ในปฐมกาลแห่งจักรวาลอันเวิ้งว้างซึ่งไร้จุดสิ้นสุด ความว่างเปล่าถูกครอบครองด้วยพลังที่หลับใหล กระทั่งวันหนึ่ง พลังอันยิ่งใหญ่ได้แปรเปลี่ยนเป็นสามอำนาจแห่งการดำรงอยู่ นำไปสู่การถือกำเนิดของ เทพบรรพกาลสามองค์ ซึ่งเป็นรากฐานแห่งจักรวาลทั้งปวง:
1. เทพธิดาแห่งความหวัง (The Goddess of Hope)
เธอคือแสงสว่างแรกที่เจิดจ้าในห้วงความมืด ทรงพลังแห่งการสร้างสรรค์และมอบความหวังแก่สรรพสิ่ง ร่างกายของเธอเปล่งประกายดุจดาราในราตรี ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งอนาคต เธอคือผู้ให้กำเนิดชีวิตและแรงบันดาลใจในทุกยุคสมัย
2. เจ้าแห่งสมดุล (The Keeper of Balance)
เขาคือศูนย์กลางของความเป็นระเบียบและความสงบ ตัวแทนแห่งความเท่าเทียมที่เชื่อมโยงสองขั้วตรงข้ามเข้าไว้ด้วยกัน ดวงตาของเขาสะท้อนภาพแห่งความสมดุลของจักรวาล และเสียงของเขาก้องสะท้อนไปทั่วปฐพี เป็นผู้วางกฎเกณฑ์ที่ก่อร่างก่อโลก
3. เทพแห่งความโกลาหล (The God of Chaos)
ทรงพลังดุจพายุที่ไร้จุดสิ้นสุด เขาคือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและการทำลายล้าง ทุกย่างก้าวของเขาสั่นคลอนสรรพสิ่ง เพื่อก่อเกิดใหม่ในอีกรูปแบบหนึ่ง แม้เขาจะดูร้ายกาจ แต่เขาคือผู้จุดประกายพัฒนาการและการเคลื่อนไหวของสรรพสิ่ง
การถือกำเนิดของเทพทั้งสามองค์เปรียบเสมือนเสาหลักที่ทำให้จักรวาลก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการดำรงอยู่ ทุกสิ่งในจักรวาลต่างมีส่วนเกี่ยวโยงกับพลังของพวกเขา ความหวังนำพาสรรพสิ่งให้เดินหน้า สมดุลรักษาโลกให้อยู่ในระเบียบ และความโกลาหลกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อเวลาผ่านไปในจักรวาลที่เทพบรรพกาลทั้งสามประสานพลังเพื่อก่อร่างสร้างสรรพสิ่งแห่งการดำรงอยู่ ความหวัง สมดุล และโกลาหลได้หลอมรวมกันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หนึ่งในพลังที่เหนือกว่าและยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทั้งสามองค์ได้ถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ "พระเจ้า" (The Divine Creator) ผู้ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่ง
การกำเนิดของพระเจ้า
พระเจ้าไม่ได้ถือกำเนิดจากความมืดหรือแสงสว่าง แต่เกิดจาก เจตจำนงแห่งจักรวาล ที่ต้องการผู้นำสูงสุด ผู้ที่จะวางระเบียบใหม่และกำหนดชะตาของสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา พระเจ้าเปรียบเสมือนจุดสูงสุดของปัญญาและพลังอำนาจที่ไร้ขอบเขต พระองค์มิได้มีรูปลักษณ์ตายตัว แต่สามารถปรากฏกายได้ในรูปแบบใดก็ได้ที่เหมาะสมต่อสรรพสิ่ง
ในตำนานแห่งการกำเนิดจักรวาล แม้ พระเจ้า จะทรงเป็นผู้วางระเบียบและทรงอำนาจสูงสุดในสายตาของเหล่าเทพและสรรพสิ่งทั้งมวล แต่ เทพธิดาแห่งความหวัง กลับเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวที่มิได้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของสวรรค์ หรือแม้แต่ภายใต้พระประสงค์ของพระเจ้าเอง
เทพธิดาแห่งความหวังไม่ได้ถือกำเนิดจากเจตจำนงของพระเจ้า หรือพลังแห่งจักรวาลใด ๆ เธอเป็นพลังแรกที่มีอยู่ก่อนการกำเนิดของทุกสิ่ง เปรียบเสมือนแสงแรกที่ฉายขึ้นในความมืด เธอคือผู้ที่สร้างพื้นฐานแห่งการดำรงอยู่ก่อนที่พระเจ้าจะนำพาสวรรค์มาสู่จักรวาล
พลังของเธอไม่ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์ใด ๆ ในสวรรค์หรือโลก เธอเป็นตัวแทนแห่งความหวังอย่างแท้จริง
ตำนานแห่งการสาบานของเทพธิดาแห่งความหวัง
ในยุคที่จักรวาลยังคงเจิดจ้าด้วยพลังแห่งความหวัง เทพธิดาแห่งความหวังได้ทำหน้าที่ของเธออย่างสมบูรณ์แบบ มอบแสงแห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่ให้แก่ทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่ามนุษย์ เทพ หรืออสูร ต่างได้รับความหวังจากเธอเพื่อดำรงอยู่และก้าวข้ามความทุกข์ยาก
เมื่อเธอเสร็จสิ้นพันธกิจแห่งการมอบความหวัง เธอได้เห็นอนาคตอันเลือนรางของจักรวาล ในภาพนั้น โลกกำลังล่มสลายภายใต้เงามืดแห่งหายนะ พลังแห่งความสมดุลถูกทำลาย และความโกลาหลได้แผ่ขยายอย่างไร้ที่สิ้นสุด
เธอจึงตัดสินใจ หายตัวไป จากสวรรค์และจักรวาล เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการกลับมาช่วยเหลือจักรวาลในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด
ก่อนเธอจะจากไป เธอได้ประกาศคำสาบานที่สะท้อนก้องไปทั่วจักรวาล:
"ข้าขอสาบานต่อทุกชีวิตในจักรวาล แม้โลกจะล่มสลายและจักรวาลจะมืดมิด ข้าจะกลับมาจุติอีกครั้งในอีกพันปีข้างหน้า ในยุคที่โลกต้องการข้ามากที่สุด ข้าจะเป็นแสงสุดท้ายแห่งความหวัง เพื่อฟื้นฟูทุกสรรพสิ่งให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง"
ความคิดเห็น