ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The creature adventure online

    ลำดับตอนที่ #9 : เกาะเริ่มต้น 6 : ชาจีนกับการแก้แค้น 3 (50%)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 55


    เกาะเริ่มต้น 6 : ชาจีนกับการแก้แค้น 3

    <กฎของการแก้แค้น :: 3.เริ่มต้นฝึกฝนฝีมือ>

                   

    “ว่าแต่ จะทำไงกับของพวกนี้ดีล่ะ” ชาจีนถาม พลางหยิบของออกมา ของพวกนี้เป็นของพวกวิหคลมที่เลื่อนขั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตไปแล้วประจำกลุ่มไปแล้ว

                    “ชา เธอนี่สุดยอดเลย เก็บได้แต่ของดีๆทั้งนั้นเลยนะเนี่ย” บุปผาพูดพลางหยิบอาวุธขึ้นมาดู “น่าเสียดายจัง ตรงที่มันเป็นไอเทมพันธะสัญญานี่ล่ะสิ เฮ้อ”

                    “นั่นสิ จะเอาไปทำอะไรดีล่ะ ใช้ก็ใช้ไม่ได้ด้วย” ชาจีนพยักหน้าเห็นด้วยกับบุปผา

                    “รู้แล้ว ชา เราเอาไอ้นี่ไปขายตลาดมืดกัน หึหึ” บุปผาดีดนิ้วดังเปาะ เมื่อได้ไอเดียที่ถูกใจ

                    “ตลาดมืด?”

                    “อือ มันเป็นตลาดที่ตรงตามชื่อของมันนั่นแหละ เป็นแหล่งของพวกพ่อค้าแม่ค้าที่มีของระดับหายาก หรือของผิดกฎหมายในเกมนิดหน่อย ส่วนใหญ่พวกที่เสียอาวุธไปในการต่อสู้ จะไปหาอาวุธของตัวเองคืนที่นั่น ตอนแรกพวกฉันเองถ้าหาอาวุธที่ร้านไม่เจอก็อาจจะไปเดินดูแถวๆตลาดมืดนี่แหละ” บุปผาอธิบาย

                    “อ๋อ”

                    “แต่ว่าเรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง แพงแบบเอาเงินไปซื้ออาวุธใหม่ยังดีกว่าเลย แต่อาวุธบางชิ้นมันเป็นแรร์ไอเทมไง บางคนก็เลยต้องทำใจซื้อกลับมา เรียกว่าราคานี่ถ้าเรียกถึงร้อยล้านก็ยังมีคนซื้อเลย”

                    “จริงอ่ะ” ชาจีนอุทานอย่างตกใจ ดวงตาเป็นประกาย อย่างว่าอ่ะนะ คนมันเค็มก็งี้แหละ “แบบนี้ก็รวยเละเลยน่ะสิ”

                    “ใช่ๆ” อย่าว่าแต่ชาจีนเลย บุปผาเองก็ไม่ต่างกันเท่าไร ทำเอาพิทักษ์ธรรมเริ่มเหงื่อตก สรุปแล้วเขากำลังรวมกลุ่มกับผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดในโลกหรือเปล่าเนี่ย

                    “รู้แล้วล่ะ ถ้าให้พวกวิหคลมได้อาวุธประจำกายไปก่อนมันก็ไม่ดีใช่ไหมล่ะ ถ้าเราเอาไปขายหลังจากที่สั่งสอนมันล่ะจะเป็นยังไง” ชาจีนเสนอความคิดออกมา

                    “เยี่ยม ไอเดียดี ได้ทั้งแก้แค้นและได้ทั้งเงินด้วย” บุปผาหัวเราะอย่างถูกใจ

                    “โอ๊ะๆ ใจเย็นก่อน ก่อนอื่นนะพี่ว่า เราน่าจะช่วยกันอัพเลเวลให้น้องชาก่อนดีกว่านะ ถ้าระดับเลเวลสูงๆ จะได้ช่วยเหลือกันได้ยังไงล่ะ”

                    “โอเคเลย งั้นตั้งตี้กันเถอะ” บุปผาบอกอย่างคึกคัก

                    พิทักษ์ธรรมกดที่นาฬิกาข้อมืออยู่สักพัก ไม่นาน เสียงระบบก็ดังขึ้นในหัวชาจีน

                    ผู้เล่นพิทักษ์ธรรม เชิญท่านร่วมกลุ่ม ตกลงหรือไม่

                “ตกลง” ชาจีนตอบกลับ

                    ท่านได้ร่วมกลุ่มกับผู้เล่นพิทักษ์ธรรมแล้ว

                “ตกลง” เสียงบุปผาพูด พร้อมกับเสียงระบบก็ดังขึ้นอีกว่า

                    ผู้เล่นบุปผาสายลมคลั่งได้เข้าร่วมกลุ่มกับท่านแล้ว

                “อ่ะจริงสิ ฉันมีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกทุกคนเลย” ชาจีนนึกถึงเรื่องเจ้าไข่ขึ้นมาได้ เธอว่าเจ้าไข่เองก็น่าจะเป็นกุญซือที่ดีได้เหมือนกัน อีกอย่างหนึ่งเธอไว้ใจพวกพิทักษ์ธรรมว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครแน่นอน

                    “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” บุปผาถาม

                    “คือว่า...” ชาจีนเล่าเรื่องที่ได้ไข่จากกล่องสุ่มไอเทมให้พวกพิทักษ์ธรรมฟัง พร้อมกับเรียกเจ้าไข่ออกมาด้วย แต่ไมได้บอกว่าเจ้าไข่เป็นGMลับ

                    “สวัสดี” เพียงประโยคเดียวที่เจ้าไข่พูด ทำให้บุปผากับพิทักษ์ธรรมเชื่ออย่างสนิทใจเลยทีเดียว

                    “ไข่พูดได้” บุปผาว่า

                    “ใช่ไหมล่ะ ฉันถึงได้เรียกมันว่าเจ้าไข่ไง เหมาะดีไหม” ชาจีนกล่าวอย่างสนุกที่ได้แกล้งเจ้าไข่

                    “เจ้านี่มัน จริงๆเลย ชาจีน”

                    “ฉันว่าก็เหมาะดีออกนะ” บุปผาเห็นด้วยกับชาจีน

                    “เห็นไหม บุปผายังเห็นด้วยกับฉันเลยนะ เจ้าไข่” ชาจีนหัวเราะ

                    ถ้าเจ้าไข่มันอยู่ตรงนี้ด้วย มันคงจะทำหน้าหงิกงอนใส่สาวน้อยทั้งสองคนแล้วล่ะ

                    พิทักษ์ธรรมอุ้มเจ้าไข่ขึ้นมา ขณะที่หญิงสาวสองคนในห้องกำลังคุยกันอย่างออกรส พิทักษ์ธรรมกระซิบกับเจ้าไข่ว่า

                    “ผมพอเข้าใจคุณ ผู้หญิงเป็นสิ่งที่ชีวิตที่น่ากลัวจริงๆนั่นแหละ”

                    “เจ้ากับข้าก็หัวอกเดียวกันสินะ” เจ้าไข่ว่าอย่างเข้าใจความรู้สึกของพิทักษ์ธรรม “ข้า... เอ่อ... ข้ามีน้องสาวที่เป็นไข่ด้วยกัน ตอนนี้ยังเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ แต่ตอนอยู่ด้วยกันยัยนั่นก็คล้ายๆกับน้องเจ้าเลย”

                    “โอ้.. เราคือคนหัวอกเดียวกันจริงๆด้วย” พิทักษ์ธรรมแทบร้องไห้ แม้จะสงสัยเบื้องหลังของเจ้าไข่บ้างแล้ว แต่ก็อย่างว่าเขาไม่ใช่คนที่ยุ่งความลับของคนอื่น แต่ต้องเป็นความลับที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไปเท่านั้นนะ

                    “นี่หนึ่งคนกับหนึ่งไข่ตรงนั้นซุบซิบอะไรกัน” บุปผาหันมาเห็น กล่าวอย่างสงสัย

                    “เปล่า” หนึ่งคนกับหนึ่งไข่ตอบออกมาพร้อมกัน

     

                    เช้าวันรุ่งขึ้น ป่าเริ่มต้น

                    “เอาล่ะ ค่าประสบการณ์ที่ได้จากปาตี้ จะขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกภายในตี้ เช่นถ้าเรามีสมาชิกสามคน ค่าประสบการณ์ที่ได้จะหารสาม” พิทักษ์ธรรมอธิบายขณะที่พาสองสาวเข้ามาในป่า

                    “เพราะแบบนี้ไง เวลาคนที่จะปาตี้กัน มักจะไปตี้กันตรงที่มีมอนเวลสูงๆ แต่ว่าคนที่ร่วมกลุ่มก็จำเป็นจะต้องมีคนที่เวลสูงกว่าเพื่อนหน่อย เพื่อที่จะได้เก็บเวลได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นคนเวล 50 ช่วยคนเวล 20 ตีอะไรแบบนี้” เจ้าไข่อธิบายต่อ

                    “เจ้าไข่ นายนี่ความรู้เยอะจังนะ หรือว่าอยู่ในไข่มานานเลยรู้อะไรมากมาย” บุปผาถามอย่างแปลกใจ

                    “ก็เออสิ อีกอย่างข้าเป็นมอนเตอร์พิเศษของทางระบบนะ ข้าต้องช่วยเหลือคู่หูของข้าอยู่แล้ว”

                    มันโม้ไปเรื่อยเลยนะเนี่ยชาจีนคิดอย่างปลงๆ

                    ขณะที่ทั้งสามกำลังอยู่ที่ป่าเริ่มต้นที่มีมอนระดับ 1-20 แต่อย่างที่พิทักษ์ธรรมว่ามา ค่าประสบการณ์มันจะหารสาม ทำให้พวกเขาต้องเดินเข้าไปลึกๆหน่อย เพื่อที่จะได้ตีมอนเวลสูงๆ

                    ระหว่างทางพิทักษ์ธรรมก็อธิบายระบบในเกมไปด้วย โดยมีเจ้าไข่กับบุปผาแทรกเสริมบางส่วน ทั้งหมดสื่อสารโดยช่องทางของปาตี้เลยเผื่อกันไม่ให้คนอื่นรู้

                    “ว่าแต่ น้องชา อยากจะเล่นอาชีพอะไรหรือครับ” พิทักษ์ธรรมถาม

                    “อาชีพหรือคะ? มันมีอะไรบ้างคะ แล้วจะเปลี่ยนได้ตอนระดับเลเวลเท่าไรคะ” ชาจีนยังไม่ได้หาข้อมูลเรื่องนี้มาก่อนเลย

                    “หลักๆนะ นักรบ อัศวิน นักบวช นักเวท นักธนู แล้วก็มีพวกฟรีล่ะนะ” บุปผาว่า

                    “ฟรี?”

                    “เป็นอาชีพที่หายากที่สุดในเกมครับ เพราะมันเป็นแรร์อาชีพ ระบบจะสุ่มให้เราเองโดยอัตโนมัติ”

                    “แล้วมันเป็นยังไงหรือคะ อาชีพฟรีนี่”

                    “ก็ยกตัวอย่างนะ นักรบ จะมีการโจมตีระยะประชิดที่รุนแรง แต่จะอ่อนการโจมตีระยะไกล พลังที่ชีวิตจะสูง ส่วนอัศวินจะเป็นพวกโจมตีระยะประชิดเหมือนกัน แต่ก็สามารถตั้งรับได้ด้วย มีพลังป้องกันสูง ส่วนใหญ่ถ้าเป็นปาตี้ จะเอาไว้ช่วยปกป้องพวกนักเวท นักบวช แล้วก็นักธนู มีพลังชีวิตสูงเหมือนกัน”

                    “นักบวช ก็คือคนที่คอยรักษาหรือที่เรียกสั้นๆว่าฮีลนั่นแหละ มีสกิลบัพช่วยคนในปาตี้ มีพลังชีวิตน้อย ป้องกันไม่ค่อยแข็ง แต่พลังเวทเยอะ แล้วบางทีพวกนี้อาจจะเรียกว่าพวกนักอัญเชิญก็ได้ เพราะบางทีก็จะอัญเชิญพวกเทพ พวกปีศาจมาประทับร่างช่วยต่อสู้ก็ได้ ส่วนนักเวท ถึงจะฟังดูคล้ายๆกับนักบวช แต่พวกนี้จะเป็นพวกโจมตีระยะไกลกับพวกมอนเตอร์ที่เป็นกลุ่ม มีพลังเวทสูง พลังชีวิตน้อย ป้องกันสูงกว่านักบวช แต่ก็อ่อนว่าพวกอัศวินกับนักรบอยู่ดี ส่วนใหญ่แล้วสองอาชีพนี้จะเป็นตัวแบ็กอัพข้างหลัง ส่วนอัศวินกับนักรบเป็นคนโจมตี นักบวชกับนักเวทผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบต่อสู้จะเล่นสายนี้กัน จนบางทีมันก็มีคนปรามาสนะว่าผู้หญิงอย่างเราๆเนี่ยทำอะไรไม่ได้นอกจากเวลหลบหลังคนอื่น” บุปผาพูดอย่างมีอารมณ์หน่อยๆ

                    “นักธนู ก็เป็นพวกที่คอยโจมตีระยะไกล อาจจะต่อสู้ระยะประชิดได้ดีกว่านักบวชและนักเวท พวกนี้จะมีความคล่องตัวและรวดเร็ว หลบหนีได้ง่าย แต่พลังชีวิตอาจจะพอๆกับพวกนักเวทกับนักบวช นี่คือสายหลักๆ แต่พอเราเริ่มเล่นชำนาญขึ้น มันจะพัฒนาไปได้อีกหลายทาง อย่างตัวฉันเองก็พัฒนามาจากนักธนู เป็นอาชีพนินจายังไงล่ะ”

                    “ส่วนพวกฟรี ที่พิทักษ์กับบุปผา มีชื่อเรียกเต็มๆว่า ฟรีสกิล (free skill) ส่วนใหญ่จะเรียกย่อๆว่าฟรี เป็นอาชีพที่สามารถใช้ทักษะได้หลากหลาย เช่นถ้าอาชีพนักรบ อาจจะมีทักษะใช้เฉพาะอาชีพ ที่อาชีพอัศวิน นักบวช นักเวท และนักธนูใช้ไม่ได้ อาชีพอื่นๆก็มีทักษะเฉพาะเหมือนกัน แต่อาชีพฟรี นั้นสามารถใช้ทักษะเฉพาะพวกนั้นได้ เช่นอาจจะใช้ทักษะธนูผสมกับทักษะของนักเวท เอาความอึดของอัศวินผสมกับความรวดเร็วของนักธนู” เจ้าไข่อธิบายต่อ

                    “อย่างนี้มันก็ไม่ยุติธรรมกับผู้เล่นคนอื่นสิ” ชาจีนพูด

                    “อันนั้นก็จริงอยู่ แต่ว่าเพราะแบบนั้นระบบจึงออกแบบว่าทักษะที่พวกอาชีพฟรีใช้ ผลของความสามารถจะลดลงครึ่งหนึ่งครับ” พิทักษ์ธรรมตอบตอนที่เขาได้ฟังระบบอาชีพครั้งแรกเขาเองก็คิดแบบชาจีนเหมือนกัน คือไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไรนัก

                    “แต่ก็เป็นอาชีพที่น่ากลัวนะ ต่อให้พลังเหลืออยู่ครึ่งเดียว ถ้าใช้ดีๆมันก็เป็นอะไรที่ไร้เทียมทานมากเลยล่ะ แต่อย่างว่าคนที่ได้อาชีพนี้ในเกม มีน้อยมากกกกกกกกก” บุปผาลากเสียงยาว พลางทำมือทำไม้บอกว่าน้อยมากจริงๆ “อาจจะมีไม่ถึงพันคนด้วยซ้ำ”

                    “อ๋อ” ชาจีนพยักหน้าเข้าใจ แต่ลึกๆก็อยากรู้ว่าคนทำเกมนี้คิดไงถึงออกแบบอาชีพที่ดูได้เปรียบคนอื่นแบบนี้ออกมาล่ะเนี่ย สงสัยคงต้องแอบไปถามเจ้าไข่ที่หลัง แต่ไม่ค่อยมั่นใจว่ามันจะตอบหรือเปล่านี่สิ

                    “แล้วคนที่ได้อาชีพฟรีนี่ มีใครบ้างคะที่เก่งๆ” ชาจีนถาม

                    “หือ คนที่ได้อาชีพนี้แล้วเก่งๆน่ะเหรอ ก็คนที่กำลังเดินนำหน้าเราอยู่นี่ไงล่ะ ท่านพี่พิทักษ์ธรรมที่รัก” บุปผาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ส่วนคนเก่งที่ได้อาชีพฟรี ที่เอ่ยอ้างถึงได้แต่จ้องมองน้องสาวจอมจุ้นที่เอาอะไรไปบอกไม่เข้าเรื่อง

                    “จริงหรือคะ” ชาจีนตาโตมองพิทักษ์ธรรมอย่างเหลือเชื่อ มิน่าล่ะ ถึงได้ต่อกรกับพวกวิหคลมได้อย่างสูสีทีเดียว

                    “อ่า... มันก็จริงแหละ แต่พี่ไม่ค่อยชอบหรอก อีกอย่างอาชีพฟรีคนทั่วไปมักจะหมั้นไส้น่ะครับ พี่เลยไม่ค่อยอยากจะทำตัวว่าได้อาชีพนี้มาเท่าไร แล้ว..คือความจริงพี่อยากเป็นอัศวินมากกว่า” พิทักษ์ธรรมตอบอย่างสุภาพปนเขินอ่อนๆ

                    “หูย หนูบอกพี่กี่ครั้งแล้วคะ พี่น่ะเหมาะกับอาชีพนี้ที่สุดแล้ว ถ้าพี่เป็นอัศวินธรรมดาป่านนี้พวกเราจะไปต่อกรอะไรกับไอ้พวกวิหคลมล่ะ”

                    ชาจีนหัวเราะ แล้วถามต่อว่า “แล้วต้องระดับเลเวลเท่าไรหรือคะถึงจะเปลี่ยนอาชีพได้”

                    “15 จ้า โดยเปลี่ยนอาชีพที่เกาะอื่นที่ไม่ใช่เกาะเริ่มต้นน่ะ อ้อ ยกเว้นพวกได้อาชีพฟรีนะ พอถึงระดับเลเวล15 เราก็จะเปลี่ยนเป็นฟรีโดยอัตโนมัติ” บุปผาบอก “ว่าแต่ชาอยากจะเล่นอาชีพอะไรหรอ”

                    “อืม...” ชาจีนคิดหนัก เธอไม่ใช่พวกสายเอากำลังเข้าสู้เหมือนนักรบกับอัศวิน การเผชิญหน้ากับมอนเตอร์ตรงๆไม่คงไม่ใช่สไตล์ของเธอ ถ้าจะเล่นพวกนักบวชกับนักเวท ไม่ปฏิเสธว่าชาจีนชอบพวกเวทมนต์ แต่เท่าที่คำนวนดูแล้วอาชีพสองอาชีพนี้โดยเฉพาะนักบวช ส่วนใหญ่จะต้องเล่นเป็นกลุ่ม เล่นเดี่ยวๆไม่ค่อยรุ่งแน่นอน แล้วเธอเองก็เชื่อว่าไม่มีทางที่จะมีกลุ่มให้เกาะอยู่ตลอดไปแน่ ที่ชาจีนสนใจคืออาชีพนักธนู เพราะดูจากบุปผาเป็นตัวอย่าง ก็น่าจะเป็นอาชีพที่พอเอาตัวรอดได้อยู่เหมือนกัน

                    “อาชีพนักธนูก็น่าสนใจดีนะ” ชาจีนพูดออกมา “ฉันว่าฉันน่าจะเล่นนักธนูนี่แหละ”

                    “จริงอ่ะ งั้นเธอก็จะเล่นสายเดียวกับฉันน่ะสิ เย้ ฉันอยากหาเพื่อนเล่นสายเดียวกับฉันอยู่พอดีเลย เพื่อนฉันนะส่วนใหญ่เล่นแต่นักเวทนักบวช ห้าวๆหน่อยก็เป็นนักรบอะไรพวกนี้ หาเล่นอาชีพเดียวกันยากมาก” บุปผาเอ่ยอย่างดีใจ

                    “เอาล่ะๆ พักเรื่องอาชีพไว้ก่อนนะ ตอนนี้เราเอาแถวนี้เป็นที่เวลล่ะกัน” พิทักษ์ธรรมว่า

                    ตอนนี้ทั้งสามอยู่กลางทุ่งหญ้ากลางป่าเริ่มต้น มีสัตว์อสูรหลากหลายชนิด แต่ในป่าเริ่มต้นนี้จะเป็นสัตว์อสูรประเภทที่ไม่โจมตีผู้เล่นก่อน ยกเว้นพวกสัตว์อสูรระดับราชา ทำให้ชาจีนถึงบางอ้อว่าทำไมตอนแรกที่เธอเดินดุ่มๆมาที่เมืองตอนแรกถึงไม่มีสัตว์อสูรเข้ามาเซย์ฮัลโหลกับเธอ

                    “เอาล่ะเราจะยึดต้นไม้นี้เป็นจุดศูนย์กลางนะ” พิทักษ์ธรรมเดินไปจับที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้า “บุปผาเธอยืนอยู่ที่นี่นะ คอยยิงสนับสนุน”

                    บุปผาพยักหน้ารับ

                    “ส่วนชา เธอคอยโจมตีสัตว์อสูร พี่จะเป็นคนสนับสนุนให้”

                    ชาจีนพยักหน้ารับ เธอหยิบดาบมือใหม่ที่เก็บได้จากการต่อสู้ของวิหคลมกับพิทักษ์ธรรมขึ้นมาเตรียมพร้อม ก่อนที่จะเรียกผู่เอ้อออกมา

                    ร่างของผู่เอ้อปรากฎตัวพร้อมกับแสงระยิบระยับสีเขียวอ่อน เมื่อเช้าก่อนที่จะออกมาที่ป่าเริ่มต้นชาจีนได้ไปที่โรงฝักไข่สัตว์เลี้ยงเผื่อรับไอเทมที่จะได้เมื่อไข่สัตว์เลี้ยงฝักตัว หนึ่งในนั้นคือกระเป๋าเก็บสัตว์เลี้ยง ที่สามารถคาดไว้ที่เอวได้ สามารถเก็บสัตว์เลี้ยงได้หนึ่งตัว

                    “นายท่าน มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือคะ” ผู่เอ้อทักเสียงหวาน

                    “เธอพอจะมีทักษะอะไรที่ใช้กับการโจมตีบ้างไหม”

                    “มีค่ะ เป็นทักษะที่ทำให้ศัตรูมึนหัวไปสักพักหนึ่งค่ะ”

                    “งั้นเดี๋ยวช่วยฉันโจมตีแล้วกันนะ” ชาจีนอยากจะลองเช็คความสามารถของผู่เอ้อดูแต่เธอก็ไม่ค่อยจะมีเวลาเท่าไร คงต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อนล่ะนะ

                    “เปลวเพลิง ออกมา” พิทักษ์ธรรมเรียกสัตว์เลี้ยงคู่หูของตัวเองออกมา

                    มันคือหมาป่าที่มีขนที่แดงเพลิงอบอุ่น รูปร่างสัดส่วน หางของมันสะบัดน้อยๆ ลำตัวใหญ่ประมาณสุนัชไซบีเรียนได้ แต่ดูเหมือนเจ้าหมาป่าตนนี้จะค่อนข้าง...

                    ตุบ เสียงเปลวเพลิงล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับอ้าปากหาววอดๆเตรียมพร้อมที่จะนอน

                    “เฮ้ย เปลวเพลิงมานอนอะไรแถวนี้ ลุกๆ มาช่วยกันหน่อย”

                    “เจ้านาย ช่วยนี้ข้าเป็นหมาป่ารักสงบ เชิญท่านสู้คนเดียวเถอะ” เสียงมันตอบแบบเอื่อยๆ พร้อมกับซุกหน้าลงไปนอนต่อ

                    “ได้ไงเล่า เปลวเผลิง นอนมากๆเดี๋ยวก็อ้วนหรอก เฮ้ย ลุกๆ...” พิทักษ์ธรรมก้มตัวลงเถียงกับเจ้าหมาป่าขนแดง

                    ชาจีนหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเจ้าเปลวเผลิงขี้เซา ส่วนทางด้านบุปผาเองก็เรียกสัตว์เลี้ยงคู่หูออกมาเหมือนกัน

                    “แองเจิ้ล ออกมาได้แล้ว” คู่หูของบุปผานกขุนทองที่มีปากสีเหลืองตัวเป็นสีดำสนิท แองเจิ้ลส่งเสียงร้องทัก

                    “อรุณสวัสดิ์ บุปผา”

                    “เช่นกันจ๊ะ นี่ชาจีนกับผู่เอ้อ” บุปผาว่าจับไหล่ของชาจีนเป็นเชิงแนะนำตัวให้แองเจิ้ลรู้

                    “สวัสดีจ๊ะ ฉันชื่อแองเจิ้ล”

                    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ชาจีนยิ้มให้แองเจิ้ล

                    “เสียงของแองเจิ้ลเพราะมากใช่ไหมล่ะ ฉันเลยตั้งชื่อว่าแองเจิ้ลไง” บุปผาอธิบายที่มาของชื่อให้ชาจีนรู้

                    “ว่าแต่เจ้านั่นล่ะ บุปผา” แองเจิ้ลที่เกาะอยู่บนบ่าของบุปผาถาม

                    “อ๋อ เปลวเผลิงน่ะหรอ นี่ไง พี่พิทักษ์กำลังตื้อให้ตื่นอยู่นั่นน่ะ”

                    “ช่างเป็นหมาป่าที่ไร้ประสิทธิภาพจริงๆ” นกขุนทองตัวน้อยบ่นเสียงดังพอที่จะทำให้หมาป่าขี้เซาได้ยิน

                    “เจ้าว่าใครเป็นหมาป่าไร้ประสิทธิถาพนะเจ้านกปากเสีย” เปลวเพลิงลุกขึ้นมาจ้องแองเจิ้ล

                    “ต๊าย ปากหรือนั่น ช่างเป็นหมาป่าที่ไร้มารยาทเสียจริง ผู่เอ้อ ฉันแนะนำนะ อย่าไปสุงสิงกับเจ้าหมาป่าไร้ประสิทธิภาพไร้มารยาท ทำตัวรกโลกดีกว่าเลย ฉันล่ะอ๊ายอายจริงๆที่จะต้องยอมรับว่ารู้จักกับมันน่ะ” แองเจิ้ลจีบปากจีบคอพูดพลางลากผู่เอ้อมาเป็นพวกด้วย

                    “เจ้าว่าอะไรนะเจ้านกปากเสีย เดี๋ยวก็จับกินซะเลยหรอก...” เปลวเพลิงแยกเขี้ยวใส่ พลันสายตาของมันก็ไปสะดุดที่ร่างเล็กๆของผู่เอ้อ ที่บินอยู่ข้างๆแองเจิ้ล

                    ดุจศรรักปักอก เปลวเพลิงจ้องมองผู่เอ้ออย่างหลงใหล ช่างงามอะไรเยี่ยงนี้ มันคิดในใจ

                    “ไม่ทราบว่าแม่นางที่บินอยู่ข้างนกปา...เอ่อ แม่นกแองเจิ้ล ท่านเป็นใครกัน มีนามว่าอันใดหรือ” เปลวเพลิงถามด้วยวาจาสุภาพเรียบร้อยผิดกับเมื่อนาทีที่แล้วลิบลับ เล่นเอาทั้งคนทั้งสัตว์อึ้งค้างกันไปเป็นแถบโดยเฉพาะแองเจิ้ลที่อ้าปากค้างอย่างไม่อาจะรักษาภาพลักษณ์ได้ จะมีอยู่คนเดียวที่ไม่รู้สึกอะไรเลยนั่นคือ...

                    “ข้าชื่อผู่เอ้อ ข้าเป็นภูตดอกไม้สายลมของนายท่านชาจีน”

                    “อ่า...ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะเหลือเกิน ข้ามีนามว่าเปลวเพลิง ไม่ทราบแม่นางผู่เอ้อกับนายท่านชาจีนมาทำอันใดที่นี่หรือ”

                    “ข้ามาช่วยนายท่านอัพระดับเลเวล โดยได้รับความช่วยเหลือจากท่านพิทักษ์ธรรมกับท่านบุปผาสายลมคลั่ง”

                    เปลวเพลิงถึงบางอ้อ “ถ้าเช่นนั้นให้ข้าช่วยท่านเทิด แม่นางผู่เอ้อ”

                    “จะไม่เป็นการรบกวนท่านหรือ” ผู่เอ้อถามด้วยน้ำเสียงกังวล

                    “ไม่เลยๆ มันไม่ได้เป็นการรบกวนเลย ข้าทำด้วยความเต็มใจ” เปลวเพลิงออกตัวทันที และดูเหมือนแองเจิ้ลที่เรียกสติกลับมาได้แล้ว เริ่มจะทนกับบทสนทนาอันชวนอ๊วกนี่ไม่ไหวแล้ว

                    “แหม เจ้าหมาป่าไร้มารยาท อย่ามาทำตัวมีมารยาทแถวนี้เลย ฉันล่ะจะอ้วก” แองเจิ้ลว่าพลางหันไปพูดกับผู่เอ้อ “นี่ผู่เอ้อ ถ้าไม่หลงกลไอ้หมอนี่นะ มันจะจีบเธอเลยแกล้งทำตัวสุภาพไว้งั้นแหละ”

                    “หน๊อย เจ้านกปา.... อ๊ะ แม่นกแองเจิ้ล เจ้าอย่าพูดอะไรที่มันชวนเข้าใจผิดแบบนั้นสิ มิเช่นนั้นแล้ว...” เปลวเพลิงโต้กลับพลางแอบแยกเขี้ยวใส่แองเจิ้ลโดยไม่ใช่ผู่เอ้อเห็น พลางต่อประโยคที่ค้างไว้ “เดี๋ยวแม่นางผู่เอ้อจะเข้าใจข้าผิด”

                    “ยี้ ฉันล่ะรู้สึกขนลุกจริงๆเลย ผู่เอ้ออย่าไปเชื่อไอ้เจ้าหมาป่าบ้านี่นะ” แองเจิ้ลว่า แล้วหันไปมองผู่เอ้อที่อยู่ในลักษณะครุ่นคิดเรื่องบางอย่างที่ดูจะสำคัญมาก

                    “ผู่เอ้อ ผู่เอ้อ เธอได้ยินที่ฉันพูดไหม” แองเจิ้ลใช้ปีกสะกิด

                    “อ้อ เอ่อ... ได้ยิน”

                    “นี่เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย”

                    “ก็ตะกี้เจ้าบอกข้าว่าท่านเปลวเพลิงอยากจะจีบข้า” ผู่เอ้อพูดด้วยสีหน้าอับจนหนทาง “ข้าไม่รู้ว่า จีบ มันหมายความว่ายังไง”

                    “...” ท่าทางหนทางรักของเปลวเพลิงคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแล้วล่ะ
    ........................................................................................................................................................................
    <talk>
    แวบมาลง 50 เปอร์ก่อนนะค่ะ ^^ มีบ้านไหนกินเจบ้าง (ชูมือ บ้านไรเตอร์น่ะคนหนึ่ง) ตอนนี้ไรเตอร์แอบสงสารเปลวเพลิงหน่อยๆ หนทางจีบแม่นางผู่เอ้อถูก(ไรเตอร์ส่งสมุน)ขัดขว้างด้วยแม่นกแองเจิ้ล รวมทั้งความซื่อของผู่เอ้อน้อยอีก 55+ อ้อ ถ้าตอนในนิยายเรื่องนี้ตอนไหนไรเตอร์เอาเปอร์เซ็นออกแล้ว แปลว่าตอนนั้นจบตอนแล้วนะคะ

    ปล. ฮุฮุ ไรเตอร์อยากรู้ว่า เพื่อนๆรู้หรือยังว่าใครเป็นพระเอกเรื่องนี้เอ่ยยยย  

    <มุมขอบคุณ/ตอบคำถาม มีอะไรก็ถามได้นะเออ>
    ขอขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่อ่านและเม้นให้กับนิยายเรื่องนี้ของไรเตอร์นะค่ะ และนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ ^^

     ต้อม_หทัยพร ,~mist~,valana 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×