราเป็นเพื่อนกัน แต่เพราะงานที่สภาเวทย์ทำให้เราต้องห่างกัน" ซาวีนนึกถึงคนที่แปลงตัวเองให้อยู่ในวัยชราเช่นเขาอย่างนึกขำ เป็นเรื่องที่มีแค่เขากับคาลเท่านั้นที่รู้ สาเหตุก็คือคาลช่วยชีวิตเขา เขาเองก็ตอบแทนด้วยการนำคาลมายังสภาเวทย์แห่งนี้ แต่ก่อนที่จะพาคาลมายังสภาเวทย์คาลกลับถูกมังกรไฟอีกตัวรั้งตัวไว้ เขาจึงออกความคิดให้คาลแปลงเป็นคนแก่ ซึ่งก็ได้ผล มังกรเพลิงตัวนั้นจำคาลไม่ได้ หลังจากนั้นคาลก้ตัดสินใจที่จะอยู่ในสภาพคนแก่ตลอดมา ตัวเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรมีเพื่อนแก่ด้วยกันก็รู้สึกดีไปอีกแบบ

    "ไวน์เบิร์นหากปู่เป็นอะไรไป หลานต้องไปหาคาลนะ" มือเหี่ยวย่นจับมือบอบบางด้วยรู้สึกเป็นห่วง

    "ค่ะ ท่านปู่" ใช่ ซาวีนมาหาคาลเพียงเพื่อจะฝากฝังหลานสาวของตนให้คาลช่วยดูแลเพราะซาวีนป่วยหนักและใกล้ตาย เขาแก่มากแล้ว

    ****************

    ทั้งอานาเมล ยานีล ฟาล่าและลาซิโอเองก็ล้วนเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสภา คนของสายอื่นเข้ามาป้วนเปี้ยนในสายไม้เท้าเวทย์ หรือคนในสายเองก็เป็นพวกของสายอื่น คาลเริ่มกางข่ายตรวจผู้ที่เข้ามาทำให้คนของฟาเซลยุ่งยากมากขึ้น

    ถึงคาลจะไม่ช่วยแต่ก็ไม่ควรที่จะขัดขวาง ฟาเซลค่อนข้างหงุดหงิดใจในเรื่องนี้นัก ส่วนเรื่องการตายที่เกิดขึ้นเพราะพวกทางเหนือยังไม่ได้จัดการแม้แต่น้อย ทำให้สภาวุ่นวายยุ่งเหยิง เมืองอื่นที่ไม่พอใจเกรลาเชียก็เตรียมจะบุกในช่วงที่เกรลาเชียกำลังระส่ำระสายเพราะคำทำนายแต่สัญญาณการบุกที่แท้จริงคือเมื่อคนที่เป็นผู้ปกครองตัวจริงปรากฏกายขึ้น ในขณะที่ผู้แอบอ้างก็มีมากมายนัก อย่างไรก็ตามหากทำให้สามดาราตอบรับไม่ได้แล้วล่ะก็ คนที่แอบอ้างก็จะถูกลงโทษแทน กระนั้นก็ยังมีผู้แอบอ้างปรากฏกายอยู่เนืองๆ

    "คนผู้นั้นต้องอยู่ที่นี่แน่"

    "ฟาเซล ทั้งเจ้าและข้าเองก็คิดว่าคนผู้นั้นจะต้องอยู่ที่สายไม้เท้าเวทย์ แต่จะทดสอบอย่างไรล่ะ"

    "เดร่า สามดารานั่นอาศัยสมดุลของพลังเป็นพื้นฐาน บางทีพวกเราต้องทำการทดสอบนักเรียนดูว่าใครมีสมดุลแห่งพลัง"

    "ฟาเซล สายของข้านั้นไม่มีเลยซักคน"

    "ทำไมเจ้ามั่นใจเช่นนั้นเดร่า" ชายหนุ่มมองเพื่อนของตนด้วยความประหลาดใจ

    "นักเรียนของข้าคือผู้ใช้ดินและน้ำหากมีสมดุลแห่งพลังเช่นท่านว่า ก็คงมีผู้ที่ใช้ได้ทั้งดินและน้ำปรากฏตัวในสายของข้าแล้ว แต่คนที่มีทั้งดินและน้ำกลับหนักไปทางดินบ้างหรือน้ำบ้างเท่านั้น"

    "ของข้าก็ไม่มี ยกเว้นตัวข้าที่เป็นทั้งแสงและความมืด แต่ข้าก็ไม่ผ่านการทดสอบของวิถีแห่งลม" ฟาเซลถอนหายใจอย่างเสียดาย

    "แล้วทางไวน์เบิร์นและซาวีนล่ะ"

    "สายของซาวีนมีอยู่คนหนึ่ง ชื่อ ลาเซ่ ส่วนสายของไวน์เบิร์นนั้น ไม่มีเลยนอกจากตัวของนาง และนางก็ยังไม่ได้รับการทดสอบ แต่ที่น่าจะเป็นที่รวมคนที่อาจจะได้มีโอกาสเป็นมากที่สุดคงเป็นสายของคาล เจ้านั่นมีพวกที่ทั้งบ้าและฝีมือดีไว้มากมายแต่กลับทำตัวเป็นกลาง ราวกับจะตั้งตัวเป็นผู้ครองสภาแห่งนี้อย่างลับๆ" น้ำเสียงของฟาเซลห้วนขึ้นทันทีเมื่อคิดถึงคาล

    "เช่นนั้นเราก็ต้องทดสอบให้ได้ว่าใครกันแน่ แต่จะทดสอบอย่างไรล่ะ"

    "ข้าไง เดร่า แสงและความมืด เจ้าคิดว่าคนเราจะมีสิ่งนี้เท่ากันทุกคนได้งั้นรึ"

    "งั้นท่านก็ต้องเข้าประชิดตัวนักเรียนทุกคนในสายไม้เท้าเวทย์"

    "นั่นสิ"

    *******************

    ฟาเซลเริ่มแผนการทันที ก่อนอื่นก็เป็นด้านไวน์เบิร์นก่อน ซึ่งเขาต้องเจอกับนางทุกเช้าจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะทำการทดสอบพลังดู รวมทั้งของคาลด้วย แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าพลังของคาลนั้นไม่ได้สูงเท่าที่เขาคิด ส่วนเจ้าหนุ่มที่ชื่อลาเซ่นั้น ต้องเรียนวิชาแสงแห่งพลังจากเขาอยู่แล้ว และก็ผ่านการทดสอบเสียด้วย

    ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาต้องลอบเข้าไปในสายของคาลซะแล้ว ฟาเซลใช้พลังทำให้ตัวเองดูอ่อนเยาว์ลง และใช้อาคมเปลี่ยนเค้าหน้าตาตน ก่อนจะผ่านเกราะอาคมที่คาลร่ายไว้ด้วยการช่วยเหลือของเดร่าที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างเกราะอาคมที่แกร่งที่สุดในสภาแห่งนี้

    "เข้ามาแล้วนะครับ ท่านลาเซ่"

    "หึ นั่นแหล่ะดีแล้ว คาล มาทดสอบข้าคิดว่าข้าไม่รู้งั้นรึ" ชายหนุ่มยิ้มเหยียด ความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาให้คนรอบข้างได้รู้สึกในทันที

    "...แล้วคนไหนล่ะครับที่นายท่านเลือกสรรให้เป็นผู้ครองเกรลาเชียคนต่อไป"

    "คาลเจ้าก็รู้ การได้ครองเกรลาเชียนั้นอยู่ที่คนที่ได้รับเลือกนั้นจะเลือกทางเดินของตัวเอง หาใช่ที่นายท่านทั้งหมดไม่ ก่อนอื่นก็ต้องดูก่อนว่าใครที่มีสมดุลพลังพอที่จะปลุกสามดาราได้"

    "ข้าเจอคนผู้นั้นมาแล้ว แต่ข้าเกรงว่าคราวนี้เราอาจจะได้เจอมากกว่าหนึ่งคนน่ะสิครับ" คาลเอ่ยขึ้นอย่างกลัดกลุ้ม

    "งั้นสภาแห่งนี้ก็น่าสนใจจริงๆ โดยเฉพาะสายของเจ้า เจ้าทำเรื่องให้ข้ามาอยู่ที่สายของเจ้าหน่อยสิ" ลาเซ่มองผู้เฒ่าอย่างอารมณ์ดี สายไม้เท้าเวทย์นั่นล่ะที่เขาอยากเข้ามาจริงๆ แต่ในตอนที่ทดสอบ เขาลืมสนิทว่าจะเข้ามาอยู่ที่สายนี้ เผลอใช้พลังด้านการควบคุมสัตว์มากเกินไปหน่อย

    "ไม่ดีหรอกมั้งครับ ท่านลาเซ่ เดี๋ยวซาวีนจะสงสัยได้ยิ่งตอนนี้เป็นเวลาแห่งความหวาดระแวงอยู่ด้วย" คาลค้านอย่างไม่เห็นด้วย

    "ให้ข้ามาอยู่กับเจ้าสิ ข้าจะได้ดูแลเจ้าได้สะดวก มังกรน้อยของข้า ซาวีนน่ะอาจจะคิดยกหลานสาวให้เจ้าก็ได้นะ หึๆ" ลาเซ่กล่าวอย่างยั่วๆแกมบังคับ

    "ไม่หรอกครับ ซาวีนเป็นเพื่อนของข้า เขารู้ว่าข้าเป็นมังกร ไม่สิต้องบอกว่าคนที่นี่ที่มีอาคมสูงต่างก็รู้ว่าข้าเป็นมังกรทั้งนั้น"

    "งั้นเจ้าก็ยังฝึกมาไม่ดีสินะ มังกรน้อย" ลาเซ่กอดมังกรตัวจ้อยอย่างเอาแต่ใจ ก่อนที่จะแกล้งมัดหางมังกรแล้วค่อยจากไป ทิ้งให้มังกรตัวน้อยคิดถึงชายหนุ่มอย่างอาฆาต แต่ก็รู้ตัวว่าต้องเอาผู้ดูแลคนนี้เข้ามาอยู่ในสายของเขาในที่สุด มิฉะนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าผู้ดูแลที่แสนน่ากลัวจะหาวิธีใดมาทรมานเขาอีก

    *************

    เกือบเดือนแล้ว ฟาเซลได้ตรวจดูนักเรียนที่สายไม้เท้าเวทย์กว่าครึ่งยังไม่พบสิ่งผิดปกติอันใด หากแต่ก็ต้องแปลกใจที่เจอกับลาเซ่ที่สายไม้เท้าเวทย์ซึ่งมากับคาล ชายหนุ่มแอบตามทั้งคู่ในทันที

    "มาได้ยังไงครับ"

    "ละ..อานาเมล ไม่ดีใจหรือที่เจอข้า" ลาเซ่มองอานาเมลอย่างอารมณ์ดี

    "ดีใจสิครับ ข้าน่ะดีใจเป็นที่สุด" อานาเมลโผเข้ากอดลาเซ่ด้วยความเคยชินอย่างไม่สนใจกับสายตาผู้ใด คาลมองทั้งคู่ด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะส่งเสียงประกาศแก่ทุกคนในสายนี้

    "ต่อไปนี้ ลาเซ่ เซอร์เรสจะอยู่ที่สายไม้เท้าเวทย์ด้วยกันกับพวกเรา และจะให้ร่วมห้องเดียวกับ อานาเมล ไปก่อน"

    "อย่าทำให้ข้าต้องปวดหัวนะครับ" คาลกระซิบกับชายหนุ่มด้วยเสียงที่เหี้ยมและแผ่วเบา

    "ฮะๆๆ เจ้าดุขึ้นเยอะนะ มังกรน้อยของข้า" ลาเซ่กลับหอมแก้มผู้เฒ่าแทน คาลรีบเดินออกไปทันที

    "ยังชอบแกล้งท่านคาลอยู่สินะครับ" ทั้งสองเดินไปคุยไป

    "แน่นอน หรือเจ้าไม่คิดว่าคาลน่าแกล้งกันล่ะอานาเมล"

    "สำหรับข้า ข้าไม่กล้าหรอกครับ ท่านคาลน่ะน่ากลัวจะตายเวลาดุ" ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยเต็มแก่กับการที่จะไปแหย่มังกรที่หลับให้ตื่น

    "หึหึหึ อาจจะเพราะว่าข้าชอบฝึกสัตว์ล่ะมั้ง"

    "ครับๆ ข้าเข้าใจ เอาล่ะถึงห้องแล้วข้าจะแนะนำให้รู้จักกับทุกคนที่นี่นะครับ" อานาเมลเปิดประตูห้องเข้าไป เพื่อนๆ ของเขายังอยู่กันครบ แม้แต่ฟาล่าเองก็มาอยู่ที่นี่ด้วย ตลอดเดือนทุกคนต่างช่วยกันหาวิธีที่จะสืบหาข้อมูลที่สภาแห่งนี้อย่างรัดกุม

    "ทุกคนนี่ท่าน...นี่คือลาเซ่ เซอร์เรสจะมาพักที่นี่กับพวกเรา ส่วนนี่เซค ยานีล แล้วก็ลาซิโอครับ อ่า..ส่วนนาง คือ ฟาล่า เป็นเพื่อนพวกเราเช่นกัน"

    "ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อลาเซ่" ยานีลมองลาเซ่อย่างไม่ไว้ใจ อานาเมลดูจะสนิทสนมกับลาเซ่ไม่น้อยทีเดียว

    "อ่า ข้าชื่อเซค ยินดีที่ได้รู้จัก"

    "หึหึ เธียรึ" อานาเมลอดยิ้มไม่ได้ ตอนแรกที่เจอเซคเขาก็คิดเช่นนั้น ดวงตาที่กลมโตนั่น

    "เธียอะไร" ผิดกับยานีล ฟาล่าและลาซิโอที่ปกปิดยิ้มได้แนบเนียน

    "เธีย กับหมาป่า ข้าน่ะมาจากสายเกลน (เป็นสายที่รวบรวมเหล่าผู้มีพลังควบคุมมอนสเตอร์และพฤกษา)นะ พวกเจ้าปกปิดข้าไม่ได้หรอก" ลาโอและฟาลโผล่ออกมา ก่อนที่จะมาสำรวจลาเซ่ที่ยื่นมือเข้าหาทั้งคู่

    "ข้าชอบเขาล่ะ ลาซิโอ"

    "ข้าก็ด้วย" ทั้งสองเข้าซุกไซร้ลาเซ่เป็นการใหญ่ ส่วนอานาเมลยิ้มกับภาพที่เห็น เขามีความสุขเมื่อเห็นลาเซ่รายล้อมด้วยฝูงสัตว์ เป็นภาพที่น่าดูสำหรับเขา ลาเซ่มักจะดึงดูดสัตว์ต่างๆเสมอ

    "อา พวกเจ้าชื่ออะไรน่ะ"

    "ข้าชื่อฟาล"

    "ข้าชื่อลาโอ"

    "ฟาลกับลาโองั้นรึ ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าชื่อลาเซ่"

    "ท่านลาเซ่"

    "ท่านลาเซ่" ทั้งสองวนไปรอบๆชายหนุ่มที่ยังคงยิ้มอย่างสบายใจ สัตว์ทั้งสองตัวนี้ยังโตไม่เต็มที่คิดๆแล้วเขาก็นึกถึงตอนที่เลี้ยงดูไลน์เนอร์ อานาเมลเองก็ดูจะเข้าใจความคิดของชายหนุ่มดี

    "ท่านนอนที่นอนของข้าเถอะครับ"

    "แล้วเจ้าล่ะ อานาเมล"

    "ข้าก็นอนให้ท่านกอด"

    "หึหึหึ เจ้ารู้ดีเสมอ" มือแกร่งลูบหัวหมาป่าหนุ่มอย่างเคยชิน

    "พวกเจ้ารู้จักกันมาก่อนจริงๆสินะ อานาเมลถึงได้มีทีท่าที่แปลกประหลาด อีกอย่างเจ้าเองก็พูดภาษาสัตว์ได้" ยานีลที่มองมานานเอ่ยปากถาม

    "ข้าเคยเลี้ยงดูอานาเมลมาก่อน และเป็นคนฝึกอานาเมล สำหรับภาษาสัตว์นั้นข้าพุดได้ก็ไม่แปลกนี่ ในเมื่อข้ามาจากสายเกลน" สายตาของลาเซ่แทบจะทำให้ยานีลเสียววาบ สายตาราวกับผู้ที่จะจัดการคนที่ขวางทาง ราวกับจะถามเขาว่า จะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู

    "แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทิ้งอานาเมลเลยนี่" เซคถามอย่างสงสัย

    "เป็นการตัดสินใจของอานาเมล ข้าแค่ตามมาดูเท่านั้น" ลาเซ่ตอบอย่างสบายใจ


    "พลังของเจ้าคงเกี่ยวกับการบังคับพวกมอนสเตอร์สินะ ฟาลถึงได้ชอบเจ้า" ฟาล่าถามชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าฟาลคลอเคลียแทบไม่ห่างงลาโอเองก็มีอาการเดียวกัน

    "ใช่ แต่พวกสัตว์น่ะชอบข้าอยู่แล้ว และข้าเองก็ชอบพวกมันด้วย" ลาเซ่ตีที่ตักตนเบาๆ อานาเมลในสภาพหมาป่าสีเงินตัวจ้อยก็กระโจนไปบนตักชายหนุ่ม

    "เด็กดี" ลาเซ่ลูบหัวอานาเมลแผ่วเบา ก่อนที่หมาป่าหนุ่มจะหลับไป เซคมองอย่างอิจฉา ถึงอานาเมลจะมาขอติดตามเขาแต่ก็ไม่เคยเชื่อฟังเขาเลยมีแต่เขาน่ะสิที่ต้องเชื่อฟังอานาเมล ส่วนยานีล ฟาล่าและลาซิโอที่กำลังคุยเรื่องเมืองเซลโก้ขณะที่ลาเซ่เข้ามา ก็ลังเลว่าจะพูดต่อดีไหม ลาซิโอตัดสินใจออกไปข้างนอกและพาคนอื่นออกไปด้วย รวมทั้งฟาลและลาโอที่แทบจะไม่ยอมห่างลาเซ่เลย

    "อ้าว เจ้าไม่ไปกับพวกเขารึ" ลาเซ่ถามเซคอย่างแปลกใจ

    "ไม่" ชายหนุ่มนั่งเฝ้าลาเซ่และอานาเมลจนผลอยหลับไป

    "หึๆๆๆ ไม่ยักจะแผ่กลิ่นอายความเย็นยะเยือกออกมาเช่นเธียเวลาหลับตาแฮะ เจ้าเลือกคนนี้จริงๆรึ ไลน์"

    "ครับ" สายตาของหมาป่าหนุ่มมุ่งมั่นจนลาเซ่ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

    "เจ้าคงโดนสายตาที่เหมือนเธียนั่นสะกดเข้าให้แล้ว"

    "ฮ่าๆๆ ครับ ข้าก็คิดเช่นนั้น"

    "เอาเถอะ ที่ข้ามานี่เพราะอยากจะให้สิ่งนี้กับเจ้าด้วยตัวเองแล้วก็อยากจะแน่ใจว่าเจ้าปลอดภัยดี มีเพื่อนที่ดีเท่านั้น" ลูกแก้วเม็ดเล็กสามเม็ดถูกมอบให้หมาป่าหนุ่ม

    "เรียกข้า หากอยากให้ข้าช่วย ส่วนเม็ดสุดท้าย... หวังว่าเจ้าจะได้ใช้มัน เรียกข้า หากอยากกลับมา" เม็ดสุดท้ายถูกวางไว้ที่หน้าผาก ตราสัญลักษณ์ปรากฏขึ้นพร้อมกับลูกแก้วเม็ดสุดท้ายติดอยู่ที่สัญลักษณ์นั่นก่อนจะจางหายไป

    "ข้าคงคิดถึงท่านมาก"

    "ข้าก็เช่นกัน ไลน์เนอร์"

    *************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×