คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หนึ่งวันที่แสนวุ่นวาย
หนึ่งวันที่แสนวุ่นวาย
ไอซิสเอนหลังพิงไปกับพนังพิมพ์นุ่มๆ ไม่คิดว่าการมาเปิดบูทของเธอจะได้รับความสนใจมากขนาดนี้ สำรับไพ่ที่เธอเอามาเพื่อขายทั้งหมดกว่า 20 กล่องถูกจำหน่ายออกไปหมด ตอนนี้ภายในกระโจมของเธอเหลือเพียงตัวโขว์เท่านั้น
หญิงสาวมองม่านกระโจมที่ยังเปิดค้างอยู่ คิดว่าตัวเองควรที่จะเดินไปปิดม่านสีขาวลงมาแล้วแขวนป้ายปิดเลยดีไหม จะได้เดินออกไปหาอะไรกินได้อย่างสบายใจ หรือจะสั่งเดลิเวอร์รี่มากินที่นี่ดี จะได้ไม่ต้องถอดชุดที่เธอใส่อยู่นี่ออก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเสียก่อน จู่ๆก็มีบางอย่างโยนเข้ามาในกระโจมของเธอ
“ว้าย!” ไอซิส อุทาน ก็จะไม่ให้อุทานได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่ถูกโยนเข้ามานั้นตกลงบนลูกแก้วที่เธอใช้ประดับอยู่บนโต๊ะ ในคอนเซปนักพยากรณ์
“อะไรกันเนี่ย!” หญิงสาวมองของที่ตอกอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเห็นว่าเป็นกระเป๋าผู้หญิงแบรนด์เนมใบหนึ่ง
“อะ เอ่อ คุณเห็นกระเป๋าของฉัน...อ้า อยู่นี่เอง” ผู้หญิงคนหนึ่งโผล่เข้ามา แล้วเดินมายังกระเป๋าที่อยู่บนโต๊ะของไอซิส หญิงสาวผู้นั้นเดินมาเปิดกระเป๋าออกดู
“ไม่มี ไม่เหลืออะไรเลย” ร่างเล็กของผู้มาใหม่ทรุดลงกับพื้น กอดกระเป๋าใบนั้นไว้แน่น หยาดน้ำตาที่ไหลออกมาทำให้ไอซิสทอดถอนใจ เธอจะปล่อยเพื่อนมนุษย์ตกอยู่ในความลำบากได้อย่างไร
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือค่ะ โดนวิ่งราวเหรอ” เธอตั้งคำถาม
ผู้ที่กำลังนั่งกอดกระเป๋าใบเดียวที่เหลืออยู่พยักหน้า จัดการกับขวัญของตัวเองแล้วเริ่มอธิบายให้พี่สาวคนสวยคนนี้ฟัง
“พอดีฉัน....” เธอไม่รู้จะบอกว่าอย่างไรดี เพราะเพิ่งจะหนีออกจากบ้านมา การไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนติดตามมันอันตรายอย่างนี้เองสินะ แล้วเธอจะบอกผู้หญิงตรงหน้านี้อย่างไร
ไอซิสเมื่อเห็นทีท่าลำบากใจของหญิงสาวที่ดูน่าจะอ่อนเยาว์กว่าเขาก็รีบยิ้มให้
“เอ่อ ไม่ต้องเล่าอะไรก็ได้ค่ะ ให้ฉันโทรเรียกตัวรวจให้ไหมค่ะ” ไอซิสรีบตัดบท
เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ไอซิสจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองโทรหาตำรวจ ก่อนที่จะส่งสายให้หญิงสาวแปลกหน้าแจ้งรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“คุณรออยู่นี่ จนกว่าตำรวจจะมาก็ได้นะคะ” จากที่ได้ฟังรายละเอียด ที่หญิงสาวแปลกหน้าคุยกับเจ้าหน้าที่แล้ว เธอน่าจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากไม่ใช่น้อยเลย แม้ว่ากระเป๋าใบที่เธอกอดอยู่จะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ของมีค่าอย่างอื่นก็สูญหายไปหมด
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ เอ่อ...คุณ...”
“ไอซิสค่ะ เรียกฉันว่าไอก็ได้” ไอซิสเผยรอยยิ้มจริงใจ
“เอ่อ...ขอโทษที่พาคุณวุ่นวายด้วยนะคะ คุณไอ ฉันชื่อรัคค่ะ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องเล็กน้อย” ไอซิสรับโทรศัพท์มาจากหญิงสาว
“เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ฉันมาเมืองไทยเพียงลำพัง” รัคเริ่มเล่า “อ่ะ กระเป๋าเดินทางของฉัน”
“ลืมกระเป๋าเดินทางไว้อย่างนั้นหรือค่ะ” ไอซิสขมวดคิ้ว
หญิงสาวพยักหน้าตอบอย่างไว ก่อนที่จะปล่อยกระเป๋าใบที่เธอกอดไว้ในกระโจมของเธอ แล้ววิ่งออกไปอย่างไว
“เฮ้อ! นี่มันวันอะไรกันเนี่ย” ไอซิสถอนหายใจกับตัวเอง ก่อนที่จะถอดเครื่องประดับที่สวมอยู่ออก แล้วรีบสาวเท้ายาวๆตามร่างเล็กที่วิ่งไปลิบๆ
เพียงไม่กี่นาทีไอซิสก็ตามมาทัน ร่างเล็กที่หมุนซ้ายหมุนขวา มองหาสิ่งของที่เธอตามหาอยู่
“ไม่มี!” รัคหันมาบอกกับไอซิส ดวงหน้าตื่น เหงื่อที่ไหลออกมาจากไรผมยิ่งทำให้แววตาของเธอดูเป็นกังวลมากขึ้น
“ลองถามพวกแม่ค้าที่ตั้งร้านอยู่แถวนี้ดูไหมค่ะ” ไอซิสเสนอ
รัคพยักหน้ารับกับไอซิสอย่างไว จึงได้เดินไปถามตามเต้นท์ที่มาตั้งบูทขายของและโชว์งาน ทั้งซุ้มที่ตั้งดูดวงด้วย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่เห็นทั้งหมด
“มันคงทำกันเป็นกระบวนการนะคะ คนหนึ่งคงล่อให้คุณวิ่งตามมา จะได้มีอีกคนมาเอากระเป๋าใบใหญ่ของคุณไปได้ง่ายๆ มีของมีค่าอะไรในกระเป๋าไหมค่ะ”
ผู้ถูกโจรกรรมพยักหน้า แทบจะสิ้นเรี่ยวแรง ทำไมโลกภายนอกถึงได้โหดร้ายอย่างนี้
“กลับไปที่กระโจมของฉันกันก่อนเถอะค่ะ คุณต้องแจ้งเรื่องกระเป๋าเดินทางให้ตำรวจทราบด้วย
หลังจากตำรวจเข้ามาสอบสวนเรียบร้อยแล้วก็ กลับออกไปโดยจะติดต่อกลับมาที่เบอร์ของไอซิส ส่วนแพลนที่วางไว้ว่าจะเข้าเข็คอินท์ก็ต้องล้มเลิกไปเพราะบัตรเครดิตและพาสปอร์ตสูญหายไปด้วย
“ต้องขอโทษจริงๆเลยนะคะที่พาคุณไอมาวุ่นวายด้วย” ดวงหน้าขาวซีด ที่ยังเต็มไปด้วยความกังวลปรากฏให้เห็นเด่นชัด
“ฉันตั้งใจจะมาเที่ยวคนเดียวค่ะ เพิ่งลงจากเครื่องกำลังจะไปเช็คอินท์โรงแรม ไม่คิดเลยว่าจะมาเกิดเหตุขึ้นเสียก่อน” รัคอธิบาย มองกระเป๋าแบรนด์เนมที่ยังคงหลงเหลืออยู่
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องเล็กน้อย วันนี้งานของฉันเองก็หมดแล้วด้วย จะเข้าพักโรงแรมคุณก็ลำบาก ยังไงไปพักที่บ้านฉันก่อนไหมค่ะ” ไอซิสเสนออย่างไม่คิดอะไรมาก มองหญิงสาวผมสั้นเท่าคางที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่นึกเอ็นดู แม้จะรู้สึกแปลกใจที่เธอไม่ติดต่อหาครอบครัวอยู่ก็ตาม
“เอ่อ จะดีเหรอค่ะ” รัคมองกระเป๋าตัวเองอย่างชั่งใจ “ฉันว่าจะเอากระเป๋าไปขาย ไว้เป็นค่าใช้จ่ายก่อน”
“แล้วจะเข้าพักยังไงค่ะ คุณมีบัตรประชาชนหรือเอกสารอย่างอื่นที่ใช้ในการเข้าพักไหม” เมื่อได้ฟังไอซิสถามกลับ สาวน้อยก็ถอนหายใจออกมา เธอคงต้องไปติดต่อกับสถานทูตเรื่องเอกสารเสียก่อน
“ฉันเกิดและโตที่ลอนดอนค่ะ คุณแม่และพี่เลี้ยงพูดไทยกับฉันตลอด ฉันถึงพูดไทยได้ ฉัน...ไม่มีบัตรประชาชนของไทยหรอกค่ะ”
ไอซิสพยักหน้าอย่างเข้าใจ นี่เองคงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหญิงสาวผู้นี้ถึงพูดไทยได้ชัดเจน
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีทางเลือกมากแล้วละคะ ไปพักกับฉันก่อน ทำเอกสารอะไรเรียบร้อยแล้วค่อยว่ากัน อย่าเกรงใจไปเลย” ไอซิสตัดสินใจ มองสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเธอพยักหน้ายอมรับ
หลังจากเก็บข้าวของกับกระโจมมาไว้ที่รถโดยมีรัคเป็นผู้ช่วยเรียบร้อยแล้ว ไอซิสก็พารัคซึ่งอยากจะขายกระเป๋าของเธอเพื่อที่จะได้มีเงินพกติดตัวบ้างไปขาย โชคดีที่อยู่ใจกลางเมือง ร้านที่รับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมจึงอยู่ไม่ไกลมากนักและยังให้ราคาดีกว่าที่สาวน้อยคิดไว้อีกด้วย
ไอซิสพารัคมารับประทานอาหารไทยแบบง่ายๆ เนื่องจากเธอเองนั้นหิวจนไส้กิ่วไปหมดแล้ว จึงได้พากันกลับบ้านซึ่งก็ค่ำมากแล้ว
“น่าจะพออยู่ได้นะคะ” ไอซิสบอกขณะที่กำลังช่วยกันใส่ปลอกหมอน และผ้าปูที่นอนให้กับที่นอนในห้องรับแขก
“ได้ค่ะ ได้ น่าจะอยู่สบายกว่าโรงแรมเสียด้วยซ้ำ” รัคไม่ได้พูดเกินจริงเลย เพราะห้องรับแขกของไอซิสอยู่บนชั้นลอยก่อนที่จะขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ของทาวน์โฮมแห่งนี้ แถมยังมีห้องน้ำในตัวทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดที่จะไปใช้ห้องน้ำกับเจ้าของบ้าน แล้วห้องนี้ยังกว่ากว่าโรงแรมที่เธอจองไว้เสียอีก แม้จะต้องมาช่วยกันทำความสะอาดตอนนี้ก็ตาม แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเธอมาพักบ้านเพื่อนสนิทเลย
“ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนนะคะ ฉันไม่กวนแล้ว” ไอซิสปาดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง ยิ้มให้กับผลงานที่เธอทำ
“ต้องขอบคุณมากๆอีกครั้งเลยนะคะ” รัคก้มโค้งให้พร้อมทั้งยกมือไหว้อย่างไทยแม้จะเก้ๆกังๆก็ตาม
“อย่าคิดมากไปเลยค่ะ” ไอซิสพยายามปลอบใจสาวน้อย “ถ้างั้นก็ฝันดีนะคะ ถ้าหิวขึ้นมามีขนม มาม่า นม อยู่ในครัว หยิบกินได้เลยไม่ต้องเกรงใจค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” ตอนนี้สาวน้อยไม่รู้ว่าจะตอบแทนพี่สาวแสนใจดีตรงหน้าอย่างไรดีแล้ว
ไอซิสยิ้มให้กับรัคอย่างเอ็นดู ก่อนจะปิดประตูให้แล้วเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง...ช่างเป็น 1 วันที่ยาวนานเหลือเกิน
ความคิดเห็น