ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : การเรียนแพทย์หนักมั้ยหนอ ?
แน่นอนว่าพี่คนเขียนต้องเป็นนศ.แพทย์ที่ไหนสักที่แน่นอน .. หลิวชอบเรื่องแนวนี้นะเพราะว่าพี่เขาจะให้ความรู้เกี่ยวกับการเรียนกับเราตรง ๆ เลย ! : }}
_____________________________________________________
พี่เป็นคนนึงที่รู้สึกเหมือนกันว่าการเรียนสายวิทย์มันก็หนักนะ และก็ได้ยินคนที่เรียนหมอบอกว่าที่น้องเรียนมันเทียบไม่ได้หรอกกับที่นศพ.(นักศึกษาแพทย์)เขาเรียนกัน
เอนท์ยังเทียบไม่ได้เลย(ว่าไปนั่น) แต่ด้วยใจนักสู้(ตอนนั้นค่อนข้างดื้อ)คิดว่าโอเคมันหนักกว่า แต่มันจะหนักกว่าเท่าไหร่กันเชียว(สุ้โว้ย) และก็ได้เข้ามาเรียนปีหนึ่งอืมๆ อารายกันเนี่ยฟิสิกส์ที่เราเรียนมา สามปีดันสอนจบภายในสองคาบอึ้งไปเลยแล้วก็เอาอารายมาไม่รู้ให้เราเรียนไปหมด Calculus ..... อื่นๆๆมากมาย
แต่ดีที่นี่มีรุ่นพี่ที่ดีคอยนะนำครับ คำแนะนำดีมาก น้องปีหนึ่งไม่ได้ใช้หรอกเดี๋ยวก็ลืม (จริงครับตอนนี้ปีสี่ลืมหมดแล้วครับ) แต่ที่ว่าไม่ใช้ ตอนสอบก็เอานอนโต้รุ่งได้เหมือนกัน แต่ปีหนึ่งที่นี่ก็เป็นปีที่ดีนะครับทำให้เรารู้จักกัน จูนคลื่นเข้าหากันมีกิจกรรมมากมายได้อยู่กับคนหลายคณะได้เพื่อนต่างคณะสนุกมากครับ เอาเป็นว่าปีหนึ่งไปลองเชิงเฉยๆโดยรวมหนักกว่าม.ปลายนิดหน่อยแต่ บรรยากาศที่ศาลายาดีมากครับ พอมาปีสอง อืมๆๆๆๆๆๆ
การเรียนก็หนักขึ้นการเรียนก็จะอยู่ในห้อง Lecture (ตั้งแต่ปีหนึ่งนั่นแหละ) มันเป็นห้องใหญ่ๆจุคนได้เป็นร้อยๆ เรียนก็แล้วแต่คนนะครับบางคนก็ตั้งใจมากบางคนก็กลาง บางคนก็หลับก็มี แล้วก็มี Lab ซึ่งการเรียน Lab ก็จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหามากขึ้น จำได้ง่ายขึ้น (ตามโบราณท่านว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำนั่นแหละ) ส่วนเนื้อหาเหรอครับอืมๆ ต้องเรียกว่าเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องกลัวตอนนี้พี่ก็ลืมไปหลายส่วนแล้ว(แต่ถ้าตั้งใจมันจะ ทบทวนและจะจำง่ายขึ้นนะครับ) และ Lab Gross anatomy (ผ่าอจ.ใหญ่นั่นแหละ) เป็น lab ที่ทำกันนานมากกว่าจะทำเสร็จก็เย็น(โดยส่วนใหญ่นะครับ)
พอออกมาจากห้องเหมือนถูกดูดพลังไปแปดส่วน เหลือสองส่วนไว้กินข้าวและกลับหอนอน ปีสามเริ่มปรับตัวได้ดีขึ้นหน่อยเพราะไม่ค่อยมี lab หนักๆแต่เนื้อที่ lecture มากกว่าปีสองหลายเท่านัก พอมาปีสี่นี่สิเนื้อที่อจ.สอนก็พอสมควรอาจจะเริ่มชิน แต่เนื้อหาที่ต้องไปอ่านเองนี่สิ มันมากมาย (อันนี้สำคัญแพทย์ต้องมีการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดเวลาไม่ว่าจะจบไปแล้วก็ตาม) ปีสี่นอกจากจะต้องเรียนแล้วก็ยังเริ่มได้ดูแลคนไข้ ฝึกซักประวัติตรวจร่างกาย ต้องมีทักษะในการสื่อสารที่ดีเราต้องคุยกับคนไข้ฟังคนไข้ให้คำปรึกษาแนะนำคนไข้ได้ ต้องมีความรับผิดชอบมากๆๆๆๆๆ จากที่เคยเรียน 8 โมง ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็น 7 โมง เลิกก็เย็นๆนั่นบางคืนอยู่เวรอีก
แต่เราต้องรับผิดชอบถึงเหนื่อยอยากพักแต่ มันมีงานที่ต้องทำก็ต้องทำ ปี 5- 6ยังไม่ผ่านแต่ก็พอบอกได้ว่าต้องรับผิดชอบมากกว่าปี 4 อีก รับผิดชอบที้งคนไข้ รวมถึงตนเองด้วยที่ เราจะต้องศึกษาค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา เวลาว่างน้องจะหายไปเยอะมากๆๆๆๆ ต้องรู้จักแบ่งเวลาทำกิจกรรม เล่นกีฬา ที่นี่มีกิจกรรมมากมาย มากซะจนไม่น่าเชื่อ (เพราะส่วนใหญ่คนชอบคิดว่าหมอบ้าเรียน)ถ้าเราแบ่งเวลาเป็นก็ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขครับ
แต่มันก็อยู่ที่น้องชอบรึเปล่าถ้าชอบหรือเปล่า ที่พี่เล่ามันเป็นเพียงส่วนนึงสังเกตได้ว่าตอนท้ายๆ ขี้เกียจพิมพ์ เนื้อหาจะเริ่มห้วนๆ แต่อยากจะบอกว่าน้องจะเรียนไหวไหมขึ้นอยู่กับความพยายาม และความรับผิดชอบนั่นแหละ รู้จักแบ่งเวลาให้เป็น และถ้าน้องไม่ชอบจริงๆไม่มีความสุขหรอกครับ ก็มีหลายคนที่นี่ เรียนไปวันๆดูแล้วไม่มีความสุขหรอกครับ เออลืมบอกไปจากที่พี่คุยกับเพื่อนๆคณะอื่นมาโดยส่วนใหย่มันก็หนักกว่าการเรียนในม.ปลายทั้งนั้นนะครับ ใครที่คิดว่าจะขยันช่วงเอนท์ครั้งสุดท้ายคิดผิดนะครับไม่ว่าเรียนอะไรมันก็หนักครับ ถ้าเราไม่ชอบมัน
เครดิต ..http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=siriraj&board=1&id=30&c=1&order=numview
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น