ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พลิกตำนานราชาปีศาจที่กลายเป็นผู้กล้า?!

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ความแค้นมันก็ต้องแก้แค้นด้วยเสียงบ่น(?)

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 54


    <<บทที่  1  ความแค้นมันก็ต้องแก้แค้นด้วยเสียงบ่น(?)>>

     

             จ๊อก  จ๊อก  จ๊อก

             เสียงท้องร้องดังประท้วงหลังจากไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน

             เจ้าท้องบ้านจะร้องทำไม!  ข้ารู้ตัวว่าหิว  แล้วจะร้องซ้ำเติมทำไมหา!”  เด็กหนุ่มพูดอย่างรำคาญ  เพราะตาแก่นั้นแท้ๆ  ข้าแค่ว่าหน่อยเดียว  แต่ทำไมต้องมาทำอะไรบ้าๆแบบนี้  ถ้ากลับไปได้นะข้าจะเรียกเงินค่าแรงซะให้หมดตัวเลย!”  ว่าแล้วเจ้าตัวก็สถบคำด่าออกมาเป็นชุด

             ลูกิ  ซาโนเรส  เด็กหนุ่มวัยสิบห้า  นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดูเกียจคร้านตัดกับเส้นผมสีเงินสั้นกำลังท่อประกายความโมโหอย่างเห็นได้ชัด  แต่ต้องเก็บอารมณ์นั้นไว้เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเองดังขึ้นอีกครั้ง

             ลูกิถอนหายใจออกเบาๆกับอาการท้องของตัวเองตอนนี้ก่อนจะก้มลงมองแท่งสีดำประหลาดที่อยู่ในมือรูปร่างเหมือนช็อกโกแลตธรรมดาๆอันหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญคือ...มันกินไม่ได้ (ไม่น่าจะสำคัญเท่าไหร่)

             ตาแก่นั้นให้  GPS  รูปร่างแบบช็อกโกแลตราคาแพงแสนแพงมาแต่ทำไมไม่เอาช็อกโกแลตจริงๆที่ราคาถูกแสนถูกมาให้กินประทังชีวิตล่ะเนี่ย  พูดจบเสียงท้องก็ดังตอบรับขึ้นมาอีกครั้ง

             พอได้ยินอย่างนี้ลูกิเปลี่ยนเอาเป็นเงินค่าข้าวแทนดีกว่า

             GPS  คือเครื่องที่ใช้หาคนที่เป็นร่างทรงของราชาปีศาจ  ซึ่งทำขึ้นโดยนักบวชชั้นสูงหลายสิบคน ที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายแพงแสนแพงและนานแสนนานกว่าจะได้มาอันหนึ่ง  แต่ไม่รู้ใครเป็นคนออกแบบให้รูปร่างเหมือนช็อกโกแลตชวนยั่วน้ำลายแบบนี้

             ท่าน ผบ. ให้ลูกิอันหนึ่งก่อนมาอดีตโดยให้ถือไว้แล้วเดินตามแรงที่  GPS  ดึงไป  พอไกล้ถึงร่างทรงราชาปีศาจจะส่งเสียงดัง...

             ปี๊บ  ปี๊บ  ปี๊บ

             เสียงร้องของเครื่อง  GPS  ดังขึ้นเรียกความสนใจของลูกิให้มองไปที่สิ่งก่อสร้างที่อยู่ตรงหน้า...

             โบสถ์...

             โบสถ์สีขาวสะดุดตาตั้งเด่นสง่าอยู่ริมชานเมืองที่เงียบสงบ  รั้วสีขาวที่โอบล้อมรอบโบสถ์เอาไว้จากสิ่งรบกวนต่างๆ  รูปไม้กางเขนสีซีดที่ประดับอยู่ทำให้รู้แน่ชัดกับความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งก่อสร้างตรงหน้าได้อย่างดี

             สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรียกความสนใจจากลูกิได้  นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้นท่อประกายด้วยความสนใจ  หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน  ดวงหน้าเกียจคร้านแปลเปลี่ยนเป็นความจริงจังเป็นครั้งแรก  เป็นผลให้สีผิวอ่อนของเด็กหนุ่มดูดีภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น

             จ๊อก

             แต่ถึงกระนั้นอาการหิวโซจากความอดอยาก ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันก็ทำลายความจริงจังทิ้งไปในพริบตา

             ลูกิจึงเดินไหล่ตกเข้าไปในโบสถ์  ปล่อยให้  GPS  ส่งเสียงร้องไปตลอดทาง

     

             แสงอาทิตย์อัสดงทอดแสงสีแดงสดลอดผ่านหน้าต่างบานน้อยใหญ่ภายในโบสถ์เข้ามาในห้องที่ไร้ผู้คน

             ผมสีเงินของเด็กหนุ่มแทบถูกย้อนเป็นสีเลือดเพราะแสงอาทิตย์ตกดิน  นัยน์ตาสีน้ำเงินมองทอดยาวไปบนทางเดิน  ในมือถือ  GPS  แท่งสีดำที่ในตอนนี้ไม่ได้ส่งเสียงเพราะเปลี่ยนเป็นระบบสั่นเพื่อไม่ให้มีใครรู้ว่ามีคนเข้ามาในที่แห่งนี้  แต่อาการหิวยังคงไม่หายไปแค่เพียงยังไม่ส่งเสียงประท้วงออกมาเท่านั้น

             ลูกิเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปยังตู้สีดำขนาดใหญ่  ที่บาทหลวงใช้ฟังคำสารบาปของผู้คน...ตู้สารบาป...

             เด็กหนุ่มยื่นมือไปเพื่อเปิดประตู  แต่ว่า...

     

             ตูม!

     

             ตู้สารบาปก็ระเบิดออก!?!

    ลูกิที่ยืนอยู่ประตูล้มลงไปกับพื้นเพราะแรงระเบิด นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกแลดูคาดคั้นหาสาเหตุ

             จากนั้นเพียงชั่วอึดใจได้มีร่างของผู้ใหญ่วัยประมาณยี่สิบเกือบสามสิบแล้วกับเด็กหนุ่มวัยเดียวกันกับเขาวิ่งออกจากตู้สารบาปที่เพิ่งระเบิดเละเป็นจุน

             เฮ้ย!  เดี๋ยวก่อนสิมาช่วยกันก่อน!”  ลูกิที่ถูกซากของตู้ทับอยู่รีบตะโกนขอความช่วยเหลือ  แต่ก็ไม่ทันเพราะทั้งสองร่างนั้นวิ่งหายไปแล้ว

             เมื่อเป็นอย่างนี้เด็กหนุ่มจึงพยายามลุกขึ้นมาด้วยตัวเองแต่ซากที่ทับเขาอยู่มันนักจนไม่สามารถขยับไปไหนได้

             เขาจึงตัดสินใจใช้มือข้างหนึ่งคว้านหา  GPS  ที่เขาเผลอทำหลุดมือไปตอนที่ตู้ระเบิด  ภาวนาในใจขอให้ไอ้แท่งช็อกโกแลตนั้นยังไม่พังเพราะไม่งั้นเขาต้องกินแกลบไปทั้งชีวิตแน่!

             ใช้เวลาไม่นานก็หาเจอ  ลูกิพยายามหยิบขึ้นมาแต่ว่า...

             ปี๊บ  ปี๊บ  ปี๊บ

             เขาดันเผลอไปกดปุ่มเปิดเสียงซะงั้น

             พอลองพยายามจะกดปุ่มปิดเสียง  GPS  ก็ดันหลุดมือไปอีก

             ไอ้...

             ด้วยความโมโห(หิว) ระคนไปกับเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบทำให้แทบจะสรรหาคำพูดไม่ถูก

             สุดท้ายก็ต้องใช้มือคว้านหาใหม่อีกครั้ง  แต่ยังไม่ทันหาเจอก็ดันมีคนมาเสียก่อน

             บาทหลวง  ซิสเตอร์  พวกเด็กๆทั้งหลาย...นี่แห่มาที่นี่กันหมดเลยใช่มั้ย...แต่มาเยอะขนาดนี้ยังไม่มีใครเลยแฮะ   ลูกิพยายามโงกหัวขึ้นมามองแต่สุดท้ายก็อดเหนื่อยใจไม่ได้

             ก...เกิดอะไรขึ้น เสียงอ่อนวัยดังขึ้น พร้อมกับร่างของเจ้าของเสียงที่รีบวิ่งเข้ามาดูลูกิ

             นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยรับดวงหน้าอ่อนวัยได้อย่างลงตัว  ผมสีน้ำตาลสั้นอันอ่อนนุ่มตัดกับชุดคลุมยาวสีขาวสง่า  คทาที่ถือช่วยบอกตำแหน่งของคนตรงหน้าได้อย่างดี

             พระสังฆราชที่ส่งข้ามาอดีตนี่น่า!

             ใครก็ได้มาช่วยตรงนี้หน่อย พระสังฆราชหันไปส่งคนที่ยืนดูอยู่ มีคนอยู่ข้างใต้นี้

             บาทหลวงที่ยืนอยู่ก็รีบเข้ามายกซากตู้สารบาปออกจากเขา  และพระสังฆราชยังหันไปสั่งซิสเตอร์ให้ไปช่วยพยุงเด็กหนุ่มลุกขึ้นมา

             กะว่าจะเข้ามาเงียบๆแต่ดันรู้กันทั้งโบสถ์นี่นะ  ลูกิแอบประชวดอยู่ในใจ

             ปี๊บ  ปี๊บ  ปี๊บ

             เสียงเครื่อง GPS ดังขึ้นจากกองซากระเบิด

             ลูกิสลัดมือของซิสเตอร์ที่จับอยู่  แล้วรีบวิ่งไปที่ต้นเสียงเพื่อไม่ให้ต้องกินแกลบไปทั้งชีวิต

             ทุกคนหันความสนใจไปอยู่ที่เด็กหนุ่มปริศนาที่ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงโดยที่ไม่มีใครรู้เห็น  และเพิ่งรู้สึกมันมีเสียงดังปี๊บจากกองซากระเบิดอยู่

             เจอแล้ว!” ลูกิตะโกนลั่นเมื่อเจอ GPS ที่ยังไม่พัง

             ไม่ต้องกินแกลบไปทั้งชีวิตแล้ว!

             นั้นอะไร พระสังฆราชหรี่ตาลงถาม

             ลูกิโดนถามแบบนี้ไปก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองอยู่ในโบสถ์ที่แอบเข้ามา  แล้วตอนนี้สายตาทุกคู่นั้นกำลังจ้องมาที่เขา

     

             อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้โดยไม่จำเป็น  ไม่ไงแกต้องชดใช้สิ่งที่พูดเกี่ยวกับข้าแน่!

     

             ลูกิทวนคำที่ท่าน ผบ. สั่งก่อนมาอดีตอย่างหนาสันหลังวาบ

             เด็กหนุ่มจึงหันไปยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับชู GPS ที่อยู่ในมือให้ดู มันเป็นเครื่องนำทางรุ่นใหม่ฮะ

             เครื่องนำทาง? พระสังฆราชได้ยินเป็นงง ไม่เคยรู้มาก่อนมามีเครื่องนำทางรูปร่างอะไรแบบนี้ด้วย

             เหงื่อๆเย็นๆไหลอาบหลังของลูกิเต็มไปหมด แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังต้องยิ้ม(อย่างเจื่อนๆ)ต่อไป

    ใช่ฮะ ข้าอยากมาที่โบสถ์นี่ก็เลยพูดใส่เครื่องนี้ว่า ไปโบสถ์แห่งซาเอล ถือมันก็จะมีแรงดึงไปตามทางให้พอถึงโบสถ์แล้วก็จะส่งเสียงร้องอย่างนี้แหละ

             คิ้วของพระสังฆราชขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิดก่อนจะคลายออก ซิสเตอร์พาเด็กคนนี้ไปทำแผลก่อนเร็วเข้า จะได้สืบเรื่องการระเบิดของตู้สารบาป

            “ค่ะ ซิสเตอร์เรน่าตอบรับก่อนที่จะมาหาลูกิแล้วใช้เวทย์รักษาชั้นต้นให้ เพราะตัวของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยแผลถลอก

             พอซิสเตอร์รักษารักษาเสร็จก็พาเขาเดินไปโต๊ะที่พระสังฆราชนั่งอยู่

             ลูกิกดปุ่มเปลี่ยนเป็นระบบสั่นก่อนจะถอนหายใจ นึกว่าตัวโชคดีที่อ่านชื่อโบสถ์ก่อนเข้ามาอยู่ในใจ

             ตอนนี้ลูกิเริ่มสังเกตว่าพระสังฆราชในยุคที่เขาอยู่กับ ณ เวลานี้ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยนะเนี้ย...นอกจากย้อนเวลาได้แล้วยังหยุดเวลาได้ด้วยงั้นรึ?

     

             ชักอยากรู้แล้วสิว่าพระสังฆราชอายุเท่าไร?

     

             ข้าขอถามตรงๆเลยละกัน นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นจับจ้องมาที่ลูกิจนตัวเกร็งไปหมด เจ้าเห็นหน้าคนที่ระเบิดตู้สารบาปหรือเปล่า

             รอยยิ้มเจื่อนๆของลูกิเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยน์ในพริบตาเดียวเมื่อได้ยินคำถามนี้  เห็นสิฮะ

             งั้นคงบอกได้สินะว่าหน้าตาเป็นยังไง

             รอยยิ้มนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ ได้อยู่แล้วฮะ

             บนใบหน้าอันอ่อนวัยนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆอย่างพอใจในคำตอบ งั้นก็บอกมาเลย

             ฮะ นัยน์ตาสีน้ำเงินค่อยๆปิดลงก่อนที่ปากจะเริ่มสารยายรูปร่างหน้าตาของคนร้าย คนร้ายนั้นมีด้วยกันสองคน คนหนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายวัยประมาณเกือบสามสิบ สวมชุดคลุมบาทหลวงสีขาว ใบหน้าใสแฝงไปด้วยความขี้เล่นและรักอิสระไม่ชอบการผูกมัดกับกฎระเบียบ ผมสีทองสั้นเป็นประกายเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ นัยน์ตาสีน้ำเงินแฝงความลึกล้ำ ท่าทางเหมือนไม่ได้สนใจอะไรแต่ในทางกลับกันมันก็แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างดี

             พระสังฆราชได้ยินถึงกลับยิ้มค้าง (ส่วนหนึ่งคงเพราะบทบรรยายที่ราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิยายของเด็กหนุ่ม)

             ลูกิแอบเปิดเปลือกตาเล็กน้อยเพื่อดูปฏิกิริยาอีกฝ่าย แต่ต้องสะกดอารมณ์ขบขันอย่างยากเย็นกับสิ่งที่เห็น พร้อมกับต้องสารยายหน้าตาคนร้ายต่อไป  ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มวัยประมาณสิบห้า นัยน์ตาสีเขียวดูเป็นมิตรและซุกซนในเวลาเดียวกัน  แต่ถึงกระนั้นก็เหมือนกับทะเลสาบที่ไม่อาจรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่บ้าง ผมสีน้ำตามยุ่งเหยิงส่องประกายงดงามเมื่อเจอกับแสงอาทิตย์อัสดง  ดวงหน้าใสไร้รอยตำหนิใดๆ  ทุกย่างก้าวนั้นแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นเกินเด็กวัยนี้ควรจะมี

             พระสังฆราชรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ดินแดนแห่งน้ำแข็งทางตอนเหนือ

             ทั้งสองคนนั้นเมื่ออยู่ด้วยกันเปรียบเสมือนกับภาพวาดที่สื่อถึงความรักอิสระ ไร้การผูกมัดใดๆ ยิ่งเป็นตอนที่ตะวันตกดินช่วยให้ทั้งสองคนนั้นมีสีสันแห่งมิตรภาพมากขึ้น

             พระสังฆราชเหมือนว่าตัวเองกำลังเล่นเกมส์จ้องตาแข่งกับเมดูซ่าอยู่

             นี่ยังไม่รวมแรงระเบิด...

             หยุดเลย พระสังฆราชรีบยกมือห้ามปรามก่อนที่การสารยายรูปพรรณสัณฐานคนร้ายจะกลายเป็นมหากาพย์มิตรภาพอันแน่แฝงของคนร้ายทั้งสองคน

             แต่ว่านี่ยังไม่จบเลยนะฮะ ลูกิค้าน

             แค่นี้ข้าก็รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงแล้ว พระสังฆราชเอามือกุมขมับเมื่อนึกถึงการสารยายรูปร่างหน้าตาคนร้ายเมื่อครู่

             เมื่อเห็นพระสังฆราชเป็นแบบนี้ ลูกิก็ยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ นึกดีใจที่ตัวเองอ่านนิยายบ่อยไม่ได้

             ได้ยินที่เด็กคนนี้พูดแล้วก็ไปจับตัวคนร้ายได้แล้วล่ะ พระสังฆราชถอนหายใจ

     เอา  เจ้าคู่หูตัวปัญหาแห่งโบสถ์ซาเอล  ไปกักบริเวณหนึ่งเดือน

             ลูกิยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นอาการของพระสังฆราช

             เจ้ากลับบ้านได้แล้ว ไม่มีธุระแล้ว พระสังฆราชพูดโดยไม่หันไปมองเพราะกลัวว่าถ้าเห็นเจ้าเด็กคนนี้แล้วจะเหนื่อยใจยิ่งกว่าเดิม

             ข้าจะอยู่ที่นี่ ลูกิตอบด้วยรอยยิ้ม

             เชิญเลย...หา! เมื่อกี้เจ้าว่าไงนะ พระสังฆราชร้องออกมาเพราะว่าต้องจ่ายค่าตู้สารบาปใหม่เงินเรี้ยไรจากชาวบ้านของเดือนนี้เกือบจะติดลบแล้ว(เจ้าคู่หูตัวปัญหาแห่งโบสถ์ซาเอลก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวันจนต้องเสียค่าซ่อมแซมไปเยอะ)ถ้ามีเด็กมาเลี้ยงอีกคนมันจะติดลบไหมเนี่ย

             ข้า-จะ-อยู่-ที่-นี่ ลูกิพูดเน้นที่ละคำ

             คงไม่ได้หรอก...

             ข้าเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตายเพราะสงครามเมื่อสามปีก่อน ข้าจึงต้องย้ายไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...

             พอแล้ว หยุดเถอะ พระสังฆราชรีบปราม ขณะที่มีเหล่าคณะซิสเตอร์ พระสงฆ์ รวมถึงนักบวชอีกมากมายยืนซับน้ำตามเป็นแบ็กกราวอยู่

             แต่ข้ากลับไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียวเพราะข้ามีเส้นผมสีเงินที่ในอดีตกาลเชื่อว่าปีศาจจะมาสถิตร่างอยู่... ลูกิไม่สนคำขอร้องของพระสังฆราช  แถมยังแอบลงเวทย์แรงน่วมถ่วง(เวทย์แรงน่วมถ่วงเป็นเวทย์ที่ยากจนบางที่นักเวทย์ชั้นสูงหลายคนไม่อาจใช้ได้และที่สำคัญเวทย์นี้ถ้าร่ายแล้วไม่สามรถแก้ได้จนกว่าคนร่ายจะหยุดส่งพลังเวทย์)ให้คนข้างหน้าไม่สามรถลุกไปไหนได้

             พอแล้ว เข้าใจแล้ว ขอร้องล่ะหยุดเถอะ

             จนอยู่มาวันหนึ่งพวกเด็กนั้นก็พาข้าไปทิ้งในป่าเพื่อให้สัตว์ป่ากินข้าเป็นอาหาร... ลูกิยังคงเล่าต่อไปโดยไม่สนใจอะไร

             พระสังฆราชอยากจะร้องโฮซะตรงนี้

    3  ชั่วโมงผ่านไป...

             พอข้ารู้เรื่องโบสถ์แห่งซาเอลที่ไม่ขีดกันไม่ว่าจะเป็นอะไร ข้าจึงตัดสินใจทำงานพิเศษอย่างหนัก เพื่อซื้อเครื่องนำทางรุ่นใหม่เพราะข้ามักชอบหลงทางเป็นประจำ ทุกวันเข้าเฝ้ารอวันนี้มาถึง...วันที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเมตตาลูกเกะที่ถูกทอดทิ้งอย่างข้าได้อยู่อย่างสงบที่โบสถ์ซาเอลแห่งนี้ 3 ชั่วโมงกับอีกไม่รู้กี่สินนาที ในที่สุดมหากาพย์ชีวิตของเด็กหนุ่มก็จบลง (ได้ซะที)

             จบแล้ว  มันจบแล้ว  มหากาพย์ชีวิตได้จบลงแล้ว!

             พระสังฆราชดีใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา

             ท่านพระสังฆราชจะให้ข้าอยู่ที่นี่ไหมฮะลูกิทำตาแป๋วเหมือนเด็กสามขวบอ้อนขอของเล่น

             พระสังฆราชขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด  ซิสเตอร์เรน่าจัดห้องเดี่ยวให้เด็กคนนี้อยู่ แล้วทำอาหารเพิ่มอีกหนึ่งที่ด้วย พระสังฆราชตอบไปอย่างนั้นเพราะยังไงซะเขาคงไม่อยากจะฟังมหากาพย์ชีวิตสุดน้ำเน่านี่เพิ่มอีกรอบแน่ แค่นี้ก็รู้รสชาติเลยว่าอาการหูชาเพราะเสียงบ่นมันเป็นยังไง

             พอได้ยินอย่างนี้ลูกิก็ยิ้มกว้าง พร้อมกับผิวปากอย่างถูกใจ

     

             ที่ข้าพูดไปทั้งหมดนี่ถือเป็นดอกเบี้ยของการแก้แค้นที่พระสังฆราชคิดแผนการที่มาแก้ร่างทรงของราชาปีศาจในอดีต  จนข้าต้องเดือดร้อนเท่านั้นเองนะ

    GG ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×