คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ◆ kai / sehun : aishiteru
AISHITERU
- kaihun -
สวยงามทว่าเศร้าสร้อย
สดใสทว่าหมองหม่น
นั่นอาจจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวล่ะมั้ง..
“จงอินอ่า”
“หืม”
เสียงใสของเด็กสาวข้างกายทำให้จงอินละสายตาจากภาพวาดเบื้องหน้าไปมองอีกคน คนเรียกทำหน้างุ้มนิดหน่อยแต่ก็กลับมายิ้มสดใสให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘คนรัก’ ได้อย่างรวดเร็ว
ใช่... เธอและจงอินคบกันมาได้หกเดือนแล้ว
เธอกล้าบอกใครต่อใครได้เลยว่าจงอินของเธอนั้นเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก ภายนอกจงอินอาจจะดูเป็นผู้ชายที่ใครๆเรียกกันว่าแบดบอย แต่จริงๆแล้วจงอินเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมาก
...มากกว่าที่ใครๆจะเข้าใจ
“เห็นจ้องรูปนี้มานานแล้ว มีอะไรหรือเปล่า”
ร่างสูงโปร่งยิ้มบางๆก่อนจะหันกลับไปมองรูปที่ว่านั่นอีกครั้ง “เปล่าหรอก...”
“ไปกันเถอะ เราหิวแล้วล่ะ”
“เพิ่งกินข้าวไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเองไม่ใช่เหรอ กินมากๆเดี๋ยวก็อ้วนเป็นตุ่มหรอก ฮ่าๆ”
“จงอิน!”
( -----------------)
กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไปมาเมื่อลมพัดผ่านแต่เจ้าของไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีดำสนิทเหม่อมองไปไกล ริมฝีปากสีซีดเผยรอยยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่องที่ทำให้มีความสุข
เขานั่งอยู่บนนี้มานานกว่าสองชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่เบื่อสักที บนหน้าผาสูงที่ทำให้เขามองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองนี้
ไม่ว่าจะเป็นความสุข หรือ ความทุกข์
เขาสามารถเห็นมันผ่านที่ตรงนี้ได้อย่างชัดเจน
“กำลังมีความสุขอยู่ใช่ไหม..”
ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยประโยคแผ่วเบาราวกับต้องการจะสื่อไปถึงคนที่อยากให้ได้ยิน
แต่เขารู้...
ว่าคนคนนั้นจะไม่มีทางได้ยิน...
“เราก็มีความสุขนะ..”
ลมพัดแผ่วเบารอบตัวราวกับจะปลอบประโลมเขาให้หายจากความเศร้า ราวกับจะบอกเขาว่าให้คิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านไปนานแสนนานแล้ว
“แค่จงอินมีความสุข เราก็มีความสุขแล้วล่ะ”
“แค่นั้นจริงๆเหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบื้องหลังเรียกให้เขาละสายตาจากภาพเบื้องหน้าหันกลับไปมองอีกคนที่เดินเข้ามานั่งข้างๆกัน ใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนมองมาทางเขาอย่างไม่เข้าใจนัก
“ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ”
“เราเป็นคนที่น่าเข้าใจยากตรงไหนเหรอ”
สิ่งที่ได้ตอบรับมาคือเสียงถอนหายใจหนักๆของอีกคน นั่นทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังกว่าทุกทีของ ‘เพื่อน’ คนสนิท
“เซฮุน”
“......”
( -----------------)
ถ้าใกล้ได้อีกเพียงนิด จะกล้าไหม...
ถ้าเพียงได้มองรอยยิ้มนั้นอีกสักนิด แม้จะต้องถูกบดบังด้วยน้ำตา
จะยอมหรือไม่
“จงอิน!”
“หะ..หืม”
“เหม่ออีกแล้วนะ” แก้มของหญิงสาวพองลมอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองไปที่อะไรบางอย่างทั้งๆที่เธอนั่งอยู่ตรงหน้าเขา
“ขอโทษนะ”
“อื้อไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่จงอินว่าอันนี้หรืออันนี้ดีกว่า...”
เสียงเจี้ยวแจ้วของหญิงสาวยังคงมีต่อไปแต่ในใจของชายหนุ่มแล้วกลับไม่ได้สนใจสักนิด นัยน์ตาดำสนิทมองไปที่นอกร้านที่เมื่อกี้เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาดที่เห็นใครบางคนยิ้มให้เขาจากตรงนั้น
ถึงแม้จะไกล.. แต่เขาก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นรอยยิ้มที่เศร้ามาก
แต่เมื่อกระพริบตาอีกครั้ง เขากลับพบว่าคนคนนั้นหายไปจากจุดเดิมเหมือนไม่เคยมีอยู่
เขามั่นใจ.. เขาไม่ได้ตาฝาด...
“จงอินจะไปไหนน่ะ”
“เดี๋ยวเรามานะ” พูดจบร่างสูงก็ผละออกจากข้างกายของหญิงสาวออกมานอกร้าน
ขายาวก้าวไปตามทางที่เขาคิดว่าคนเมื่อกี้น่าจะอยู่จนมาถึงลานจอดรถที่เงียบสงัด กวาดตามองไปมาจนมั่นใจว่าคนนั้นไม่น่าจะอยู่ที่นี่ เตรียมหันหลังกลับแต่ทว่าเสียงหวานแผ่วเบาจากด้านซ้ายทำให้เขาหันไปมองอย่างรวดเร็ว
“ตามหาเราเหรอ”
คนที่เขากำลังตามหายืนอยู่ห่างจากเขาไปไม่มาก เมื่อมองใกล้ๆเขาถึงได้พบว่าอีกคนนั้นมีผิวขาวมากกว่าคนทั่วไป อีกทั้งใบหน้าหวานและชุดสีขาวที่คนนั้นใส่ก็ยิ่งทำให้ผิวของเจ้าตัวดูขาวมากจนจะโปร่งแสงได้
ลมพัดมาวูบหนึ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน..
จงอินรู้สึกเหมือนมีบางอย่างพุ่งขึ้นมาในความทรงจำอย่างรวดเร็ว
คุ้นเคยอย่างประหลาด..
“ตามหาเราทำไม”
ไม่รู้... จงอินไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงตามหาอีกฝ่าย
รู้สึกแค่ว่าเหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาทำเช่นนี้ ตามหาคนคนนี้
“ไปหาร้านชานมกินกันดีไหม”
และไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาพูดออกไปเช่นนั้น
( -----------------)
เมื่อชั่วโมงที่แล้วเขาไม่รู้อะไร ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เช่นนั้น
เมื่อได้ชานมมาคนละแก้ว อีกฝ่ายก็เอาแต่นั่งนิ่งแล้วส่งยิ้มบางๆที่เขาไม่เข้าใจมาให้
“นายเป็นใคร”
เขาถามอีกฝ่าย อีกฝ่ายหยุดยิ้ม แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขารู้สึกผิดได้แล้วที่ทำให้รอยยิ้มนั้นหายไป
“จงอินไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
“นายรู้จักชื่อฉัน..”
“เรารู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับจงอิน”
ใช่.. เขารู้ รู้ทุกอย่างของผู้ชายตรงหน้านี้
รู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไรยามเมื่อสายตาคมนั่นมองมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจ
แต่ทั้งๆที่รู้ เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“อืม”
น่าแปลกที่จงอินในยามนี้ไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกโรคจิต อาจจะเป็นเพราะนัยน์ตาใสๆนั่นที่มองตรงมายังเขาไม่ได้ฉายแววเป็นอันตรายหรือคุกคามอะไร
อีกฝ่ายทำแค่เพียงมอง และยิ้ม
เหมือนมีความสุขที่ได้ทำเพียงเท่านั้น
“เรามีความสุข จงอินไม่ต้องคิดมากหรอก”
คนถูกเรียกชื่อเบิกตากว้างกับคำพูดของคนตรงหน้าที่ราวกับอ่านใจของเขาออก แต่ยังไม่ทันที่จะหายตกใจอีกคนก็พูดอีกประโยค
“เราอ่านใจจงอินได้จริงๆ”
“นะ..นายเป็นใครกันแน่”
“.......”
( -----------------)
เงาของคนสองคนทอดยาวไปตามพื้นถนนเพราะแสงอาทิตย์ยามเย็น เงาหนึ่งเป็นเจ้าของรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีเข้มกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย เดินนำอยู่ข้างหน้า ส่วนอีกเงาเป็นเงาของคนที่สูงไม่แพ้กัน สวมชุดสีขาวสว่าง เดินตามอีกคนไม่ห่างมากนัก
ใบหน้าของคนเดินข้างหลังยังคงมีรอยยิ้มบางๆปนเศร้าเหมือนอย่างเคยยามเมื่อมองแผ่นหลังกว้างของคนข้างหน้า
ได้เข้าใกล้ขนาดนี้.. เขาก็มีความสุขมากกว่าผ่านๆมา
ได้ใกล้ชิดจนห่างเพียงแค่เอื้อมมือแค่นี้
“นี่”
แต่จู่ๆคนตัวสูงกว่าก็หยุดเดิน เอี้ยวใบหน้ากลับมาทำให้เขาเห็นเสี้ยวหน้านั้นชัดเจน
“มาเดินข้างๆกันสิ”
“อื้ม”
แล้วก็ได้เดินเคียงข้างกันไปอย่างนี้..
ก็มากเกินพอแล้วสำหรับเขา
‘นี่ก็เย็นแล้วทำไมถึงไม่กลับบ้านของนายล่ะ’
‘บ้านเหรอ..’
‘นี่อย่าบอกนะว่าไม่มีบ้าน’
‘เราแค่เคยมีน่ะ’
“ที่มีน้อยหน่อยนะ นอนได้ใช่ไหม”
“ได้สิ”
“งั้นปิดไฟละนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน แต่เขาถือเอาว่าเป็นการบอกกลายๆจากอีกฝ่าย จงอินปิดโคมไฟแล้วซุกตัวกับฟูกทันที ไม่นานร่างสูงก็หลับสนิท
เหลือเพียงแต่อีกคนที่ลืมตาในความมืด เขาเปลี่ยนจากท่านอนกับฟูกบางๆที่อีกฝ่ายมีน้ำใจแบ่งมาให้เป็นนั่งบนฟูกนั้นแทน ใช้สายตามองไปที่อีกคนราวกับจะเก็บเกี่ยวทุกวินาทีไว้ให้ได้มากที่สุด
มือขาวเอื้อมไปปัดไรผมที่บดบังหน้าคมนั้นออกไป
ผิวปากเพียงเบาๆก็ทำให้ห้องทั้งห้องเหมือนมีลมเย็นจากฤดูใบไม้ผลิพัดโชยมา
จากนั้นก็ทำเพียงแค่จ้องมองใบหน้าอีกคนยามหลับใหลจนกระทั่งดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า
แล้วจากไปอีกครั้งหนึ่ง....
( -----------------)
ณ ตอนนั้นพวกเขาเคยมีกันและกัน
เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ร่วมทุกข์ ร่วมสุข แบ่งปันรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
แต่วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน...
“จงอิน!”
“เฮ้ยจงอินสลบไป รีบพาไปโรงพยาบาลเร็ว!”
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นภายในโรงยิมของมหาวิทยาลัย ร่างสูงโปร่งของชายผิวสีเข้มถูกผู้ชายหลายคนช่วยกันพาใส่รถเพื่อไปโรงพยาบาล
ทุกอย่างอยู่ภายในสายตาของร่างในชุดสีขาวสว่างที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูง ลมพัดแรงจนกลุ่มผมสีน้ำตาลพัดไปมา แต่นัยน์ตาสีดำสนิทไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงสิ่งเดียว
คือภาพใบหน้าไร้สีเลือดของคิมจงอิน..
( -----------------)
‘ไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง ที่สลบไปคงเป็นเพราะพักผ่อนน้อย’
คือคำบอกเล่าของหมอที่เป็นเจ้าของไข้
ในเวลานี้ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากเขาและคนที่นอนหลับไปเพราะฤทธิ์ของยา
ร่างขาวทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง เอื้อมมือไปหยิบข้อมือข้างขวาของอีกคนมาแล้วใช้นิ้วชี้ของตนเองมาเขียนสัญลักษณ์บางอย่างลงไป จากชัดเจนจนมันค่อยๆซึมลงสู่ผิวของอีกคนแล้วหายไปในที่สุด
แรงกดจากบ่าทำให้เขาหันไปมองอีกฝ่ายที่เข้ามาเงียบๆด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เซฮุน...”
“เราไม่เป็นอะไร เราสบายดี”
โกหก..
อีกฝ่ายรู้ทันทีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะสายตานั่นบอกเขาหมดทุกอย่างแล้ว
สิ่งที่เซฮุนทำกับคนบนเตียงเมื่อกี้คือการรักษาในแบบของ ‘พวกเขา’
แต่ยิ่งทำเช่นนั้น ก็ยิ่งเป็นการผูกทั้งสองคนไว้ด้วยกันมากยิ่งขึ้น
เขาแค่กลัว...
กลัวว่าสักวันสิ่งนั้นจะมัดทั้งสองคนแน่นจนไม่มีทางหลุดพ้น
( -----------------)
“ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ”
“เราเป็นคนที่น่าเข้าใจยากตรงไหนเหรอ”
สิ่งที่ได้ตอบรับมาคือเสียงถอนหายใจหนักๆของอีกคน นั่นทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังกว่าทุกทีของ ‘เพื่อน’ คนสนิท
“เซฮุน”
“......”
“ถ้านายได้มีโอกาสไปอยู่ใกล้ๆคนคนนั้นนายจะไปไหม”
“มะ..หมายความว่ายังไง”
เจ้าของเสียงทุ้มยื่นกระดาษแผ่นบางไปให้อีกฝ่าย
“กระดาษนี่คือสิ่งที่จะทำให้นายกับคนคนนั้นอยู่ด้วยกันได้สองวัน”
( -----------------)
มืด.....
ทำไมถึงรอบข้างตัวเขาถึงได้มืดไปหมดแบบนี้
ยิ่งเดินไปเรื่อยๆยิ่งรู้สึกเหมือนไม่มีทางออก ยิ่งตะโกนร้องเรียกใครเท่าไรยิ่งรู้สึกอ้างว้าง
คิมจงอินกำลังกลัวและกำลังหมดแรง
แต่ในขณะนั้นเองแสงสว่างจ้าสีขาวก็ทำให้เขาต้องหยีตา เขาไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาแสงสีขาวนั้นทันที
‘จงอิน!’ เสียงเรียกตัวเองจากเด็กชายชั้นอนุบาลผิวขาวสว่าง ทำให้เด็กชายคนถูกเรียกยิ้มกว้างแล้วละจากฟุตบอลตรงหน้าไปหาอีกคนทันที
‘เซฮุน! มาแล้วเหรอ’
จงอินมองภาพตรงหน้านิ่งค้าง เด็กชายสองคนตรงหน้าเขาหนึ่งในนั้นเป็นเขาแน่ไม่ผิดเพี้ยน แต่อีกคนล่ะ
ใคร.. คนคนนี้เป็นใคร
ชื่อที่คุ้นเคยเหลือเกินในความรู้สึก ในความทรงจำที่ถูกปิดผนึกมานานแสนนาน
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีก
‘จงอินเป็นอะไรไป ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้’ เด็กผิวขาวในชุดเด็กประถนต้นเข้ามาหาเขาในตอนนั้นที่แต่งกายชุดเดียวกัน เขาที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวข้างสนามบอล
‘เซฮุน... เราเป็นคนไม่มีประโยชน์เหรอ’
‘ใครบอกจงอิน’
‘อาจารย์ปาร์คบอกว่าเราเรียนไม่เก่ง สู้เซฮุนไม่ได้ เราไม่มีประโยชน์ ไม่เก่งอะไรเลยสักอย่าง’ พอเด็กชายผิวเข้มพูดจบประโยค อีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่ยิ้มบางๆให้ เด็กผิวขาวจับไหล่ทั้งสองของจงอินไว้มั่น
‘ใครว่าจงอินไม่เก่งล่ะ! คนพวกนั้นไม่รู้จักจงอินดีพอหรอกนะ! จงอินน่ะเตะบอลเก่งจะตาย ในขณะที่เราน่ะแค่ให้เตะบอลยังเตะไม่โดนเลย’
‘……’
‘จะไปสนใจคนอื่นทำไมล่ะจงอิน ว่าเขาจะเข้าใจจงอินหรือเปล่า’
‘……’
‘มีแค่เราที่เข้าใจจงอินก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ’
‘อื้อ!’
และอีกครั้ง....
คราวนี้เป็นภาพที่เขาเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนหนึ่งด้วยน้ำตานองใบหน้า
‘คุณน้าครับ เซฮุนไปไหน... ทำไมเซฮุนไม่มาหาจงอิน’
‘เซฮุนน่ะเขาไปสบายแล้วล่ะจ้ะ..’
‘.......’
‘ต่อไปเซฮุนจะมาเล่นกับจงอินไม่ได้แล้วนะจ๊ะ... นี่เป็นจดหมายที่เซฮุนฝากไว้ให้จงอินนะ’ เด็กชายผิวเข้มรับจดหมายจากผู้หญิงที่ชื่อว่าเป็นแม่ของเซฮุนมาอ่าน
‘จากเซฮุนถึงจงอิน
เราจะไม่ได้อยู่ข้างๆจงอิน คอยปลอบจงอินอีกต่อไปแล้ว ต่อไปจงอินต้องแข็งแกร่งมากๆนะ
เรานิสัยไม่ดีเลยใช่ไหมที่ทิ้งจงอินไปอย่างนี้ ขอโทษนะ..
จงอินน่ะจะต้องได้พบเจอคนดีๆอีกมากมาย เพราะฉะนั้น......
ลืมเราเถอะนะ’
ลืมเราเถอะนะ....
ลืมว่าเราเคยมีตัวตนในชีวิตของจงอิน
ลืมเราแล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นจงอินคนใหม่ที่ไม่มีโอเซฮุนอีกต่อไป
“เซฮุน.....”
( -----------------)
เขาสลบไปสามวัน...
หมอบอกว่าเพราะเขาอ่อนเพลียมากจากการอดนอนหลายวันติดต่อกัน
หลังจากออกจากโรงพยาบาลชีวิตของเขาก็หมุนวนไปเหมือนเดิมอย่างที่มันเคยเป็นมาตลอด
คิมจงอินคิดว่าในช่วงที่เขาหลับไปนั้นเป็นเพียงแค่จินตนาการของตัวเขาเอง เด็กชายสองคนนั้นไม่เคยมีตัวตนจริงๆ และเป็นเพราะเขานอนหลับมากเกินไปจึงทำให้มีความฝันแบบนั้นเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าในบางครั้งเขาจะรู้สึกว่ามีใครบางคนมองเขาจากที่ไกลๆ
แต่ก็เท่านั้น....
“จงอิน! คิดอะไรอยู่น่ะ ทำหน้านิ่งเชียว” เสียงใสของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาทำให้เขาหลุดจากภวังค์ เมื่อมองไปก็เห็น ‘แฟนสาว’ ของตัวเองทำหน้ายู่เหมือนทุกครั้ง
“เปล่าสักหน่อย”
“คนโกหก”
“อะไรๆ นี่เอานี่ไปกินเลย” เขาคีบกุ้งของโปรดของคนตรงหน้าไปจ่อที่ปาก อีกฝ่ายยิ้มกว้างก่อนจะงับกุ้งจากเขาไปเคี้ยวตุ้ยๆ นัยน์ตาสดใสนั่นเปล่งประกายแห่งความสุขออกมาเต็มเปี่ยม
“รักจงอินที่สุดเลย!”
( -----------------)
กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไปมาเมื่อลมพัดผ่านแต่เจ้าของไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีดำสนิทเหม่อมองไปไกล ริมฝีปากสีซีดเผยรอยยิ้มบางๆเมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่องที่ทำให้มีความสุข
เขานั่งอยู่บนนี้มานานกว่าสองชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่เบื่อสักที บนหน้าผาสูงที่ทำให้เขามองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองนี้
ไม่ว่าจะเป็นความสุข หรือ ความทุกข์
เขาสามารถเห็นมันผ่านที่ตรงนี้ได้อย่างชัดเจน
“กำลังมีความสุขอยู่ใช่ไหม..”
ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยประโยคแผ่วเบาราวกับต้องการจะสื่อไปถึงคนที่อยากให้ได้ยิน
แต่เขารู้...
ว่าคนคนนั้นจะไม่มีทางได้ยิน...
“เราก็มีความสุขนะ..”
ลมพัดแผ่วเบารอบตัวราวกับจะปลอบประโลมเขาให้หายจากความเศร้า ราวกับจะบอกเขาว่าให้คิดถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านไปนานแสนนานแล้ว
“แค่จงอินมีความสุข เราก็มีความสุขแล้วล่ะ”
“........”
สายลมเย็นพัดผ่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีใครใดจะทำให้เขารู้สึกอ้างว้าง
ถึงแม้ในความทรงจำของคิมจงอินจะไม่มีโอเซฮุน ถึงแม้โอเซฮุนจะไม่สามารถสัมผัสคิมจงอินได้อีก
ไม่สามารถเข้าใกล้คิมจงอินได้อีก
แต่เขาไม่เคยเสียใจเลยกับสิ่งที่ทำลงไป...
เพราะเพียงแค่คิมจงอินมีความสุข ต่อให้เขาต้องหายไปจากความทรงจำของทุกคน
เขาก็จะทำ..
愛してる…
END
ความคิดเห็น