คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ◆ kris / chanyeol : 蛍火の杜へ (hotarubi no mori e)
蛍火の杜へ
krisyeol_kris x chanyeol
He was only a young boy when he first met him
The boy who can not be touched by a human.
Otherwise he will
D I S A P P E A R
「蛍火の杜へ-krischanyeol」
ภายในบ้านขนาดกลางมีเสียงวิ่งตึงตังของเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่วิ่งไปมาเพื่อหยิบของต่างๆลงกระเป๋าเป้ใบโตโดยมีผู้หญิงสวมชุดผ้ากันเปื้อนมองดูภาพเหล่านี้ด้วยแววตากังวล อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเตือนลูกชายของเธอเอง
“ชานยอลเอาของใส่กระเป๋าไปครบหรือยัง ตั๋วรถไฟน่ะห้ามลืมเด็ดขาดเลยนะ แล้วก็ห้ามหลับบนรถไฟจนเลยสถานี อ้อ...แล้วก็อย่าดื้อกับคุณปู่ด้วยล่ะรู้มั้ย”
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อหันมายิ้มกว้างให้แม่ตัวเอง “ผมไปที่นั่นทุกปี ไม่ลืมหรอกน่า”
ก่อนที่ร่างสูงๆจะวิ่งหายลับไปจากสายตาของผู้เป็นแม่ที่ได้แต่ส่ายหัวกับนิสัยเดิมๆของลูกชายตัวเอง
ตอนที่ได้พบกับเขาครั้งแรก... ผมอายุเพียง 8 ขวบ
เขาหลงทางในวันที่อากาศร้อนที่สุดในรอบปี ณ ภูเขาใกล้บ้านของคุณปู่ที่ว่ากันว่าเป็นที่อยู่ของเหล่าภูตผี มีตำนานเกี่ยวกับวิญญาณเล่าขานกันปากต่อปากมากมายนับไม่ถ้วน ด้วยความที่เด็กมากและไม่รู้เส้นทาง เขาเริ่มสับสนและหวาดกลัว
สุดท้ายก็ทรุดตัวลงแล้วนั่งร้องไห้อยู่กลางป่านั้น
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงเรียกห่างออกไปไม่ไกล
“นี่ นาย...”
พอเงยหน้าขึ้นมาเขาก็เจอกับผู้ชายร่างสูงที่ตาทั้งสองข้างถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีขาวสะอาด ผมซอยสั้นสีทองประกายเขียวหม่น สวมชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มเข้ากัน ดูอายุแล้วไม่น่าจะเกิน 20ปี
“...ร้องไห้ทำไมน่ะ” ชายแปลกหน้าคนนั้นถามเขาอีกครั้ง
“มะ...” เขาเบิกตากว้าง “มีคนอยู่ที่นี่ด้วย!”
เขาพุ่งเข้าใส่อีกคนทั้งตัว แต่กลับคว้าได้แค่เพียงอากาศและพอรู้สึกตัวอีกที เขาก็นอนคว่ำอยู่บนหญ้าโดยมีผู้ชายสวมชุดกิโมโนและผ้าปิดตาคนนั้นยืนมองอยู่ข้างๆ
“ขอโทษนะ.. ว่าแต่นายน่ะเป็นมนุษย์สินะ”
ชานยอลยอมรับไม่เข้าใจคำพูดของผู้ชายตรงหน้าเท่าไรนักจึงทำได้เพียงมองอีกคนด้วยแววตาไม่เข้าใจ
“ถ้ามนุษย์สัมผัสโดนตัวฉัน ฉันจะดับสูญ”
“มนุษย์? พี่ชายไม่ใช่คนแบบผมเหรอ?” ผู้ชายแปลกหน้าชะงักไป ชานยอลไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าปิดตาสีขาวนั้นอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรอยู่ นัยน์ตาใสซื่อของเด็กชายมองอีกคนด้วยแววตาสงสัยเต็มเปี่ยม
“ฉัน... เป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ในป่านี้”
“เอ๋?...” เขาเอียงคอ “งั้นพี่ชายก็เป็นภูตน่ะสิ.. ว่าแต่ ‘ดับสูญ’ หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“ดับสูญ.. ก็หมายถึง ‘หายไป’ ยังไงล่ะ... หายไปจากโลกนี้ แตกสลายกลายเป็นเพียงฝุ่นละออง เหมือนที่พวกมนุษย์เรียกว่า ‘ตาย’”
คำว่า ‘ตาย’ ทำให้ชานยอลเข้าใจมากขึ้น แต่ก่อนที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ กิ่งไม้เล็กๆก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“จับไว้สิ หลงทางอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันจะพาออกไปจากป่านี้เอง”
「蛍火の杜へ-krischanyeol」
“เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอทางออก”
ชานยอลหันมองไปตามทางที่อีกคนชี้กิ่งไม้ไป ก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้าที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นสูงสุด ในขณะที่เขายืนอยู่ชั้นล่างสุดอีกครั้ง
“พี่ชายจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือเปล่า ถ้าผมกลับมาที่นี่อีกจะได้เจอกันมั้ย”
“...ถ้ามาแล้วหลงอีกครั้ง ฉันอาจจะไม่ได้เจอนายและนายก็อาจจะออกไปไมได้อีกเลย เพราะฉะนั้น...อย่ามาเลยจะดีกว่า”
“ผมชานยอลนะ ปาร์คชานยอล! พี่ชายล่ะ ชื่อของพี่ชายคืออะไร” เขาตะโกนถามอีกคน ขณะที่เท้าเล็กๆก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ อีกฝ่ายนิ่งไปไม่ตอบคำถามเขา
“พรุ่งนี้ผมจะกลับมาหาพี่อีกให้ได้ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ!”
และขณะที่เขาหมุนตัวกลับก็ได้ยินเสียงของพี่ชายคนนั้นพูดเสียงเบา
“คริส”
แต่พอหันกลับมาอีกครั้ง กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว....
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาเลยจะดีกว่า” เสียงทุ้มเอ่ยดุ แต่กลับเรียกรอยยิ้มกว้างจากเด็กชายที่ยืนอยู่ปลายต่ำสุดของขั้นบันไดได้เป็นอย่างดี แขนผอมๆที่ถือถุงไอติมโบกขึ้นไปมาเพราะความดีใจ
“พี่รอผมอยู่เหรอ!”
ร่างสูงในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มยืนขึ้นเต็มตัวแล้วหมุนตัวหันหลังให้เด็กชาย “ตกลงจะไปมั้ย”
“ไปสิไป! ดีใจที่สุดเลยยยยยยยย” เด็กชายวิ่งพุ่งตรงเข้าไปหาอีกคนหมายจะกอด แต่กลับรู้สึกถึงความว่างเปล่าเพียงชั่ววินาที ก่อนที่ใบหน้าขาวจะสัมผัสได้ถึงพื้นดินที่มีหญ้าปกคลุมอีกครั้ง ตาโตๆของเด็กชายตวัดไปมองพี่ชายในชุดกิโมโนที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความลืมตัว
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอ...”
“ขะ..ขอโทษครับ!” ชานยอลที่ลุกขึ้นยืนแล้วก้มโค้งต่ำขอโทษอีกคนทันที
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”
“ดะ..เดี๋ยวครับ” ชานยอลหยิบไอติมจากถุงที่นำมาแล้วยื่นให้อีกคนด้วยรอยยิ้ม “ผมเอามาเผื่อพี่โดยเฉพาะเลย”
คริสยกริมฝีปากเป็นรอยยิ้มก่อนจะรับไอติมจากมืออีกคนแล้วเอ่ย “ขอบคุณนะ”
ทั้งคู่เดินไปเรื่อยๆ หยุดพักบ้างเวลาเหนื่อย เจอธารน้ำก็นั่งพักนานหน่อย คุยเรื่องสัพเพเหระไปทั่ว ซึ่งมากกว่า 80% เป็นเรื่องที่ชานยอลสรรหามาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ริมฝีปากบางพูดไม่ได้หยุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายนึกรำคาญใจ คริสทำหน้าที่ผู้ฟังได้ดี คอยถามบ้างเวลาที่ไม่เข้าใจอะไร แต่นั่นก็ส่วนน้อยเพราะส่วนใหญ่ชานยอลจะพูดๆๆๆ จนเขาไม่มีโอกาสได้ถาม
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้ทำให้วันของเขาไม่เงียบเหงาเหมือนที่ผ่านๆมา
สวบ...สวบ...
“เอ๊ะ...”
ชานยอลหันไปมองต้นหญ้าทางซ้ายมือที่ขยับไปมา ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นว่ามีตัวประหลาดยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ที่ห่างออกไปไม่ไกล ตาข้างเดียวของมันจ้องมาที่เขาเขม็ง ปากสีแดงสดราวกับเลือดเผยขึ้นเป็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียน
“คริส”
คนถูกเรียกหยุดเดินแล้วหันไปตามเสียงเรียก
“นั่นมันมนุษย์ไม่ใช่เหรอ.. ให้ฉันกินได้หรือเปล่า”
ชานยอลวิ่งไปหลบข้างหลังคนตัวสูงกว่าทันที คริสกางแขนบังเขาไว้ก่อนพูด “ไม่ได้หรอก”
ปิศาจตัวนั้นยิ้มกว้างขึ้น ตาข้างเดียวของมันยังคงจ้องมาที่ชานยอลเขม็ง “นี่เจ้าลูกมนุษย์.. อย่าได้สัมผัสตัวของคริสเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะหั่นเจ้าให้เป็นชิ้นๆแล้วกินเจ้าซะ!”
พอพูดจบปิศาจตัวนั้นก็ค่อยๆจางหายไป เด็กชายเห็นคริสถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินนำเขาต่อ เห็นอย่างนั้นชานยอลเลยรีบวิ่งนำหน้า ใบหน้าขาวใสหันมายิ้มกว้างก่อนพูด
“เจ๋งจังเลย! ผมได้เจอพวกวิญญาณด้วย!”
…แล้วนายคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรล่ะเนี่ย...
“ว่าแต่พี่ชายเป็นผีไม่มีตาเหรอ ทำไมต้องใช้ผ้าปิดตาด้วยล่ะ”
“มันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่หรอก”
คิ้วเรียวของชานยอลขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่หากประโยคต่อมาก็ทำให้ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง
“เล่าเรื่องของนายต่อสิ”
“อื้อ!”
ในวันถัดมา... และในวันถัดๆมา... ผมก็ยังไปที่ภูเขาแห่งนั้นอีกเรื่อยๆ
วิ่งเล่นไปในภูเขาท่ามกลางอากาศในฤดูร้อน... กับผู้ชายในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มคนนั้น
“นี่พี่ชายรู้มั้ย ผมน่ะถูกแม่ดุประจำเลยล่ะ!”
“คงเพราะนายดื้อล่ะสิ”
“ไม่ใช่สักหน่อย! นี่พี่หัวเราะอะไรน่ะ ผมไม่ได้ดื้อนะ! หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยยยยย”
“ไปตรงนั้นดีกว่านะ ตรงนี้มันร้อนเกินไป”
“ไปสิ!”
“ไม่เบื่อหรือไงมาที่นี่ทุกวันน่ะ”
“ไม่หรอก”
“............”
“ก็ที่นี่น่ะ.. มีพี่ชายอยู่ด้วยนี่นา!”
“โอ๊ะ! ดอกไม้” ชานยอลวิ่งไปหาทุ่งดอกไม้ที่กำลังออกดอกหลากสี มือเล็กเด็ดมาหลายดอกแล้วพยายามจัดให้เป็นช่อเดียวกัน “นี่พี่ชาย! อะ...อ้าว”
แต่พอหันหลังกลับมาก็พบว่าคริสกำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ผ้าปิดตาสีขาวสะอาดปลิวไปมาเพราะลมที่พัดผ่าน เขาชะโงกหน้าอยู่เหนือหัวอีกคนเพราะไม่รู้ว่าอีกคนหลับอยู่หรือเปล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจเรียก
“พี่ชาย...”
“...........”
“...หลับอยู่เหรอ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน ชานยอลเลื่อนสายตาไปมองผ้าปิดตาที่ปลิวไปมาอยู่ตรงหน้า อยากรู้... อยากรู้ว่าภายใต้ผ้าปิดตานี้มีอะไรอยู่... อยากมอง อยากจะสบตากับคนตรงหน้าสักครั้ง มือเรียวเอื้อมไปแตะผ้าปิดตาก่อนจะเลิกเปิดขึ้นช้าๆ
ตึก..ตึก...
หัวใจในอกเต้นถี่รัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ชานยอลเห็นเปลือกตาของอีกคนที่ปิดสนิท จมูกโด่งเป็นสันที่เข้ากันได้ดีกับริมฝีปากหยัก ถึงแม้จะเคยเห็นจมูกโด่งกับริมฝีปากนั่นมาตลอดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่เมื่อมากอปรกับดวงตานี้ก็ทำให้เขาอดตื่นเต้นไม่ได้
แต่แล้วชานยอลก็เบิกตากว้างขึ้นเมื่อเปลือกตาของอีกคนที่ปิดสนิทกลับลืมขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาอ่อนที่ชวนหลงใหลของอีกคน เขารีบปล่อยมือออกจากผ้าปิดตาก่อนจะถอยหลังไปค้อมหัวต่ำ
“ขะ...ขอโทษครับ!”
คริสพลิกตัวขึ้นมานั่งมองอีกคนที่คุกเข่าค้อมหัวต่ำให้เขา “แอบลักหลับคนอื่นนี่ไม่ดีเลยนะ”
เมื่อได้ยินอีกคนพูดพลันแก้มสีขาวของชานยอลก็กลายเป็นสีแดงเข้ม ใบหน้าขาวเงยขึ้นมามองอีกคน “มะ... ไม่ใช่สักหน่อย... เอ๊ะ! ว่าแต่เมื่อกี้น่ะ แกล้งหลับสินะครับ”
ริมฝีปากของคนโตกว่าฉีกกว้างเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่เสียงหัวเราะทุ้มๆจะถูกเปล่งออกมาเบาๆ
“ฉันดูเหมือนมนุษย์ทั่วไปใช่ไหมล่ะ”
“ทำไมต้องใส่ผ้าปิดตาด้วยล่ะ”
“ถ้าไม่ใส่มันไว้ล่ะก็ ฉันจะดูไม่เหมือนพวกภูตผียังไงล่ะ”
ชานยอลมองผ้าสีขาวนั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจ “ยังไงเหรอ...”
“ถ้าฉันดูเหมือนมนุษย์เกินไป ถ้าเกิดวันนึงมีมนุษย์มาเจอฉันแล้วคิดว่าฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนพวกเขา พวกเขาก็คงจะเข้ามาสัมผัสฉันอย่างที่นายทำตอนแรก... แล้วฉันก็จะดับสูญ”
“...............”
“มันเป็นวิธีการเอาตัวรอดอย่างหนึ่งของฉัน”
“นี่พี่ชาย...” เด็กชายเปิดปากพูดอีกครั้งขณะที่พวกเขากำลังเดินลงบันได “ต่อไปผมจะไม่ได้มาที่นี่แล้วนะ... ผมเคยบอกไว้แล้วใช่มั้ยว่าผมจะมาเที่ยวบ้านคุณปู่แค่ช่วงหน้าร้อนน่ะ พรุ่งนี้ผมจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”
“............”
เสียงก้าวเดินของรองเท้าไม้ที่อีกคนใส่เงียบไป เรียกให้ชานยอลเงยหน้าสูงขึ้นเพื่อมองอีกคนที่หันหน้ากลับมาพอดี
“ปีหน้า.. ก็จะมาอีกใช่มั้ย”
รอยยิ้มกว้างถูกส่งไปให้คริสอีกครั้ง ชานยอลพยักหน้าแรงๆ “อื้อ! แน่นอน!”
เพราะเหตุนี้เอง... ผมจึงเฝ้ารอคอยให้ฤดูร้อนมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อฤดูร้อนมาถึง... คริสจะรอผมอยู่ตรงที่เดิมเสมอ
“คริส” เสียงทุ้มลึกพร้อมกับกิ่งของต้นไม้ที่กลายร่างเป็นรูปร่างคล้ายมือคนปรากฏขึ้น ขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปในป่าอย่างที่ทำเป็นประจำ นิ้วทั้งห้าจับตัวคริสไว้ให้ยืนนิ่ง “เด็กผู้ชายคนนี้เป็นมนุษย์... มันอันตรายสำหรับนาย หากเจ้าโดนตัวเขาเจ้าจะดับสูญไป”
“ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก”
กิ่งไม้ประหลาดนั่นปล่อยคริสก่อนจะค่อยๆเลื่อนกลับเข้าไปในต้นไม้ใหญ่ พร้อมๆกับเสียงทุ้มลึกที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อย่าไปแตะตัวคริสด็ดขาดล่ะเจ้าเด็กน้อย”
“ครับ...”
ภูตพวกนั้น.. คงจะสัมผัสคริสได้สินะ....
“ชานยอล... อยู่ไหนน่ะ” ชายร่างสูงในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มหันซ้ายหันขวามองหาคนตัวเล็กอีกคน เท้าก็ก้าวเดินไปมา คิ้วเข้มภายใต้ผ้าปิดตาสีขาวสะอาดขมวดเป็นปมเพราะหาอีกคนไม่เจอ
“ชานยะ...”
“แฮ่!”
เขาผงะไปเมื่อเห็นว่าชานยอลห้อยหัวลงมาจากกิ่งไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป “ทำอะไรของนายน่ะ”
เด็กชายลุกขึ้นนั่งบนกิ่งไม้สูง ก่อนจะส่งยิ้มมาให้อีกคน “ผมก็แค่อยากเห็นหน้าพี่ชายตอนตกใจน่ะ แต่ว่าลืมไป....”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนที่ชานยอลจะพูดต่อ
“อย่างน้อย.. ตอนที่อยู่กับผม... ช่วยเอาผ้าปิดตาออกได้ไหม”
“ก็... ดะ...”
เปรี๊ยะ!
กิ่งไม้ที่ชานยอลนั่งอยู่หักลงมากะทันหัน นัยน์ตาเตรียมจะปิดสนิทรับความเจ็บปวด แต่ก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามือของอีกคนยื่นเข้ามาเตรียมรับตัวเขาที่กำลังจะตกลงไป ปากเตรียมจะเอ่ยห้ามแต่ก็ช้าไปเมื่อ...
ตุ้บ!
“อะ...โอ้ยยยยยยยยยยยยย”
“เกือบไปแล้ว..” คริสพูดกับตัวเองเบาๆ เก็บมือทั้งสองที่ยื่นไปในอากาศเพื่อจะรับอีกคน อีกแค่ไม่เกินหนึ่งไม้บรรทัดเขาก็จะสัมผัสตัวอีกคน...
ดีที่ยังว่ายั้งมือไว้ทันสินะ....
“ว่าแต่นายเป็นอะไรมากมั้ย”
ชานยอลค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืน ใบหน้าหวานก้มต่ำมองพื้นขณะพูด “พี่ชาย... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น... ก็ห้ามมาถูกตัวผมเด็ดขาดเลยนะ”
คนในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มมองเด็กชายที่ค่อยๆเงยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมาสบตากับเขา มือเล็กๆนั่นพยายามจะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเอง แต่เหมือนยิ่งปาดเท่าไรน้ำใสๆนั่นก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นทุกที
“..ห้ามเด็ดขาดเลยนะ ฮึก..”
「蛍火の杜へ-krischanyeol」
ฤดูร้อนถัดมา...และในฤดูร้อนถัดๆมา... ผมก็ยังคงไปที่นั่นอย่างสม่ำเสมอ
ผมเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง...
ในขณะที่ร่างกายผมโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ร่างกายของผู้ชายในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มคนนี้กลับไม่แตกต่างจากที่เจอในครั้งแรกมากนัก
ดูเหมือนว่า... อายุของเราเริ่มใกล้กันเข้ามาเรื่อยๆแล้วสินะ...
“ผ้าพันคอเหรอ”
“อื้อ! ปู่บอกว่าที่นี่น่ะหน้าหนาวจะหนาวมากๆเลยไม่ใช่เหรอ อย่าลืมใช้มันด้วยนะ!”
“อื้ม”
“งั้นผมไปล่ะ! ปีหน้าเจอกันนะ”
「蛍火の杜へ-krischanyeol」
“ชานยอล”
“..........”
“ปาร์ค-ชาน-ยอล”
ร่างสูงโปร่งของคนถูกเรียกสะดุ้ง เมื่อหันไปข้างๆก็เจอกับใบหน้าคุ้นเคยของคิมจงอิน เพื่อนร่วมห้องและเพื่อนที่สนิทของเขา จงอินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะบุ้ยปากไปที่ทางเดินที่เขากำลังเดินอยู่
“ตรงนั้นมันเป็นน้ำแข็งแล้วนะ เดินไปเดี๋ยวก็ลื่นหรอก มานี่มา”
ชานยอลมองใต้เท้าของตัวเองที่มีน้ำแข็งปกคลุมแล้วมองมือของจงอินที่ยื่นออกมาเพื่อให้เขาจับ เขาส่งมือไปให้เพื่อนอีกคนก่อนที่จงอินจะดึงตัวเขาไปเดินใกล้ๆแล้วเดินนำต่อไป
“ช่วงนี้นายน่ะดูเหม่อๆแปลกๆนะ... ถึงปกติจะเหม่ออยู่แล้วก็เถอะ”
หูของชานยอลไม่ได้ฟังจงอินอีกต่อไป เขาเลื่อนสายตามามองมือของตัวเองที่ถูกจงอินจับไว้แน่น
ถ้าเกิดว่า...พี่คริสสามารถจับมือเขาไว้อย่างนี้ได้...
...ก็คงจะดีสินะ
「蛍火の杜へ-krischanyeol」
“ตอนนี้ก็... อยู่ม.ปลายแล้วสินะ”
“อื้อ! อีกสามปี พอผมเรียนจบ ผมกะว่าจะมาหางานทำที่นี่ล่ะ... เราจะได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นไง...” ชานยอลหันไปยิ้มให้อีกคนที่หันหน้ามามองเขาอยู่แล้ว
“.................”
“ทั้งฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ... ตลอดเวลา...”
“ชานยอล...”
“หือ”
“จะบอกอะไรไว้อย่างนึงนะ... ฉันน่ะ.. ไม่ใช่ภูตผีหรอก แต่ถึงอย่างนั้น...” ริมฝีปากหยักของชายในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ “ฉันก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วเช่นกัน”
“เอ๋?”
“...เหมือนว่าฉันเคยเป็นมนุษย์มาก่อนแต่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่านี้ พวกภูตผีบอกว่าฉันร้องไห้ไม่ยอมหยุด ความจริงตอนนั้นฉันน่าจะตายไปแล้ว แต่ท่านเทพแห่งขุนเขาก็ร่ายมนตร์ให้ฉันมีชีวิตต่อไปให้.. และเพราะรับมนตร์นั้นมา ฉันก็เลยไปสู่สุขคติไม่ได้ตลอดไป... เป็นเหมือนกับภูตผีนั่นแหละ”
“............”
“นายน่ะ...จะลืมฉันไปก็ได้นะ ร่างกายที่อยู่ได้เพราะเวทมนตร์คาถาน่ะช่างอ่อนแอ... หากไปสัมผัสมนุษย์จริงๆเข้า มนต์จะคลายและร่างกายจะดับสูญ... แล้ว...”
“เหมือนหิมะเลยสินะ” ชานยอลพูดแทรก ใบหน้าหวานเหม่อมองไปไกล “ผมน่ะ... ไม่ว่าจะเวลาไหนก็มักจะคิดถึงพี่ชายเสมอ.. เพราะฉะนั้น.. ผมคงลืมพี่ไม่ได้หรอก”
“...........”
“พี่ก็เหมือนกัน.. อย่าลืมผมเลยนะ... ถึงแม้ผมรู้ดีว่าสักวันเราคงต้องจากกัน...”
“...........”
“แต่ตอนนี้เราก็ยังอยู่ด้วยกันนี่... เรามา.... อยู่ด้วยกันจนกว่าจะถึงเวลานั้นเถอะนะ”
“เอ๋.. งานเทศกาลของภูตเหรอ”
“เป็นงานที่จัดเลียนแบบเทศกาลของมนุษย์นั่นแหละ ตอนเด็กๆฉันคิดว่านายกลัวเลยไม่ได้ชวนไปน่ะ คืนนี้แอบย่องออกมาจากบ้านได้หรือเปล่า.. ฉันอยากไปงานเทศกาลกับนายมานานแล้ว”
“ย..อยากไปครับ!”
“งั้นคืนนี้มาเจอกันที่บันไดตอนสองทุ่มแล้วกัน”
“แต่ว่าขึ้นชื่อว่างานเทศกาลภูตนี่ก็แอบน่ากลัวหน่อยๆแฮะ”
“ไม่เป็นไรหรอก... นายน่ะ... ฉันจะปกป้องเอง”
ชานยอลหันไปมองคนพูดที่นั่งมองเบ็ดตกปลาของตัวเองอยู่อย่างนั้น แล้วค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา “ได้ยินพี่ชายพูดอย่างนี้ ผมอยากจะกอดพี่ขึ้นมาเลย”
“ก็กอดสิ....”
“...........”
“ฉันพูดจริงๆนะ”
เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะดังไปทั่วงานเทศกาล บางคนก็สวมผ้าปิดตาเหมือนคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา บางคนก็ใส่หน้ากากแปลกตา แล้วก็มีบางคนที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย ดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปเช่นเขา ทุกคนล้วนสวมชุดกิโมโนหลากสี มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ชานยอลอยู่ในชุดกิโมโนที่ออกจะหลวมไปสักนิดเพราะไปค้นจากตู้เสื้อผ้าเก่าของปู่มา ส่วนคนข้างๆเขาก็อยู่ในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มเช่นเคย
“เอ๊ะนั่น!” ชานยอลชี้ไปที่ร้านร้านหนึ่งที่ขายตุ๊กตามากมาย ไม่รอช้า ขาก็ออกก้าวเดินไปทางนั้นทันที ทำเอาคนที่มาด้วยได้แต่ส่ายหัวเบาๆกับความเป็นเด็กของอีกคนก่อนจะเดินตามไป
“พี่ชายดูสิ!” เมื่อมาถึงชานยอลก็ชี้ไปที่ตุ๊กตาตัวนึง “ผมอยากได้อะ..”
ซึ่งในความรู้สึกของคริสแล้ว.. เจ้าตุ๊กตานั่นช่างเหมือนคนที่ชี้มันอยู่จริงๆ
อยากจะขำแต่ก็ต้องพยายามกลั้นไว้เพราะรู้ว่าถ้าเขาหลุดขำออกไปล่ะก็คงไม่วายได้สายตาค้อนขวับจากคนตรงหน้ามาแทน
“อยากได้ก็ซื้อสิ”
“บู่ว ผมมีเงินซะที่ไหนเล่า ผมเป็นแค่เด็กม.ปลายเองนะ” ชานยอลก้มหน้าและห่อไหล่ลงอย่างหมดหวัง
“นายไม่มีแต่พี่มีนี่ เอาตุ๊กตาตัวนั้นครับ” ท้ายประโยคเขาหันไปพูดกับพ่อค้าที่เขาเองก็ดูไม่ค่อยจะออกสักเท่าไหร่ว่าเป็นมนุษย์หรือภูต พอได้ตุ๊กตาตัวนั้นมาเขาก็ส่งให้คนที่ทำตาประกายข้างๆ ก่อนจะยื่นเงินให้พ่อค้าแล้วเดินออกมา
“พี่ชาย! พี่ชายใจดีที่สุดเลย!”
คริสทำเพียงแค่ยิ้มให้กับคำชมนั้น
พวกเขาเดินมาเรื่อยๆ ชานยอลก็ยังคงถามนั่นถามนี่ไม่หยุด
“ว่าแต่... พวกภูตแปลงกายเป็นมนุษย์กันหมดเลยใช่มั้ยฮะเนี่ย”
“ใช่.. แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะเป็นภูต บางทีก็มีพวกมนุษย์แฝงตัวเข้ามาเหมือนกัน พวกเราแยกไม่ออกหรอก”
“อ่า...”
“ชานยอล” คริสเรียกอีกคนที่เดินนำไปข้างหน้า ทำให้ชานยอลเดินกลับเข้ามาใกล้ คริสหยิบผ้าผืนยาวออกมาจากกิโมโนของตัวเอง แล้วพูด “ผูกผ้านี่ไว้ที่ข้อมือเถอะ เดี๋ยวจะหลง”
“ครับ!”
หลังจากผูกผ้าเสร็จชานยอลก็หันมายิ้มกว้าง “เหมือนกับมาเดทกันเลยเนอะ!”
“....ก็...เรามาเดทกันไม่ใช่เหรอ”
รอยยิ้มของชานยอลชะงักค้างก่อนที่แก้มจะขึ้นสีระเรื่อ แล้วรีบก้มหน้าลงซ่อนความเขิน “อะ...อื้อ”
“ไปกันเถอะ..”
เสียงหัวเราะของเด็กอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบดังขึ้นตลอดระยะทางที่พวกเขาเดินผ่าน ชานยอลหันซ้ายหันขวาพลางยิ้มกว้างตลอดเวลา
“พี่ดูสิ! เด็กคนนั้นมีหางด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ”
ชานยอลชี้ไปที่เด็กคนนึงที่กำลังเล่นชิงช้าสวรรค์อยู่ไม่ไกล เรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวสูงกว่าได้ไม่น้อย
“ก็เด็กคนนั้นเป็นภูตยังไงล่ะ”
“สนุกที่สุดเลย! ทุกคนน่ะดูเหมือนมนุษย์ปกติมากๆเลย รู้อย่างนี้พี่น่าจะชวนผมมาตั้งนานแล้วนะ!”
“ก็มีทุกๆหน้าร้อนนั่นแหละ..”
“อ่า... สนุกมากๆเลย อยากให้หน้าร้อนต่อไปมาถึงเร็วๆจัง”
“ชานยอล...” คนตัวสูงกว่าหยุดเดิน ทำให้ชานยอลชะงักเท้า ผ้าที่ผูกมือของทั้งสองคนยังไม่ได้ถูกแก้ออก คริสก้มลงมองผ้าอันนั้นก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไป “สำหรับฉันน่ะ... ตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ต่อให้ต้องเจอใครมากมาย แต่ในใจฉันก็ยังอยากจะเจอนาย...”
“.............”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ ก่อนที่คริสจะหยิบหน้ากากที่เป็นหน้าแมวออกมาจากกิโมโนแล้วทาบไปที่ใบหน้าของอีกคนที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว
ชานยอลกำลังจะขยับปากพูดแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อรู้สึกได้ถึงใบหน้าของอีกคนที่เข้ามาใกล้ คริสทาบริมฝีปากบนลงหน้าผากของหน้ากากแมว ถึงแม้จะแผ่วเบา... แต่เขาก็รู้สึกได้
ชานยอลหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นเข้ามาในใจทีละนิด
รัก....
คนตัวสูงกว่าค่อยๆละออกมาจากอีกคน มือหนาแก้ผ้าที่ปิดตาของตัวเองออกช้าๆ เผยให้เห็นนัยน์ตาสีเทาที่มองมาทางเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนเคย
“แบมือสิ”
ชานยอลค่อยๆแบมือออก เมื่อก้มลงมองก็เห็นว่าอีกคนค่อยๆหย่อนผ้าปิดตาของตัวเองลงมาบนมือเขา
“เก็บเอาไว้”
ฤดูร้อนปีหน้า... พี่ชายคงจะไม่รอเขาอยู่ที่บันไดนั่นอีกแล้วสินะ
นี่จะต้องเป็น... ครั้งสุดท้ายแน่ๆ
คริสเดินนำออกไปทำให้ชานยอลที่ยืนมองผ้าปิดตาในมือนิ่งต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้ ชานยอลถอดหน้ากากแมวไว้ในเสื้อ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวลงมาช้าๆ
เขาไม่เคยรู้... ไม่เคยรู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่
แม้กระทั่งในเวลานี้.. เขาก็ไม่รู้จริงๆ
“นี่! รอด้วยสิ!”
ชานยอลหันไปมองเด็กสองคนที่วิ่งไล่กันมาข้างหลังพวกเขา
“ก็วิ่งตามมาให้ทันสิ! แบร่!” เด็กที่อายุมากกว่าวิ่งนำหน้าไป ขณะที่เด็กอีกคนก็พยายามวิ่งให้ทันเต็มที่
“อ๊ะ!”
แต่ขาเล็กๆนั่นกลับสะดุดก้อนหิน... และกำลังจะล้มลง
“อันตราย!” มือของคริสเอื้อมไปจับแขนของเด็กอีกคนนั่นทันก่อนที่จะล้มลงไป เขารีบเข้าไปดูเด็กคนนั้นด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณพี่ชายมากๆเลย!”
“ระวังตัวด้วยนะ” ชานยอลยืนโบกมือให้เด็กสองคนนั้นที่ค่อยๆวิ่งหายไป
พอหันกลับมาก็เจอกับแสงสีฟ้าที่ออกมาจากมือของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเลื่อนสายตาตื่นตระหนกมามองที่นิ้วมือของอีกคนที่ค่อยๆเลือนหายไป รอบๆพวกเขาเหมือนมีหิ่งห้อยสีฟ้าอยู่เต็มไปหมด
“พี่ชาย!”
คริสมองไปยังมือของตัวเองนิ่ง
“หรือว่า... เด็กคนนั้นเป็นมนุษย์เหรอ!”
ชานยอลยืนมองอีกคนด้วยแววตาตื่นตระหนก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใบ้ไปชั่วคราว น้ำใสๆมาคลอที่หน่วยตาก่อนจะไหลลงแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
คริสละสายตาจากมือตัวเองมามองคนตัวเล็กกว่า ริมฝีปากหยักเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่จะอ้าแขนทั้งสองข้างออก
“มาสิชานยอล...”
“.............”
“...ในที่สุดฉันก็สัมผัสนายได้แล้วนะ”
คนถูกเรียกมองแขนทั้งสองข้างที่ค่อยๆจางหายไปของอีกฝ่ายนิ่งงัน ก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดอีกคนแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลลงบนกิโมโนสีน้ำเงินเข้มของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางก็พร่ำเรียกชื่ออีกคนไม่หยุด
“พี่คริส... พี่คริส...”
“............”
“ฮึก... อย่าไป... อย่าจากผมไป....”
จนกระทั่งอีกคนค่อยๆเลือนหายไป ร่างบางทรุดลงกับพื้น มือกอดกิโมโนสีน้ำเงินแน่นพร้อมๆกับเสียงสะอื้นที่ยังดังไม่หยุด
“พี่น่ะ...รักนายนะ”
“อื้อ... ผมก็เหมือนกัน”
‘ชานยอล...ขอบคุณนะ’
‘ถึงพวกเราอยากจะอยู่กับคริสตลอดไปก็เถอะ..’
‘คริสน่ะ..อยากจะสัมผัสมนุษย์มาตลอด’
‘…ในที่สุดก็ได้อยู่ในอ้อมกอดของมนุษย์สักทีสินะ’
จากนี้ไป...
ผมคงไม่สามารถรอคอยให้ถึงฤดูร้อนถัดไปได้อีกแล้ว
“อ้าว ชานยอลมาถึงแล้วเหรอ!”
เขาละสายตาจากป่าเบื้องหน้าไปมองปู่ที่เดินมาข้างหลังพร้อมถือแตงโมมาด้วย พลันเขาก็ยิ้มกว้างแล้วเข้าไปช่วยปู่ถือแตงโมมานั่งตรงระเบียง
“อื้อ! ปู่น่ะหยุดทำงานที่สวนซะบ้างเถอะ พักๆบ้างนะ”
เขาพูดพร้อมๆกับหยิบแตงโมขึ้นมากัด
“ถ้าปู่พักชานยอลก็จะไม่ได้กินแตงโมน่ะสิ กลัวก็ว่าแต่เด็กแถวนี้จะดิ้นตายเพราะไม่มีแตงโมฟรีให้กิน” คนอายุมากกว่าหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นว่าหลานชายของตัวเองยื่นปากอย่างไม่พอใจ
“ปีนี้อากาศดีแตงโมก็เลยอร่อยไปด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปหน้าหนาวคงหนาวน่าดูเลย”
“...........”
“แถวนี้น่ะ มันอยู่ระหว่างภูเขาแถมห่างไกลจากทะเลหน้าร้อนกับหน้าหนาวอากาศเลยต่างกันลิบลับเลยล่ะ อากาศหนาวที่พัดเข้ามาหลังฤดูร้อนมากๆน่ะ จะร้อนมากกว่าปกติหลายเท่าตัวเลยนะ”
“งั้นเหรอครับ...”
ถ้าพี่ชายยังอยู่...
ก็คงจะรับรู้ได้ถึงความหนาวนั้นสินะ
「蛍火の杜へ-krischanyeol」
ความคิดเห็น