คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ความแค้นมันก็ต้องแก้แค้นด้วยเสียงบ่น(?)
<<บทที่ 1 ความแค้นมันก็ต้องแก้แค้นด้วยเสียงบ่น(?)>>
จ๊อก จ๊อก จ๊อก
เสียงท้องร้องดังประท้วงหลังจากไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน
“เจ้าท้องบ้านจะร้องทำไม! ข้ารู้ตัวว่าหิว แล้วจะร้องซ้ำเติมทำไมหา!” เด็กหนุ่มพูดอย่างรำคาญ “เพราะตาแก่นั้นแท้ๆ ข้าแค่ว่าหน่อยเดียว แต่ทำไมต้องมาทำอะไรบ้าๆแบบนี้ ถ้ากลับไปได้นะข้าจะเรียกเงินค่าแรงซะให้หมดตัวเลย!” ว่าแล้วเจ้าตัวก็สถบคำด่าออกมาเป็นชุด
ลูกิ ซาโนเรส เด็กหนุ่มวัยสิบห้า นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดูเกียจคร้านตัดกับเส้นผมสีเงินสั้นกำลังท่อประกายความโมโหอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้องเก็บอารมณ์นั้นไว้เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องของตัวเองดังขึ้นอีกครั้ง
ลูกิถอนหายใจออกเบาๆกับอาการท้องของตัวเองตอนนี้ก่อนจะก้มลงมองแท่งสีดำประหลาดที่อยู่ในมือรูปร่างเหมือนช็อกโกแลตธรรมดาๆอันหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญคือ...มันกินไม่ได้ (ไม่น่าจะสำคัญเท่าไหร่)
“ตาแก่นั้นให้ GPS รูปร่างแบบช็อกโกแลตราคาแพงแสนแพงมาแต่ทำไมไม่เอาช็อกโกแลตจริงๆที่ราคาถูกแสนถูกมาให้กินประทังชีวิตล่ะเนี่ย” พูดจบเสียงท้องก็ดังตอบรับขึ้นมาอีกครั้ง
พอได้ยินอย่างนี้ลูกิเปลี่ยนเอาเป็นเงินค่าข้าวแทนดีกว่า
GPS คือเครื่องที่ใช้หาคนที่เป็นร่างทรงของราชาปีศาจ ซึ่งทำขึ้นโดยนักบวชชั้นสูงหลายสิบคน ที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายแพงแสนแพงและนานแสนนานกว่าจะได้มาอันหนึ่ง แต่ไม่รู้ใครเป็นคนออกแบบให้รูปร่างเหมือนช็อกโกแลตชวนยั่วน้ำลายแบบนี้
ท่าน ผบ. ให้ลูกิอันหนึ่งก่อนมาอดีตโดยให้ถือไว้แล้วเดินตามแรงที่ GPS ดึงไป พอไกล้ถึงร่างทรงราชาปีศาจจะส่งเสียงดัง...
ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ
เสียงร้องของเครื่อง GPS ดังขึ้นเรียกความสนใจของลูกิให้มองไปที่สิ่งก่อสร้างที่อยู่ตรงหน้า...
โบสถ์...
โบสถ์สีขาวสะดุดตาตั้งเด่นสง่าอยู่ริมชานเมืองที่เงียบสงบ รั้วสีขาวที่โอบล้อมรอบโบสถ์เอาไว้จากสิ่งรบกวนต่างๆ รูปไม้กางเขนสีซีดที่ประดับอยู่ทำให้รู้แน่ชัดกับความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งก่อสร้างตรงหน้าได้อย่างดี
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรียกความสนใจจากลูกิได้ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้นท่อประกายด้วยความสนใจ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ดวงหน้าเกียจคร้านแปลเปลี่ยนเป็นความจริงจังเป็นครั้งแรก เป็นผลให้สีผิวอ่อนของเด็กหนุ่มดูดีภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น
จ๊อก
แต่ถึงกระนั้นอาการหิวโซจากความอดอยาก ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันก็ทำลายความจริงจังทิ้งไปในพริบตา
ลูกิจึงเดินไหล่ตกเข้าไปในโบสถ์ ปล่อยให้ GPS ส่งเสียงร้องไปตลอดทาง
แสงอาทิตย์อัสดงทอดแสงสีแดงสดลอดผ่านหน้าต่างบานน้อยใหญ่ภายในโบสถ์เข้ามาในห้องที่ไร้ผู้คน
ผมสีเงินของเด็กหนุ่มแทบถูกย้อนเป็นสีเลือดเพราะแสงอาทิตย์ตกดิน นัยน์ตาสีน้ำเงินมองทอดยาวไปบนทางเดิน ในมือถือ GPS แท่งสีดำที่ในตอนนี้ไม่ได้ส่งเสียงเพราะเปลี่ยนเป็นระบบสั่นเพื่อไม่ให้มีใครรู้ว่ามีคนเข้ามาในที่แห่งนี้ แต่อาการหิวยังคงไม่หายไปแค่เพียงยังไม่ส่งเสียงประท้วงออกมาเท่านั้น
ลูกิเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปยังตู้สีดำขนาดใหญ่ ที่บาทหลวงใช้ฟังคำสารบาปของผู้คน...ตู้สารบาป...
เด็กหนุ่มยื่นมือไปเพื่อเปิดประตู แต่ว่า...
ตูม!
ตู้สารบาปก็ระเบิดออก!?!
ลูกิที่ยืนอยู่ประตูล้มลงไปกับพื้นเพราะแรงระเบิด นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกแลดูคาดคั้นหาสาเหตุ
จากนั้นเพียงชั่วอึดใจได้มีร่างของผู้ใหญ่วัยประมาณยี่สิบเกือบสามสิบแล้วกับเด็กหนุ่มวัยเดียวกันกับเขาวิ่งออกจากตู้สารบาปที่เพิ่งระเบิดเละเป็นจุน
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนสิมาช่วยกันก่อน!” ลูกิที่ถูกซากของตู้ทับอยู่รีบตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันเพราะทั้งสองร่างนั้นวิ่งหายไปแล้ว
เมื่อเป็นอย่างนี้เด็กหนุ่มจึงพยายามลุกขึ้นมาด้วยตัวเองแต่ซากที่ทับเขาอยู่มันนักจนไม่สามารถขยับไปไหนได้
เขาจึงตัดสินใจใช้มือข้างหนึ่งคว้านหา GPS ที่เขาเผลอทำหลุดมือไปตอนที่ตู้ระเบิด ภาวนาในใจขอให้ไอ้แท่งช็อกโกแลตนั้นยังไม่พังเพราะไม่งั้นเขาต้องกินแกลบไปทั้งชีวิตแน่!
ใช้เวลาไม่นานก็หาเจอ ลูกิพยายามหยิบขึ้นมาแต่ว่า...
ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ
เขาดันเผลอไปกดปุ่มเปิดเสียงซะงั้น
พอลองพยายามจะกดปุ่มปิดเสียง GPS ก็ดันหลุดมือไปอีก
ไอ้...
ด้วยความโมโห(หิว) ระคนไปกับเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบทำให้แทบจะสรรหาคำพูดไม่ถูก
สุดท้ายก็ต้องใช้มือคว้านหาใหม่อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันหาเจอก็ดันมีคนมาเสียก่อน
บาทหลวง ซิสเตอร์ พวกเด็กๆทั้งหลาย...นี่แห่มาที่นี่กันหมดเลยใช่มั้ย...แต่มาเยอะขนาดนี้ยังไม่มีใครเลยแฮะ ลูกิพยายามโงกหัวขึ้นมามองแต่สุดท้ายก็อดเหนื่อยใจไม่ได้
“ก...เกิดอะไรขึ้น” เสียงอ่อนวัยดังขึ้น พร้อมกับร่างของเจ้าของเสียงที่รีบวิ่งเข้ามาดูลูกิ
นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยรับดวงหน้าอ่อนวัยได้อย่างลงตัว ผมสีน้ำตาลสั้นอันอ่อนนุ่มตัดกับชุดคลุมยาวสีขาวสง่า คทาที่ถือช่วยบอกตำแหน่งของคนตรงหน้าได้อย่างดี
พระสังฆราชที่ส่งข้ามาอดีตนี่น่า!
“ใครก็ได้มาช่วยตรงนี้หน่อย” พระสังฆราชหันไปส่งคนที่ยืนดูอยู่ “มีคนอยู่ข้างใต้นี้”
บาทหลวงที่ยืนอยู่ก็รีบเข้ามายกซากตู้สารบาปออกจากเขา และพระสังฆราชยังหันไปสั่งซิสเตอร์ให้ไปช่วยพยุงเด็กหนุ่มลุกขึ้นมา
กะว่าจะเข้ามาเงียบๆแต่ดันรู้กันทั้งโบสถ์นี่นะ ลูกิแอบประชวดอยู่ในใจ
ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ
เสียงเครื่อง GPS ดังขึ้นจากกองซากระเบิด
ลูกิสลัดมือของซิสเตอร์ที่จับอยู่ แล้วรีบวิ่งไปที่ต้นเสียงเพื่อไม่ให้ต้องกินแกลบไปทั้งชีวิต
ทุกคนหันความสนใจไปอยู่ที่เด็กหนุ่มปริศนาที่ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงโดยที่ไม่มีใครรู้เห็น และเพิ่งรู้สึกมันมีเสียงดังปี๊บจากกองซากระเบิดอยู่
“เจอแล้ว!” ลูกิตะโกนลั่นเมื่อเจอ GPS ที่ยังไม่พัง
ไม่ต้องกินแกลบไปทั้งชีวิตแล้ว!
“นั้นอะไร” พระสังฆราชหรี่ตาลงถาม
ลูกิโดนถามแบบนี้ไปก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองอยู่ในโบสถ์ที่แอบเข้ามา แล้วตอนนี้สายตาทุกคู่นั้นกำลังจ้องมาที่เขา
อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้โดยไม่จำเป็น ไม่ไงแกต้องชดใช้สิ่งที่พูดเกี่ยวกับข้าแน่!
ลูกิทวนคำที่ท่าน ผบ. สั่งก่อนมาอดีตอย่างหนาสันหลังวาบ
เด็กหนุ่มจึงหันไปยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับชู GPS ที่อยู่ในมือให้ดู “มันเป็นเครื่องนำทางรุ่นใหม่ฮะ”
“เครื่องนำทาง?” พระสังฆราชได้ยินเป็นงง ไม่เคยรู้มาก่อนมามีเครื่องนำทางรูปร่างอะไรแบบนี้ด้วย
เหงื่อๆเย็นๆไหลอาบหลังของลูกิเต็มไปหมด แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังต้องยิ้ม(อย่างเจื่อนๆ)ต่อไป
“ใช่ฮะ ข้าอยากมาที่โบสถ์นี่ก็เลยพูดใส่เครื่องนี้ว่า ‘ไปโบสถ์แห่งซาเอล’ ถือมันก็จะมีแรงดึงไปตามทางให้พอถึงโบสถ์แล้วก็จะส่งเสียงร้องอย่างนี้แหละ”
คิ้วของพระสังฆราชขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิดก่อนจะคลายออก “ซิสเตอร์พาเด็กคนนี้ไปทำแผลก่อนเร็วเข้า จะได้สืบเรื่องการระเบิดของตู้สารบาป”
“ค่ะ” ซิสเตอร์เรน่าตอบรับก่อนที่จะมาหาลูกิแล้วใช้เวทย์รักษาชั้นต้นให้ เพราะตัวของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยแผลถลอก
พอซิสเตอร์รักษารักษาเสร็จก็พาเขาเดินไปโต๊ะที่พระสังฆราชนั่งอยู่
ลูกิกดปุ่มเปลี่ยนเป็นระบบสั่นก่อนจะถอนหายใจ นึกว่าตัวโชคดีที่อ่านชื่อโบสถ์ก่อนเข้ามาอยู่ในใจ
ตอนนี้ลูกิเริ่มสังเกตว่าพระสังฆราชในยุคที่เขาอยู่กับ ณ เวลานี้ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยนะเนี้ย...นอกจากย้อนเวลาได้แล้วยังหยุดเวลาได้ด้วยงั้นรึ?
ชักอยากรู้แล้วสิว่าพระสังฆราชอายุเท่าไร?
“ข้าขอถามตรงๆเลยละกัน” นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นจับจ้องมาที่ลูกิจนตัวเกร็งไปหมด “เจ้าเห็นหน้าคนที่ระเบิดตู้สารบาปหรือเปล่า”
รอยยิ้มเจื่อนๆของลูกิเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยน์ในพริบตาเดียวเมื่อได้ยินคำถามนี้ “เห็นสิฮะ”
“งั้นคงบอกได้สินะว่าหน้าตาเป็นยังไง”
รอยยิ้มนั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ “ได้อยู่แล้วฮะ”
บนใบหน้าอันอ่อนวัยนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆอย่างพอใจในคำตอบ “งั้นก็บอกมาเลย”
“ฮะ” นัยน์ตาสีน้ำเงินค่อยๆปิดลงก่อนที่ปากจะเริ่มสารยายรูปร่างหน้าตาของคนร้าย “คนร้ายนั้นมีด้วยกันสองคน คนหนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายวัยประมาณเกือบสามสิบ สวมชุดคลุมบาทหลวงสีขาว ใบหน้าใสแฝงไปด้วยความขี้เล่นและรักอิสระไม่ชอบการผูกมัดกับกฎระเบียบ ผมสีทองสั้นเป็นประกายเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ นัยน์ตาสีน้ำเงินแฝงความลึกล้ำ ท่าทางเหมือนไม่ได้สนใจอะไรแต่ในทางกลับกันมันก็แสดงความเป็นตัวเองได้อย่างดี”
พระสังฆราชได้ยินถึงกลับยิ้มค้าง (ส่วนหนึ่งคงเพราะบทบรรยายที่ราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิยายของเด็กหนุ่ม)
ลูกิแอบเปิดเปลือกตาเล็กน้อยเพื่อดูปฏิกิริยาอีกฝ่าย แต่ต้องสะกดอารมณ์ขบขันอย่างยากเย็นกับสิ่งที่เห็น พร้อมกับต้องสารยายหน้าตาคนร้ายต่อไป
พระสังฆราชรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ดินแดนแห่งน้ำแข็งทางตอนเหนือ
“ทั้งสองคนนั้นเมื่ออยู่ด้วยกันเปรียบเสมือนกับภาพวาดที่สื่อถึงความรักอิสระ ไร้การผูกมัดใดๆ ยิ่งเป็นตอนที่ตะวันตกดินช่วยให้ทั้งสองคนนั้นมีสีสันแห่งมิตรภาพมากขึ้น”
พระสังฆราชเหมือนว่าตัวเองกำลังเล่นเกมส์จ้องตาแข่งกับเมดูซ่าอยู่
“นี่ยังไม่รวมแรงระเบิด...”
“หยุดเลย” พระสังฆราชรีบยกมือห้ามปรามก่อนที่การสารยายรูปพรรณสัณฐานคนร้ายจะกลายเป็นมหากาพย์มิตรภาพอันแน่แฝงของคนร้ายทั้งสองคน
“แต่ว่านี่ยังไม่จบเลยนะฮะ” ลูกิค้าน
“แค่นี้ข้าก็รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไงแล้ว” พระสังฆราชเอามือกุมขมับเมื่อนึกถึงการสารยายรูปร่างหน้าตาคนร้ายเมื่อครู่
เมื่อเห็นพระสังฆราชเป็นแบบนี้ ลูกิก็ยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ นึกดีใจที่ตัวเองอ่านนิยายบ่อยไม่ได้
“ได้ยินที่เด็กคนนี้พูดแล้วก็ไปจับตัวคนร้ายได้แล้วล่ะ” พระสังฆราชถอนหายใจ
“เอา ‘เจ้าคู่หูตัวปัญหาแห่งโบสถ์ซาเอล’ ไปกักบริเวณหนึ่งเดือน”
ลูกิยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นอาการของพระสังฆราช
“เจ้ากลับบ้านได้แล้ว ไม่มีธุระแล้ว” พระสังฆราชพูดโดยไม่หันไปมองเพราะกลัวว่าถ้าเห็นเจ้าเด็กคนนี้แล้วจะเหนื่อยใจยิ่งกว่าเดิม
“ข้าจะอยู่ที่นี่” ลูกิตอบด้วยรอยยิ้ม
“เชิญเลย...หา! เมื่อกี้เจ้าว่าไงนะ” พระสังฆราชร้องออกมาเพราะว่าต้องจ่ายค่าตู้สารบาปใหม่เงินเรี้ยไรจากชาวบ้านของเดือนนี้เกือบจะติดลบแล้ว(เจ้าคู่หูตัวปัญหาแห่งโบสถ์ซาเอลก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวันจนต้องเสียค่าซ่อมแซมไปเยอะ)ถ้ามีเด็กมาเลี้ยงอีกคนมันจะติดลบไหมเนี่ย
“ข้า-จะ-อยู่-ที่-นี่” ลูกิพูดเน้นที่ละคำ
“คงไม่ได้หรอก...”
“ข้าเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตายเพราะสงครามเมื่อสามปีก่อน ข้าจึงต้องย้ายไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...”
“แต่ข้ากลับไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียวเพราะข้ามีเส้นผมสีเงินที่ในอดีตกาลเชื่อว่าปีศาจจะมาสถิตร่างอยู่...” ลูกิไม่สนคำขอร้องของพระสังฆราช แถมยังแอบลงเวทย์แรงน่วมถ่วง(เวทย์แรงน่วมถ่วงเป็นเวทย์ที่ยากจนบางที่นักเวทย์ชั้นสูงหลายคนไม่อาจใช้ได้และที่สำคัญเวทย์นี้ถ้าร่ายแล้วไม่สามรถแก้ได้จนกว่าคนร่ายจะหยุดส่งพลังเวทย์)ให้คนข้างหน้าไม่สามรถลุกไปไหนได้
“พอแล้ว เข้าใจแล้ว ขอร้องล่ะหยุดเถอะ”
“จนอยู่มาวันหนึ่งพวกเด็กนั้นก็พาข้าไปทิ้งในป่าเพื่อให้สัตว์ป่ากินข้าเป็นอาหาร...” ลูกิยังคงเล่าต่อไปโดยไม่สนใจอะไร
พระสังฆราชอยากจะร้องโฮซะตรงนี้
3 ชั่วโมงผ่านไป...
“พอข้ารู้เรื่องโบสถ์แห่งซาเอลที่ไม่ขีดกันไม่ว่าจะเป็นอะไร ข้าจึงตัดสินใจทำงานพิเศษอย่างหนัก เพื่อซื้อเครื่องนำทางรุ่นใหม่เพราะข้ามักชอบหลงทางเป็นประจำ ทุกวันเข้าเฝ้ารอวันนี้มาถึง...วันที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเมตตาลูกเกะที่ถูกทอดทิ้งอย่างข้าได้อยู่อย่างสงบที่โบสถ์ซาเอลแห่งนี้” 3 ชั่วโมงกับอีกไม่รู้กี่สินนาที ในที่สุดมหากาพย์ชีวิตของเด็กหนุ่มก็จบลง (ได้ซะที)
จบแล้ว มันจบแล้ว มหากาพย์ชีวิตได้จบลงแล้ว!
พระสังฆราชดีใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา
“ท่านพระสังฆราชจะให้ข้าอยู่ที่นี่ไหมฮะ” ลูกิทำตาแป๋วเหมือนเด็กสามขวบอ้อนขอของเล่น
พระสังฆราชขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด “ซิสเตอร์เรน่าจัดห้องเดี่ยวให้เด็กคนนี้อยู่ แล้วทำอาหารเพิ่มอีกหนึ่งที่ด้วย” พระสังฆราชตอบไปอย่างนั้นเพราะยังไงซะเขาคงไม่อยากจะฟังมหากาพย์ชีวิตสุดน้ำเน่านี่เพิ่มอีกรอบแน่ แค่นี้ก็รู้รสชาติเลยว่าอาการหูชาเพราะเสียงบ่นมันเป็นยังไง
พอได้ยินอย่างนี้ลูกิก็ยิ้มกว้าง พร้อมกับผิวปากอย่างถูกใจ
ที่ข้าพูดไปทั้งหมดนี่ถือเป็นดอกเบี้ยของการแก้แค้นที่พระสังฆราชคิดแผนการที่มาแก้ร่างทรงของราชาปีศาจในอดีต จนข้าต้องเดือดร้อนเท่านั้นเองนะ
GG ..
ความคิดเห็น