คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ราคัส คือชื่อของข้า
นะโม อยู่ในร่างของราคัสมาได้ 3 เดือนแล้วถ้านับตั้งแต่วันจากโลกที่เขาอยู่มา ก็อย่างที่บอกว่าพรสวรรค์ของเขาคือเรื่องการเรียนรู้ เขาสามารถเรียนรู้เรื่องราว การกระทำ ในโลกนี้ได้อย่างรวดเร็ว จากตัวอักษรที่เขาเคยอ่าน เป็นเหตุการณ์ที่ประสบอยู่ตรงหน้า
เขาพอที่จะทำใจได้แล้วว่า การอ้อนวอนที่จะกลับไปยังโลกที่ไม่มีร่างของเขาแล้วนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ พยายามดิ้นรนไปคงสูญเปล่า จึงพยายามที่จะใช้ชีวิตอยู่ในฐานะราคัสให้ดีที่สุด
“จะเข้าไปหาสมุนไพรอีกแล้วรึ” ผู้เป็นบิดาของราคัสเอ่ย เงยหน้าจากตะกร้าสมุนไพรตากแห้ง
“ขอรับ ท่านพ่อ” ราคัสตอบรับ นำกระเป๋าผ้าที่มีลักษณะคล้ายกับย่ามขึ้นสะพายไหล่ เขาพยายามหลีกเลี่ยงภาพโหดร้าย ที่จะทำให้ตัวเองได้พบเจอกับพระเอกของเรื่อง ที่จะนำไปสู่ความตายของราคัสในอนาคต
“รีบกลับมาล่ะ ข้าเกรงว่าวันนี้คนไข้จะมาก” จบคำก็มองผ่านหน้าต่างบ้านไปยังโรงรักษา ที่มีเตียงวางอยู่กว่า 20 เตียง บนนั้นล้วนเต็มไปด้วยผู้ป่วย ผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามารักษา มีผู้รักษาของบ้านเขา 2-3 คนเดินตรวจคนไข้ ทำแผล และช่วยทำความสะอาดโรงรักษาอยู่
“ขอรับ” ราคัสรับคำ เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของแพทย์มูฟา แม่ของเขาเสียชีวิตตั้งแต่ที่เขายังเล็ก ชีวิตในวัยเด็กของเขาใช้เวลาอยู่กับตำรา ร่างกายจึงบอบบางเพราะไม่ได้ออกกำลังกายมากนัก
ช่วงเวลาที่เขาได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้จึงพยายามอย่างยิ่งที่จะทำงานใช้แรงให้มากที่สุด เพื่อที่ร่างกายของเขาจะได้ดูสุขภาพดีขึ้นมาบ้าง ซึ่งก็ได้ผลดีและดูเหมือนว่าแพทย์มูฟาเองก็พอใจที่ลูกดูสุขภาพแข็งแรงขึ้น แม้จะสังเกตได้ว่าลูกของเขาเปลี่ยนไปก็ตาม
สิ่งหนึ่งที่เขาสงสัยคือ หากเขาเข้ามาอยู่ในร่างของราคัสเช่นนี้ แล้วราคัสตัวจริงล่ะ วิญญาณของเจ้าของร่างนี้ไปอยู่ที่ไหนกัน หากวันใดวันหนึ่งเจ้าของร่างกลับมา แล้ววิญญาณของเขาจะไปอยู่ที่ไหน
“โอ้ย!ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว” เขาบ่นออกมา ขณะเดินขึ้นไปบนเส้นทางลับของยอดเขา ที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรมากนัก เนื่องจากกลัวข่าวลือเกี่ยวกับหมาป่าที่ชอบกินเนื้อมนุษย์ แต่เขารู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ก็ในหนังสือบอกว่าจักรพรรดิปล่อยข่าวพวกนี้ เพื่อที่ประชาชนจะได้หวาดกลัว ไม่ใช้เส้นทางนี้หลบหนีไปยังประเทศใกล้เคียง เพราะมันมีทางอพยบที่สามารถใช้ในการหลบหนีได้ แน่นอนว่าราคัสไม่เคยปริปากบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเขาเก็บเส้นทางนี้ไว้เป็นความลับ ในอนาคตเขาจะได้ใช้แน่ๆ บอกเลยว่าเขาจะไม่ยอมตายเหมือนในนิยายเด็ดขาด
“อืม ครั้งก่อนยังเห็นอยู่แถวนี้นี่น่า” ลูคัสพึมพำ มองหากองสมุนไพรที่ใช้ในการห้ามเลือด เขาจำได้ว่าครั้งก่อนที่เข้ามายังแตกยอดอ่อนอยู่แถวๆนี้ หรือว่าเขาจำผิด
“ไม่ได้จะความจำเสื่อมขนาดนั้นน้า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆมีหวังต้องไปศึกษาหาสมุนไพรบำรุงสมองกันแล้วเสียละมั้ง”
มัวแต่ใช้ความคิด จนลืมไปว่าตรงนี้เป็นทางขึ้นบันไดแคบๆที่มีหญ้าน้อยใหญ่ปกคลุมจนเต็ม ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินอย่างมาก แต่ก็นั่นแหละมันสายไปแล้ว...
ราคัสลื่นไปกับหญ้าที่สูงขึ้นมาจากดินที่มีทั้งตะไคร่ ทั้งมอสเกาะ เขาหลับตารอรับแรงกระแทกที่ร่างกายจะได้รับ
“ระวัง!” เสียงตะโกนมาพร้อมกับวงแขนแกร่งคว้าเขาไปไว้ในอ้อมแขน แทนที่เขาจะกลิ้งตกลงไป จึงกลายเป็นว่าร่างของเขาล้มลงไปบนตัวของคนร่างใหญ่ที่ช่วยเขาไว้
ราคัสลืมตาขึ้น สายตาของเขาอยู่บนหน้าอกกว้างที่มีไรขนปกคลุม เขาได้กลิ่นสมุนไพรห้ามเลือดมาจากร่างกายของชายผู้นี้
“ไม่เป็นอันใด ใช่หรือไม่” เสียงห้าวใหญ่เอ่ยถาม
“ขอรับ” ราคัสตอบรับ
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าลุกจากร่างของข้าได้แล้ว” เท่านั้นแหละ ราคัสรีบดีดตัวลุกออกจากร่างของผู้ช่วยชีวิตทันที ใบหน้าของเขาเห่อร้อน แม้แต่หูของเขายังเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำราวกับลูกมะเขือเทศสุก
ความซุ่มซ่ามไม่เข้าใครออกใคร ด้วยความที่รีบลุกออกมา เขาจึงก้าวพลาดไปบนดินลื่นของขั้นบันไดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผู้มีพระคุณของเขาคว้าเขาไว้ไม่ทันแล้ว ร่างของราคัสจึงกลิ้งลงข้างล่าง จนถึงพักดินยาวจึงตั้งหลักได้
“อะ โอ้ย!” บุรุษอ่อนเยาว์ครางออกมา รู้สึกระบมไปทั้งร่าง แขนที่พ้นจากแนวผ้าออกมามีแต่รอยถลอก และของเหลวที่ไหลออกมาจากหัวคิ้ว “จะ... เจ็บ” ราคัสว่าหลังจากปาดเลือดออกจากหัวคิ้ว เพื่อไม่ให้ของเหลวนั้นไหลมาเข้าตาตัวเอง
“เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้จักระมัดระวัง” เสียงห้าวใหญ่เอ่ย เดินตามคนตัวเล็กกว่าลงบันไดมา ส่ายหัวให้กับสภาพของคนที่เห็น
ลูคัสได้เงยหน้ามองชายผู้นี้เต็มๆ ร่างสูงใหญ่ของเขามีเพียงผ้าลายสวยงามราคาแพงพันทบคล้ายโจงกระเบนอยู่เพียงผืนเดียว แผ่นอกเปลือยเปล่า ไร้ผ้าคลุมปิดบังใดๆ ผมสีดำยาวหยักศกไร้การตกแต่ง ไม่แม้แต่จะมัด หรือเกล้ามวยไว้ เขายังมองเห็นเศษใบไม้ติดอยู่ในไรผมอีกด้วย แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาไปมากกว่านั้นคือไรขนที่เรื่อยมาจากหน้าท้องเป็นลอนคลื่นสู่ใต้ผ้าที่เขานุ่งไว้ต่างหากเล่า
“หึ เจ้านี่น่าขันยิ่งนัก” เมื่อรู้ว่าชายตรงหน้ากล่าวถึงกิริยาของเขาที่มีผลกับไรขนหน้าท้อง ราคัสก็รู้สึกอายเสียจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้ว รู้รอดเสียให้ได้ แต่ร่างสูงใหญ่กลับนั่งลงมา ปลายนิ้วสากสัมผัสกับแผลที่หัวคิ้วของเขา จนราคัสสัมผัสได้ถึงลมหายใจกลิ่นมิ้นท์ที่ออกมาจากชายผู้นี้ แล้วหัวใจของเขาก็เต้นระรัวจนเขาเองมั่นใจว่าคนตรงหน้าเขาต้องได้ยินด้วยอย่างแน่นอน
“แผลนิดเดียว สองวันก็ปิดสนิท” เขาทัก ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงคืบ ราคัสรู้สึกว่าใบหน้าของเขาเห่อร้อน จนเขาแทบจะรู้สึกถึงความร้อนที่ระเหยออกจากใบหน้าแล้ว
“มาสิ” ชายผู้นั้นยื่นมือให้ราคัสจับหลังจากที่เขาลุกขึ้นยืนแล้ว ทำให้ราคัสไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาดีไว้ได้ จึงยื่นมือไปให้เขาช่วยพยุงขึ้น
“โอ้ย!” เป็นเขาที่ร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกเจ็บที่ปลายเท้า เพราะเป็นทายาทของแพทย์มูฟา ราคัสรู้ได้ในทันทีว่าข้อเท้าของเขาคงพลิกตอนที่ตกลงมา จึงปล่อยมือคนตัวใหญ่แล้วนั่งลงไปมองข้อเท้าของตัวเองข้างที่เจ็บ
“เจ็บเท้าอย่างนั้นหรือ” เขาเอ่ยถาม ก้มลงมาสังเกตที่ข้อเท้าของเขา
“อะอืม” ราคัสตอบรับ เมื่อมือใหญ่จะเอื้อมมาจับเท้าของเขา ราคัสก็รีบเอามือเข้าไปกันมือของเขาไว้ จนเหมือนว่าเขาจับมือของชายผู้นั้นเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว
“มะ ไม่เป็นไรขอรับ ข้าดูแลตัวเองได้” จบคำของเขา คนร่างใหญ่ก็มองมาที่เขาด้วยสายตาดุดันราวกับผู้ใหญ่มองเด็กน้อยที่พยายามดื้อรั้น
“เจ้าคิดว่าจะลงจากเขานี้ไปได้ด้วยสภาพขาเช่นนี้หรือ” เขาท้วง เอ่อ มันก็จริงของเขา
ราคัสหลุบตาหลบดวงตาสีดำขลับคู่นั้นที่ราวกับจ้องทะลุไปเสียทุกสิ่งอย่าง พยายามที่จะใช้ความคิด บางทีถ้านวดสักหน่อย อาจจะพอกะเผลกลงเขาไปได้
“ปล่อยมือข้า” เขาพูดเหมือนจะออกคำสั่ง ราคัสจึงได้รู้ตัวว่าจับมือเขาค้างไว้มานานเกินไปแล้ว
“ขะ ข้าขอโทษ” จบคำของราคัส ชายผู้นั้นก็ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะช้อนร่างของเขาไปไว้ในอ้อมแขน
“นี่ท่านจะทำอะไร!”ราคัสร้องเสียงหลงอย่างตกใจ รีบคล้องคอเขาเอาไว้เพราะกลัวตัวเองตก ในขณะที่คนตัวโตเริ่มออกเดินลงเขา
“ก็พาเจ้าลงไปส่งด้านล่างนะสิ” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่อยากให้ที่พักผ่อนของข้ามีวิญญาณเจ้าสิงสู่หรอกนะ”
“ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย” ราคัสเถียง
“ใช่!เจ้ายังไม่ตายตอนนี้ แต่หากปล่อยเจ้าเดินลงมาเองก็ไม่แน่” ราคัสเลยไม่รู้จะเถียงคำไหนออกมา ได้แต่คล้องคอเขาเอาไว้ จนร่างทั้งสองแนบชิดกันอย่างที่เขาเองไม่รู้ตัว จนเขาไม่ทันสังเกตรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ออกมาจากริมฝีปากหนาได้รูปนั่น
ความคิดเห็น