ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO THEATRE (KAIHUN / KRISYEOL / LUMIN)

    ลำดับตอนที่ #2 : ◆ kris / chanyeol : 蛍火の杜へ (hotarubi no mori e)

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 56


      

    蛍火の杜へ

    krisyeol_kris x chanyeol

     

     

     

    He was only a young boy when he first met him

    The boy who can not be touched by a human.

     

    Otherwise he will

     

     

    D I S A P P E A R 

     

     


     

    「蛍火の杜へ-krischanyeol」
     

     

     

     

                ภายในบ้านขนาดกลางมีเสียงวิ่งตึงตังของเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่วิ่งไปมาเพื่อหยิบของต่างๆลงกระเป๋าเป้ใบโตโดยมีผู้หญิงสวมชุดผ้ากันเปื้อนมองดูภาพเหล่านี้ด้วยแววตากังวล อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเตือนลูกชายของเธอเอง

     

                “ชานยอลเอาของใส่กระเป๋าไปครบหรือยัง ตั๋วรถไฟน่ะห้ามลืมเด็ดขาดเลยนะ แล้วก็ห้ามหลับบนรถไฟจนเลยสถานี อ้อ...แล้วก็อย่าดื้อกับคุณปู่ด้วยล่ะรู้มั้ย”

     

                เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อหันมายิ้มกว้างให้แม่ตัวเอง “ผมไปที่นั่นทุกปี ไม่ลืมหรอกน่า”

     

                ก่อนที่ร่างสูงๆจะวิ่งหายลับไปจากสายตาของผู้เป็นแม่ที่ได้แต่ส่ายหัวกับนิสัยเดิมๆของลูกชายตัวเอง

     

     

     

     

     

    「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     

     

     


     

    ตอนที่ได้พบกับเขาครั้งแรก... ผมอายุเพียง 8 ขวบ

     

               

                เขาหลงทางในวันที่อากาศร้อนที่สุดในรอบปี ณ ภูเขาใกล้บ้านของคุณปู่ที่ว่ากันว่าเป็นที่อยู่ของเหล่าภูตผี มีตำนานเกี่ยวกับวิญญาณเล่าขานกันปากต่อปากมากมายนับไม่ถ้วน ด้วยความที่เด็กมากและไม่รู้เส้นทาง เขาเริ่มสับสนและหวาดกลัว

     

                สุดท้ายก็ทรุดตัวลงแล้วนั่งร้องไห้อยู่กลางป่านั้น

     

                แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเรียกห่างออกไปไม่ไกล

     

                “นี่ นาย...”

     

                พอเงยหน้าขึ้นมาเขาก็เจอกับผู้ชายร่างสูงที่ตาทั้งสองข้างถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีขาวสะอาด ผมซอยสั้นสีทองประกายเขียวหม่น สวมชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มเข้ากัน ดูอายุแล้วไม่น่าจะเกิน 20ปี

     

                “...ร้องไห้ทำไมน่ะ” ชายแปลกหน้าคนนั้นถามเขาอีกครั้ง

     

                “มะ...” เขาเบิกตากว้าง “มีคนอยู่ที่นี่ด้วย!

     

                เขาพุ่งเข้าใส่อีกคนทั้งตัว แต่กลับคว้าได้แค่เพียงอากาศและพอรู้สึกตัวอีกที เขาก็นอนคว่ำอยู่บนหญ้าโดยมีผู้ชายสวมชุดกิโมโนและผ้าปิดตาคนนั้นยืนมองอยู่ข้างๆ

     

                “ขอโทษนะ.. ว่าแต่นายน่ะเป็นมนุษย์สินะ”

     

                ชานยอลยอมรับไม่เข้าใจคำพูดของผู้ชายตรงหน้าเท่าไรนักจึงทำได้เพียงมองอีกคนด้วยแววตาไม่เข้าใจ

     

     

              “ถ้ามนุษย์สัมผัสโดนตัวฉัน ฉันจะดับสูญ”

     

     

                “มนุษย์? พี่ชายไม่ใช่คนแบบผมเหรอ?” ผู้ชายแปลกหน้าชะงักไป ชานยอลไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าปิดตาสีขาวนั้นอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรอยู่ นัยน์ตาใสซื่อของเด็กชายมองอีกคนด้วยแววตาสงสัยเต็มเปี่ยม

     

                “ฉัน... เป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ในป่านี้”

     

                “เอ๋?...” เขาเอียงคอ “งั้นพี่ชายก็เป็นภูตน่ะสิ.. ว่าแต่ ดับสูญ หมายความว่ายังไงเหรอ?”

     

                “ดับสูญ.. ก็หมายถึง หายไป ยังไงล่ะ... หายไปจากโลกนี้ แตกสลายกลายเป็นเพียงฝุ่นละออง เหมือนที่พวกมนุษย์เรียกว่า ตาย

     

                คำว่า ตาย ทำให้ชานยอลเข้าใจมากขึ้น แต่ก่อนที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ กิ่งไม้เล็กๆก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

     

                “จับไว้สิ หลงทางอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันจะพาออกไปจากป่านี้เอง”

     



     

     

    「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     

     

     

                “เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอทางออก”

     

                ชานยอลหันมองไปตามทางที่อีกคนชี้กิ่งไม้ไป ก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้าที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นสูงสุด ในขณะที่เขายืนอยู่ชั้นล่างสุดอีกครั้ง

     

                “พี่ชายจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือเปล่า ถ้าผมกลับมาที่นี่อีกจะได้เจอกันมั้ย”

     

                “...ถ้ามาแล้วหลงอีกครั้ง ฉันอาจจะไม่ได้เจอนายและนายก็อาจจะออกไปไมได้อีกเลย เพราะฉะนั้น...อย่ามาเลยจะดีกว่า”

     

                “ผมชานยอลนะ ปาร์คชานยอล! พี่ชายล่ะ ชื่อของพี่ชายคืออะไร” เขาตะโกนถามอีกคน ขณะที่เท้าเล็กๆก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ อีกฝ่ายนิ่งไปไม่ตอบคำถามเขา

     

    “พรุ่งนี้ผมจะกลับมาหาพี่อีกให้ได้ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ!

     

                และขณะที่เขาหมุนตัวกลับก็ได้ยินเสียงของพี่ชายคนนั้นพูดเสียงเบา

     

                “คริส”

     

                แต่พอหันกลับมาอีกครั้ง กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว....   

     


     

     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」
     

     

     

                “บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาเลยจะดีกว่า” เสียงทุ้มเอ่ยดุ แต่กลับเรียกรอยยิ้มกว้างจากเด็กชายที่ยืนอยู่ปลายต่ำสุดของขั้นบันไดได้เป็นอย่างดี แขนผอมๆที่ถือถุงไอติมโบกขึ้นไปมาเพราะความดีใจ

     

                “พี่รอผมอยู่เหรอ!

     

                ร่างสูงในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มยืนขึ้นเต็มตัวแล้วหมุนตัวหันหลังให้เด็กชาย “ตกลงจะไปมั้ย”

     

                “ไปสิไป! ดีใจที่สุดเลยยยยยยยย” เด็กชายวิ่งพุ่งตรงเข้าไปหาอีกคนหมายจะกอด แต่กลับรู้สึกถึงความว่างเปล่าเพียงชั่ววินาที ก่อนที่ใบหน้าขาวจะสัมผัสได้ถึงพื้นดินที่มีหญ้าปกคลุมอีกครั้ง ตาโตๆของเด็กชายตวัดไปมองพี่ชายในชุดกิโมโนที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความลืมตัว

     

                “บอกแล้วไม่ใช่เหรอ...”

     

                “ขะ..ขอโทษครับ!”  ชานยอลที่ลุกขึ้นยืนแล้วก้มโค้งต่ำขอโทษอีกคนทันที

     

                “ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”

     

                “ดะ..เดี๋ยวครับ” ชานยอลหยิบไอติมจากถุงที่นำมาแล้วยื่นให้อีกคนด้วยรอยยิ้ม “ผมเอามาเผื่อพี่โดยเฉพาะเลย”

     

                คริสยกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มก่อนจะรับไอติมจากมืออีกคนแล้วเอ่ย “ขอบคุณนะ”

     

                ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ หยุดพักบ้างเวลาเหนื่อย เจอธารน้ำก็นั่งพักนานหน่อย คุยเรื่องสัพเพเหระไปทั่ว ซึ่งมากกว่า 80% เป็นเรื่องที่ชานยอลสรรหามาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ริมฝีปากบางพูดไม่ได้หยุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายนึกรำคาญใจ คริสทำหน้าที่ผู้ฟังได้ดี คอยถามบ้างเวลาที่ไม่เข้าใจอะไร แต่นั่นก็ส่วนน้อยเพราะส่วนใหญ่ชานยอลจะพูดๆๆๆ จนเขาไม่มีโอกาสได้ถาม

     

                แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้ทำให้วันของเขาไม่เงียบเหงาเหมือนที่ผ่านๆมา

     

                สวบ...สวบ...

     

                “เอ๊ะ...”

     

                ชานยอลหันไปมองต้นหญ้าทางซ้ายมือที่ขยับไปมา ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นว่ามีตัวประหลาดยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ที่ห่างออกไปไม่ไกล ตาข้างเดียวของมันจ้องมาที่เขาเขม็ง ปากสีแดงสดราวกับเลือดเผยขึ้นเป็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียน

     

                “คริส”

     

                คนถูกเรียกหยุดเดินแล้วหันไปตามเสียงเรียก

     

                “นั่นมันมนุษย์ไม่ใช่เหรอ.. ให้ฉันกินได้หรือเปล่า”

     

                ชานยอลวิ่งไปหลบข้างหลังคนตัวสูงกว่าทันที คริสกางแขนบังเขาไว้ก่อนพูด “ไม่ได้หรอก”

     

                ปิศาจตัวนั้นยิ้มกว้างขึ้น ตาข้างเดียวของมันยังคงจ้องมาที่ชานยอลเขม็ง “นี่เจ้าลูกมนุษย์.. อย่าได้สัมผัสตัวของคริสเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะหั่นเจ้าให้เป็นชิ้นๆแล้วกินเจ้าซะ!

     

                พอพูดจบปิศาจตัวนั้นก็ค่อยๆจางหายไป เด็กชายเห็นคริสถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินนำเขาต่อ เห็นอย่างนั้นชานยอลเลยรีบวิ่งนำหน้า ใบหน้าขาวใสหันมายิ้มกว้างก่อนพูด

               

                “เจ๋งจังเลย! ผมได้เจอพวกวิญญาณด้วย!

     

                แล้วนายคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรล่ะเนี่ย...

     

                “ว่าแต่พี่ชายเป็นผีไม่มีตาเหรอ ทำไมต้องใช้ผ้าปิดตาด้วยล่ะ”

     

                “มันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่หรอก”

     

                คิ้วเรียวของชานยอลขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่หากประโยคต่อมาก็ทำให้ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง

     

                “เล่าเรื่องของนายต่อสิ”

     

                “อื้อ!

     

     

     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     

     

     

    ในวันถัดมา... และในวันถัดๆมา... ผมก็ยังไปที่ภูเขาแห่งนั้นอีกเรื่อยๆ

    วิ่งเล่นไปในภูเขาท่ามกลางอากาศในฤดูร้อน... กับผู้ชายในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มคนนั้น



     

     

                “นี่พี่ชายรู้มั้ย ผมน่ะถูกแม่ดุประจำเลยล่ะ!

                “คงเพราะนายดื้อล่ะสิ”

                “ไม่ใช่สักหน่อย! นี่พี่หัวเราะอะไรน่ะ ผมไม่ได้ดื้อนะ! หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยยยยย”


     

     

                “ไปตรงนั้นดีกว่านะ ตรงนี้มันร้อนเกินไป”

                “ไปสิ!

     


     

                “ไม่เบื่อหรือไงมาที่นี่ทุกวันน่ะ”

                “ไม่หรอก”

                “............”

                “ก็ที่นี่น่ะ.. มีพี่ชายอยู่ด้วยนี่นา!

     


     

                “โอ๊ะ! ดอกไม้” ชานยอลวิ่งไปหาทุ่งดอกไม้ที่กำลังออกดอกหลากสี มือเล็กเด็ดมาหลายดอกแล้วพยายามจัดให้เป็นช่อเดียวกัน “นี่พี่ชาย! อะ...อ้าว”

     

                แต่พอหันหลังกลับมาก็พบว่าคริสกำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ผ้าปิดตาสีขาวสะอาดปลิวไปมาเพราะลมที่พัดผ่าน เขาชะโงกหน้าอยู่เหนือหัวอีกคนเพราะไม่รู้ว่าอีกคนหลับอยู่หรือเปล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจเรียก

     

                “พี่ชาย...”

     

                “...........”

     

                “...หลับอยู่เหรอ”

     

                ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน ชานยอลเลื่อนสายตาไปมองผ้าปิดตาที่ปลิวไปมาอยู่ตรงหน้า อยากรู้... อยากรู้ว่าภายใต้ผ้าปิดตานี้มีอะไรอยู่... อยากมอง อยากจะสบตากับคนตรงหน้าสักครั้ง มือเรียวเอื้อมไปแตะผ้าปิดตาก่อนจะเลิกเปิดขึ้นช้าๆ

     

                ตึก..ตึก...

     

                หัวใจในอกเต้นถี่รัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ชานยอลเห็นเปลือกตาของอีกคนที่ปิดสนิท จมูกโด่งเป็นสันที่เข้ากันได้ดีกับริมฝีปากหยัก ถึงแม้จะเคยเห็นจมูกโด่งกับริมฝีปากนั่นมาตลอดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่เมื่อมากอปรกับดวงตานี้ก็ทำให้เขาอดตื่นเต้นไม่ได้

     

                แต่แล้วชานยอลก็เบิกตากว้างขึ้นเมื่อเปลือกตาของอีกคนที่ปิดสนิทกลับลืมขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาอ่อนที่ชวนหลงใหลของอีกคน เขารีบปล่อยมือออกจากผ้าปิดตาก่อนจะถอยหลังไปค้อมหัวต่ำ

     

                “ขะ...ขอโทษครับ!

     

                คริสพลิกตัวขึ้นมานั่งมองอีกคนที่คุกเข่าค้อมหัวต่ำให้เขา “แอบลักหลับคนอื่นนี่ไม่ดีเลยนะ”

     

                เมื่อได้ยินอีกคนพูดพลันแก้มสีขาวของชานยอลก็กลายเป็นสีแดงเข้ม ใบหน้าขาวเงยขึ้นมามองอีกคน “มะ... ไม่ใช่สักหน่อย... เอ๊ะ! ว่าแต่เมื่อกี้น่ะ แกล้งหลับสินะครับ”

     

                ริมฝีปากของคนโตกว่าฉีกกว้างเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่เสียงหัวเราะทุ้มๆจะถูกเปล่งออกมาเบาๆ

     

                “ฉันดูเหมือนมนุษย์ทั่วไปใช่ไหมล่ะ”

     

                “ทำไมต้องใส่ผ้าปิดตาด้วยล่ะ”

     

                “ถ้าไม่ใส่มันไว้ล่ะก็ ฉันจะดูไม่เหมือนพวกภูตผียังไงล่ะ”

     

                ชานยอลมองผ้าสีขาวนั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจ “ยังไงเหรอ...”

     

                “ถ้าฉันดูเหมือนมนุษย์เกินไป ถ้าเกิดวันนึงมีมนุษย์มาเจอฉันแล้วคิดว่าฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนพวกเขา พวกเขาก็คงจะเข้ามาสัมผัสฉันอย่างที่นายทำตอนแรก... แล้วฉันก็จะดับสูญ”

     

                “...............”

     

                “มันเป็นวิธีการเอาตัวรอดอย่างหนึ่งของฉัน”

     

     




     

                “นี่พี่ชาย...” เด็กชายเปิดปากพูดอีกครั้งขณะที่พวกเขากำลังเดินลงบันได “ต่อไปผมจะไม่ได้มาที่นี่แล้วนะ... ผมเคยบอกไว้แล้วใช่มั้ยว่าผมจะมาเที่ยวบ้านคุณปู่แค่ช่วงหน้าร้อนน่ะ พรุ่งนี้ผมจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”

     

                “............”

     

                เสียงก้าวเดินของรองเท้าไม้ที่อีกคนใส่เงียบไป เรียกให้ชานยอลเงยหน้าสูงขึ้นเพื่อมองอีกคนที่หันหน้ากลับมาพอดี

     

                “ปีหน้า.. ก็จะมาอีกใช่มั้ย”

     

                รอยยิ้มกว้างถูกส่งไปให้คริสอีกครั้ง ชานยอลพยักหน้าแรงๆ “อื้อ! แน่นอน!

     

     

     

    เพราะเหตุนี้เอง... ผมจึงเฝ้ารอคอยให้ฤดูร้อนมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ

     


     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     

     

     

     

    เมื่อฤดูร้อนมาถึง... คริสจะรอผมอยู่ตรงที่เดิมเสมอ

     

     

                “คริส” เสียงทุ้มลึกพร้อมกับกิ่งของต้นไม้ที่กลายร่างเป็นรูปร่างคล้ายมือคนปรากฏขึ้น ขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปในป่าอย่างที่ทำเป็นประจำ นิ้วทั้งห้าจับตัวคริสไว้ให้ยืนนิ่ง “เด็กผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์... มันอันตรายสำหรับนาย หากเจ้าโดนตัวเขาเจ้าจะดับสูญไป”

     

                “ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก”

     

                กิ่งไม้ประหลาดนั่นปล่อยคริสก่อนจะค่อยๆเลื่อนกลับเข้าไปในต้นไม้ใหญ่ พร้อมๆกับเสียงทุ้มลึกที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อย่าไปแตะตัวคริสด็ดขาดล่ะเจ้าเด็กน้อย”

     

                “ครับ...”

     

                ภูตพวกนั้น.. คงจะสัมผัสคริสได้สินะ....





     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     

     


     

                “ชานยอล... อยู่ไหนน่ะ” ชายร่างสูงในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มหันซ้ายหันขวามองหาคนตัวเล็กอีกคน เท้าก็ก้าวเดินไปมา คิ้วเข้มภายใต้ผ้าปิดตาสีขาวสะอาดขมวดเป็นปมเพราะหาอีกคนไม่เจอ

     

                “ชานยะ...”

     

                “แฮ่!

     

                เขาผงะไปเมื่อเห็นว่าชานยอลห้อยหัวลงมาจากกิ่งไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป “ทำอะไรของนายน่ะ”

     

                เด็กชายลุกขึ้นนั่งบนกิ่งไม้สูง ก่อนจะส่งยิ้มมาให้อีกคน “ผมก็แค่อยากเห็นหน้าพี่ชายตอนตกใจน่ะ แต่ว่าลืมไป....”

     

                เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนที่ชานยอลจะพูดต่อ

     

                “อย่างน้อย.. ตอนที่อยู่กับผม... ช่วยเอาผ้าปิดตาออกได้ไหม”

     

                “ก็... ดะ...”

     

                เปรี๊ยะ!

     

                กิ่งไม้ที่ชานยอลนั่งอยู่หักลงมากะทันหัน นัยน์ตาเตรียมจะปิดสนิทรับความเจ็บปวด แต่ก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามือของอีกคนยื่นเข้ามาเตรียมรับตัวเขาที่กำลังจะตกลงไป ปากเตรียมจะเอ่ยห้ามแต่ก็ช้าไปเมื่อ...

     

                ตุ้บ!

     

                “อะ...โอ้ยยยยยยยยยยยยย”

     

                 “เกือบไปแล้ว..” คริสพูดกับตัวเองเบาๆ เก็บมือทั้งสองที่ยื่นไปในอากาศเพื่อจะรับอีกคน อีกแค่ไม่เกินหนึ่งไม้บรรทัดเขาก็จะสัมผัสตัวอีกคน...

     

                ดีที่ยังว่ายั้งมือไว้ทันสินะ....

     

                 “ว่าแต่นายเป็นอะไรมากมั้ย”

     

                ชานยอลค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืน ใบหน้าหวานก้มต่ำมองพื้นขณะพูด “พี่ชาย... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น... ก็ห้ามมาถูกตัวผมเด็ดขาดเลยนะ”

     

                คนในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มมองเด็กชายที่ค่อยๆเงยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมาสบตากับเขา มือเล็กๆนั่นพยายามจะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเอง แต่เหมือนยิ่งปาดเท่าไรน้ำใสๆนั่นก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นทุกที

     

                “..ห้ามเด็ดขาดเลยนะ ฮึก..”

     

     

     

     

    「蛍火の杜へ-krischanyeol」





     

    ฤดูร้อนถัดมา...และในฤดูร้อนถัดๆมา... ผมก็ยังคงไปที่นั่นอย่างสม่ำเสมอ

    ผมเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง...

     

    ในขณะที่ร่างกายผมโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ร่างกายของผู้ชายในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มคนนี้กลับไม่แตกต่างจากที่เจอในครั้งแรกมากนัก

    ดูเหมือนว่า... อายุของเราเริ่มใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆแล้วสินะ...

     

     

     

                “ผ้าพันคอเหรอ”

     

                “อื้อ! ปู่บอกว่าที่นี่น่ะหน้าหนาวจะหนาวมากๆเลยไม่ใช่เหรอ อย่าลืมใช้มันด้วยนะ!

     

                “อื้ม”

     

                “งั้นผมไปล่ะ! ปีหน้าเจอกันนะ”

     

     


     

    「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     

     


     

               “ชานยอล”

     

                “..........”

     

                “ปาร์ค-ชาน-ยอล”

     

                ร่างสูงโปร่งของคนถูกเรียกสะดุ้ง เมื่อหันไปข้างๆก็เจอกับใบหน้าคุ้นเคยของคิมจงอิน เพื่อนร่วมห้องและเพื่อนที่สนิทของเขา จงอินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะบุ้ยปากไปที่ทางเดินที่เขากำลังเดินอยู่

     

                “ตรงนั้นมันเป็นน้ำแข็งแล้วนะ เดินไปเดี๋ยวก็ลื่นหรอก มานี่มา”

     

                ชานยอลมองใต้เท้าของตัวเองที่มีน้ำแข็งปกคลุมแล้วมองมือของจงอินที่ยื่นออกมาเพื่อให้เขาจับ เขาส่งมือไปให้เพื่อนอีกคนก่อนที่จงอินจะดึงตัวเขาไปเดินใกล้ๆแล้วเดินนำต่อไป

     

                “ช่วงนี้นายน่ะดูเหม่อๆแปลกๆนะ... ถึงปกติจะเหม่ออยู่แล้วก็เถอะ”

     

                หูของชานยอลไม่ได้ฟังจงอินอีกต่อไป เขาเลื่อนสายตามามองมือของตัวเองที่ถูกจงอินจับไว้แน่น

     


     

              ถ้าเกิดว่า...พี่คริสสามารถจับมือเขาไว้อย่างนี้ได้...

     ...ก็คงจะดีสินะ

     

     


     

     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     






     

                 “ตอนนี้ก็... อยู่ม.ปลายแล้วสินะ”

     

                “อื้อ! อีกสามปี พอผมเรียนจบ ผมกะว่าจะมาหางานทำที่นี่ล่ะ... เราจะได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นไง...” ชานยอลหันไปยิ้มให้อีกคนที่หันหน้ามามองเขาอยู่แล้ว

     

                “.................”

     

                “ทั้งฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ... ตลอดเวลา...”

     

               

                “ชานยอล...”

     

                “หือ”

     

                “จะบอกอะไรไว้อย่างนึงนะ... ฉันน่ะ.. ไม่ใช่ภูตผีหรอก แต่ถึงอย่างนั้น...” ริมฝีปากหยักของชายในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ “ฉันก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วเช่นกัน”

     

                “เอ๋?”

     

                “...เหมือนว่าฉันเคยเป็นมนุษย์มาก่อนแต่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่านี้ พวกภูตผีบอกว่าฉันร้องไห้ไม่ยอมหยุด ความจริงตอนนั้นฉันน่าจะตายไปแล้ว แต่ท่านเทพแห่งขุนเขาก็ร่ายมนตร์ให้ฉันมีชีวิตต่อไปให้.. และเพราะรับมนตร์นั้นมา ฉันก็เลยไปสู่สุขคติไม่ได้ตลอดไป... เป็นเหมือนกับภูตผีนั่นแหละ”

     

                “............”

     

                “นายน่ะ...จะลืมฉันไปก็ได้นะ ร่างกายที่อยู่ได้เพราะเวทมนตร์คาถาน่ะช่างอ่อนแอ... หากไปสัมผัสมนุษย์จริงๆเข้า มนต์จะคลายและร่างกายจะดับสูญ... แล้ว...”

     

                “เหมือนหิมะเลยสินะ” ชานยอลพูดแทรก ใบหน้าหวานเหม่อมองไปไกล “ผมน่ะ... ไม่ว่าจะเวลาไหนก็มักจะคิดถึงพี่ชายเสมอ.. เพราะฉะนั้น.. ผมคงลืมพี่ไม่ได้หรอก”

     

                “...........”

     

                “พี่ก็เหมือนกัน.. อย่าลืมผมเลยนะ... ถึงแม้ผมรู้ดีว่าสักวันเราคงต้องจากกัน...”

     

                “...........”

     

                “แต่ตอนนี้เราก็ยังอยู่ด้วยกันนี่... เรามา.... อยู่ด้วยกันจนกว่าจะถึงเวลานั้นเถอะนะ”

     



     

     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」





     

     

                “เอ๋.. งานเทศกาลของภูตเหรอ”

     

                “เป็นงานที่จัดเลียนแบบเทศกาลของมนุษย์นั่นแหละ ตอนเด็กๆฉันคิดว่านายกลัวเลยไม่ได้ชวนไปน่ะ คืนนี้แอบย่องออกมาจากบ้านได้หรือเปล่า.. ฉันอยากไปงานเทศกาลกับนายมานานแล้ว”

     

                “ย..อยากไปครับ!

     

                “งั้นคืนนี้มาเจอกันที่บันไดตอนสองทุ่มแล้วกัน”

     

                “แต่ว่าขึ้นชื่อว่างานเทศกาลภูตนี่ก็แอบน่ากลัวหน่อยๆแฮะ”

     

              “ไม่เป็นไรหรอก... นายน่ะ... ฉันจะปกป้องเอง”

     

                ชานยอลหันไปมองคนพูดที่นั่งมองเบ็ดตกปลาของตัวเองอยู่อย่างนั้น แล้วค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา “ได้ยินพี่ชายพูดอย่างนี้ ผมอยากจะกอดพี่ขึ้นมาเลย”

     

                “ก็กอดสิ....”

     

                “...........”

     

                “ฉันพูดจริงๆนะ”

     

     

     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」





     

     

                เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะดังไปทั่วงานเทศกาล บางคนก็สวมผ้าปิดตาเหมือนคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา บางคนก็ใส่หน้ากากแปลกตา แล้วก็มีบางคนที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย ดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปเช่นเขา ทุกคนล้วนสวมชุดกิโมโนหลากสี มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่

     

                ชานยอลอยู่ในชุดกิโมโนที่ออกจะหลวมไปสักนิดเพราะไปค้นจากตู้เสื้อผ้าเก่าของปู่มา ส่วนคนข้างๆเขาก็อยู่ในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มเช่นเคย

     

                “เอ๊ะนั่น!” ชานยอลชี้ไปที่ร้านร้านหนึ่งที่ขายตุ๊กตามากมาย ไม่รอช้า ขาก็ออกก้าวเดินไปทางนั้นทันที ทำเอาคนที่มาด้วยได้แต่ส่ายหัวเบาๆกับความเป็นเด็กของอีกคนก่อนจะเดินตามไป

     

                “พี่ชายดูสิ!” เมื่อมาถึงชานยอลก็ชี้ไปที่ตุ๊กตาตัวนึง “ผมอยากได้อะ..

     

                ซึ่งในความรู้สึกของคริสแล้ว.. เจ้าตุ๊กตานั่นช่างเหมือนคนที่ชี้มันอยู่จริงๆ

                อยากจะขำแต่ก็ต้องพยายามกลั้นไว้เพราะรู้ว่าถ้าเขาหลุดขำออกไปล่ะก็คงไม่วายได้สายตาค้อนขวับจากคนตรงหน้ามาแทน

     

                “อยากได้ก็ซื้อสิ”

     

                “บู่ว ผมมีเงินซะที่ไหนเล่า ผมเป็นแค่เด็กม.ปลายเองนะ” ชานยอลก้มหน้าและห่อไหล่ลงอย่างหมดหวัง

     

                “นายไม่มีแต่พี่มีนี่ เอาตุ๊กตาตัวนั้นครับ” ท้ายประโยคเขาหันไปพูดกับพ่อค้าที่เขาเองก็ดูไม่ค่อยจะออกสักเท่าไหร่ว่าเป็นมนุษย์หรือภูต พอได้ตุ๊กตาตัวนั้นมาเขาก็ส่งให้คนที่ทำตาประกายข้างๆ ก่อนจะยื่นเงินให้พ่อค้าแล้วเดินออกมา

     

                “พี่ชาย! พี่ชายใจดีที่สุดเลย!

     

                คริสทำเพียงแค่ยิ้มให้กับคำชมนั้น

     

                พวกเขาเดินมาเรื่อยๆ ชานยอลก็ยังคงถามนั่นถามนี่ไม่หยุด

     

                “ว่าแต่... พวกภูตแปลงกายเป็นมนุษย์กันหมดเลยใช่มั้ยฮะเนี่ย”

     

                “ใช่.. แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะเป็นภูต บางทีก็มีพวกมนุษย์แฝงตัวเข้ามาเหมือนกัน พวกเราแยกไม่ออกหรอก”

     

                “อ่า...”

     

                “ชานยอล” คริสเรียกอีกคนที่เดินนำไปข้างหน้า ทำให้ชานยอลเดินกลับเข้ามาใกล้ คริสหยิบผ้าผืนยาวออกมาจากกิโมโนของตัวเอง แล้วพูด “ผูกผ้านี่ไว้ที่ข้อมือเถอะ เดี๋ยวจะหลง”

     

                “ครับ!

     

                หลังจากผูกผ้าเสร็จชานยอลก็หันมายิ้มกว้าง “เหมือนกับมาเดทกันเลยเนอะ!

     

                “....ก็...เรามาเดทกันไม่ใช่เหรอ”

     

                รอยยิ้มของชานยอลชะงักค้างก่อนที่แก้มจะขึ้นสีระเรื่อ แล้วรีบก้มหน้าลงซ่อนความเขิน “อะ...อื้อ”

     

                “ไปกันเถอะ..”

     

     

     

                เสียงหัวเราะของเด็กอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบดังขึ้นตลอดระยะทางที่พวกเขาเดินผ่าน ชานยอลหันซ้ายหันขวาพลางยิ้มกว้างตลอดเวลา

     

                “พี่ดูสิ! เด็กคนนั้นมีหางด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ”

     

                ชานยอลชี้ไปที่เด็กคนนึงที่กำลังเล่นชิงช้าสวรรค์อยู่ไม่ไกล เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวสูงกว่าได้ไม่น้อย

     

     

     

                “ก็เด็กคนนั้นเป็นภูตยังไงล่ะ”

     



     

                    「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     






                “สนุกที่สุดเลย! ทุกคนน่ะดูเหมือนมนุษย์ปกติมากๆเลย รู้อย่างนี้พี่น่าจะชวนผมมาตั้งนานแล้วนะ!

     

                “ก็มีทุกๆหน้าร้อนนั่นแหละ..”

     

                “อ่า... สนุกมากๆเลย อยากให้หน้าร้อนต่อไปมาถึงเร็วๆจัง”

     

                “ชานยอล...” คนตัวสูงกว่าหยุดเดิน ทำให้ชานยอลชะงักเท้า ผ้าที่ผูกมือของทั้งสองคนยังไม่ได้ถูกแก้ออก คริสก้มลงมองผ้าอันนั้นก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไป “สำหรับฉันน่ะ... ตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต่อให้ต้องเจอใครมากมาย แต่ในใจฉันก็ยังอยากจะเจอนาย...”

     

                “.............”

     

                เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ ก่อนที่คริสจะหยิบหน้ากากที่เป็นหน้าแมวออกมาจากกิโมโนแล้วทาบไปที่ใบหน้าของอีกคนที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

     

                ชานยอลกำลังจะขยับปากพูดแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อรู้สึกได้ถึงใบหน้าของอีกคนที่เข้ามาใกล้ คริสทาบริมฝีปากบนลงหน้าผากของหน้ากากแมว ถึงแม้จะแผ่วเบา... แต่เขาก็รู้สึกได้

     

                ชานยอลหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นเข้ามาในใจทีละนิด

     

                รัก....

     

                คนตัวสูงกว่าค่อยๆละออกมาจากอีกคน มือหนาแก้ผ้าที่ปิดตาของตัวเองออกช้าๆ เผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาที่มองมาทางเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนเคย

     

                “แบมือสิ”

     

                ชานยอลค่อยๆแบมือออก เมื่อก้มลงมองก็เห็นว่าอีกคนค่อยๆหย่อนผ้าปิดตาของตัวเองลงมาบนมือเขา

     

                “เก็บเอาไว้”

               

               

     

    ฤดูร้อนปีหน้า... พี่ชายคงจะไม่รอเขาอยู่ที่บันไดนั่นอีกแล้วสินะ

    นี่จะต้องเป็น... ครั้งสุดท้ายแน่ๆ

     

     

     

                คริสเดินนำออกไปทำให้ชานยอลที่ยืนมองผ้าปิดตาในมือนิ่งต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้ ชานยอลถอดหน้ากากแมวไว้ในเสื้อ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวลงมาช้าๆ

     

                เขาไม่เคยรู้... ไม่เคยรู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่

                แม้กระทั่งในเวลานี้.. เขาก็ไม่รู้จริงๆ

     

                “นี่! รอด้วยสิ!

     

                ชานยอลหันไปมองเด็กสองคนที่วิ่งไล่กันมาข้างหลังพวกเขา

     

                “ก็วิ่งตามมาให้ทันสิ! แบร่!” เด็กที่อายุมากกว่าวิ่งนำหน้าไป ขณะที่เด็กอีกคนก็พยายามวิ่งให้ทันเต็มที่

     

                “อ๊ะ!

               

                แต่ขาเล็กๆนั่นกลับสะดุดก้อนหิน... และกำลังจะล้มลง

     

                “อันตราย!” มือของคริสเอื้อมไปจับแขนของเด็กอีกคนนั่นทันก่อนที่จะล้มลงไป เขารีบเข้าไปดูเด็กคนนั้นด้วยความเป็นห่วง

     

                “ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

     

                “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณพี่ชายมากๆเลย!

     

                “ระวังตัวด้วยนะ” ชานยอลยืนโบกมือให้เด็กสองคนนั้นที่ค่อยๆวิ่งหายไป

     

                พอหันกลับมาก็เจอกับแสงสีฟ้าที่ออกมาจากมือของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเลื่อนสายตาตื่นตระหนกมามองที่นิ้วมือของอีกคนที่ค่อยๆเลือนหายไป รอบๆพวกเขาเหมือนมีหิ่งห้อยสีฟ้าอยู่เต็มไปหมด

     

                “พี่ชาย!

     

                คริสมองไปยังมือของตัวเองนิ่ง

     

                “หรือว่า... เด็กคนนั้นเป็นมนุษย์เหรอ!

     

                ชานยอลยืนมองอีกคนด้วยแววตาตื่นตระหนก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใบ้ไปชั่วคราว น้ำใสๆมาคลอที่หน่วยตาก่อนจะไหลลงแก้มอย่างห้ามไม่อยู่

     

                คริสละสายตาจากมือตัวเองมามองคนตัวเล็กกว่า ริมฝีปากหยักเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่จะอ้าแขนทั้งสองข้างออก

     

                “มาสิชานยอล...”

     

                “.............”

     

                “...ในที่สุดฉันก็สัมผัสนายได้แล้วนะ”

     

                คนถูกเรียกมองแขนทั้งสองข้างที่ค่อยๆจางหายไปของอีกฝ่ายนิ่งงัน ก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดอีกคนแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลลงบนกิโมโนสีน้ำเงินเข้มของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางก็พร่ำเรียกชื่ออีกคนไม่หยุด

     

                “พี่คริส... พี่คริส...”

     

                “............”

     

                “ฮึก... อย่าไป... อย่าจากผมไป....”

     

                จนกระทั่งอีกคนค่อยๆเลือนหายไป ร่างบางทรุดลงกับพื้น มือกอดกิโมโนสีน้ำเงินแน่นพร้อมๆกับเสียงสะอื้นที่ยังดังไม่หยุด


     



     

    “พี่น่ะ...รักนายนะ”

    “อื้อ... ผมก็เหมือนกัน”




     

     

     「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     






                ชานยอล...ขอบคุณนะ

     

                ถึงพวกเราอยากจะอยู่กับคริสตลอดไปก็เถอะ..

     

                คริสน่ะ..อยากจะสัมผัสมนุษย์มาตลอด

     

                ‘…ในที่สุดก็ได้อยู่ในอ้อมกอดของมนุษย์สักทีสินะ

     




     

      「蛍火の杜へ-krischanyeol」

     


     

    จากนี้ไป...

    ผมคงไม่สามารถรอคอยให้ถึงฤดูร้อนถัดไปได้อีกแล้ว

     

     

     

    「蛍火の杜へ-krischanyeol」 

     



     

                “อ้าว ชานยอลมาถึงแล้วเหรอ!

     

                เขาละสายตาจากป่าเบื้องหน้าไปมองปู่ที่เดินมาข้างหลังพร้อมถือแตงโมมาด้วย พลันเขาก็ยิ้มกว้างแล้วเข้าไปช่วยปู่ถือแตงโมมานั่งตรงระเบียง

     

                “อื้อ! ปู่น่ะหยุดทำงานที่สวนซะบ้างเถอะ พักๆบ้างนะ”

     

                เขาพูดพร้อมๆกับหยิบแตงโมขึ้นมากัด

     

                “ถ้าปู่พักชานยอลก็จะไม่ได้กินแตงโมน่ะสิ กลัวก็ว่าแต่เด็กแถวนี้จะดิ้นตายเพราะไม่มีแตงโมฟรีให้กิน” คนอายุมากกว่าหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นว่าหลานชายของตัวเองยื่นปากอย่างไม่พอใจ

     

                “ปีนี้อากาศดีแตงโมก็เลยอร่อยไปด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปหน้าหนาวคงหนาวน่าดูเลย”

     

                “...........”

     

                “แถวนี้น่ะ มันอยู่ระหว่างภูเขาแถมห่างไกลจากทะเลหน้าร้อนกับหน้าหนาวอากาศเลยต่างกันลิบลับเลยล่ะ อากาศหนาวที่พัดเข้ามาหลังฤดูร้อนมากๆน่ะ จะร้อนมากกว่าปกติหลายเท่าตัวเลยนะ”

     

                “งั้นเหรอครับ...”

     

     

     

    ถ้าพี่ชายยังอยู่...

    ก็คงจะรับรู้ได้ถึงความหนาวนั้นสินะ

     

     

     

     




    「蛍火の杜へ-krischanyeol」

    -end-

              

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×