ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    So Cute! บอกเเล้วไง กูไม่ใช่เกย์!! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #7 : So Cute![No.5] : นัยน์ตานั่น มีผมอยู่ไหม? [[เชล]]

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 55



                    




    So Cute[NO.6] : นัยน์ตานั่น มีผมอยู่ไหม? [[เชล]]



                
      

































               
       เอ๊ะ!?   ถ้าไอ้โบไม่ใส่เสื้อนอนน่ะ พอว่า แต่จุฬาน่ะเหรอจะไม่ใส่??
     
     
                    ความอยากรู้อยากเห็นแล่นเข้ามาในโสตประสาททันที สาธ             อย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย   ผมมองซ้ายมองขวา ดูต้นทาง ไอ้ปันนั่นไซร้ ไปมาร์กหน้าในห้องน้ำ(โว้ยย! มันจะสำอางเกินแล้วนะ) เอาเป็นว่าอีก สิบกว่านาทีที่มันจะออกมา ผมขอไขข้อข้องใจก่อนละ
     
     
                    มือผมเอื้อมไปจับผ้าห่มสีขาวของโรงแรม ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เร็วบ้างช้าบ้าง มือบ้านี่ก็สั่นอยู่ได้   แล้วผมก็เปิดผ้าห่มออก
     
     
                    พรึ่บ!
     
     
                    “ เฮ้ย!”   ผมอุทานออกมาเบาๆกับภาพที่เห็น
     
                    ทั้งตัวของสองคนไม่มีอะไรปิดบัง ตามเนื้อตัวของจุฬาแดงเป็นจ้ำๆเพราะความขาวของมัน ท่อนล่างไม่ต้องพูดถึง ผมเห็นเต็มสองตา ทั้งรอยแดง ทั้งรอยเลือดและ คราบน้ำรัก    อีกอย่างอย่างที่บรรยายไม่ได้(เดี๋ยวติดเรท)
     
     
                    มันได้กันแล้ว!!!!!!!!!!
     
                    “ อื้มมมมมม .............   O_O เชล!!! อุ๊บส์ ”
     
                    ไอ้จุฬาที่ได้สตินิดหน่อยพอเห็นผมอยู่มันก็ร้องออกมา ผมเอามือไปปิดปากแทบไม่ทัน หน้ามันตกใจมาก แต่ก็นะ ไอ้จุฬาไม่มีใครจะตกใจเท่ากูที่เห็นหรอกสาด!    พอมันเริ่มหายตกใจ หน้ามันก็แดงซ่าน ออกมา ผมปล่อยมือออกจากปากมัน
     
                     “ เอ่อ..คือเรา เรา.. อึก..ฮืออ” 
     
                    “ หยุด! ไม่ต้องพูดอะไร ไปแต่งตัวก่อนที่ไอ้ปันจะออกมา แล้วปลุกไอ้โบด้วย ไว้ค่อยคุยกัน”
                    ไอ้จุฬาร้องไห้ออกมาเบาๆ ผมรีบห้ามมันแล้วบอกให้มันปลุกไอ้โบให้แต่งตัว ไอ้โบก็ตกใจไม่น้อย มันพยายามจะอธิบายผมแต่ผมก็บอกให้มันหยุด แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อย ผมกลัวไอ้ปันจะมาเห็น 
     
     
                    ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่เป็นเรื่องน่าอาย นอกจากพวกมันแล้ว ไม่อยากให้ใครรู้มาก เรื่องนี้ผมรู้แค่คนเดียวก็พอ ถึงไอ้ปันกับผมจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม
     
                   
                    พอมันแต่งตัวเสร็จ ไอ้ปันก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี มันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมไอ้สองตัวนี่ถึงตื่นมาแล้วนั่งคุกเข่าบนเตียง โดยไอ้จุฬาร้องไห้เบาๆ
     
                    “ จุฬา ร้องไห้ทำไมว่ะ? ” ไอ้ปันแมร่งก็ซักอยู่ได้ ไอ้เวรเอ๊ย!
     
                    “ คือเรา..เรา ฮึกก ฮือออออออ ”  มึงก็จะร้องทำหอกอะไร อยากประจานตัวเองรึไงว่ามีผัวแล้วเนี่ย(กูชักพาลแล้ว)
     
                    “ อะไรนะ?”
     
                    “ คือจุฬามันยืมลูกชายกูไปแล้วทำหายนะ ”
     
                    “ ลูกชายมึง อันไหนว่ะ? แคนนอล?”
     
                    “ นิกคอนเว้ย! แคนนอลลูกสาว   เออ! พวกมันแกล้งกันแล้วลูกก็เลยตกทะเล มันเลย..มาร้องไห้ขอโทษกู”
     
                    จมูกกูจะยื่นออกมามั้ยว่ะ? กุเรื่องเป็นฉากๆขนาดนี้
     
                    เฮ้ออ... ไม่รู้ว่าไอ้ปันมันจะเชื่อมากน้อยแต่ไหน แต่ก็นะ ผมคิดได้แค่นี้นี่นาไม่รู้ว่าไอ้สองตัวนี่มันเป็นอะไรกัน ทำไมมาได้กัน ผมก็งงเหมือนกันแต่ว่าไว้ค่อยถามดีกว่า เดี๋ยวไอ้ปันรู้แล้วจะซวย
     
     









































    ติก ต๊อก ติก ต๊อก
     
    ผมนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา ในความมืด กระสับกระส่ายนอนไม่หลับตั้งแต่เจอเหตุการณ์ไม่คาดฟ้าถึงสามครั้ง ครั้งแรก ผมปีนเกลียวรุ่นพี่วิดวะพาวเวอร์ ครั้งต่อมาไอ้ไส้เดือนพาวเวอร์กัดคอ และครั้งล่าสุด ไอ้โบกับไอ้จุฬามีอะไรกัน
     
    กี่โมงแล้ววะ……?
     
    มือสองข้างหยันกายตัวเองขึ้นมา นั่งบนเตียง มองไปยังเพื่อนรักอย่างไอ้ปัน ที่มันนอนหลับน้ำลายยืดอยู่ใกล้ๆ ฮึๆ ไอ้ปัน กูรู้สาเหตุของสิวมึงแล้ว ไอ้ปัน ต่อให้มึงเอาโคลนหรือมาร์กหน้าไว้สิบปีสิวมึงก็ไม่หายเพราะนำลายมันสกปรก
     


    ระเบียงโรงแรมมีแสงพระจันทร์ส่องเข้ามานิดหน่อย เป็นภาพที่สวยงามเหลือเกินจนอยากจะเก็บภาพเอาไว้ด้วยกล้องนิกคอนลูกรัก   ผมควานหาลูกชายในกระเป้ใบน้อยที่ส่วนใหญ่ไว้ใส่อุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องทั้งนั้น มีทั้งนิกคอนลูกชาย และแคนนอลลูกสาว กับเลนส์สามสี่อัน สายคล้อง เมมกล้อง และรีเฟคไว้จัดแสง
     
    แชะ!


     
    นิกคอนนี่ของเขาดีจริงๆ ขนาดมืดแบบนี้ปรับนิดหน่อยก็ได้รูปแสงจันทร์ยามมืดอย่างชัดแจ๋ว(ผมไม่ได้ค่าโฆษณานะ แต่ของดีจริงๆ )  พอถ่ายเสร็จก็ว่าจะเก็บเสียหน่อย แต่ดันคิดอะไรบ้างอย่างออก เลยเปิดไฟหัวเตียง เพราะจะได้ถ่ายรูปไอ้ปันน้ำลายยืด =____=
     
    พรึ่บ!
     
     
    แชะ!
     
    แชะ!
     
    แชะ!









    ถ่ายไปสามรูปแล้วแต่ต่างมุมกัน ผมเดินรอบเตียงอีกทีเพื่อหามุมสวย พอได้แล้วก็จัดการโคสไปที่หน้าตอนน้ำลายยืด -_____-
     
     
    “ เชลทำไรน่ะ ” เสียงไอ้ฬาครับ(ขอตัดชื่อมันแค่นี้ ขี้เกียจพิมพ์ว่าจุฬา)
     


    ฬามันก็ลุกจากเตียงมันมาหาผม ผมเลยบอกมันไปว่าถ่ายรูปไอ้ปันอยู่ ฬาก็เงียบๆนิ่งๆไป ส่วนผมก็เฉยครับ ขี้กียจจะพูดกับมันก่อน รอให้มึงพูดกับกูเอง (กูหยิ่งโว้ย)


     
    “ คือว่า....”


     
    “ ไว้บอกวันหลังนะจุฬา เราจะนอนแล้ว พรุ่งนี้รับน้อง ฝันดี”
     


    คุณว่า ผมใจร้ายมั้ย ..... แต่ผมแค่ไม่อยากฟังอะไรตอนนี้ มองตาไอ้ฬา ก็ทะลุถึงไตแล้ว มันจะมาอธิบายตอนนี้ เท่ากับไม่มีประโยชน์ คนเขาจะมีอะไรกัน มันไม่ผิดหรอกครับ แต่ ผิดที่ไอ้โบ มีแฟนแล้ว คือกวี ส่วนไอ้ฬาก็รู้ว่ามันเป็นแฟนกันแล้วยังมาทำแบบนี้ได้ไง ! ในฐานะอะไรก็ไม่รู้ เอ่อ.. ฐานะเพื่อนของมันทั้งสองคน เอ้ย! สามคน ผมว่ากวีไม่ผิดนะ ไอ้ฬากับไอ้โบแหละผิด !
     
     
     
    ------




























































     
    “ พวกที่ยังไม่ทราบพี่รหัสของคุณ ในมารวมกลุ่มกันตรงนี้ พร้อมป้ายที่เราแจกก่อนขึ้นรถเมื่อวาน ”
     


    โคตรซุปเปอร์ว้ากเกอร์(?) ประจำคณะของผมก็เริ่มทำงาน หลังจากที่ปล่อยให้พี่ปีสองทำงานรับน้องมาทั้งวัน ตอนนี้เราอยู่กันที่ริมสระว่ายน้ำโรงแรม ในเวลา หนึ่งทุ่มเศษ รุ่นพี่เริ่มแบ่งน้องเป็นสองพวก คือพวกที่รู้พี่รหัสแล้วกับพวกที่ไม่รู้ ทายสิว่าผมอยู่พวกไหน? .... 
     


    คนฉลาด อัศธยาศัยดี มีแต่คนอยากคบแบบ....ผม อยู่ในพวกที่ ‘ ยังหาพี่รหัสตัวไม่เจอ’ และพวกที่หาพี่รหัสไม่เจอ มีประมาณ สิบกว่าคนเท่านั้นเอง ไม่จริงนะ เชลผู้อัจฉริยะ หลงมาได้ไง TOT
     
     

     
    ระหว่างที่กำลังคัดตัวนักกีฬา เอ้ย! คัดแยกน้องอยู่ พี่นายน์ บรมโคตรซุปเปอร์ว้ากเกอร์ ก็ทำการเทศนาน้องๆตาดำๆ โดยแต่ละคำช่างสรรเสริญน้องปีหนึ่งได้อีก
     



    “ ปีสองเขาบอกว่าพวกคุณดื้อ! ไม่เชื่อฟังพี่ปีสอง ในฐานะที่ผมปีสาม อยากจะขอเตือนคุณด้วยความหวังดี คุณก็รู้ว่ามอเราระบบรุ่นพี่รุ่นน้องมันสำคัญแค่ไหน ต่อให้คุณจะไม่มีเพื่อน แต่คุณก็ต้องมีรุ่นพี่ ไม่งั้นคุณจะอยู่ในมอเรา อย่างต่ำก็สามปีกว่าๆได้ยังไง แล้วนั่นนายคนนั้น ผมบอกให้คุณแยกกันเป็นสองพวก คุณอยู่พวกไหน ทำไมไม่แยกว่ะ! ”
     


    พี่นายน์ก็ด่าๆ ดุๆไปตามสไตล์ว้ากเกอร์แหละครับ ส่วนประโยคหลังนั้นน่ะ หันไปถามเด็กน้อยตี๋คนหนึ่งที่ทำหน้าเลิ่กลัก ไม่รู้จะไปทางไหน พอพี่นายน์ตลาดเข้าให้ สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย
     




    “ ผะ...ผม ทำบัตร...หะ..หาย..ครับ” หนุ่มน้อยนิรนามผู้ใจกล้าหน้าด้าน ก็รีบลำลักความจริงออกมา แล้วทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนอยากจะร้องไห้ อะไรเทือกนั้น 
     


    “ หาย!! คุณทำไมไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ ไปแจ้งชื่อกับพี่ภูริ แล้ววิ่งรอบสระว่ายน้ำนี่ หกรอบ ปฏิบัติ!”
    สาบานได้กูมาค่ายรับน้องไม่ใช่มาค่ายร.ด.
     


    “ ครับ TOT ” แล้วไอ้หน้าโง่ เอ้ย! ไอ้หน้าตี๋ก็ไปแจ้งชื่อกลับพี่ภูริที่เป็นพี่ปลอบของปีสาม แล้ววิ่งรอบสระว่ายน้ำตามบัญชา
     


    ไม่ช้าพวกพี่ปีสามก็พาเราลงมาที่หาด ประดับตกแต่งด้วยเทียนเป็นร้อยๆเล่ม มีพี่ปีสองปีสามนั่งกันอยู่หน้าเทียนของตนเอง เสียงคลื่นซัดฝั่งเป็นระรอกระรอก พี่ปีสามแจกผ้าปิดตาให้พวกที่ไม่รู้พี่รหัส แล้วพาพวกที่รู้พี่รหัสไปนั่งกับพี่รหัส ซักพักก็มีคนมาจูงผมไป
     


    “ ชวิลวัท 4008 ใช่มั้ย” เสียงพี่ปีสามคนหนึ่งครับน่าจะเป็นผู้หญิงเพราะเสียงหวานนุ่มไพเราะและตอนที่พี่แกจับมือผมจูงมือพี่แกจะเล็กๆ นุ่มๆ
     


    “ ครับ ”
     


    “ นั่งตรงนี้ อย่าเพิ่งแกะผ้า ” พี่สาวสั่งผมแล้วเดินจากไป ผมนั่งลงบริเวณทรายตรงนั้น  รู้สึกเมื่อตรงหน้าผมจะมีใครอีกคนนั่งอยู่ น่าจะเป็นพี่รหัสผม
     




    พี่รหัสผมไม่พูดอะไร(เพราะเขาให้อยู่ในความสงบ) พี่เขายื่นเทียนให้ จากนั้นก็มีเสียงคนค่อยร้องเพลง ร่วมทั้งพี่รหัสผมที่ร้องเพลงไปด้วยและจับข้อมือข้างที่ไม่ถือเทียนขอผมไปกำไว้ ซักพักก็เริ่มมัดมือผมอะไรเส้นอะไรเล็กๆนุ่มๆ และผมคิดว่าน่าจะเป็นสายสิญจน์ 
     
     
























     
    “โอ โอ้ โอ ละ เน้อ เออ เอ่อ ละ น้องเอย ลา ล้า ลา ล้า ลา ลา ล้า ลา ลา ล้า ลา ลา
    โอ้ละน้องเอย พี่จะขอชื่นเชยจะไม่เลยแรมไกล รักเจ้าดั่งดวงใจ มิคลายหน่ายนา 
    ล้า ลา ล้า ลา ลา..............................
    พี่รับขวัญเจ้าเอามาเป็นขวัญจิต จะรักดังดวงชีวิต ใจคิดกรุณา ....
    ล้า ลา ล้า ลา ลา..............................
                    ขอให้เจ้าหายโศก พ้นภัยหายโรค ให้มีโชคนะน้องยา จะเอาด้ายยาว ขาวบริสุทธิ์
                    ล้า ลา ล้า ลา ลา..............................
    พัน มัด ผูกไว้ ที่ข้อมือของเจ้า
    ล้า ลา ล้า ลา ลา..............................
    เหมือนดังใจพี่ ผูกพันเจ้าไว้ ไม่หน่ายไม่หนี
    เออ เอ๊อ เออ เออ เอ่ยยย
    ‘ ใจผูกพัน’ ”
     
     
                    พอจบเพลง พี่รหัสของผมก็ดึงผ้าออก ปรากฏว่าเป็นพี่ปอหน้าหม้อ ยิ้มอยู่ตรงหน้าผม ผมผละเล็กน้อยเมื่อพี่เขาทำหน้าบานยิ้มเห็นฟันครบ สามสิบสองซี่อย่างกับจะบอกว่าผมเป็นชายในฝันมันงั้นแหละ พี่ปอก็หยดน้ำตาเทียนบริเวณสายสิญจน์ บอกว่าจะได้แน่นๆ  
     


                    “ พี่ปอขอให้เชลเป็นคนดี เป็นน้องที่น่ารัก ขอให้จบด้วยเกรดสวยๆ เชื่อฟังครูอาจารย์นะ อ๊ะ เสร็จแล้วก็ไปให้พี่คนที่เรานับถือผูกให้อีกล่ะ พี่เค้าจะได้อวยพร ”
     



                    โห! เพิ่งเคยเห็นพี่ปอแลดูดีมีสาระ เป็นที่น่าเคารพยกยองสักการบูชาในฐานะรุ่นพี่ก็วันนี่แหละ พี่ปอเป็นเหมือนพี่ชายที่ตามหามานาน(เพราะพี่ชายผมมันไม่เหมือนพี่ชายเลย = = ) หลังจากนั้นก็ทำการไปให้คนอื่น ผูกข้อมือกันต่อไป คนแรกที่ผมกระโดดไปหาคือ พี่นายน์เทพบุตรขอผม (กูจะเป็นเกย์ตั้งแต่ต้นกลางเรื่องแล้วหรือนี่?) ต่อด้วยพี่ริ สาวโหด เอ้ย! สาวห้าว ต่อด้วยพี่เมี่ยงปลา(จำได้มั้ย) พี่เท่าฟ้า และก็มีพี่ๆปีสามปีสองมากมายที่ผมให้เขาผูกข้อมือให้



     
                    ดึกๆ ผมก็พาคู่ซี้ คือ ไอ้ปันไปที่สะพานที่ทอดไปถึงกลางทะเล ผมไม่รู้หรอกว่าเขาเรียกว่าอะไร เห็นมันสวยดีก็เลยมานั่งเอาบรรยากาศเท่านั้นเอง
     


                    “ ชิบหายวายวอดแล้วมึง กูลืมกุญแจห้องว่ะ ต้องไปเอาก่อนนะเดี๋ยวพวกนั้นล็อกแล้วกูกับมึงเข้าห้องไม่ได้” จู่ๆไอ้ปันก็ร้องเสียงหลง ผมก็งงๆกับมัน เลยล้วงหากุญแจดูปรากฏว่า ไอ้ปันมันลืมกุญแจจริงๆ เพราะห้องหนึ่งเนี่ยเขาให้แค่สองลูก
     


                    “ กูไปเป็นเพื่อนเปล่า?” ผมถามมันด้วยความรักเพื่อนสุดๆ ไอ้ปันส่ายหน้าแล้ววิ่งลงสะพานไปเลย ผมก็นั่งรอมันด้วยการกินลมชมวิวไปเรื่อยเปื่อย  
     


                    ความรู้สึกเหมือนมีของแข็งบางอย่างที่เย็นๆนิดหน่อยมาทาบที่แก้มขวา ผมสะดุ้งเล็กน้อยด้งยความเย็นและความตกใจ


     
                    “ นั่งด้วยดิ ” ไอ้เฮียแกรมนั่นเองงงงง
     


                    “ อ้าว เฮีย ตกใจหมดเลย ” ผมร้องออกมาเบาๆพร้อมกับขยับอีกนิดหน่อยให้พี่มันนั่ง
     


                    เฮียแกรมนั่งลงข้างๆสายตาจับจ้องไม่ไกลแสนไกล นัยน์ตาคู่นั้นดูจะคาดหวังหรือเดาอะไรกับเจ้าของของมันไม่ได้เลย ว่ากันว่า ‘ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ’ ถ้ามันยังใช้ได้จริงกับพี่มัน ผมว่า ‘พี่มันคงไม่มีหัวใจ’ เพราะดูตามันเหมือนไม่รับรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่รอบตัวมันบ้าง    มันไม่เคยมีสักครั้งหรอก ที่จะรู้สึกถึงความมีตัวตนของผม แต่ผมคิดว่าผมทำใจได้นะ เพราะไม่ใช่แค่ผมที่ถูกมันมองเป็นอากาศธาตุ แม้แต่พี่นายน์เทพบุตรของผมที่เป็นเพื่อนมันก็โดนมองแบบไม่ต่างกัน ในตาของมันจ้องไปลึกๆ ก็จะมีแต่ความว่างเปล่า จนผมเลิกจ้องตามันมาเป็นเดือนแล้ว น้อยครั้งที่จะสบตาโดยบังเอิญ แต่เป็นผมทุกครั้งที่ทนสายตาที่ว่างเปล่านั้นไม่ได้ 
     
                    “ ใครเป็นพี่รหัสอ่ะ”


     
                    ในบรรยากาศความมืด มีแสงจากไฟแถวๆนั้นนิดหน่อย เสียงคลื่นซัดสาดเป็นระรอก ลมทะเลพัดมาจนหนาวไปถึงขั้วหัวใจ มีเสียง เสียงหนึ่งที่ทุ้ม นุ่ม ฟังแล้วสบายหู ฟังกี่ทีก็ไม่เบื่อถามถึงเรื่องพี่รหัสของผม
     



                    “ พี่ปอนั่นไง รู้จักใช่มั้ย พี่ปอหน้าหม้อน่ะ”
     


                     ไอ้เราก็เป็นคนที่รักพี่รหัสมาก ถึงขนาดลับหลังพี่ปอก็ยังคอยแอบสรรเสริญทั้งชื่อเล่นและฉายา พร้อมนิสัยไปด้วย(เขาเรียกว่า นินทา เปล่าว่ะ?)  เฮียแกรมพอได้ฟังก็ขำออกมานิดหน่อย แหม...ขนาดมันขำยังผู้ดีเลย โธ่พ่อคุณ ไปประกวดมารยาทงามไป๊!
     


                    “ ไอ้ปอมันหน้าหม้อขนาดนั้นเชียว? ” พี่มันถามดูท่าทางไม่จริงจัง ราวกับว่าพี่ปอมันเป็นสปีชี่เดียวกับนกเงือกที่รักเดียวใจเดียวต่อคู่ตลอดชีวิตปานนั้น
     



                    “ ไม่รู้อะไรซะแล้ว พี่มันจีบไม่เลือกเลย พี่เห็นไอ้ฝนมั้ย หน้ามันออกจะแมน ยังโดนพี่แกหม้อเลย” ได้ทีก็เลยขอเผาไอ้ฝนไปน้อยๆ ข้อหากูหมั่นไส้มึงมานาน(อย่าโกรธเรานะฝน) ไอ้เฮียมันก็ยิ้มๆ แล้วมองมาทางข้อมือผม
     



                    “ พี่มีด้ายเหลือแน่ะ ขอผูกด้วยคนได้มั้ย? ” มันชูสายสิญจน์ สีขาวเส้นเล็กๆที่คงเหลือจากบายศรีของคณะมัน ลมพัดสายสิญจน์เส้นนั้นปลิวไปมา ผมพยักหน้าพร้อมยื่นมือไปให้พี่มัน พี่มันก็ส่ายมือแล้วบุ้ยไปทางอีกมือที่ไม่มีสายสิญจน์ จากนั้นก็จับมือมาผูกไว้
     


                    “ ขอให้เป็นคนดีนะ ”  กูเป็นคนดีอยู่แล้วเว้ย! ดีขนาดที่ตั้งวงเล่นไพ่กับนักบาสตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว! อันนี่ผมคิดในใจนะ
     


                    ผมก้มหน้ามองพี่มันที่โคตรจะตั้งใจผูก กะว่าจะไม่ให้หลุดกันเลยทีเดียว มันก็ผูกไปพูดไป อะไรของมันก็ไม่รู้ พอผูกเสร็จผมก็เงยหน้ามองมัน แล้วเราก็สบตากันโดยบังเอิญ
     




                    ผมคิดว่า ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเอง พี่มันก็เริ่มจะใช้สายตามองผม เหมือนคนที่เข้ามองกัน มากกว่าอากาศธาตุแบบเมื่อก่อน คิดว่า...ผมควรดีใจรึเปล่า ‘ที่ในสายตาพี่เขา รับรู้การมีตัวตนของสิ่งมีชีวิตอย่างผมแล้ว ’








    --------------------------




    เม้นท์ซิเม้นท์ซิ หน่อย เม้นท์ให้ภัสหน่อย นี่ลงที ร้อยเปอร์ครั้งเเรกในรอบเดือนเลยนะ TT

    เดี๋ยวใครอยากดูรูป ไรท์เตอร์จะไปโพสที่บล็อกเเล้วกันค่ะ เเล้วจะเอามาลิ้งมาให้ เน้อ ><(เพราะมาคนบอกให้เที่ยวเผื่อ)






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×