ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Grelacia

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 เกรลาเชีย มหานครแห่งการแย่งชิง ตอนที่ 1 การพบพาน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 52


    ตอนที่ 1 การพบพาน


    ฟิเลีย เมืองที่ได้ชื่อว่าใหญ่พอจะต่อกรกับเกรลาเชีย พระราชาแห่งเมืองนี้ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับกษัตริย์แห่งเกรลาเชียตั้งแต่ สมัยที่ยังไม่รวมเกรลาเชียเข้าเป็นเมืองใหญ่ ...ตำนานอันเป็นที่จารึกไว้บนผืนแผ่นดินแห่งฟิเลียคือหยาดเลือดของราชินี แห่งเกรลาเชีย ใช่ พระนาง เป็นคนของฟิเลีย แต่กลับรักคนของเกรลาเชีย

    ในขณะนั้นเกรลาเชียจะเลือกผู้เป็นกษัตริย์โดยต้องได้รับการยอมรับจากสภาศักดิ์ ที่มีอัญมณีสามชิ้นเป็นสื่อนำพลังแห่งธรรมชาติ อันได้แก่ หมอกพิรุณ ผลึกเกสร และ หยาดธรณี ซึ่งถือเป็นอัญมณีประจำเมืองเลยทีเดียว เชื่อกันว่าผู้ที่ทำให้อัญมณีทั้งสามยอมรับนั้น จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเกรลาเชียและคนที่ถูกเลือกนั้นจะได้ยินเสียงจาก อัญมณีนั้นด้วย

    เกรลาเชียได้รับการปกป้อง เหล่านักเวทย์ต่างคิดเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เกรลาเชียกลับมีความวุ่นวายไม่รู้จบยามไม่มีผู้ที่ถูกเลือกจนแทบจะเป็นดิน แดนแห่งสงครามที่ไม่ว่าใครก็ตามสามารถครอบครองผืนปฐพีแห่งนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม อีกบทหนึ่งของตำนานความรักก็ได้เริ่มต้น ณ ที่แห่งนี้

    ชายผู้มาพร้อมกับความมุ่งมั่นและหญิงสาวที่เชื่อในตัวผู้อันเป็นที่รักโดยไม่ เคลือบแคลงแม้แต่น้อย และอีกหนึ่งศัตรูผู้ปรารถนาครอบครองผืนแผ่นดินด้วยใจอันหยาบช้ามากเล่ห์ ..และ...ฟิเลีย เมืองแห่งดอกไม้งาม

    ******************

    "ว่ายังไงนะ ทางเหนือเริ่มอีกแล้วรึ"

    "ครับ"

    " รู้ทั้งรู้ว่าหากเปล่งประกายแห่งดาราทั้งสามไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย หึ คิดจะครอบครองโดยเมินเฉยเหล่าดารากระนั้นหรือ" ชายชรากระแทกไม้เท้าด้วยความหงุดหงิด

    "...ท่านผู้เฒ่าอย่าได้โมโหไป ตอนนี้ข้าได้เตรียมเหล่านักเวทย์ไว้รับมือแล้ว"

    " แน่ใจหรือว่าพวกปีศาจแห่งเซลโก้จะไม่ลงมือ นี่ถ้า ถ้ามีผู้ที่ทำให้ดาราเหล่านั้น...เฮ้อ ข้าคงคิดมากเกินไป คงหวังลมๆแล้งเกินไป ข้าอยากเห็นผู้ที่เปล่งประกายเหล่าดาราและได้เข้ารับการยินยอมอันแท้จริงจาก ผืนปฐพีแห่งนี้"

    "...มันเป็นยังไงหรือครับ" ชายหนุ่มถามด้วยความสนใจ

    " เอาเถอะ ครั้งสุดท้ายที่เหล่าดาราเปล่งประกายนั้น เจ้ายังเด็กนี่นา ผู้ที่สามารถเปล่งประกายเหล่าดาราจะถูกเชิญไปยังแท่งวิถีแห่งลม ณ ที่แห่งนั้น จะมีเสียงๆหนึ่งซึ่งหยั่งได้ยากว่ามาจากไหน หรือเป็นของผู้ใดหรือจะบอกให้ถูก นั่นคือเสียงของดินแดนแห่งนี้ จะทำการถาม หากได้รับการยอมรับก็จะได้รับมอบอำนาจและอาจะ อาจจะรวมไปถึงพลังด้วย ซึ่งข้าไม่แน่ใจในเรื่องนี้"

    "ข้าได้ยินมาว่า ผู้ที่จะได้รับการยอมรับได้ จะต้องไม่มีคนรัก คู่รัก และไม่สามารถแต่งงานได้ต้องอยู่อย่างเดียวดายไปตลอดชีวิตเพื่อทุ่มเทชีวิต ให้กับแผ่นดินแห่งนี้จริงหรือไม่ครับ ท่านผู้เฒ่า"

    "ใช่ นั่นคือปรารถนาของแผ่นดิน ดังนั้นจะไม่มีการสืบทอดต่อของกษัตริย์นอกจากดาราจะยอมรับเท่านั้น"

    "จะไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้เลยหรือครับ"

    " ที่ผ่านมา.. ยัง..เอาเถอะ พรุ่งนี้จะมีการประกาศคำทำนายจากเหล่าผู้เฒ่าที่ใช้เวทย์แห่งกาลแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องตามหาบุคคลผู้นั้นกัน"

    **********

    " หนึ่งเดียวผู้ไม่ปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง หนึ่งเดียวผู้ครอบครองทุกอย่าง หนึ่งเดียวอันเป็นที่รักยิ่งหากแต่หนึ่งนั้นกลับทอดทิ้งไม่ไยดี" เสียงแผ่วเบาราวเสียงดนตรีรำพันออกมาสามครั้ง ดังไปทั่วอาณาบริเวณแห่งเกรลาเชีย ผู้คนต่างตื่นตัวรอที่จะฟังคำทำนายนี้มานาน.. นานพอที่จะรวบรวมกำลังพลได้

    **********

    " นี่เจ้าเข้า..เข้ามาที่นี่ไม่ได้นะ" เด็กหนุ่มชะงักไปชั่วขณะเมื่อเด็กหญิงหันกลับมาสบตาตน ดวงตาที่น่าหลงทอแสงสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนแสงอาทิตย์รำไรยามเย็น ผมสีทองสลับดำพลิ้วไหวตามสายลมที่พัดผ่าน สีหน้าหญิงสาวหาได้แสดงอารมณ์ใดๆไม่

    "ทำไมล่ะ" อา..เสียงหวานดังกังวานจับใจเสียเหลือเกิน

    " นี่น่ะสำหรับผู้ที่อายุ 15 ถึงจะผ่านเข้ามายังสภาแห่งนี้ได้เท่านั้น เจ้ายังไม่ถึงนี่" เด็กหนุ่มมองเด็กสาวที่ดูยังไงก็ยังเด็ก น่าจะอายุไม่เกินสิบสองด้วยซ้ำ และสภาที่เขาพูดถึงก็คือสภาเวทย์ในอาณาเขตเมืองเกรลาเชียที่มีประวัติยาวนาน พอสมควรนั่นเอง ทว่าหญิงสาวกลับยังคงความสงบเช่นเดิมมีเพียงริมฝีปากที่หยักยิ้มเล็กน้อย

    "เจ้าก็เช่นเดียวกับข้านั่นแหล่ะ" เด็กสาวกลายร่างเป็นหญิงสาวก่อนจะเดินผ่านประตูไป ...นี่สิ คนที่เขาหามานาน

    ********

    การ สอบเป็นไปได้ด้วยดี เด็กหนุ่มเหลือบมองไปทางหญิงสาวโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ หากแต่ผลคะแนนกลับทำให้เด็กหนุ่มสนใจอย่างยิ่งยวด อันดับสุดท้ายเท่ากับเขาเลย แต่ทำไมล่ะหรือว่าเธอคนนั้นจะมาเพื่อครอบครองเกรลาเชีย หากเป็นเช่นนั้นก็คงต้องเป็นศัตรูกันสินะ ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าเฉยเมยเช่นเดิม หากมีเพียงนัยน์ตาที่สั่นระริกอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่

    ห้องหนึ่ง แบ่งเป็นสี่คนสำหรับพวกที่สอบได้คะแนนย่ำแย่เช่นเขาคงต้องทนไปก่อน ชายหนุ่มมาจากครอบครัวที่ไม่มีอะไรเลย พ่อ แม่ ญาติ หรือคนเลี้ยงดู สิ่งที่เขามีคงเป็นความทะนงตนล่ะมั้ง เขาจำได้ว่าถูกทิ้งไว้กลางป่าตั้งแต่เด็ก ผู้ที่เลี้ยงเขามาคือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่านั้น รวมถึงมนุษย์ด้วย แต่ด้วยความที่เขาแทบจะถูกเรียกว่าเย็นชาในหมู่มนุษย์ด้วยกันจึงมีเพียง เหล่าสัตว์เป็นเพื่อนเท่านั้น และเขาก็นำมันมาด้วย

    "ลาโอเป็นไงบ้าง มึนหัวไหม" หลังจากที่ได้ใช้อาคมผ่านประตูนั่นเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาเอาเข้ามาจะเป็นอย่างไรบ้าง

    "อืม ฮะฮาว ละลาซิโอ มึนอารายเหรอ" เพื่อนเธียตัวน้อยของเขานั่นเอง กำลังกระพริบลูกนัยน์อย่างขี้เกียจ

    (เธีย : สัตว์เวทย์ชนิดหนึ่งลักษณะเป็นเหมือนลูกแก้วยักษ์ มีตาสีทองอยู่ข้างใน เป็นสัตว์เวทย์ใช้นำทางตอนกลางคืน แต่เมื่อไหร่ที่ตาสีทองปิดลง จะมีกลิ่นอายความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาเหมือนเหรียญสองด้าน)

    " เจ้าไม่มึนก็ดีแล้ว เอาล่ะ ข้ามายังสภาเวทย์ได้แล้วที่เหลือก็คงต้องดูลาดเลาไปก่อน" แลวชายหนุ่มก็นั่งจมอยู่กับความคิดของตนอย่างเงียบๆ รอเพื่อนร่วมห้องอีกสามคนที่ยังมาไม่ถึงซึ่งเขาเองก็คาดว่าคงอยู่ในงาน เลี้ยงอะไรนั่นของเกรลาเชีย เขาไม่เข้าร่วมเพราะอยากใช้ความคิด..หญิงสาวคนนั้นทำไมรู้.. และทำไมถึงไม่ปิดบัง ทำไมกัน..

    ***************

    กว่าเพื่อน ร่วมห้องจะมาเขาก็หลับไปซะแล้ว ใบหน้า ริมฝีปาก นัยน์ตา สีผม เรือนร่างที่วนเวียนอยู่ในหัวราวกับฝังลงไปทำให้เขานึกอะไรบางอย่างออกในที่ สุด..เด็กแสบ..

    ****************

    เช้าวันใหม่ลาซิโอถึงได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนร่วมห้อง

    " เจ้าชื่อลาซิโอหรือ ข้าชื่อเซค ส่วนนั่นอานาเมล แล้วก็ ยานีลน่ะ" ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบสำรวจเพื่อนของเขา เซคเป็นคนช่างพูดรวมทั้งกล่อมคนเก่งราวสะกดจิต อานาเมลเองก็เช่นเดียวกับเขา..ประเมินสถานการณ์ วางแผน ส่วนยานีลก็เหมือนกับเขา เก็บทุกอย่างไม่แสดงออก หึ น่าสงสารเจ้าเสียจริง เซค ชายหนุ่มคิดเหยียดๆ ก่อนจะขอตัวออกจากวงเพื่อไปเดินเล่น ทว่าเซคเพื่อนผู้หวังดีก็ตามมาแนะนำสถานที่ให้ ก็ดี จะได้เก็บข้อมูลได้
    พวก เขาทั้งสองเดินผ่านสวนดอกไม้อันเป็นที่แห่งสุดท้าย หญิงสาวคนนั้นที่เขาพบลาซิโอมองผ่านไปแต่เก็บภาพร่างในความทรงจำอย่างเหนียว แน่น ผิดกับเซคที่ดิงเขาเข้าไปหานางผู้นั้น

    "ฟาล่า นี่เพื่อนข้า ลาซิโอ ส่วนนี่ฟาล่า นางชอบมาเดินเล่นที่นี่น่ะ" ทั้งสองมองกันนิ่งยังคงเงียบเช่นเดิม

    "เอ่อ..อ่า ฮะ คือ แล้วพบกันใหม่นะพวกเราไปก่อน" เซคเลิกลักดึงลาซิโอออกไปทันที

    หญิง สาวมองตามทั้งคู่ไปจนลับสายตา ชายหนุ่มแปลกประหลาด ..เซค เอาเถอะ หล่อนมีหน้าที่เพียงแค่มาดูให้เห็นว่าใครบ้างที่อาจจะเป็นผู้ครองดินแดนแห่ง นี้ หรือหากเป็นตัวหล่อนเลยก็ดีเหมือนกัน นานมาแล้วที่ฟาล่าไม่รู้จักเสียงหัวเราะ นับจากพี่ชายผู้อ่อนโยนจากไปในฤดูหนาวสามปีผ่านมา เธออาศัยไปกับพวกเร่ร่อน พ่อค้าเดินทาง ส่วนอาคมก็เรียนรู้เอาบ้างจากที่เห็นหรือ ควบคุมเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับตัวเอง ลาซิโอ ชายหนุ่ม ไม่สิ เด็กคนนั้นคงอายุพอๆกับเธอ เวทย์ปลอมแปลงที่ใช้เป็นสองขั้น คงดูไม่ออกหรอกน่า แต่หากว่าสามารถใช้เวทย์ปลอมแปลงได้ไยไม่อยู่ในระดับที่สูงกว่านี้กัน ใครจะไปรู้อาจให้คนอื่นใช้เวทย์นั้นกับตนเองก็ได้ ฟาล่ายืนอย่างครุ่นคิดเหม่อลอย

    **********

    "ลาซิโอเอ๋ย หน้าตาดีซะเปล่า ไยถึงไม่ปากหวานมีเสน่ห์เช่นข้าบ้างนะ เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ นางสวยเพียงใดน่ะ" หึ ก็แค่เด็กตัวกะเปี๊ยกที่โกงอายุตัวเอง ไม่แน่ว่าเวทย์สองชั้นนั่นอาจมีคนทำให้นางก็เป็นได้ แต่ใครกันล่ะที่งี่เง่าทำถึงสองชั้นกัน มันยิ่งทำให้ดูน่าสงสัยไม่ใช่หรอกหรือที่ชั้นแรกทำให้เด็กกลายเป็นเด็กส่วน ชั้นนอกสุดคือพลางตาให้ดูว่าเป็นหญิงสาวเช่นที่พวกเขาได้พบเห็นน่ะ ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉย

    "จริงสิรู้รึเปล่าว่าใครได้เป็นเจ้าหญิงเจ้าชายในชั้นปีของพวกเรานะ"

    "คืออะไรหรือ" ลาซิโอถามด้วยความสงสัย

    " ตำแหน่งที่ได้จากคนที่มีคนนิยมมากที่สดุของหญิงและชายไงล่ะ พวกเขาจะต้องมาให้พวกนักเรียนอย่างพวกเราลงชื่อด้วยดังนั้นเจ้าก็คงจะได้เจอ พวกเขาเองแหล่ะ แต่จะว่าไป ข้าน่ะ น่าจะได้ตำแหน่งนี้แท้ๆเลย โธ่ เจ้าหญิงปีนี้ก็น่าหลงใหลไม่เบาอ่ะน้า น่าเสียดายจริงๆ เฮ้อ"

    "เจ้าลองทำให้มีคนนิยมเจ้ามากขึ้นสิเผื่อว่าปีหน้าเจ้าจะได้รับตำแหน่งนี้ไงล่ะ"

    "เจ้าพูดจริงหรือแค่หยอกข้าเล่นกันแน่ บอกตามตรง เจ้าหน้าเฉยเสียจนข้าดูสีหน้าของเจ้าไม่ออกเลย"

    "ข้าพูดจริง ตามตรงเลย"

    "เฮ้อ หมดหวังน่ะสิ เพราะที่ผ่านมาตำแหน่งนี้ยากที่จะเปลี่ยนเอามากๆ เลย"

    " อืม งั้นเจ้าไม่ลองหาตำแหน่งอื่นล่ะ" เมื่อเห็นเพื่อนตนมีสีหน้าหดหู่กว่าเดิมลาซิโออดไม่ได้ที่จะลูบหัวเพื่อนตน เป็นการปลอบใจ เอาน่ะ กับลาโอเขาก็ทำอย่างงี้นี่

    "เฮ็ย ข้าเป็นคนน่ะไม่ใช่สัตว์ที่เจ้าจะมาลูบหัวเล่นได้"

    "อ้อ โทษที พอดีข้านึกว่าวิธีที่ปลอบเจ้ากับวิธีที่ปลอบลาโอมันเหมือนกันน่ะ"

    "เฮอะ ลาโอนี่ใครกันถึงได้ชอบให้เจ้าปลอบเช่นนั้น"

    "สัตว์เลี้ยงของข้า ลาโอ เจ้าออกมาเถอะ เซคอยากพบเจ้าน่ะ" เธียตัวน้อยค่อยๆโผล่ออกมาจากอกเสื้อของชายหนุ่ม

    " โอ๊ะโอ เจ้าเธียตัวน้อย น่ารักจัง" นิ้วเรียวของชายหนุ่มไล้ไปรอบๆลำตัวอ่อนนุ่มอย่างแผ่วเบา สัตว์ตัวน้อยขนสีตัวหัวเราะพลางดิ้นหลบนิ้วเรียวยาว

    "เจ้ากำลังทำให้สัตว์ของข้าทรมานเพราะดูดกลืนไอแสงไม่ทัน"

    " อ่า ทะโทษที โทษทีนะเจ้า เอ่อ ลาโอ ข้าไม่ได้ตั้งใจน่ะ ลาซิโอที่รัก ข้าขอยืมลาโอบ้างได้ไหม ข้าน่ะ อยากมีเธียเป็นของตัวเองนานแล้ว" ลาโอเหมือนจะรู้ตัวรีบซุกกลับเข้าไปในอกเสื้อชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เซคยังคงไม่ละความพยายามเปล่งสายตาวิงวอนให้ชายหนุ่มเห็นใจ

    "เรื่องนี้อยู่ที่ลาโอ ลาโอเป็นครอบครัวของข้านะเซค หากลาโอไม่อยากไปกับเจ้า ข้าก็จะไม่ให้เจ้าเอาลาโอไป"

    " งั้นหากลาโออยากไป ก็เป็นอันว่าตกลงสินะ โอ ลาโอที่รัก ข้าหลงรักเจ้าซะแล้ว ลาโอของข้า คืนนี้ข้าต้องฝันเห็นเจ้าแน่เลย..." ทว่าลาซิโอก็ไม่อยู่รอฟังคำพร่ำเพ้อที่เป็นอันตรายต่อประสาทการรับฟังของ สัตว์ตัวน้อยของเขาได้

    ***********

    สามวันต่อมาการเรียนการ สอนก็ได้เริ่มขึ้น วิชากฏของสภาเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเซคเลยทีเดียว ทว่าลาซิโอกลับไม่ใส่ใจมากนักมีให้อ่านก็อ่าน มีให้ท่องก็ท่อง ความสนใจของเขาอยู่ที่แม่สาวน้อยคนนั้นต่างหาก หล่อนหาได้ทำตัวแปลกไม่ และวันนี้เขาก็ได้พบหล่อนอีกครั้งที่ชายป่า ทั้งสองเพียงมองหน้ากันและยืนชมทิวทัศน์ของทะเลสาบที่อยู่ห่างออกไปอย่าง เงียบๆ แม้แต่ลาโอเองในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะชะเง้อออกมาเกาะบ่าชายหนุ่ม ก่อนที่จะต้องทำความรู้จักกับสัตว์เลี้ยงอีกตัวของหญิงสาว หมาป่าบริสุทธิ์สีเงินขนาดเล็กที่ออกมานอนเล่นบนบ่าหญิงสาวเช่นกัน

    " หืม เจ้าสนใจลาโองั้นหรือ ชื่ออะไรน่ะ อืม ฟาล ยินดีที่ได้รู้จัก เจ้าเป็นพันธุ์แท้งั้นหรือ ขนของเจ้าสวยมาก ลาโอเองก็ชอบ แต่เจ้าไม่กัดลาโอแน่นะ ..งั้นก็ได้" แลวลาโอก็ลอยไปอยู่บนหัวของหมาป่าตัวน้อย ฟาล่ามองด้วยความสนใจ ชายคนนี้ ไม่สิเด็กคนนี้พูดภาษาสัตว์ได้

    "เจ้าเรียนมาจากไหนน่ะ"

    "อะไรล่ะ"

    "ภาษาสัตว์"

    "ข้าอยู่ป่าเลยรู้ภาษาสัตว์มาบ้าง เจ้าย่อขนาดของฟาลเองเหรอ"

    "ใช่ ข้าไม่อยากให้ฟาลเตะตามากนัก แล้วลาโอของเจ้าล่ะ"

    "หึ เธียน่ะสามารถย่อขนาดตัวเองได้อยู่แล้ว" ยิ้มมุมปากของชายหนุ่มเป็นที่ขัดตาหญิงสาวยิ่งนัก

    "ข้าหมายถึงสี"

    " อ้อ ลาโอยังไม่ถึงวัยที่จะเปล่งประกายแสงแห่งความมืดได้น่ะ" ทั้งสองเหม่อมองทะเลสาบเงียบๆราวกับว่าความรู้สึกส่งผ่านถึงกันโดยไม่ต้อง ใช้คำพูดสื่อมากมายนัก จนกระทั่งเย็น

    "ข้าคงต้องกลับแล้ว ฟาล" หมาป่าหายเข้าไปในจี้ที่ห้อยคอหญิงสาว ขณะเดียวกันเธียก็กลับเข้าไปซุกในอกเสื้อของเด็กหนุ่ม

    "ข้าเองก็เช่นกัน" ทั้งคู่ต่างแยกย้ายกลับที่พัก

    *********
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×