ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Grelacia

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 บทเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 52


    ตอนที่ 2 บทเริ่มต้น


    "แย่แล้วลาซิโอ เจ้ารู้ข่าวรึยัง เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วนะ เจ้าหายไปไหนมาเนี่ยะ" เซครีบร้อนจนแทบจะบอกความอะไรไม่ได้มากนัก ยานีลจึงตอบแทน

    "อาจารย์บาล์นถูกฆ่า ตอนนี้อาจารย์คาลอยากให้นักเรียนทุกคนอยู่ที่หอก่อนน่ะ"

    "อือ ลอบฆ่าเหรอ"

    "ไม่รู้" สิ่งแรกที่ลาซิโอคิดออกคือ หอคอยกลาง อาจารย์บาล์นเป็นผู้ดูแลหอคอยนั้น หากจะตอบว่าถูกฆ่าในหอคอยคงไม่แปลก แต่ทำไมต้องไม่ให้เด็กออกนอกเขตของไม้เท้าเวทย์ด้วย ทำไมต้องอยู่ที่หอ..คนที่ฆ่ายังอยู่ข้างนอกนั่น

    "ตายยังไง" อานาเมลอดถามไม่ได้

    "ดาบเรียวบาง แทงทีเดียวตาย แต่ตามตัวมีรอยสัตว์แทะไปหมด" ยานีลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    "งั้นก็น่าแปลกที่นี่มีสัตว์ด้วยหรือ" ลาซิโอถามอย่างมึนงง

    "มีสิ โธ่ เจ้าเอาเวลาไปทำอะไรแน่ สัตว์ของเจ้าก็อยู่ที่ตัวเจ้ามิใช่หรือ งั้นทำไมคนอื่นจะเอาสัตว์เข้ามาไม่ได้ล่ะ" จริงสิ เธอคนนั้นมีหมาป่านี่ ไม่สิ นี่ไม่ใช่คืนพระจันทร์เต็มดวงนี่ ต้องเห็นถึงจะรู้ 

    ลาโอถูกส่งตัวออกไปด้วยอาคมอย่างเงียบเชียบ ลาซิโอเชื่อว่าพวกเพื่อนเขาเองก็คงทำเช่นกันแต่สำหรับยานีลคงใช้อาคมมากกว่า เพราะนิ้วของชายหนุ่มสั่นขึ้นลงเป็นจังหวะ

    "แล้ว..พวกเราจะอยู่กันแต่ในหอนี่งั้นหรือ" เซคเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน

    "เจ้าสนใจที่จะออกไปดูงั้นหรือเซค" ดวงตาคมตวัดมองอย่างรำคาญ

    "โธ่อานาเมล ก็ ก็ข้าอยากรู้นี่นา" เซคเบือนหน้าหันมาขอร้องลาซิโอกลายๆ น่าสนใจ น่าสนใจนักความสัมพันธ์ระหว่างเซคกับอานาเมล เขาเชื่อว่ายานีลเองก็คงสังเกต เซคเอ๋ย เจ้ายากที่จะปิดบังใครได้จริงๆหรือนี่ ลาซิโอลอบถอนใจ สัตว์เลี้ยงปีศาจสินะ  เซค

    "เอาเถอะ หากอานาเมลไม่พาเจ้าไป งั้น ข้าไปกับเจ้าก็ได้" ลาซิโอลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะตรงไปยังประตู

    "ดะเดี๋ยวสิลาซิโอ" เซคคว้าแขนชายหนุ่ม

    "อะไรล่ะ"

    "ก็เจ้าไม่ควรใช้ประตูนี่นา ออกไปคนอื่นก็รู้หมดน่ะสิว่าเจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ"

    "งั้นเจ้าจะทำยังไงล่ะ ที่นี่น่ะมันชั้นหกนะเซค เจ้าจะปีนลงไปหรือ"

    "อะฮ้า เวทย์ลอยตัวไง นะนะ ลาซิโอ"

    "เจ้าใช้เป็นรึ"

    "แน่นอน เจ้าแค่มากับข้าก็พอ" พริบตาเดียวทั้งคู่ก็ลอยอยู่นอกหน้าต่าง แต่มืออีกข้างของเซคกลับถูกอานาเมลยึดไว้แน่น

    "ข้าเองก็เบื่อ ข้าไปด้วย"

    "งั้นข้าก็ต้องไปด้วยสินะ" ยานีลเองก็ไวพอที่จะคว้าแขนอีกข้างของอานาเมลเช่นกัน ทำให้การทรงตัวของเซคเป็นไปอย่างยากลำบาก

    "พะพวกเจ้า พวกเจ้าทำอะไรซะซักอย่าง ข้า ข้าจะไม่ไหว" ยานีลเองใช้เวทย์ลอยตัวเช่นกัน ในขณะที่อานาเมลสร้างแท่นดินจากผนังของหอนอน ส่วนลาซิโอเองเพิ่งประจักษ์ความสามารถของเพื่อนทั้งสองของเขาในวันนี้หลัง จากครุ่นคิดอยู่นาน แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ใช้เวทย์อะไรแน่นอนเมื่อไม่มีอานาเมลและยานีลแค่น้ำหนักของเขาย่อมไม่เป็นปัญหากับเซคอยู่แล้ว ทว่าเซคกลับคิดว่าทั้งสามคงใช้เวทย์ช่วยตัวเองจึงปล่อยมือจากลาซิโอและอานาเมล เป็นเหตุให้ลาซิโอตกลงไปทันที เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าจะร้องออก และผู้เคราะห์ร้ายคงไม่พ้นหญิงสาวอีกคนที่เดินแนบตัวไปกับผนังหอชั้นล่าง ฟาล่านั้นเอง แต่ฟาลก็ไวพอที่จะดึงนายสาวของตนหลบออก ก่อนที่ลาโอจะพองตัวรับชายหนุ่มทำให้ทั้งคู่กระแทกพื้น

    "ขอบใจมากฟาล ลาโอ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหมฟาล่า ข้าขอโทษด้วย"

    "ไม่ แล้วท่าน..ทำไมถึงได้โดดลงมาล่ะ" หญิงสาวเหลือบมองด้านบนที่ชายหนุ่มอีกสามคนกำลังลงมาจากหอด้วยวิธีต่างกัน

    "ข้าถูกปล่อยต่างหาก ช่างเหอะ เจ้ามาอยู่นี่ได้ไง"

    "ทางนี้เป็นทางผ่านไปยังหอกลางได้เร็วที่สุดน่ะสิ"

    "จริงของนางนะลาซิโอ เจ้าเป็นไงบ้าง ข้าขอโทษที่ปล่อยมือเจ้า" เซคกล่าวอย่างสลดก่อนจะเหลือบเห็นลาโอที่ลดขนาดแล้วเกาะที่ปกเสื้อชายหนุ่ม ด้วยแววตาเป็นประกาย

    "ไม่เป็นไรหรอกเซค" ชายหนุ่มตบบ่าเพื่อนตนอย่างไม่ถือสา

    "ไปได้แล้วล่ะมั้ง ข้าคิดว่าคนที่จะผ่านทางนี้ต้องมีเยอะมากแน่" ถูกของอานาเมล เสียงพึมพำของมนต์ดังมาแต่ไกลจริงๆ ด้วยประสาทสัมผัสที่ไวทำให้ลาซิโอได้ยินเสียงชัดทีเดียว แต่ชายหนุ่มก็เบาใจที่ผู้มาไม่ใช่อาจารย์แน่นอน ทั้งห้ามุ่งตรงไปยังตัวปราสาท ทว่าระหว่างทางก็รู้สึกได้เลยว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ยากแก่การมองเห็นอยู่ กันไม่ห่าง พวกเขาไม่ใส่ใจพวกนั้นและคนพวกนั้นเองก็หาได้ใส่ใจเขาไม่ เป็นอันรู้กันว่า เกิดเรื่องน่าสนใจในสภาทั้งทีก็ยากจะพลาดได้

    ***********

    "ท่านผู้เฒ่าคาลครับ อาจารย์บาล์นถูกอาคมแห่งความมืดครับและคาดว่าน่าจะมีเกสรพฤกษาผสมด้วย"

    (เกสรพฤกษา ทำให้ผู้ที่ได้รับไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายหรือแม้แต่เปล่งเสียงออกมาได้)

    "อืม เกสรพฤกษางั้นหรือ แล้วยังจะอาคมด้านมืดอีกต่างหาก เอาล่ะคงต้องหาคนมาทำหน้าที่แทนอาจารย์บาล์นสินะ อืม บีวาเจ้าทำล่ะกัน จนกว่าจะหาคนมาทำหน้าที่นี้ได้ เจ้าเป็นผู้ช่วยของบาล์นมาก่อน คงไม่มีปัญหาอะไร" ชายผู้เฒ่าเหลือบมองศพแวบหนึ่งก่อนจะครุ่นคิดเงียบๆโดยไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน ไม่นานชายชราก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

    "ไม่ไหว ไม่ไหว ข้าเห็นจะแก่แล้ว เฮ้อ ไม่ไหว ไม่ไหว เอาล่ะ ซีลาเจ้าจัดการศพของบาล์นให้ข้าที แล้วเรียกประชุมด่วน สำหรับอาจารย์ที่ดูแลแต่ละสายที่ห้องน้ำตาลแดงนะ เฮ้อ ข้าตามโลกไม่ทันแล้วจริงๆ" ชายผู้เฒ่ายังบ่นพึมพำไปตลอดทาง คล้อยหลังชายแก่ อาจารย์สองท่านดูจะมีท่าทีเปลี่ยนไปทันที

    "เจ้าพวกเด็กน้อย กลับหอไปได้แล้ว มิฉะนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ" น้ำเสียงแข็งกร้าวด้วยอาคมทำให้เหล่าผู้แอบซ่อนต้องสะดุ้งเฮือก ก่อนที่อาจารย์สาวผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ดูแลหอแห่งนี้หมาดๆ จะขยับกายผงสีขาวกำจายไปทั่ว เงาจำนวนมากพลิ้วผ่านกระจายหนีออกไปจากบริเวณนั้นทันที เพราะนางผู้นี้ อาจารย์บีวา ได้ขึ้นชื่อในเรื่องการใช้พิษที่เก่งที่สุดในสายไม้เท้าเวทย์นั่นเอง และเวทย์ที่หล่อนใช้เป็นเวทย์ที่สอนตั้งแต่วันแรกของการเรียน เวทย์นี้ผู้ที่ถูกอาคมจะเกิดเม็ดนูนประหลาดบนศีรษะอย่างน้อยหนึ่งเม็ด และจะเจ็บราวกับถูกเขกหัวเลยทีเดียว

    *********

    พวกของลาซิโอไม่ได้หลบออกไปไหน พวกเขาเรียนการใช้พิษมาก็จริงแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ทางแก้เลยนี่นา ฟาล่า นางใช้อาคมสกัดกั้นตั้งแต่ตอนที่อาจารย์บีวาขยับตัว พวกเขาจึงมีเวลาพอที่จะอยู่ ณ ห้องนั้นเพื่อพิจารณาสภาพศพที่ยากแก่การสังเกตด้วยพลังพิเศษของลาโอ แต่ไม่นานศพก็หายไปจากที่เกิดเหตุ และอาจารย์ทั้งสองก็หายไปเช่นกัน

    "อ่า เอาไงดีล่ะ อานาเมล"

    "กลับสิ" พวกเขากลับหอในที่สุด ถึงจะไปยังห้องประชุมของเหล่าอาจารย์ก็อาจจะยากที่จะฝ่าด่านอาคมเพื่อเอาข้อมูลมาอยู่ดี

    "ของข้าไปทางนี้ ไปก่อนนะ" ฟาล่าแยกไปอีกทางดูเหมือนนางจะพูดกับลาโอเสียมากกว่า

    "เอาล่ะ งั้นพวกเราก็คงต้องเข้านอนสินะ"

    "อืม"

    คืนนั้นทั้งสามก็หายตัวไปทิ้งให้เซคนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสบายใจเพียงผู้เดียว

    ********

    "ยานีลงั้นรึ"

    "อานาเมล เจ้าก็มารึ"

    "ใช่ ศพนั่นไม่มีทางหายได้เร็วขนาดนั้นหรอก"

    "ข้าและฟาล่าก็คิดเช่นนั้น" ลาซิโอและฟาล่าปรากฏกายขึ้น

    "พวกเจ้า มาตั้งแต่ตอนไหนกัน" ยานีลเผลออุทานออกมา

    "เมื่อกี้ ก่อนหน้าพวกเจ้าไม่นาน ข้าพบฟาล่า นางมาสำรวจแถบนี้"

    "หึ งั้นพวกเราควรช่วยกันสินะ" ยานีลหยักยิ้มอย่างพอใจ เขากังวลแทบตาย นึกว่าจะมีเพื่อนร่วมห้องที่โง่เง่าชอบทำแผนเสียเสียแล้ว อานาเมลไม่ออกความเห็นใด สำหรับลาซิโอแล้ว อานาเมลรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าคบได้ และปลอดภัย อย่างน้อยลาซิโอก็ละแวดระวังไม่เหมือนเซค เฮ้อ คิดแล้วก็กลุ้ม นี่เขาคงโง่ที่สุดเลยล่ะมั้ง

    "อานาเมล เจ้ากับฟาลช่วยกันหากลิ่นเลือดทีนะ แล้วก็หาอาจารย์คาลด้วย" หมาป่าหนุ่มสีเงินขยายขนาดขึ้นเลียมืออานาเมล ลาซิโอ ไม่สิไม่แค่เจ้า ทุกคนคงรู้แล้วล่ะมั้ง อานาเมลคิดอย่างเงียบๆพลางเหลือบมองพวกเพื่อนตนและหญิงสาวที่ดูจะไม่แปลกประหลาดใจอันใด

    "ส่วนเจ้า ยานีลช่วยข้ากับฟาล่าหาร่องรอยของอาคม"

    "ได้"

    ***********

    ไม่นานรอยเลือดก็ถูกพบ ทะลุผ่านกำแพงอาคมที่สร้างกับดักเวทย์ไว้ล้อมรอบ ส่วนกลิ่นของอาจารย์คาลนั้นทำให้ทั้งฟาลและอานาเมลประหลาดใจมาก ..กลิ่นที่น่าหลงใหลเกินกว่าจะเป็นกลิ่นของมนุษย์ กลิ่นที่ทำให้ทั้งฟาลและอานาเมลเกือบจะเคลิ้มราวกับถูกมนต์สะกด ที่แท้อาจารย์คาลอยู่ห่างไปไม่ไกล ส่วนศพอยู่ถัดออกไปอีกสามห้อง

    "เช่นนั้น ข้ากับลาซิโอจะไปดูทางด้านอาจารย์คาลล่ะกัน"

    "งั้นข้าก็ต้องไปกับนางสินะ" ยานีลเหลือบมองหญิงสาวอย่างครุ่นคิด

    ทั้งสี่แยกเป็นสองกลุ่ม

    ************

    ฉึก

    เข็มน้ำแข้งบางเฉียบปักเลยหัวพวกเขาไปนิดเดียว

    "เวทย์กระจอกนั่นคิดว่าจะตบตาข้าได้หรือ"

    "อาจะ อาจารย์ครับ พวกข้าเอง"

    "ลาซิโอ อานาเมล มีธุระอะไรรึ" ทั้งสองมองชายชรานิ่ง

    "กลิ่นของอาจารย์ มัน ผิดปกติครับ" อานาเมลตอบอย่างไม่สะท้าน

    "แล้วยังไงล่ะ"

    "อาจารย์ใช่ คน รึเปล่าครับ" สายตาของอานาเมลยังสบตาผู้เฒ่าอย่างไม่ลดละ

    "พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันรึ"

    "เอาเถอะครับ อาจารย์  ข้าไม่ได้มาเพื่อจะสอบถามหรือพูดเรื่องนี้กับท่าน อีกอย่างกฏของสภาแห่งนี้ก็ไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องที่จะมาเป็นอาจารย์ แต่ที่ข้าต้องการจะรู้คือ ศพนั่น เกี่ยวข้องกับพวกทางเหนือหรือไม่ครับ ร่องรอยถูกกลบเกลื่อนมากจนยากที่จะคาดเดา แต่หากเป็นท่านคงสามารถดูออกแน่" ลาซิโอเองก็รู้ว่าผู้เฒ่านั้นเป็นอะไรกันแน่

    "เจ้าทำงานให้ใครล่ะ เจ้าเด็กน้อย" อา ว่าแล้วว่าตบตาไม่ได้

    "ตัวข้าครับ"

    "ส่วนข้าทำงานให้เจ้านายจอมขี้เกียจที่หลับอย่างแสนสบายแต่ดันมีความฝันว่า อยากใช้อาคมเพื่อช่วยเหลือผู้คนครับ" อานาเมลกลายร่างเป็นหมาป่าสีเทาชั่วขณะก่อนจะกลับมาเป็นคนตามเดิม ลาซิโออดหยอกไม่ได้

    "ท่าว่าเจ้าจะเลือกนายผิดนะ"

    "ข้าก็คิดว่างั้น ว่าแต่อาจารย์คาลท่านจะบอกได้หรือไม่ครับ"

    "แน่นอน นั่นน่ะพวกทางเหนือทำ แต่ก็เป็นเช่นนี้มานานแล้ว และเกิดบ่อยครั้งยิ่งตอนที่เกรลาเชียอ่อนแอ สภาเวทย์ที่สร้างขึ้นเพื่อประคับประคองเกรลาเชียจะถูกเพ่งเล็งและโจมตีก่อน ก็ไม่แปลก"

    "ท่านไม่มีนายหรือครับ" อานาเมลถามอย่างแปลกใจ

    "มีสิ เพราะนายของข้านั่นแหล่ะ ข้าถึงได้วุ่นอยู่นี่ไงล่ะ โดยเฉพาะคำทำนายงี่เง่านั่น เฮ้อ" สีหน้าเฒ่าชราดูหงุดหงิดยิ่งนัก

    "จริงสิครับ ท่านอาจจะรู้มากกว่าพวกเรา เรื่องคำทำนายนั่นเกิดขึ้นได้ยังไงหรือครับ" ลาซิโอถามอย่างสงสัย

    "ข้าจะตอบก็ต่อเมื่อพวกเจ้าอยู่ในร่างเดิม" ทั้งสองกลับร่างเดิมในทันที ในเมื่อคาลรู้แล้วจะปกปิดไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด อานาเมลต้องตาโตกับอายุที่แท้จริงของลาซิโอ เด็กอายุสิบสองเท่านั้น

    "คำทำนายเกิดจากพวกจอมเวทย์แห่งกาลเปิดประตูกาลเรียงร้อยออกมาเป็นคำทำนาย โดยผ่านดาราทั้งสาม ทว่ายิ่งพลังจอมเวทย์แห่งกาลสูงมากเท่าไหร่ คำทำนายจะสามารถบ่งชี้คนผู้นั้นได้ถูกต้องมากขึ้น"

    "เคยมีผิดพลาดบ้างไหมครับ"

    "เท่าที่รู้มายังไม่มีผิดพลาดนะ"

    "ดาราทั้งสามได้มาได้ยังไงล่ะครับ ในกฏหรือประวัติไม่ได้เอ่ยถึงสามดารามากนัก"

    "ดาราทั้งสามได้แก่ หมอกพิรุณ มาจากมายาเวทย์ผสานกับอาคมน้ำ ส่วนผลึกเกสรเป็นน้ำแข็งและพฤกษา สุดท้ายหยาดธรณีเป็นสายฟ้าและดิน สภาพของดาราทั้งสามจะลอยอยู่ในอากาศจับต้องสัมผัสได้ยากหมุนวนรอบวิถีแห่งลม ส่วนผู้ที่สร้างมันขึ้นมา..." ก็นายของข้าไงล่ะ ว่างเสียเหลือเกิน

    "ผู้สร้างมันมีจุดประสงค์เพื่อ...เป็นสถานที่ทดสอบความสมดุลของธรรมชาติ" อันที่จริงใช้เป็นเตียงนอนเล่น..นายท่าน นี่ข้าพยายามหาคำพูดที่งดงามฟังดูเข้าท่าที่สุดแล้วนะ คาลคิดอย่างท้อแท้

    "แต่ในขณะนั้นแผ่นดินของเกรลาเชียขาดผู้นำอยู่พอดี เหล่าเสนาอำมาตย์ได้พบวิถีแห่งลมเข้า จึงตัดสินใจที่จะใช้วิถีแห่งลมเป็นตัวตัดสินว่าใครจะได้ครองเกรลาเชีย บรรดาเสนาอำมาตย์จึงเจรจาขอวิถีแห่งลมนี้ ซึ่งผู้ที่สร้างมันก็ไม่ได้ว่าอะไรและยังเต็มใจอีกต่างหาก" แน่ล่ะสิ ก็เพราะท่านต้องการเห็นเรื่องสนุกสนานของเหล่ามนุษย์นี่ นายข้า ยิ่งคิดถึงนายของตนคาลก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นทุกที

    "เนื่องจากว่าดาราทั้งสามมีสมดุลในตัวมันเองอยู่แล้ว สมดุลเป็นสิ่งจำเป็นในการควบคุมเวทย์รวมถึงอำนาจด้วย ทว่ากลับมีคนจำนวนน้อยมากที่จะมีมันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเพียงคนเดียว ที่ได้รับการยอมรับ จึงต้องมีการเปล่งสามดาราให้ได้ครบ และเพื่อให้ได้คนที่ถูกต้องจริงๆ เหล่าจอมเวทย์แห่งกาลจึงตัดสินใจรวมพลังเปิดประตูแห่งกาลผ่านสามดาราเพื่อ อ่านคำทำนาย นั่นล่ะคือที่มาของมัน"

    "ทำไมท่านถึงเล่าให้พวกเราฟังล่ะครับ"

    "ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญถึงขนาดเล่าไม่ได้ เจ้าถามมาข้าก็เล่า" ดูท่าว่าผู้เฒ่าจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องกฏเกณฑ์หรืออะไรที่วุ่นวายจนเกินไป นัก

    "แล้วเรื่องของท่านเคล์ยล่ะครับ ข้าไม่อยากเชื่อว่าท่านเคล์ยจะตายไปแล้ว บางทีท่านเคล์ยเองก็อาจเป็นสัตว์เวทย์ก็ได้นี่ครับ" ลาซิโอถามอย่างสงสัย

    "อืม..เรื่องนี้แม้แต่จอมเวทย์แห่งกาลเองก็ยังไม่สามารถล่วงรู้ได้"

    "..งั้นหรือครับ"

    "เจ้าอยากจะให้ท่านเคล์ยเป็นผู้สืบทอดเกรลาเชียหรือ อานาเมล"

    "ครับ ข้าเองก็เคยเจอท่านเคล์ยครั้งหนึ่ง ท่านเคล์ยใจดีมากเลยนะครับ" คาลไม่กล่าวอะไรอีก ใช่ ความใจดีของท่านเคล์ยน่ะ เขารู้ดีที่สุด

    "แต่ข้ากลับคิดตรงข้าม ท่านเคล์ยไม่เหมาะหรอกกับเกรลาเชียในเวลานี้น่ะ"

    "เหตุผลล่ะ" ริมฝีปากของผู้เฒ่ากระตุกเหยียดยิ้มทำให้อานาเมลอดสะท้านไม่ได้ หากแต่ลาซิโอมิได้มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย

    "สภาเวทย์แห่งนี้คือเหตุผลยังไงล่ะครับ ข้าคงต้องขอตัวก่อน ข้าไม่ใช่ผู้นิยมท่านเคล์ยอยู่ที่นี่นานไปเห็นจะลำบาก ขอตัวก่อนครับ อาจารย์คาล" เด็กหนุ่มยังคงตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนที่จะกลายร่างเป็นชายหนุ่มแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ทั้งสองสนทนาเกี่ยวกับเคล์ยผู้ลึกลับ

    ***********

    "อานาเมลล่ะ"

    "คืนนี้คงไม่กลับหอน่ะ อาจารย์คาลไม่มีพิรุธอะไรแล้วพวกเจ้าล่ะเป็นยังไงบ้าง"

    "ศพนั่นสลายไปแล้วนะ ข้าคิดว่าเป็นพวกมนต์ดำ" ฟาล่ายังคงนิ่งเงียบอยู่

    "พวกทางเหนือน่ะ"

    "ว่าแล้วเชียว"

    "เอาเถอะ นี่ก็ใกล้เช้าแล้วพวกเราคงต้องกลับหอกันได้แล้ว" หญิงสาวเอ่ยตัดบทก่อนแยกเดินไปอีกทาง

    "เจ้าสนใจนางหรือ ลาซิโอ"

    "เปล่า"

    "แล้วทำไมต้องมองตามนางด้วยล่ะ"

    "เจ้าเองก็มองไม่ใช่หรือ"

    "เพราะนางช่วยชีวิตข้าไว้ต่างหาก"

    "หืม พวกเจ้าไม่ได้ไปแค่ดูและฟังหรอกหรือ"

    "ก็ดูและฟังนั่นแหล่ะ แต่พวกอาจารย์เองก็ใช่ย่อย แล้วที่สำคัญคือไม่ได้มีแค่พวกเราและพวกอาจารย์เท่านั้น ฟาลดูหงุดหงิดผิดปกติ"

    "เจ้ารู้บ้างไหมว่าใคร"

    "ไม่ ใช้เวทย์พลางตัวกันหมดยกเว้นสองคนที่ข้ารู้แน่ คือ พวกเจ้าหญิงเจ้าชายปีนี้ไง สองคนนั่นก็มา"

    "แล้วพวกเจ้าถูกจับได้หรือไม่"

    "ไม่ เราสองคนดูอยู่ห่างๆเท่านั้น มีพวกหกไม้พลางตัวล้อมรอบอยู่"

    "เรื่องสำคัญมากสินะ หรือเพราะเป็นพวกทางเหนือลงมือกันแน่"

    "ไม่รู้สิ"

    "คำว่าไม่ของเจ้าคงเข้าไปตีกันในฝันของข้าคืนนี้เป็นแน่" ลาซิโอบ่นเบาๆก่อนตรงไปยังหอนอน

    *************

    "เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆด้วย" ที่นี่ที่ว่าก็คือทะเลสาบที่หญิงสาวชอบมานั่งเล่นนั่นเอง

    "ข้าก็คิดว่าเจ้าต้องมา"

    "รอข้าอยู่งั้นหรือ"

    "พบอาจารย์คาลเป็นยังไงบ้าง" นางไม่น่ามาพบเขาเพียงเพราะเรื่องนี้เลย ลาซิโอคิดอย่างเจ็บปวด แต่ก็งำประกายความหวังในดวงตาไว้ไม่มิด

    "อาจารย์คาลไม่ใช่มนุษย์"

    "ฟาลก็บอกข้าเช่นนั้น"

    "และเขาคงดูตัวจริงของเจ้าและข้าออก รวมทั้งอานาเมลด้วย"

    "อืม สมแล้วที่เป็นผู้ดูแลสายไม้เท้าเวทย์"

    "แล้วด้านเจ้าล่ะ"

    "อาจารย์ทั้งสองดูลึกลับมากถึงกับวางกับดักอาคมไว้รอบหลายชั้นเลยทีเดียว ส่วนศพน่ะกลายเป็นขี้เถ้านะ จังหวะที่พวกหกไม้ชิงลงมือแล้วถูกพลังดีดกลับมา ข้าใช้พลังลมเปิดทางเห็นได้ชั่วขณะ"

    "พวกเขาจำเจ้าได้รึเปล่า"

    "ไม่รู้"

    "ทำไมทำอะไรที่เสี่ยงเช่นนั้น เจ้านะเจ้า ฟาลทำไมไม่ดูแลนายของเจ้าให้ดี" ทั้งฟาลและลาโอต่างมองลาซิโอที่หงุดหงิดด้วยความมึนงง ก่อนจะหันมาหัวเราะใส่กันและกัน

    "มีอะไรน่าขำนักรึไง"

    "หึหึ ก็เจ้าน่ะสิลาซิโอ ไม่คิดหรือว่าตัวเจ้าเองก็ทำอะไรที่เสี่ยงเช่นกัน"

    "ข้า..ข้า..แต่นี่ไม่เหมือนกัน"

    "ยังไงล่ะลาซิโอ ข้าระวังตัวพอ อย่างน้อยไม่ได้ถูกจับได้ง่ายๆอย่างเจ้า" ฟาล่ากล่าวอย่างเยือกเย็น

    *******************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×