คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Corrosive 3 : อ้อมกอด
“เชื่อเหอะว่าไม่มีใครพวกรักมึงได้เท่ากูหรอก”
“กูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“ฮยอกแจ.....” ซีวอนเรียกชื่ออีกฝ่ายราวกับไม่เชื่อ
ไม่ใช่เพียงแค่ซีวอนที่ไม่เชื่อ อีกสองคนที่ได้ยินสิ่งที่ฮยอกแจพูดออกมาพร้อมๆกันก็แทบไม่อยากจะเชื่อ คยูฮยอนหรุบตาลงต่ำอีกครั้ง เขากำลังใช้ความคิด ใช้สมองคิดอย่างหนักว่าใครกันคือคนที่ฮยอกแจชอบ ใครกันคือคนที่ได้หัวใจของฮยอกแจไป ฉับพลันเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วมองไปทางอีกคน
ทงเฮยังคงนั่งอยู่ที่เดิม นัยน์ตาไม่ได้ฉายแววถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป แต่มันแสดงถึงความตกใจ และประหลาดใจ ราวกับตัวมันเองไม่เคยรู้ว่าฮยอกแจมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
“ใคร........”
“มึงไม่ต้องรู้หรอก”
“ทงเฮใช่ไหม”
คนถูกเอ่ยชื่อเบิกตากว้าง แม้จะมองไม่เห็นก็รู้ได้ว่าซีวอนนั้นเจ็บแค่ไหน เพราะน้ำเสียงเมื่อเอ่ยถึงชื่อเขามันสั่นอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ซีวอนคิดว่าฮยอกแจชอบเขา
ฮยอกแจเงียบไปนาน.....
“ใช่”
คำอธิษฐานของเขาไม่เคยเป็นความจริง......
ความเจ็บปวดจะไม่หายไป เพราะมันเพิ่งจะเริ่มขึ้น
••••••••••••••••••••••••••••
ปึก!
เสียงกระเป๋ากระทบโต๊ะไม้ดังขึ้นข้างๆ พอหันไปมองก็เห็นทงเฮยืนทำหน้านิ่งอยู่ มันหย่อนตูดลงบนเก้าอี้ที่ ‘เคย’ เป็นของฮยอกแจอย่างหน้าตาเฉย แถมยังมีการหยิบลิขวิดขึ้นมาเขียนแสดงความเป็นเจ้าของบนโต๊ะอีกต่างหาก
“ห้ามเขียน” เขาเอ่ยปากพูดทำให้มันชะงักมือ
“ทำไมอีกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“สกปรก มันเหม็นกูไม่ชอบ แล้วอย่าให้กูรู้ว่ามึงแอบไปเขียนที่ไหนอีก” เขาพูดจริงจัง อีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่ยักไหล่แล้วเก็บลิขวิดลงกระเป๋า
สามวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องที่หลังตึกฝึกงาน วันต่อมาทงเฮมันก็ย้ายตัวเองมานั่งแทนที่ฮยอกแจ ทำให้ฮยอกแจต้องไปนั่งข้างซีวอนโดยปริยาย พอถามมันมันก็บอกว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศเลยขี้เกียจะเซ้าซี้ ไว้มันอยากพูดเมื่อไหร่ก็คงพูดออกมาเอง
“แล้วทำไมวันนี้มาซะเช้า นี่เพิ่งเจ็ดโมง”
“ทำไม กูตื่นเช้าบ้างไม่ได้?”
“ก็เปล่า แค่แปลกใจ”
คุยกับมันแล้วก็ปวดหัว มันยังคงกวนตีนเขาเหมือนเดิมและที่สำคัญคือขี้เกียจเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แต่สิ่งที่มันเปลี่ยนคือมันเงียบขึ้น บางครั้งก็เหม่อลอย เรียกแล้วก็ไม่ตอบ อ้อ... ต้องนับว่าสามวันที่ผ่านมานี้มันไม่ได้เถียงกับฮยอกแจเหมือนแต่ก่อนแล้วด้วย
เขามั่นใจว่ามันยังคงชอบฮยอกแจอยู่ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเหมือนผลักไสฮยอกแจให้ไปหาซีวอน สองคนนั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเขารู้เรื่องหมดแล้ว และทงเฮก็ไม่รู้ว่าวันนั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ฮยอกแจดูเงียบและซึมๆไป ส่วนซีวอนก็ไม่แตกต่าง พวกเขาไม่ได้กินข้าวกลางวันพร้อมกันมาสามวันแล้ว
เรื่องกำลังเดินทางมาถึงจุดแตกหัก
คิดแล้วก็กลุ้ม อยากจะเอ่ยปากถามให้เคลียร์ให้จบเรื่องไป อยากจะบอกฮยอกแจว่าจริงๆแล้วทงเฮชอบมันตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว อยากจะบอกทงเฮว่าเขารู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็ทำไม่ได้ เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะทำอะไรแบบนั้น
ติ๊ดติ๊ด
เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น พอดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากฮยอกแจ
‘ไม่สบายว่ะ คงไม่ได้ไปโรงเรียนนะวันนี้’
เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปมองคนข้างๆที่กำลังลอกการบ้านคณิตศาสตร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับ
‘เดี๋ยวกูเข้าไปหา’
“ทงเฮ วันนี้กูโดดนะ ฝากส่งสมุดคณิตด้วย” พูดจบก็ลุกขึ้นเก็บหนังสือที่หยิบออกมาอ่าน
“ไปไหนวะ ปกติมึงไม่ค่อยโดดนี่”
“ไม่ค่อยก็ไม่ได้แปลว่าไม่เคย กูไปล่ะ”
เดินออกมานอกโรงเรียนได้แล้วก็ขึ้นรถเมล์สายที่ไปบ้านฮยอกแจ เขารู้ดีว่าวันธรรมดาอย่างนี้บ้านฮยอกแจไม่มีคนอยู่หรอก ออกไปทำงานกันหมด เป็นห่วงมัน เพราะปกติฮยอกแจไม่เคยหยุดเรียน ถ้าหยุดแสดงว่ามันป่วยเยอะ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาต้องถ่อมาก็เพราะอยากคุยกับมันให้แน่ใจเรื่องที่มันชอบทงเฮ
เขาไม่อยากเห็นคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เพื่อน’ ต้องมาเป็นแบบนี้
ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าความรักนี่มีฤทธิ์สามารถทำให้คนเราเจ็บปวดทุรนทุรายได้ขนาดนี้เลยเหรอ สามารถทำให้ทงเฮที่ไม่เคยต้องเจ็บปวดและหวั่นไหวกับอะไรต้องกลายมาเป็นคนเก็บความรู้สึก สามารถทำให้ซีวอนมีพลังอย่างแปลกประหลาดในการทำให้ฮยอกแจมารักตัวเอง และสามารถทำให้ฮยอกแจที่ร่าเริงถึงกับป่วย
มันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่เคยมีความรัก
เขาไม่เคยรักใครฉันคนรัก ไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษกับใคร ไม่ได้เห็นใครแล้วใจเต้นแบบที่ฮยอกแจเคยบอก สำหรับเขา นอกจากครอบครัว สิ่งสำคัญที่รองลงมาคือทงเฮ คนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต รองมาก็ฮยอกแจกับซีวอน นอกจากนั้นทุกคนบนโลกสำหรับเขาก็เท่าเทียมกันหมด ไม่ได้มีใครพิเศษกว่าใคร
คยูฮยอนมองออกไปทางถนน มองผู้คนมากมายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่เข้าใจพวกมันทั้งสามคนก็ได้ เลยได้แต่มานั่งคิดวกไปวนมาจนปวดหัวอยู่อย่างนี้
ไม่นานก็มาถึงบ้านฮยอกแจ เขาลงป้ายรถเมล์แล้วเดินเข้าซอยมานิดนึงก็เจอกับบ้านสองชั้นหลังไม่ใหญ่มาก กดกริ่งไปสักพักฮยอกแจก็เดินสะโหลสะเหลออกมา มันยิ้มให้เขาด้วยปากซีดๆ
“ไงมึง ซีดเป็นไก่ต้มแล้วนะ”
มันหัวเราะในลำคอตอบคำทักทายแล้วปลดล็อคประตูรั้วให้ เขาเดินตามมันที่เดินโคตรช้าไปบนห้อง ห้องของฮยอกแจจัดง่ายๆแบบที่เจ้าตัวชอบ ไม่ได้รกอะไรมากมาย พอมาถึงมันก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
“เฮ้ยกินข้าวกินยายังเนี่ย”
“กินแล้ว แม่ทำให้ไว้เมื่อเช้าว่ะ”
“เออ กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง แต่เอาไว้ตอนมึงหายดีก่อนก็ได้ ตอนกลางวันเดี๋ยวกูอุ่นที่แม่มึงทำไว้ให้กิน”
“อือ ขอบใจว่ะ”
“กูเปิดคอมนะ”
“เออตามสบายเลย” พูดจบมันก็ซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่ม เขาเดินไปหรี่แอร์ให้พอดีแล้วนั่งลงหน้าคอม
นั่งเปิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เงยหน้ามามองนาฬิกาอีกทีก็สิบโมงแล้ว นึกขึ้นได้ว่ามีการบ้านที่ยังไม่ได้ทำแต่ไม่ได้เอาหนังสือมา มองไปข้างๆโต๊ะคอมเห็นว่ามีหนังสือเรียนอยู่ในชั้นเลยลุกขึ้นไปกะจะยืมหนังสือคนป่วยมาทำการบ้านให้มันเสร็จๆไป
“ปรัชญา ปรัชญา....” นิ้วขาวไล่ไปตามสันหนังสือ ปากก็พึมพำชื่อหนังสือที่ต้องการ
“นี่ไง! ฮะ...เฮ้ย”
ตุ้บ!
มือจับสันหนังสือที่ต้องการแล้วดึงออกมา แต่ที่ออกมาไม่ได้มีแต่หนังสือปรัชญา ถอนหายใจให้ความซุ่มซ่ามของตัวเองก่อนจะก้มลงไปมองหนังสือเล่มหนาที่ตกลงมาจากชั้นหวังจะเก็บเข้าที่ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมองเห็นหน้าที่หนังสือเล่มนั้นเปิดอ้าอยู่
เขาก้มลงหยิบหนังสือเล่มที่ตกอยู่ขึ้นมา มันเป็นหนังสือที่เหมือนไดอารี่ส่วนตัว สีส้มที่เจ้าของชอบ แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพิจารณาเล่มหนังสือสักหน่อย
04-09-2010
ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองจะทนไหวแท้ๆ...
ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าทงเฮชอบคยู แต่อีฮยอกแจคนโง่ก็ยังจมปลักอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆ
ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้นะอีฮยอกแจ
“เห็นแล้วสินะ.....” ใบหน้าหันขวับไปตามเสียง อีฮยอกแจคนป่วยนอนยิ้มให้เขาด้วยริมฝีปากซีดๆ แต่สีหน้าดูดีขึ้นเยอะแล้ว
“กู.......”
เขาเกิดอาการใบ้กะทันหัน อยากจะตบหัวตัวเองสักร้อยครั้งให้กับการที่เสียมารยาทอ่านไดอารี่ของคนอื่น แต่ประเด็นคือฮยอกแจคิดว่าทงเฮชอบเขา วันที่ในไดอารี่ระบุว่าเป็นเวลาเมื่อสองปีที่แล้ว แสดงว่าสองปีแล้วสินะที่ฮยอกแจคิดแบบนี้มาโดยตลอด
“ไม่ต้องขอโทษหรอก”
ปากที่กำลังจะเอ่ยว่าขอโทษชะงักไปเมื่ออีกคนพูดดัก เขาปิดไดอารี่แล้วเก็บไว้ที่เดิม หันหน้ามาอีกทีก็เห็นว่าใบหน้าหวานของเพื่อนรักมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาเลื่อนลอยเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง ก่อนที่ริมฝีปากสีซีดจะขยับช้าๆ
“กูน่ะ ชอบทงเฮตั้งแต่อยู่ม.สอง... กูรู้ว่าทงเฮชอบมึง มันคอยดูแลแต่มึง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องของมึงสำหรับมันคือเรื่องที่เป็นที่หนึ่งเสมอ... กูรู้ว่ามึงสนิทกับมันมาก... มากจนกูเข้าไปแทรกไม่ได้เลย...”
“....”
“กูน่ะอิจฉามึงมากเลยรู้มั้ยคยูฮยอน ตลอดเวลาที่คบกันมาห้าปี กูไม่เคยเห็นมันเคยแคร์ใครนอกจากมึง...”
“....”
น้ำใสไหลเต็มใบหน้าของฮยอกแจ บ่งบอกได้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน ส่วนตัวเขาได้แต่นิ่งอึ้ง ไม่เคยคิด... ไม่เคยคิดมาก่อนว่าในสายตาของคนอื่นเขากับทงเฮจะเป็นแบบนี้
“มันเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับกู เข้ามาทำความรู้จักกับกู หยิบยื่นความหวังดีต่างๆมาให้โดยไม่มีข้อแม้ บอกตรงๆว่ากูรู้สึกดีมาก กูไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้จากใครนอกจากครอบครัว กูในสายตาคนอื่นก็เป็นแค่เด็กอ่อนแอแลดูขี้โรค เลยไม่มีใครอยากจะมาเป็นเพื่อนกับกู แต่ไม่ใช่กับมัน”
“.....”
“เหมือนมันสร้างโลกใบใหม่ให้กู ฉุดกูขึ้นจากความเดียวดาย...”
นิ่งเงียบกันไปนาน น้ำตาของอีกฝ่ายยังคงไหลเงียบๆ ในขณะที่เขาทำได้เพียงมอง ไม่กล้าเข้าไปใกล้เพราะกลัวมันจะผลักเขาออกมา แต่ก็ไม่กล้าหนีออกไป เพราะยังมีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหนื่อย เขาเหนื่อยล้ามากกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“มันไม่ใช่แบบที่มึงคิด” เขาเริ่มเปิดปากพูด “กูกับทงเฮเป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบๆปี มึงก็รู้ดี แล้วทำไมมึงถึงยังคิดแบบนี้”
“เพราะสายตามันเวลามองมึง...”
“มึงเห็นเวลามันมองกู แล้วมึงเคยเห็นหรือเปล่าว่าเวลามันมองมึง มันมองด้วยสายตาแบบไหน”
อยากจะบอก อยากจะเฉลยเรื่องราวทั้งหมดให้มันจบๆไป เขาก้าวขาเข้ามาในวังวนบ้าๆนี้แล้วนี่ คงไม่มีอะไรจะต้องเสีย คิดอยู่หลายชั่วโมงตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านฮยอกแจ ว่าถ้าปล่อยให้พวกมันจัดการกันเองก็คงไม่แคล้วต้องมีคนเสียใจหลายคน คนที่นอนป่วยอยู๋ในห้องกับเขามันคงไม่ยอมให้ซีวอนเสียใจแล้วตัวมันก็ไปคบกับทงเฮ ส่วนไอ้ทงเฮก็คงไม่ยอมให้ซีวอนเสียใจเหมือนกัน และสุดท้ายซีวอนมันก็คงยอมเสียสละให้ไอ้สองคนนี้ได้กัน
ในเมื่อมันไม่กล้าตัดสินใจกันเอง ไม่กล้าลงมือทำอะไร เขาก็จะยอมเป็นคนใจร้าย ยอมให้คนอื่นตราหน้าว่าเห็นแก่เพื่อนรัก
“ไม่เห็นใช่ไหมล่ะ”
“.....”
“มึงบอกว่ามันสนใจแต่กู แคร์แต่กู ทำไมมึงไม่นึกย้อนไปถึงตอนที่มันทิ้งกูไปหามึง ตอนที่มันปล่อยให้กูอยู่คนเดียวแล้วไปช่วยมึงตอนที่มึงลำบาก มึงทำเป็นปิดหูปิดตาไม่ยอมสนใจในสิ่งที่มันทำให้มึงหรือเปล่าฮยอกแจ”
“.....”
“สองปีที่แล้วที่มึงโดนรถชน ทั้งๆที่ฝนตกหนัก แต่มันก็เป็นคนแรกที่วิ่งไปหามึง พามึงไปโรงพยาบาลแล้วก็เฝ้ามึงจนหาย ส่วนกูก็อยู่ที่ตึกจนดึก สุดท้ายก็กลับบ้านคนเดียวเพราะมันพามึงไปโรงพยาบาล ผลสุดท้ายเป็นไง มึงจำไม่ได้เหรอว่ามันเกือบได้ศูนย์คณิตเพราะไม่ยอมมาโรงเรียนเลย”
“.....”
“กูอยากจะเตือนสติมึงก็แค่นั้น กูกับมันไม่มีไม่มีทางรู้สึกแบบที่มึงคิดได้หรอก”
“....”
“เพราะมันรักมึง....”
เขาพูดจบก็ยืนมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ หวังให้มันเข้าใจอะไรง่ายๆ เข้าใจว่ามันกับทงเฮใจตรงกันมาตั้งนาน ฮยอกแจมองหน้าเขาแบบไม่เชื่อ แต่การที่เขายืนมองหน้ามันนิ่งๆก็คงจะพอเป็นคำตอบว่าไม่ได้ล้อเล่น
“มะ...ไม่จริง”
“ก็ลองไปถามมันดูสิ กูกลับบ้านล่ะ หมดเรื่องที่จะคุยแล้ว ที่เหลือจะเอายังไงก็แล้วแต่ตัวพวกมึงเอง”
เขาหยิบกระเป๋าแล้วหมุนตัวไปที่ประตูห้องในขณะที่อีกคนยังคงนั่งนิ่งเหมือนหุ่นอยู่บนเตียง กัดริมฝีปากอย่างลังเลว่าจะพูดออกไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจได้
“ฮยอกแจ”
“......”
“การทำตามหัวใจตัวเองคือทางที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหา มึงไม่ต้องไปคิดว่าคนอื่นจะเจ็บปวดกับการตัดสินใจของพวกมึง ไม่ต้องคิดว่าจะมีคนเสียใจอีกเท่าไหร่ เพราะถ้ามึงมัวแต่ลังเล ตัวมึงเองนั่นแหละที่จะไม่มีความสุข”
“.....”
“รู้ใช่ไหมว่ากูหมายถึงอะไร”
“......”
เมื่อฮยอกแจยังคงเงียบ เขาก็ตัดสินใจเปิดประตูห้องออกไป แต่ก็ต้องช็อคค้างเป็นรอบที่สองของวัน และการช็อคครั้งนี้เทียบไม่ได้เลยกับครั้งที่เห็นไดอารี่ของฮยอกแจ
“ซะ...” ซีวอน!
ออกเสียงเรียกชื่อเพื่อนอีกคนไปได้นิดเดียวก็ถูกปิดปากด้วยฝ่ามือหนา ชเวซีวอนตัวเป็นๆกำลังยืนอยู่หน้าห้องของอีฮยอกแจซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายยืนมานานแค่ไหนแล้ว แต่เขามั่นใจว่าซีวอนต้องได้ยินที่เขาพูดสองประโยคหลังแน่ เพราะสายตาของมันที่มองมาทางเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหลือคณา
เขาถูกอีกคนปิดปากแล้วลากออกมานอกตัวบ้าน จนผ่านรั้วแล้วนั่นแหละเขาก็สะบัดมือของอีกคนออก หันไปมองด้วยสายตาไม่พอใจทันที ซีวอนก็เหมือนจะรับรู้ได้ มันก้มหน้าลงนิดหน่อยแล้วเอ่ย
“ขอโทษ”
“เออ ไม่เป็นไร”
แล้วก็เงียบ......
“มึงรู้เรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม” ซีวอนเอ่ยปากถาม แต่สายตาไม่ได้มองมาทางเขา เขามองตามสายตามันก็เห็นว่ามันมองไปทางบ้านที่เขาเพิ่งออกมา
“หมายถึงอะไร” เขาถามย้อนกลับ เพราะไม่รู้เลยว่าซีวอนคิดว่าเขารู้เรื่องอะไร คำว่า ‘ทั้งหมด’ ของมันหมายถึงแค่ไหน บางที ‘ทั้งหมด’ ของเขา กับ ‘ทั้งหมด’ ของมัน อาจจะไม่เหมือนกัน
“กูยืนอยู่หน้าห้องฮยอกแจตั้งแต่แรก”
เพียงคำตอบเดียวก็สร้างความกระจ่างทั้งหมด เขาเลื่อนสายตาจากบ้านฮยอกแจมาที่หน้าของเพื่อนอีกคน สายตามันมีความเศร้าอย่างปิดไม่มิด และมันก็คงไม่คิดจะปกปิดอะไร แต่ริมฝีปากกลับยิ้มน้อยๆอย่างเคยชิน
ซีวอนมักจะยิ้มให้กับทุกคนเสมอ เสมือนว่าไม่ว่าทุกคนจะทำผิดอะไร มันก็พร้อมจะให้อภัย
“กูเป็นคนมาทีหลัง ก็คงจะต้องถอยสินะ”
“......”
“แต่มึง... ก็ใจร้ายกับกูมากเลยรู้มั้ย”
ใจร้าย.... นั่นสินะ เขามันคนใจร้าย คิดแล้วหัวเราะตัวเองในใจ กะไว้อยู่แล้วว่าต้องมีคนพูดกับเขาแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้เขาจะต้องเห็นเพื่อนที่รักที่สุดอย่างอีทงเฮเจ็บ รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้จะต้องมีสักคนที่เจ็บปวด และเป็นตัวเขาเองที่เป็นคนยื่นความเจ็บปวดนั้นให้ซีวอนอย่างเลือดเย็น
ให้ขอโทษสักพันครั้งมันก็คงไม่อยากจะให้อภัยเขา
หมับ
ตัวสูงๆของมันโน้มลงมากอดเขาที่ได้แต่ยืนอึ้ง เขาที่คิดว่าตัวสูงแล้วยังสูงไม่ได้เท่ามัน ที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ผอมบางแล้ว ก็ยังเล็กกว่ามันโข ณ ตอนนี้เขาถึงได้แทบจะจมหายไปในอ้อมกอดของมัน
“ขอโทษนะ... แต่.... ช่วยอยู่อย่างนี้กับกูสักพักเถอะ”
มันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆเหมือนคนจะร้องไห้ แล้วจะให้เขาทำยังไงได้นอกจากยืนนิ่งๆให้มันยืมไหล่
••••••••••••••••••••••••••••
- ตอนนี้เป็นตอนที่เราพิมพ์แล้วผิดจากพล็อตที่วางไว้มากๆ อารมณ์มันพาไปสุดๆ และมันกำลังจะออกนอกทะเล *เอาหัวเขกโต๊ะ*
- สามตอนมานี้พิมพ์เร็วแบบวันต่อวัน แต่ต่อไปเราจะไปอยู่บ้านพ่อแล้วค่ะ คงไม่ได้อัพวันต่อวันแบบนี้อีกแล้ว กลับจากทำงานคงจะสลบเหมือดหมดแรงจะทำอะไรต่อ
- ตอนนี้มีฉากวอนคยูด้วย อ๊ายยย จัดหนักให้คนอ่านค่ะ (คนอ่านบอกว่านี่แกจัดหนักแล้วเรอะ!!!! 5555555555555555555)
ความคิดเห็น