คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เกาะเริ่มต้น 4.5: (นอกรอบ...) นามของเจ้านั้นคือ
เกาะเริ่มต้น 4.5: (นอกรอบ...) “นามของเจ้านั้นคือ”
<เมื่อเจ้าไข่น้อยออกจากไข่ การทดสอบสุดประหลาด?!>
“ว่าแต่ ทำไมระบบสื่อสารของนาย ถึงได้เป็นแบบพิมพ์คุยกันล่ะ” ชาจีนถามอย่างสงสัย
“นี่เจ้า คิดว่าถ้าเกิดใช้ระบบแบบเสียงพร้อมเห็นภาพด้วย มันจะเป็นยังไงล่ะ” เจ้าไข่ถามปนประชด
“เอ่อ... คงตีกันตายมั้ง”
“ก็ใช่น่ะสิ เดี๋ยวไอ้นี่ก็จะพูด ไอ้นั่นก็จะพูด แล้วมันจะไปฟังกันรู้เรื่องได้ยังไง แต่นี่เป็นเฉพาะช่องสากลกับกิลด์เท่านั้น ถ้าเป็นแบบปาตี้หรือคุยกับเพื่อน ก็จะเป็นแบบวิดิโอเห็นภาพได้ยินเสียง หรือจะได้ยินเสียงอย่างเดียวก็ได้”
“แบบนี้นี่เอง” ชาจีนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะขีดๆเขียนๆบนสมุดต่อไป
“เจ้าไม่ง่วงหรือไง” เจ้าไข่ถามอย่างเป็นห่วงเล็กน้อย ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนว่า “ขะ ขะ ข้าไม่ได้เป็นห่วงนะ กลัวจะตายซะก่อนที่ได้ล้างแค้น”
“จ้าๆ รู้แล้วน่า มันก็ง่วงแหละ แต่ให้ทำไงได้ เหลือแค่ชม.เดียวเอง เดี๋ยวพวกคุณพิทักษ์ธรรมก็จะ...” ชาจีนยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆก็มีแสงสีขาวปนแดงส่องมาจากหน้าอกของเธอ
“กะ กะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เจ้าไข่ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ชาจีนร้องอย่างตกใจ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากเจ้าไข่ที่เธอเรียก แสงสว่างปนแดงค่อยๆเจิดจ้าขึ้น แสงนั้นทอประกายอย่างสว่างขยายตัวคลุมร่างของชาจีนไว้ ร่างกายของเธอสัมผัสกับความอบอุ่นสบายที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เปลือกตาค่อยๆปิดลง สติค่อยๆหลุดลอยไป
ความเย็นเยือกที่เสียดแทงเข้ามา ทำให้สติของชาจีนค่อยๆกลับมาอีกครั้ง หญิงสาวลืมตาช้าๆ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่เริ่มจะรับภาพบริเวณโดยรอบได้ทำให้สติที่หลุดลอยไปกลับมาอีกครั้ง ดวงตากวาดมองไปสำรวจสภาพโดยรอบ ขณะที่แขนทั้งสองข้างยันร่างที่นอนนิ่งให้ลุกขึ้น
ภาพที่เห็นคือวิหารเก่าแก่ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่เบื้องหน้าเธอ เป็นลักษณะวิหารของคริตศาสนจักร ชาจีนสลบอยู่ตรงปากทางเข้าวิหารเพียงหน่อยเดียว ส่วนท้องฟ้าด้านนอกเป็นท้องฟ้ายามบ่ายเย็นๆที่ทอแสงสว่าง ชาจีนเกาหัวแกรกๆ พลางบ่น
“มาได้ไงเนี่ย แล้วจะทำไงดี เจ้าไข่ๆ ว้า ไม่ตอบเลย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย” ชาจีนไม่รู้จะทำยังไงดี จากเท่าที่เห็นวิหารหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านมาพอสมควรเลยทีเดียว ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดว่าจะลงไปทางหมู่บ้านดีไหมเพื่อจะมีคนช่วยเธอได้
‘นายท่าน’
ทันใดนั้น ชาจีนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงภายในหัวของเธอ ชาจีนร้องถามอย่างตกใจว่า “ใครน่ะ”
‘ปลดปล่อยข้าที นายของข้า’
“ใครเป็นนายเธอกัน” ชาจีนโต้กลับไป
‘นายท่าน ปล่อยข้าที’
“พูดเป็นแต่คำนี้หรือยังไงกัน”
‘นายท่าน’ เสียงที่ดังขึ้นนั้นดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ชาจีนยกมืออุดหูอย่างเจ็บปวด พลางร้องตอบว่า
“ได้ๆ ฉันจะช่วยเธอ ช่วยหยุดส่งเสียงดังๆจะได้ไหม หูฉันจะแตกแล้ว”
‘ขอบคุณ นายของข้า’
“ใครเป็นนายของเธอกัน” ชาจีนบ่นอุบ ก่อนจะร้องถามว่า “แล้วฉันจะทำยังไงถึงจะช่วยเธอได้ ไม่สิ เธออยู่ที่ไหนกัน ถ้าไม่รู้สถานที่ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้หรอกนะ”
‘ข้าอยู่ในวิหาร ได้โปรด ช่วยข้าที’
“วิหารเหรอ” ชาจีนหันหน้าไปทางวิหารเก่าแก่ “ฉันต้องเข้าไปใช่ไหม”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาอีก ชาจีนถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้ามาที่ประตูใหญ่แล้วออกแรกผลักให้ประตูเปิด
ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฎคือศิลปะอันเก่าแก่ ภาพวาดต่างๆที่งดงาม เสาหินถูกสลักด้วยลวดลายที่อ่อนช้อย เบื้องหน้าเป็นรูปปั้นเทพธิดาที่มีใบหน้างดงาม ในท่าคุกเข่าสวดภาวนา ปีกขนนกกางโอบล้อมเธอเอาไว้ ชาจีนเดินเข้าไปหารูปปั้นนั้นเหมือนกับถูกสะกดจิต รูปปั้นนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเธอถึง10เท่าเลยทีเดียว ชาจีนแหงนหน้ามองใบหน้าที่หลับตาพริ้มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาแห่งความเชื่อในสิ่งที่สวดภาวนา ชาจีนจ้องมองใบหน้านั้นอย่างหลงใหล
แต่แม้ใบหน้านี่จะเปี่ยมศรัทธามากแค่ไหน ในความน่าหลงใหลนี้กลับมีความเศร้าและความทุกแผ่ซ่านออกมา ชาจีนก้มลงคุกเข่าในท่าเดียวกับเทพธิดา สองมือพนมมือตาม ก่อนจะหลับตาลง
ชาจีนไม่รู้ว่าเธอได้คิดถึงเรื่องอะไรบ้างในขณะนั้น แต่มันคงเป็นอดีตที่เธอไม่ได้คิดถึงมานานมากแล้ว หญิงสาวค่อยๆหลั่งน้ำตาแห่งความอาดูรออกมา
ติ๋ง
หยดน้ำตากระทบกับพื้นของวิหาร ปรากฎเป็นแสงสว่างรอบตัวของชาจีน แต่เหมือนหญิงสาวจะไม่ได้รู้สึกตัวเลย
แสงสว่างโอบล้อมชาจีนไว้เป็นวงกว้างปรากฎเป็นข่ายเวทแสงล้อมรอบตัวของเธอ รวมถึงแผ่ขยายออกไปคลุมทั้งตัววิหารด้วย ชาจีนค่อยๆลืมตาขึ้น แต่ว่าดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลกลับแลดูเลื่อนลอย เหมือนไม่มีสติ
แสงสว่างนั้นทอประกายจ้าขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะส่องแสงแสบตาวูบหนึ่งก่อนจะหายไป
ทันทีที่แสงนั้นหายไป ร่างของชาจีนก็หายไปจากวิหาร!
ชาจีนลืมตาขึ้นมอง พบว่าเธออยู่ในสถานที่ใหม่อีกแล้ว มันเป็นอุโมงค์ที่มีคบไฟสว่างเป็นรายทาง ปลายสุดของอุโมงค์นั้นแทบจะมองไม่เห็น ชาจีนแอบขอดในใจ ‘นี่มันจะย้ายไปย้ายมาทำไมเนี่ย งงไปหมดแล้ว เดี๋ยวก็ย้ายไปนู่นย้ายไปนี่’
หญิงสาวเดินไปตามทางของอุโมงค์ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เดินหน้าหรือถอยหลังเพราะทั้งข้างหน้าข้างหลังมันก็เหมือนกันหมดเลย
ชาจีนยกนาฬิกาขึ้นมาดู พบว่าเวลานั้นมันหยุดอยู่ที่ 00.05 นาที ไม่ขยับเคลื่อนที่อีกเลย แต่เวลาในโลกจริงของเธอเดินไปเรื่อยๆ หญิงสาวถอนหายใจ คิดว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าไม่คิดเรื่องเวลามากเลย เพราะมันจะทำให้ปวดหัวเปล่าๆ
ชาจีนเดินไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดพัก ในตัวของเธอไม่มีอะไรติดตัวมาเลย หญิงสาวรู้สึกหิวน้ำแบบสุดๆ เพราะร่างกายอันไม่แข็งแรงของเธอทำให้ไม่ค่อยทนกับการเดินทางต่างๆ แต่ถ้าถามเรื่องความอึดในการเดินทางแล้ว หญิงสาวไม่เป็นที่สองรองใครแน่นอน เพราะใจที่สู้และเข้มแข็งของเธอ แม้จะเหนื่อย แต่ก็ยังจะเดินหน้าต่อไป จนทำให้บางทีมันกลายเป็นความดันทุรังไป
“นี่ถ้าเราหลับไปมันจะไปโผล่อีกที่ไหมเนี่ย อยากรู้จัง” ชาจีนบ่นอย่างขำๆ แต่เธอก็ไม่ได้นั่งหลับ หญิงสาวลุกขึ้น แล้วเดินไปเรื่อยๆ เขาอยากให้เราเดิน เดี๋ยวก็จะเดินไปให้ถึงให้ดู เดินไปให้ถึงสุดปลายแห่งอุโมงค์ที่ไม่รู้จะมีอะไรรอคอยเธอยู่
ชาจีนไม่ได้มองเวลาอีก เธอถือว่าการรู้เวลาในเรื่องบางเรื่อง มันก็ทำให้เสียงกำลังใจในการเดินต่อไปข้างหน้า ส่วนฟังชั่นอื่นๆ เธอไม่สามารถกดดูได้เลย ไม่ว่าจะแผนที่ สถานะ ช่องสื่อสาร มีได้แค่ดูเวลาอย่างเดียวเท่านั้น
ชาจีนไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะจบลง ความเหนื่อยล้าสะสม แม้จะหยุดพักได้ แต่เธอก็ยังดื้อดึงที่จะเดินต่อไป ชาจีนคลำพนังถ้ำเดินไป หวุดหวิดจะล้มฟาดพื้นหลายครั้งเพราะความง่วง
‘ฉันชอบทำอะไรในกรอบก็จริง แต่จะไม่ชอบยิ่งกว่าถ้าถูกบังคับให้เดินตามกรอบ’ นี่คือคติของชาจีน เธอดำเนินชีวิตในกรอบ มีคนบังคับให้ทำ แต่ว่าภายในกรอบนั้น หญิงสาวจะทำอะไรตามอิสระแต่อยู่ในกรอบ เกลียดการบังคับในสิ่งที่เธอคิดว่ามันต้องถูก และในตอนนี้หญิงสาวคิดว่ามันจะต้องมีหนทางที่สิ้นสุด อุโมงค์นี้มันต้องมีแน่นอน และเธอจะต้องเดินไปให้ถึงให้ได้
ความเงียบงัน เหมือนเป็นตัวที่บั่นทอนความตั้งใจของเธอ บั่นทอนทั้งความหวังและความคิด ชาจีนรู้ดี เธอพยายามที่จะคิดฟุ้งซ่านถึงนิยายเรื่องต่างๆที่เคยอ่านมา คิดว่าภาคต่อมันจะเป็นยังไงนะ วิจารณ์ด่าตัวเอก หรือไม่ก็ก่นด่าคนเขียนที่เลวเหลือเกินที่ชอบเขียนอะไรทรมาณตัวเอกและคนอ่าน จากประสบการณ์ที่อ่านหนังสือมาหลายปี ทำให้ตอนนี้เธอสำเร็จวิชาฟุ้งซ่านเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจมไปกับเรื่องราวที่ตัวเองคิด ส่วนขาก็ก้าวเดินต่อไป
‘นายท่าน’ เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว เป็นเสียงที่เธอได้ยินตอนอยู่ที่หน้าวิหารนั่นเอง
ชาจีนสะดุ้งนิดหน่อยเพราะกำลังเพลินๆกับความคิดเรื่องการแต่งนิยายเรื่องใหม่ หญิงสาวตั้งสติแล้วร้องบอกด้วยความดีใจว่า “เธอนั่นเอง เธออยู่ในนี้เหรอ”
‘ใช่ นายท่าน ข้าอยู่ในนี้ แต่ท่านอุโมงค์แห่งนี้ไม่มีที่สุดสิ้น ท่านเลิกเดินเสียเถอะ’
“ถ้าไม่เดินแล้วจะให้ฉันทำอะไรล่ะ นั่งลงแล้วจะมีวงเวทมาพาฉันไปสถานที่อื่นอีกหรือยังไง”
‘ข้าไม่ทราบ แต่ท่านเดินไปมันจะมีประโยชน์อะไร”
“มี ตะกี้ฉันวางแผนการเขียนนิยายเรื่องใหม่ กับแผนการแก้แค้นพวกกิลด์จักรพรรดิใต้หล้าได้แล้ว” ชาจีนตอบพร้อมกับเดินต่อไป “อีกอย่างนะ ทำไมเธอพึ่งจะมาบอกเอาตอนนี้ล่ะ ทำไม่ถึงไม่บอกฉันตอนที่ฉันเข้ามาในนี้ใหม่ๆ”
‘ข้าไม่รู้ เหมือนข้าเพิ่งจะสื่อสารกับท่านได้ตอนนี้’
“งั้นก็ช้าไปแล้ว ฉันเดินมาตั้งไกลแล้ว ฉันก็จะเดินต่อไป แต่ถ้าเธอบอกได้ว่าถ้าฉันหยุดแล้วมันจะพาฉันไปที่อื่นได้ ฉันจะหยุด เธอบอกได้ไหมล่ะ”
‘ข้าบอกไม่ได้’
“งั้นฉันก็จะเดินมันต่อไป จริงสิ คุยกันตั้งนานแล้ว เธอเป็นใครกันแน่เนี่ย”
‘ข้าคือไข่ที่ท่านเก็บมา’
“หะ ไข่ที่เก็บมาเหรอ ฉันไม่ได้เก็บมาเลยนะ หรือเธอจะเป็นไอ้เจ้าไข่ปากเสียกวนประสาท ซึนเดเระตัวนั้น แต่ก็ไม่น่าใช่นะ ไอ้เจ้าไข่นั่นเจอหน้าฉันทีก็ด่าราวกับฉันไปฆ่าล้างโคตรบรรพบุรุษมันนั่นแหละ” ชาจีนบ่นใส่เป็นชุด
‘ข้าไม่ใช่...’ ยังไม่ทันที่เสียงปริศนาจะพูดจบ ชาจีนก็เอ่ยแทรกอย่างนึกขึ้นได้ว่า
“รู้แล้วๆ เธอคือไข่ที่ฉันได้มาจากร้านขายสัตว์เลี้ยงใช่ไหม”
‘ใช่ นายท่านของข้า’
“นี่มันหมายความว่ายังไง เธอจะฟักเป็นตัวอย่างนั้นเหรอ” ชาจีนเอียงคอถามอย่างสงสัย
‘ใช่ แต่นี่เป็นบทสดสอบของเผ่าพันธุ์ของข้า ผู้ที่เป็นนายจะต้องผ่านการทดสอบนี้ถึงจะได้รับข้าเป็นคู่หู’
“แล้วถ้าฉันสอบไม่ผ่านล่ะ”
‘ข้าไม่ทราบ’
“เคยรู้อะไรไหมเนี่ย”
‘ข้าเป็นไข่ที่พลัดหลงกับพวกพ้องข้าตอนที่อพยพย้ายถิ่นฐาน ข้าได้ยินเสียงผู้คนที่รายล้อมข้า แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของข้า แต่ท่านได้ยินเสียงของข้า ท่านรับข้ามา ข้าดีใจเหลือเกิน’
“หมายความว่ายังไงอ่ะ เธอจะบอกว่า เธอส่งเสียงเรียกทุกคนเลยอย่างนั้นเหรอ”
‘ใช่ ข้าหมายความตามนั้น’
“เอาตามความจริงนะ ฉันไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยจนถึงตอนที่มีแสงประหลาดมาลากฉันมาที่วิหารนี่เลย”
‘ท่านหมายความว่าอย่างไร’
“ฉันอาจจะไม่ใช่นายของเธอก็ได้ ฉันไม่ได้ยินเสียงเธอ แต่ฉันเลือกเธอมาเพราะเธอตัวเล็กไงล่ะ ฉันน่ะบังเอิญได้ไข่บ้าที่ใหญ่กว่าหัวฉันสักเท่าสองเท่าได้มั้ง ฉันเลยต้องหาไข่เล็กๆที่มันอยู่ด้วยกับบนเบาะฟักไข่กับเจ้าไข่เวรนั่นได้”
เสียของไข่ปริศนาเงียบไป ชาจีนหน้าเสีย
“ฉันขอโทษนะ มันคงทำร้ายจิตใจเธอมาก” ชาจีนกล่าวออกมา “แต่ว่าไหนๆตอนนี้ฉันก็อยู่ที่นี่แล้ว ถ้าฉันผ่านการทดสอบ เรามาเป็นเพื่อนกันได้นะ ฉันคิดว่ามันเป็นความบังเอิญนะที่เราได้มาเจอกัน มันอาจจะเริ่มต้นได้ไม่สวย แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนได้นะ ฉันเองก็เป็นคนเหงาๆเหมือนกัน เธอก็เหงาไม่ใช่เหรอ ถ้าคนเหงามาอยู่ด้วยกัน มันก็จะเบียดความเหงาตกลงไปเองแหละ อีกอย่างนะ ถ้าเธอฟักออกมา เธอจะได้ยินไอ้เจ้าไข่บ้าบ่นตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่มันก็ใจดีนะ เรียกว่าเป็นพวกปากไม่ตกกับใจไง คิกๆ” ชาจีนพูดเองเออเองอยู่คนเดียว เมื่อไม่มีเสียงเสียตอบกลับเธอเองก็ชักจะใจเสียเหมือนกัน
‘ท่านเป็นคนใจดีจัง งั้นได้โปรด ช่วยตั้งชื่อให้ข้าจะได้ไหม’
“ตั้งชื่อเหรอ”
‘ใช่ ข้ายังไม่มีชื่อเลย ท่านช่วยตั้งให้ข้าที’
ชาจีนนิ่งไปสักพัก ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“งั้น นามของเจ้านั้นคือ...ผู่เอ้อ” ชาจีนกล่าวแบบเท่ๆ แบบในนิยายที่เคยอ่านมา
พริบตานั้น อุโมงค์ก็หายไป แสงสีขาวสว่างนวลแผ่ออกมา ก่อนที่มันจะปรากฎไข่สีเขียวอ่อนปนสีครีมไข่ ที่เธอเคยเลือกไว้ ไข่นั้นค่อยๆปริแตกออก...
สิ่งที่ออกมาจากไข่นั้นคือ...
ผู้เล่นชาจีนได้รับภูตดอกไม้สายลม 1 ตน ระบบจะคงชื่อเดิมของสัตว์เลี้ยง กรุณาทำพันธะสัญญากับสัตว์เลี้ยงที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงค่ะ
............................................................................................................................................
สุขสันต์วันแม่ค่ะ ^^ วันนี้เป็นวันที่ดีเนอะ ไรเตอร์เลยมาอัพค่าาา 55+ เพิ่งแต่งเสร็จวันนี้เอง อาจจะสั้นไปหน่อยเนอะ แต่มันเป็นบทนอกรอบ ยาวไปคงไม่ค่อยดีแหละเนอะ 55+ ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะค่ะ ^^
ความคิดเห็น