ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( shortfiction - ) HAEEUN WONKYU ❤

    ลำดับตอนที่ #9 : 「 special story 」 - THE LAST DAY

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 448
      0
      24 พ.ค. 55





     ( THE LAST DAY )

    SUPER JUNIOR

     

     








                ผมนิ่งค้าง.... กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เคลื่อนไหว 


                ผมเหม่อมองไปบนฮอลล์ที่ผมเคยมาบ่อย ๆ ถึงไม่บ่อยมาก แต่อย่างน้อยก็ปีละครั้ง ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยสังเกตว่าฮอลล์อันแสนใหญ่โตนี้ว้าเหว่เหมือนเวลานี้ 
                ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ ผมจะต้องเจอแฟนคลับที่รักผม รอคอยพวกผม เรียกร้องหาแต่ชื่อของผม แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเวลานี้มันจะเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว แฟนคลับเหล่านั้นคงนอนหลับเอาแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึง 




                พรุ่งนี้.... พรุ่งนี้ในฮอลล์นี้ เราจะร่วมสร้างความทรงจำครั้งสุดท้ายด้วยกันตามที่ผมเคยสัญญาเอาไว้ 


                พี่ครับ... 


                ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นสมาชิกในวงทุกคนยืนอยู่ข้างหลังมองมาทางผม ถึงแม้ตอนนี้จะไม่สว่างเท่าไหร่ แต่ผมก็เห็นว่าบนใบหน้าของสมาชิกทุกคนนั้นปรากฏความเศร้าเพียงใด ฮยอกแจที่เรียกผมถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่และสมาชิกหลายคนเริ่มร้องไห้... 


                ถ้าพรุ่งนี้มาถึง...ผมพูดเบาๆกับทุกคน พวกเราทุกคนจะต้องเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดท่ามกลางทะเลสีแซพไฟร์บลูของพวกเรา 


                เมื่อพูดจบผมก็หันมามองหน้าฮอลล์อีกครั้ง โปสเตอร์อันใหญ่ที่เป็นรูปของพวกเราทั้งสิบสามคนติดอยู่บนชั้นสอง เมื่อวันพรุ่งนี้หมดลง โปสเตอร์อันนั้นจะถูกปลดลงมา เหมือนผม... เหมือนพวกเรา 


                เมื่อแรกเริ่มทุกอย่างดูสดใส เพลงแรก ไลฟ์ครั้งแรก อัลบั้มแรก ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น พวกเราได้รับความรักมากมายจากแฟนคลับทั่วโลก มีคนที่รักเราอย่างจริงใจ จนเมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง เราขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด ที่ที่เราจะไม่มีทางขึ้นไปได้สูงกว่านั้น

     

                เราเริ่มหล่นลง 


                ที่ที่สูงที่สุดนั้นไม่ได้มีแค่พวกเราอีกต่อไป... ต้นไม้เก่าโตขึ้น ตายไป... มีต้นใหม่ขึ้นมาแทน มันคือวัฏจักรที่ทุกคนรับรู้และเข้าใจดี… 

                ผมย้อนกลับมามองตัวเอง คืนวันที่ผ่านมาทุกคนที่รักผมช่วยพยุงผมไว้ยามเหนื่อยล้า ประคองยามผมเหนื่อย 

     



                คำว่าขอบคุณก็คงไม่พอ ... 






                พี่ไม่เคยอยากให้วันนี้มาถึง พี่ขอโทษ ขอโทษที่รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ไม่ได้ พี่ปกป้องพวกเราได้ไม่ดีพอ...ผมพูดเบาๆ แต่มั่นใจว่าทุกคนจะได้ยิน น้ำตาเริ่มไหลมาจากหน่วยตา 


                นั่นไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก พวกเราทุกคนตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ พวกเราจะจบด้วยกันแบบนี้... จบทุกอย่างท่ามกลางทะเลแซพไฟร์ของพวกเราซีวอนเดินมาบีบไหล่ผมเบาๆ สมาชิกทุกคนเดินมาเคียงข้างผม และร้องไห้ด้วยกัน 



                เพราะพรุ่งนี้... พวกเราจะต้องเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุด 










                                              - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     






                ผมยืนอยู่ข้างเวทีแอบมองเอลฟ์ของพวกเราทุกคนทยอยเข้ามาในฮอลล์ ฮอลล์เดิม... แปลนเวทีแปลนเดิม... ทุกอย่างถูกเตรียมไว้อย่างที่มันเคยเป็น ผมยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นทุกคนยังยิ้มแย้มได้เหมือนปกติทั้งๆที่รู้ว่าวันนี้คือวันอะไร

               
                ผมหัวเราะเบาๆเมื่อเหลือบไปเห็นเอลฟ์กลุ่มนึงที่ดูเหมือนจะรู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้โบกแท่งไฟและชูป้ายเชียร์ที่มีข้อความภาษาเกาหลีว่า ปาร์คจองซู สู้โว้ยยผมเลยชูสองนิ้วไปให้ก่อนจะถอยกลับมาดูความเคลื่อนไหวที่หลังเวที 


                เมื่อผมเปิดประตูเข้ามาทุกคนก็หันมามองกันเป็นตาเดียว ผมยิ้มให้บางๆก่อนจะมานั่งข้างๆทงเฮที่กำลังกดโทรศัพท์อยู่ 


                เริ่มมากันแล้วใช่มั้ยครับ?” ทงเฮถาม นัยน์ตาที่เคยใสแจ๋วนั่นมองผมอย่างหม่นๆ ผมเลยขยี้หัวคนเป็นน้องไปทีหนึ่งก่อนจะพยักหน้า 


                ดูเหมือนพี่จะโดนจับได้แล้วละว่าแอบไปดูข้างเวทีมาผมหัวเราะ ทงเฮเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ก็พอพี่หันไปอีกทีนะ พี่ก็เห็นป้าย ปาร์คจองซู สู้โว้ยยตัวเบ่อเร่อแน่ะ 


                หัวเราะเข้าไปเถอะจองซู ออกไปหน้าเวทีรับรองนายหัวเราะไม่ออกแน่ฮีชอลที่นั่งอยู่อีกมุมของห้องพูดขึ้น คนอื่นอาจจะมองว่าคิมฮีชอลเป็นคนร้ายกาจและไม่น่าคบ แต่สำหรับผมคนที่อยู่ด้วยกันมาเป็นสิบๆ ปี ทำไมจะดูไม่ออกว่าตาของฮีชอลนั้นบวมขนาดไหน ... 

                ...และคนที่ไม่รู้จักคิมฮีชอลดี ก็อาจจะคิดว่าประโยคที่คนหน้าสวยพูดนั่นเป็นการทำร้ายจิตใจผมอย่างแรง แต่จริงๆแล้วนั่นคือประโยคที่แฝงความเป็นห่วงในแบบฉบับของฮีชอลต่างหาก 


                สตาฟเปิดประตูเข้ามาก่อนจะส่งสัญญาณว่าเวลาได้เริ่มนับถอยหลังขึ้นแล้ว ทุกคนละจากสิ่งที่ตัวเองทำและมารวมอยู่ตรงกลางห้อง ประสานมือไว้ด้วยกัน ไม่มีใครมองหน้าใคร ไม่มีคำพูดใดใดที่ถูกเอื้อนเอ่ย มีเพียงความเงียบและสายตาเท่านั้นที่บอกว่าเรารู้สึกอย่างไรในเวลานี้ 


                ผมเดินออกไปเป็นคนแรก ไฟในฮอลล์เริ่มดับลงเอลฟ์ในฮอลล์เงียบเสียงลงราวกับนัดหมาย ไม่มีแม้กระทั่งเสียงกรี๊ดใดใด เมื่อสมาชิกทุกคนมายืนครบบนเวที ผมก็เริ่มพูด 




                ผมทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับทุกคนเมื่อนานมาแล้ว... พวกเราเริ่มที่ประเทศไทย พวกเราจะจบที่ประเทศไทย ยังจำได้ไหมครับ? พวกเราเคยบอกว่าเมื่อวันใดที่ไม่มีซุปเปอร์จูเนียร์... พวกเราจะมาสร้างความประทับใจครั้งสุดท้ายที่เมืองไทยผมสูดลมหายใจเข้า พยายามเงยหน้าขึ้นมองข้างบนเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลลงมา เมื่อมองลงไปข้างล่างเวทีผมเห็นเอลฟ์หลายคนเริ่มร้องไห้ แต่ทุกคนก็พยายามยิ้มให้ผม 



                ถึงเราจะไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร พวกเราจะเดินไปในทิศทางไหน แต่พวกเราก็มั่นใจว่าความรักของพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป ....และถึงแม้ว่าพรุ่งนี้ผมจะไม่ได้เป็นซุปเปอร์จูเนียร์ อีทึก แต่ผมก็จะจดจำเอลฟ์ จดจำสมาชิกทุกคนเอาไว้ในจิตใจของผม 
                ถัดจากนี้อีกสิบหรือยี่สิบปี มันจะคือความทรงจำที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมนึกถึง จะเต็มไปด้วยความสุขเสมอ เพราะความรักที่ทุกคนมีให้พวกเราอย่างไม่รู้หมด ถึงแม้ว่าจะให้พวกเราพูดคำว่าขอบคุณอีกสักพันครั้งก็คงไม่พอ ขอบคุณจริงๆครับสำหรับความรักที่มอบให้พวกเราตลอดมา ตั้งแต่ขึ้นไลฟ์เพลงแรก ออกเพลงแรก และขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรก 


                พวกเรามีความสุขมากจริงๆครับพูดจบน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างมากมาย.... 



                ผมไม่สามารถห้ามน้ำตาได้เลยจริง ๆ แม้ว่าผมพยายามที่จะมองฝ่าน้ำตาที่บดบังรัศมีการมองเห็นไปยังเอลฟ์ทุกๆคน ทะเลสีแซพไฟร์ของพวกเราซุปเปอร์จูเนียร์ ไม่ว่ามองเมื่อไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ สีที่สร้างพวกเราให้เป็นพวกเราทุกวันนี้ 


                เอลฟ์ที่อยู่กับพวกเราตลอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พวกเราผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ทั้งสุขทั้งทุกข์ หลายครั้งที่พวกเราก้าวพลาด พวกเขาก็จะคอยประคองเราอยู่เสมอ หลายครั้งที่พวกเราทำผิด พวกเขาก็ไม่เคยหนีหายไปไหน คอยสนับสนุนพวกเราตลอดมา 


                คำพูดมากมายที่ไม่อาจจะพูดออกมาได้หมด ประโยคเป็นล้านๆประโยคที่ผมอยากจะพูด ผมก็พูดไม่ออกรู้สึกเหมือนว่าลำคอมันตีบตัน การหายใจก็ลำบากมากยิ่งขึ้น 


                ผมเคยถามตัวเองว่าเมื่อพรุ่งนี้มาถึง ผมจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไหม จะยังสามารถหายใจต่อไปได้อีกหรือเปล่า คำตอบก็คือผมสามารถอยู่ต่อไปได้ ยังสามารถหายใจได้ เพียงแต่ว่าชีวิตต่อไปจะไม่มีคนที่เรียกตัวเองว่าเอลฟ์ ไม่มีคนที่คอยโบกแท่งไฟสีน้ำเงินให้ผม ไม่มีคนที่พยายามถ่ายรูปพวกผมเพื่อเอาไปลงแฟนคาเฟ่ ไม่มีคนเหล่านั้นอีกต่อไป 


                เมื่อหมดเวลาของวันนี้ อีทึก จะตายไปพร้อมๆกับความทรงจำที่มีค่าที่สุด ตายไปพร้อมๆกับซุปเปอร์จูเนียร์ มีชีวิตอยู่แค่วันนี้ หยุดเวลาไว้แค่วันนี้ตลอดไป..... 

               

                ความทรงจำต่างๆในอดีตค่อยๆผุดขึ้นมาในหัวผมทีละน้อย ตั้งแต่เวทีที่พวกเราขึ้นครั้งแรก ผมจำได้แม่นว่าตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นแค่ไหน แต่ก็ต้องทำเป็นนิ่งไว้ เพราะผมคือลีดเดอร์.... ลีดเดอร์อีทึกที่สมบูรณ์แบบ เป็นหลักคอยให้น้องๆในวงคอยจับ 


              มาเมืองไทยครั้งแรก.... เพลงพิเศษที่ร้องเฉพาะที่ประเทศนี้ so I ชุดสีเหลืองบนเวทีพัทยา มีเอลฟ์มากมายมารอรับพวกเราที่สนามบิน มาคอยให้กำลังใจเรา นั่นทำให้เราได้รับความสนใจจากทุกคนมากขึ้น พวกเราเริ่มมีชื่อเสียง มีคนรู้จักและยอมรับในความสามารถ วันนั้นคือจุดเริ่มต้นของซุปเปอร์จูเนียร์ 


              อุบัติเหตุของมักเน่ โจวคยูฮยอน.... 19 เมษายน วันที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต อุบัติเหตุที่เกือบจะคร่าชีวิตสมาชิกของเรา คืนนั้นผมไม่ได้นอน ยืมเงินพยาบาลมาเพื่อแอบเล่นอินเตอร์เน็ท ในนั้นมีรายงานข่าวรถชนของพวกเรามากมาย ฮยอกแจที่นั่งข้างๆผมร้องไห้อย่างหนัก ส่วนผมก็ต้องพยายามกลั้นไว้ เพราะผมคือ อีทึก ลีดเดอร์ของซุปเปอร์จูเนียร์ 


              การประท้วงเรื่องสมาชิก..... โอนลี่ 13 เอลฟ์มากมาย แฟนคลับของพวกเรามากมายหน้าตึกเอสเอ็ม ตึกของบริษัท พวกเขาประท้วงเรื่องการเพิ่มสมาชิก การทำยูนิตและโปรเจคของวง 


                ในวันนั้นผมได้แต่ร้องไห้ ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป สมาชิกทุกคนน้ำตานองหน้า ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองพวกเขาผ่านกระจกใส พวกเราทำอะไรไม่ได้แม้แต่จะปกป้องเอลฟ์ ไม่สามารถเอาน้ำไปให้แล้วถามพวกเขาว่าเหนื่อยหรือไม่ ไม่สามารถนำร่มไปกางให้พวกเขาแม้แดดจะสาดส่องมากเพียงไหน 



                วันนั้นเป็นวันที่ผมรู้สึกว่าเอลฟ์และสมาชิกอีกสิบสองคนเป็นสิ่งที่มีค่ามากแค่ไหนสำหรับผม.... 
                ไม่ใช่เพียงแต่ว่าเพราะเราคือวงเดียวกัน แต่เป็นเพราะทุกคนคือสิ่งพิเศษที่พระเจ้าทรงประทานมาให้ 





                                                 - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -








                เมื่อร้องเพลงไปหลายเพลงและเวลาใกล้หมด พวกเราทุกคนมายืนตรงเวทีด้วยกันอีกครั้ง ผมยกไมค์ขึ้นพูด 


                มีความสุขมากจริงๆครับ... มีความสุขมากจริงๆที่ได้เห็นคลื่นแซพไฟร์บลู ณ ทีนี้ ทุกๆคนมีความสุข มีรอยยิ้ม ผมหวังว่าพวกคุณจะยิ้มอย่างมีความสุขต่อไปนะครับผมเว้นวรรค ได้ยินเสียงตะโกนอื้ออึงของทุกคนในฮอลล์ฟังดูไม่ได้ศัพท์ แต่ที่ผมรู้คือทุกคนรู้.... 


                รู้ว่าเวลาของเราใกล้หมดลงทุกที..... 




                สำหรับฮันคยอง.....” เมื่อผมเอ่ยชื่อฮันคยอง ฮยอกแจ เรียวอุค ซองมิน และเมมเบอร์อีกหลายคนเริ่มร้องไห้ 

                สำหรับฮันคยองที่ไม่ได้มาอยู่กับพวกเราบนเวทีนี้ พี่รู้ว่านายอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่งที่พี่ไม่สามารถมองเห็นนาย แต่นายกำลังมองมาที่พี่อยู่ใช่ไหม? .....ฮันคยองของเรา ได้หยุดเวลาไว้เมื่อธันวาคมหลายปีก่อน พี่ไม่เคยโกรธนายเลยรู้ไหม นายอาจจะลืมมิตรภาพระหว่างเรา ระหว่างทุก ๆ คน แต่ว่าสำหรับพี่ นายคือหนึ่งในสมาชิกของซุปเปอร์จูเนียร์ตลอดกาล ไม่มีใครมาแทนที่ 

                นายอาจจะเป็นศิลปินโด่งดัง มีผู้คนชอบมากมาย แต่สำหรับพี่สำหรับซุปเปอร์จูเนียร์นายยังคงเป็นฮันคยองคนเดิมที่พูดเกาหลีไม่ชัด ทำข้าวผัดอร่อยที่สุดคนนั้นเสมอ.... ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพี่ไม่เคยรู้เลยว่านายเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีรึเปล่า ที่ที่นายพักอยู่จะมีแต่เสียงหัวเราะเหมือนหอของพวกเรารึเปล่า พี่ได้แต่หวังและอธิษฐานว่าขอให้นายมีความสุขกับทางที่นายเลือกเดิน ไม่ว่านายจะเลือกเดินทางไหน พี่จะยินดีกับนายด้วยเสมอจริง ๆ 

                อาจจะมีบางเวลาที่เราไม่เข้าใจกันบ้าง แต่มันก็คลี่คลายลงด้วยดีเสมอมา.... พี่ฟังทุกเพลงที่นายร้อง มีอัลบั้มทุกอัลบั้ม มีบัตรคอนเสิร์ตของนายในทุกๆที่ แต่พี่ไม่เคยได้ไป พี่ไม่กล้าพอที่จะไปเจอหน้านาย สำหรับนายพี่อาจจะเป็นลีดเดอร์ที่ไม่ดีพอ พี่กลัวว่าถ้าพี่เจอหน้านายแล้วพี่จะไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้เข้าไปกอดนายได้.... ฮึกผมสะอื้นเบา ๆ พยายามที่จะพูดต่อไป 


                พี่คิดเสมอ ว่าทำไมนะ ทำไมตอนที่เราอยู่ด้วยกันพี่ถึงไม่ดูแลนายให้ดีกว่านี้ ใส่ใจความรู้สึกของนายให้ดีกว่านี้ เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป พี่ทำผิดตรงไหนทำไมนายถึงไม่บอกพี่ล่ะ.... ทำไมนายถึงเลือกที่จะเดินหันหลังจากพวกเราทุกคนไปและทิ้งพวกเราไว้เบื้องหลังอย่างนี้ 



                พี่ไม่เคยโกรธนายเลย ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว....
































    จริงๆเหรอครับ ?” 










                ภาษาเกาหลีแบบแปร่งๆดังขึ้น ผมหยุดสะอื้นและหันหลังกลับไปตรงข้างเวทีแล้วก็เห็นว่าคนที่ผมเพิ่งพูดถึงไปเมื่อกี้ยืนอยู่ตรงนั้น 


                พี่ไม่เคยโกรธผมเลยใช่มั้ย....ฮันคยองหรือฮันเกิงยืนอยู่ตรงนั้นและมองมาทางนี้ด้วยน้ำตานองหน้า สมาชิกทั้งหมดไม่มีใครขยับเขยื้อนใด ๆ ทุกคนได้แต่จับจ้องไปยังฮันคยอง ราวกับว่านี่คือความฝัน ความฝันที่ว่าเขาคนนั้นที่ได้เดินจากเราไปไกลกลับมายืนบนเวทีนี้อีกครั้ง 


                เอลฟ์ทุกคนในฮอลล์ร้องไห้หนักมากขึ้น ทำให้ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ฮันคยองเดินออกมาช้าๆให้ทุกคนเห็นเต็มๆตา เขาส่งรอยยิ้มแบบฮันคยองคนเดิมเมื่อหลายปีก่อนไปให้ทุกคนในฮอลล์ เขาเดินไปหาฮีชอลเป็นคนแรกและกอดฮีชอล ส่วนฮีชอลนั้นน้ำตานองหน้าและกอดตอบฮันคยอง 




                ผมรู้สึกได้จริงๆว่านี่คือฮันคยองคนเดิมของเรา.... 





                ไม่ต้องมีคำพูดใดใดบรรยายให้มากมาย... ทุกคนรับรู้ด้วยความรู้สึกว่านี่คือฮันคยองคนเดิม ไม่ใช่นักร้องดังชาวจีนคนนั้น 


                ถ้านี่คือการอำลาของซุปเปอร์จูเนียร์... จะไม่มีฮันคยอง ซุปเปอร์จูเนียร์ตลอดกาลได้อย่างไรกันครับ? ได้โปรดอย่าร้องไห้เลยนะครับทุกคน.... นี่คือเวลาแห่งความสุขของพวกเราไม่ใช่เหรอ?” ฮันคยองยิ้มทั้งน้ำตา แม้เขาจะบอกคนอื่นว่าอย่าร้องไห้ แต่ตัวเขาเองนั่นแหละที่ร้องไห้ 



                ผมเข้าใจดีกว่าการยืนบนเวทีคนเดียวนั้นมันเหงาและว้าเหว่ขนาดไหน ตลอดเวลาที่ผมร้องเพลงหรือขึ้นคอนเสิร์ตร่วมกับสมาชิกวงซุปเปอร์จูเนียร์ผมไม่เคยอยู่คนเดียว พวกเราคือกลุ่ม คือหนึ่งเดียวกันตลอดมา ครั้งแรกที่ผมร้องเพลงคนเดียวบนเวที ผมเข้าใจความหมายของคำว่าหนึ่งเดียวกันตั้งแต่ตอนนั้น ผมคิดถึงช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับซุปเปอร์จูเนียร์ แต่ผม.... ผมเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับไปสู่จุดจุดเดิม 


                ผมไม่เคยลืมวันเวลาที่มีค่ายามที่ได้อยู่กับซุปเปอร์จูเนียร์ มันคือความทรงจำที่ดีสำหรับผมเสมอ.... แต่ผมมีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น ผมคิดว่าทุกคนจะเข้าใจผมและให้อภัยความผิดที่ผมได้เคยทำให้ทุกคนเสียใจ 


                ขอโทษครับที่เคยทำให้ทุกคนร้องไห้และผิดหวังในตัวผม.... 





                ฮันคยองโค้งตัวลงให้กับทุกคน สมาชิกทั้งหมดเดินเข้าไปใกล้เขาก่อนจะกอดเขาไว้ น้ำตาแห่งความสุขอยู่บนใบหน้าของทุกคนไม่เว้นแม้แต่ผม ครั้งสุดท้ายมันนานมากที่เราได้อยู่พร้อมกันครบสิบสามคนแบบนี้ ได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกันแบบนี้ ร้องไห้ด้วยกันแบ่งปันความสุขกัน 


                ผมหยุดสะอื้นและคว้าไมค์ขึ้นมาจ่อปากอีกครั้งก่อนจะกล่าวประโยคเดิมๆที่เคยพูดเป็นพันๆครั้งตั้งแต่เดบิวต์ 


     



                อูรีนึน ซูพอจีนีออ เยโย! 

                อูรีนึน เอลพึ เยโย! 















                                              - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
















    ซุปเปอร์จูเนียร์อาจจะไม่ใช่วงที่มีความสามารถมากมายที่สุด ….. 
    ไม่ใช่วงที่เต้นเก่งที่สุด ร้องเพลงเก่งที่สุด หรือสามารถตรึงใจคนดูได้มากที่สุด 
    แต่ซุปเปอร์จูเนียร์คือซุปเปอร์จูเนียร์ วงที่ไม่สามารถมีใครมาแทนที่พวกเขาได้ ไม่มีใครสามารถทำได้อย่างพวกเขา


    ในสายตาคนอื่น เอสเจอาจจะเป็นวงที่ไร้สาระ ไร้ความสามารถ แต่ในสายตาของพวกเรา ในสายตาของคนที่รักเขา พวกเขาคือสิ่งที่มีค่าสำหรับพวกเราเสมอ 
    ....แม้ว่าวันพรุ่งนี้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาจะไม่มีเอสเจ ไม่มีซุปเปอร์จูเนียร์ เอลฟ์ก็จะคงอยู่ตลอดไป 



    งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา.... 
    เอสเจ ก็ย่อมมีวันสิ้นสุด ไม่มีอะไรที่จะคงอยู่ตลอดไป 
    ก่อนที่จะถึงวันที่เราต้องมานั่งเสียใจ ร้องไห้และสิ้นหวัง... ขอเพียงแค่วันนี้ เราทำหน้าที่การเป็นแฟนคลับที่ดีของเขาให้ดีที่สุด เก็บความทรงจำและความประทับใจตอนที่พวกเขายังอยู่กับเราเอาไว้ 
    จนเมื่อถึงวันที่ต้องกล่าวคำว่า ลาก่อนเราจะมีแต่รอยยิ้มด้วยความภูมิใจ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เราเคยได้รักและทำเพื่อใครขนาดนี้ 





    ถึงแม้จะไม่มีเอสเจ ไม่มีซุปเปอร์จูเนียร์.... แต่ความรักของพวกเราจะคงอยู่ตลอดไป 









                                              - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -







     - แต่งไว้นานแล้ว เกือบสองปีได้.... ถึงจะไม่อยู่ในรีเควส ก็ถือว่าเป็นอันที่เราอยากให้ทุกคนได้อ่านและอินไปกับมันแล้วกันเนอะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×