ตอนที่ 14 : Ch.14 จบจ้า + ตอนพิเศษใส่ไข่
"ยมเสร็จยัง เร็วว"
"เสร็จแล้ว ๆๆ ไปแล้วจ้า"
"อิฟายอะ"
"กูอยู่นี่ ปะรีบไป"
เอาล่ะ จะบอกให้ค่ะว่าทำไมตอนนี้พวกฉันดูรีบร้อนจะไปไหน นั่นก็เพราะวันนี้เป็นวันรับปริญญาของพวกฉันยังไงล่ะ ที่ต้องรีบก็เพราะมหาลัยนัดตี 5 แล้วตอนนี้มันก็ใกล้เวลาแล้วด้วย สงสัยเหมือนกันว่านัดไปทำอะไรเร็วขนาดนี้แต่ก็ได้แค่บ่น
"โอ้ย ง่วงชิปหาย" ฟายบ่นขณะขับรถไปด้วย
"มึงขับรถอยู่ อย่าพูดอย่างนี้อิฟาย"
"ให้ยมขับให้ไหมฟาย"
"ก็ว่าตอนนี้กูตื่นเต็มที่แล้ว เดี่ยวรีบขับไปส่งพวกมึงก่อนเลย"
ฟายว่าแล้วรีบนั่งให้ตัวเองตื่นตัวที่สุด เออดีฟาย อย่าให้มะยมมาขับเลยถือว่าขอ
ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.Z
ตอนนี้ฉันกับมะยมถึงคณะเรียบร้อยแล้ว ส่วนฟายก็ขับไปคณะตัวเองทันที เราต้องไปรวมกันที่สาขาของแต่ละคนแล้วค่อยขึ้นรถไปหอประชุมใหญ่กันอีกที ซึ่งตอนนี้ฉันกับมะยมต้องแยกจากกันเพื่อเข้าไปหาสาขาของตัวเองแล้ว
"ขิง ทางนี้ !"
ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นฟีฟ่า รุจ ภีมยืนโบกมือเรียกให้ไปหา ฉันเลยรีบเดินไปหาพวกมัน
"พวกมึงมานานแล้วหรอ" ฉันถามพวกมัน
"ก็สักพักแล้ว" รุจตอบ
"เห้อ ง่วงชิปหาย นานแค่ไหนแล้วที่กูไม่ได้ตื่นเวลานี้" ภีมบ่น
"เออ ปกตินี่คือเวลานอนของกูนะ" ฟีฟ่าพูดออกมา ก็ใช่สิมันสายปาร์ตี้อยู่แล้ว เวลาตี 4 ตี 5 คือเวลานอนของมันเป็นปกติ
"ทนหน่อยมึง วันจริงแล้ว"
ฉันพูดปลอบพวกมันไป สงสารก็สงสารเพราะวันซ้อมก็ซ้อมทั้งวัน แล้วไม่ได้ซ้อมแค่วันเดียวด้วย เหนื่อยชิปหาย แต่ก็เอาหน่อย ทนเรียนมาได้ตั้งสี่ปีแค่นี้ทนไม่ได้ก็อ่อนแอไปแล้ว
"นักศึกษา ต่อแถวตามรหัสด้วยครับ !!"
คุยกันได้ไม่นานก็มีเสียงตะโกนเรียกให้ทุกคนไปเรียงแถว แล้วก็เรียงลำดับไปเรื่อย ๆ ไปขึ้นรถเพื่อไปหอประชุมใหญ่ แค่เห็นคนก็เหนื่อยแล้วอะ วันนี้ฉันจะเสร็จตอนไหนเนี่ยยยย
เวลา 15.04 น. ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.Z
"ยม ! ทางนี้ !"
ฉันตะโกนเรียกมะยมให้มันมาถ่ายรูปด้วยกัน หลังจากที่พวกฉันใช้เวลายาวนานในหอประชุมนั้นและออกมาก็โดนให้ขึ้นรถมาส่งที่คณะอีกที จากนั้นก็ไปถ่ายรูปกับอาจารย์ที่สาขา ฉันไม่ลืมที่จะถ่ายกับอาจารย์สุดที่รักฉันหรอกนะ แล้วก็มาถ่ายรูปกับน้อง ๆ ที่ฉันก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าเออ กูก็รู้จักคนเยอะนะ
แล้วก็นั่นแหละค่ะ ตอนนี้ฉัน ภีม ฟีฟ่า รุจและมะยม ก็เพิ่งจะสามารถมารวมตัวกันได้เพราะแต่ละคนก็โซฮอตกันชิปหาย
"มาเร็วว มาถ่ายรูปกัน" ฉันเรียกพวกมันอีกครั้ง
"กูขอคอนเซ็ปต์เริ่ด ๆ ได้ปะ" ภีมเสนอ
"ยังไงสิ" ฟีฟ่า
"โพสต์ยังไงก็ได้ให้เหมือนนี่เป็นรูปสุดท้ายที่พวกมึงจะได้ถ่าย" ภีมบอกอีก
"รูปงานศพมึงหรอ" รุจ
"เชี่ย ไม่ใช่โว้ย"
"ขอ ref. ได้ไหมภีม" มะยมขอให้ภีมมันทำให้ดู
"ดู พวกมึงดู จำ แล้วนำไปใช้ พี่ถ่ายให้ทัน"
มันพูดกับพวกฉันแล้วหันไปบอกพี่ตากล้องในประโยคสุดท้าย หลังจากนั้นก็วาดลวดลายโพสต์ท่าไม่ยั้ง เอ่อ..มึงไป The Face ไหมเพื่อน
"พวกมึงว่า มันโอเคไหมวะ" รุจถามพวกฉันที่ยังมองภีมตาไม่กระพริบ
"กูว่าหนักอยู่" ฟีฟ่าตอบ
"แต่ภีมดูแมนขึ้นนะ" มะยมพูดออกมา ทำให้พวกฉันต้องหันหน้าไปมองภีมอีกรอบ ก็จริงอยู่ที่คำพูดคำจามันดูแมนขึ้น แต่การกระทำ..
"ไม่หรอก มึงคิดมากยม"
"เออ แล้วพี่แฟรงค์ไม่มาหรอวะ" รุจถามขึ้น ตอนนี้สองคนนี้ไม่มีบรรยากาศมาคุแล้วนะ แต่ก็ไม่ค่อยพูดกันดี ๆ นักหรอก
"แกบอกติดงานอะ ไม่แน่ใจว่าจะมาไหม"
ฉันตอบมัน เอาจริงก็เข้าใจแหละ ช่วงนี้งานพี่มันเยอะจะมาไม่มาก็แล้วแต่อะ เข้าใจอยู่ แต่ลึกลึกก็อยากให้มา
"อย่าทำหน้าหงอยดิ พี่ซีก็ไม่ว่างมาหายมเหมือนกัน ไม่เป็นไรน่า" มะยมบอกแล้วส่งยิ้มมาให้ฉัน เห้อ ทำไมมันสดใสขนาดนี้นะ
"พวกมึงจะไม่ห้ามกูจริง ๆ หรอ"
เสียงภีมดังขึ้น เออ ลืมไปเลยว่ามันยังโพสต์ไปไม่หยุด ฮ่า ๆๆๆ จะให้พวกกูห้ามแล้วมึงเล่นใหญ่ทำไมภีม
"มาถ่ายกันดี ๆ เอานะ 1 2 3 เหี้ยยยยยย"
เออเจริญ ๆ ล่ะพวกกู พูดเหี้ยแล้วยิ้มให้กล้อง ฮ่า ๆๆ
"ขิง"
"หือ ? " ฉันหันไปหามะยมเพราะมันเรียกแล้วสะกิดฉันเบา ๆ
"แหม ๆๆๆๆ มีคนมาหาเพื่อนขิงแล้วค้าบบ" ฟีฟ่า
"มาเป็นดอกใหญ่ด้วยค้าบบ" ภีม
ฟีฟ่ากับภีมแซวฉันทันทีที่พี่แฟรงค์เดินเข้ามาหาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ ก็แค่พี่มันเดินมาทำไมต้องยิ้มด้วยวะ
"ยินดีกับบัณฑิตใหม่ครับ"
"ขอบคุณค่า" ฉันพูดแล้วยื่นมือไปรับช่อดอกไม้จากพี่แฟรงค์
"โตแล้วนะ จะทำตัวปัญญาอ่อนไม่ได้แล้วนะ"
"ขิงไม่เคยปัญญาอ่อนเหอะ มีแต่พี่แหละ"
"ของพี่เขาเรียกอ้อน"
เหอะ พูดออกมาได้ อ้อนตีนสิไม่ว่า
"ทำไมขิงได้แล้วยมไม่ได้อะพี่แฟรงค์" มะยมโวยขึ้นเพราะเมื่อกี้พี่แฟรงค์ถือดอกไม้มาแค่ช่อเดียว
"ของเราไม่ต้องเอาดอกไม้ เอานี่"
พี่แฟรงค์พูดแล้วยื่นซองให้มะยม ดูก็พอรู้ว่าเป็นเงินขวัญถุง แงงง อยากได้เงิน ไม่เอาดอกไม้แล้ว
"ขิงไม่เอาดอกไม้ได้ปะ"
ปั๊ก !
"โอ้ย เจ็บนะ"
แค่ล้อเล่นเอง มาดีดหน้าผากกันได้ ไอ้คนใจยักษ์ใจมาร
"จิ๊ ทีแรกก็ว่าจะบอกวันนี้ แบบนี้ไม่บอกหรอก" ฉันบ่นออกมาพอให้พี่แฟรงค์ได้ยิน แล้วก็เป็นอย่างที่คิดพี่มันหูผึ่งทันที
"บอกอะไร"
"ไม่บอกแล้ว"
"น้ำขิง บอกอะไรครับ"
ฮึ่ย ทำมาเป็นพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน คิดว่าจะตกหลุมรึไง เอ้ะ หรือจะบอกเรื่องนี้ก่อนดี
"อะ" ฉันยื่นใบประกาศนียบัตรให้พี่แฟรงค์ดู พี่มันก็รับไปดูงง ๆ
"ใบประกาศ ? ทำไม ? "
"แค่จะอวดว่าได้เกียรตินิยม"
ใช่ค่ะทุกคน ฉันได้เกียรตินิยม รางวัลที่เกินฝันมาก ตอนที่เกรดออกแต่ละปีไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะอยู่จุดนี้ได้ แค่หวังให้ไม่เอฟอะตอนนั้น
"หืม เกียรตินิยม..อันดับ 2 ?" พี่แฟรงค์ดูใบประกาศอีกรอบ
"ใช่"
"ไม่เอาอันดับ 1 ล่ะ"
"ชอบเลขคู่มากกว่า"
"หึ"
พี่แฟรงค์ยิ้มทันทีที่ฉันพูดจบ ก็คำตอบฉันมันเหมือนกับตอนที่ฉันถามพี่แฟรงค์มาก่อนไง เนี่ย เขินล่ะสิ
"จะบอกแค่นี้หรอ" พี่แฟรงค์ถามอีกครั้ง
"อืม"
"โอเค งั้นตอบคำถามพี่ก็ได้"
"ว่ามา"
"ขิงรู้ใช่ไหมว่าพี่ทำแบบนี้กับขิงทำไม"
"รู้" เออเล่นบอกกันต่อหน้าขนาดนั้น
"แล้วจำได้ไหมว่าพี่บอกจะทำให้ขิงรู้สึก"
"จำได้ดิ" ตราตรึงในใจมาก ไม่มีทางลืมอะ
"แล้วตอนนี้ขิงรู้สึกรึยัง เพราะตอนนี้พี่รู้สึกแล้วนะ"
"..."
"พี่รักขิงนะ"
ตึก ตัก ตึกตัก ตึก ตึก ตัก
อันนี้ไม่ใช่เสียงส้นสูงกระทบพื้น แต่เป็นเสียงหัวใจของฉันที่ดังแรงมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่แฟรงค์ได้ยินไหม
"เป็นแฟนกับพี่ได้ยัง ? "
รุนแรงมาก ดาเมจของพี่แฟรงค์แม่งรุนแรงชิปหาย
"นึกว่าจะไม่ขอ"
ฉันตอบแล้วยิ้มให้พี่แฟรงค์
"คือ ?"
"เป็นนน ขิงเป็นแฟนพี่แฟรงค์แล้ว"
หมับ !
พี่แฟรงค์ดึงฉันเข้าไปกอดทันทีที่ฉันพูดประโยคนี้ออกมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพี่มันกอดฉันแน่นมากหรือเพราะอะไร แต่ฉันรู้สึกอบอุ่นมากเลย อบอุ่นไปทั้งใจเลย
"พูดแล้วนะ"
"อืม ก็รักไปแล้วหนิ"
"หึ ขอบคุณครับ"
พี่แฟรงค์ยิ่งกอดฉันแน่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อฉันบอกรักพี่มันออกไป ก็นะ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ความรู้สึกมันชัดเจนแล้วนี่หน่า
"โอ้ยยย นี่สถานศึกษาครับ" ฟีฟ่า
"รู้แล้วว่าเป็นแฟนกัน" ภีม
"เพลา ๆ หน่อย" รุจ
"ไวไฟมากพี่ชายฉัน" มะยม
ก็นั่นแหละ ฉันกับพี่แฟรงค์เลยต้องผละออกจากอ้อมกอดของกัน ฉันขึงตาใส่พวกมันทีละคนแต่ก็เหมือนพวกมันจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
"กูพลาดอะไรไปปะวะ" ฟายที่เพิ่งเดินเข้ามา หันไปถามมะยมแบบงง ๆ เห้อ ช่วยไม่ได้ฟายคณะมึงอยู่ไกลเอง
"พี่ว่าถ่ายรูปเป็นที่ระทึกหน่อยดีกว่า" พี่แฟรงค์เสนอขึ้น
"ดีมากค่ะไอดอลของหนู มา ๆๆ ถ่ายรูปกันพวกมึง" ฟายรีบพูดแล้วจัดแจงที่ทางให้ทุกคน
"ไม่ต้องยุ่งน่า เดินเองได้" รุจ
"ก็เดินช้าอะ" ฟายเถียง
"จะเอาเร็วแค่ไหนอีก" รุจ
"เร็ว ๆ เลยค่ะ" ฟายพูดแล้วส่งยิ้มให้รุจ กูว่ามึงรุกแรงไปฟาย
"มะยมมาข้างเราดีกว่า" ฟีฟ่าเรียกให้มะยมไปยืนข้างตัวเอง
"ไม่ต้องฟังมันยม อยู่นี่แหละ" ภีมรีบขวาง
"เชี่ยภีม ก้างขวางคอกูสัส" ฟีฟ่า
"กูแค่ต้องกันมะยมออกจากความชั่วร้ายแบบมึง" ภีม
"มึงดีนักแหละ แม่ง" ฟีฟ่าตอบไปอีก
เออ วันนี้พวกมันจะได้ถ่ายกันไหมวะ รูปใบนี้ใบเดียวเนี้ย ทำไมมันดูวุ่นวายอะไรกันขนาดนี้ โว้ยยย
"มองกล้องนะครับ 1 2 3 ! "
แชะ !!
แล้วพี่ตากล้องก็ถ่ายรูปสุดท้ายของวันให้โดยที่พวกบ้านี่ยังเถียงกันอยู่อย่างนั้นแหละ สงสารพี่แกจริง ๆ ที่ต้องมารับงานให้คนบ้าแบบนี้
แต่ก็ดีใจนะที่ได้มารู้จักพวกมันทุกคน กับคนข้าง ๆ ฉันตอนนี้ก็ดีใจมากเลย จะไม่สัญญาให้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่จะทำให้ดีทุกวันที่ยังมีเขาอยู่ข้าง ๆ
ขอบคุณนะ
รักแล้วจริง ๆ .
----------------------------------------The end--------------------------------------------
จบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจทุกวิวเลยนะ เกินคาดมากไม่คิดว่าจะมีคนอ่าน5555555
เจอกันอีกทีตอนว๊างว่างนะคะ ตอนนี้ขอกลับไปอ่านนิยายที่ซื้อไว้ก่อน หลายเล่มมาก555555
ขอบคุณมาก แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------
-พิเศษใส่ไข่-
2 ปีผ่านไป ณ คอนโดแฟรงค์
“ขิง เห็นแบบพี่ไหม”
พี่แฟรงค์ถามฉันหลังจากเดินวนรอบห้องมาได้สักพักใหญ่ ๆ
“จะเห็นด้วยไหมเล่า งานพี่นะ”
“ชิปหายแน่ พี่ต้องเอาไปให้ลูกค้าดูวันนี้แล้ว”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่แฟรงค์มันหางานตัวเองไม่เจอ ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่มันทำงานหายก่อนจะเอาไปให้ลูกค้าดู และไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่มันซื่อบื่อแบบนี้!
หลังจากที่ฉันตกลงเป็นแฟนกับพี่แฟรงค์ เราก็คบกันมาได้ 2 ปีแล้ว และแน่นอนว่าเป็น 2 ปีที่ฉันเริ่มทำงานด้วย ตอนคบกันช่วงแรก ๆ เราหาเวลาให้กันยากมาก เพราะแต่ละคนก็งานรัดตัวกันทั้งนั้น พี่แฟรงค์เลยงอแงให้ฉันย้ายมาอยู่ด้วยกันให้ได้ โดยให้เหตุผลว่าคอนโดเขาใกล้ที่ทำงานฉันมากกว่า อีกอย่างจะได้มีเวลาให้กันมากขึ้น แต่ถึงฉันไม่ยอมพี่มันก็คอยจะงอนฉันอยู่ดี
“แล้วพี่ไม่อัพลงไดร์ฟล่ะวะคะ”
“คือมันเป็นเปเปอร์ว่ะครับ”
กวน..ตีน คบกันมานานแค่ไหนพี่แฟรงค์ก็ไม่เลิกกวนตีนอยู่ดี
“นี่มันสมัยไหนกันแล้วคะคุณพี่ ยังเขียนแบบใส่กระดาษอยู่อีก”
“ก็คุณพี่คิดไอเดียได้ตอนไม่มีคอมน่ะครับเลยเขียนใส่กระดาษไปก่อน อีกอย่างคือคุณพี่คนนี้มีความสามารถในการเขียนแบบม๊ากมากน่ะครับ เลยไม่ต้องพึ่งคอมก็ได้”
“น่าหมั่นไส้”
ฉันก็พอรู้แหละว่าพี่แฟรงค์มันชอบเขียนงานใส่กระดาษก่อนจะเอาไปทำในคอมอีกที แต่ไอ้คำพูดยกยอปอปั้นตัวเองของพี่มันเนี่ยน่าหมั่นไส้ชิป
“น่าภูมิใจต่างหากที่มีแฟนเก่งแบบพี่”
“เก่งแต่ขี้หลงขี้ลืมก็ไม่เอานะ”
“แต่ก็เอาแล้วปะ”
“เอาอะไรพูดดี ๆ ”
ไอ้พี่บ้านี่พูดจาสองแง่สองง่ามตลอด เอาบ้าเอาบออะไร แล้วฉันจะไปคิดถึงเรื่องนั่นทำไมเนี่ย ฮ่วย!
“หมายถึงเอาเป็นแฟนไง ..หรือถ้าอยากเอาจริง ๆ ก็บอกนะ พี่พร้อมเสียตัว”
พี่แฟรงค์ไม่พูดเปล่าแต่ยังทำท่าทางเขินบิดตัว แหม่ ตัวเล็กตัวน้อยมากมั้ง แล้วคำพูดพี่มันอีก ฉันควรโกรธสิแต่ทำไมน่ามันแดงเขินเล่า
“ไอ้พี่แฟรงค์!!”
“ค้าบบ”
โว้ยยยย กวนประสาทจริง ๆ
“แต่ที่รักไม่เห็นแบบพี่จริง ๆ หรอครับ ?”
พี่แฟรงค์ถามแล้วนั่งลงที่โซฟาข้าง ๆ ฉัน แต่พี่มันไม่นั่งเฉย ๆ ไง พี่มันกอดฉันไว้หลวม ๆ ด้วย แต๊ะอั๋งฉันทุกทีที่มีโอกาส จนตอนนี้ฉันเบื่อจะบ่นแล้ว อีกอย่างคือชอบอยู่ในอ้อมกอดพี่มันด้วยแหละ อบอุ่นดี
“ขิงไม่เห็นจริง ๆ ”
กระดาษวาดแปลนพี่แฟรงค์มีเป็นแสน ยังไม่รวมกับของงานฉันอีกแต่ก็น้อยกว่าของพี่แฟรงค์อยู่ดี ฉันว่างานพี่แฟรงค์มันอยู่ที่ไหนสักที่ในห้องนี้แหละ สสารไม่มีทางหายไปได้ถ้าไม่มีคนย้ายนะคะ
“เห้อ ถ้าไม่เห็นแย่แน่ ๆ แย่มากแน่ ๆ เลย”
พี่แฟรงค์บ่นกับตัวเองเบา ๆ แล้วซบหน้าเอาคางเกยไหล่ฉันไว้
“งานสำคัญหรอ”
ฉันถามพี่แฟรงค์ด้วยความห่วงใย ด้วยความที่พี่แฟรงค์บ่นออกมาแบบนั้นบวกกับหน้าตาเหนื่อยล้าของพี่แฟรงค์อีก
“อืม ลูกค้ารายใหญ่น่ะ”
อ่าา ฉันเข้าใจดีเลยเพราะฉันก็เคยต้องรับมือกับงานของลูกค้าแบบนี้เหมือนกัน เหมือนเอาชื่อบริษัทเป็นเดิมพันเลย ไม่แปลกหรอกที่พี่แฟรงค์จะกังวล
แต่เอ๊ะ ลูกค้ารายใหญ่หรอ เหมือนอาทิตย์ที่แล้วพี่แฟรงค์ก็เพิ่งบอกว่าเสนองานให้ลูกค้ารายใหญ่ไปหนิ นี่พี่แฟรงค์รับงานใหญ่ซ้อนกันเลยหรอ
“เดี่ยวนะพี่แฟรงค์ พี่เพิ่งเสนองานให้ลูกค้ารายใหญ่ไปไม่ใช่หรอ ทำไมรอบนี้ได้งานใหญ่อีกอะ ? ”
“ก็พี่เก่งไง”
“พี่แฟรงค์ เอาดี ๆ ”
หาเรื่องชมตัวเองอยู่ได้ ไอ้แฟนคนนี้นี่
“พี่โหมงานใหญ่มาหลายงานแล้วนะ จะขยันไปทำไมหนักหนา”
ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองแน่ว่าพี่แฟรงค์มันขยันเกินเหตุ ปกติรับงานแล้วแต่อารมณ์จะตาย ต่อให้งานใหญ่แค่ไหนถ้าพี่แฟรงค์ไม่มีอารมณ์มันก็ไม่ยอมทำอะ
“ดูออกขนาดนั้นเลย ? ”
“แฟนขิงทั้งคนนะ”
“ทำไมน่ารักจัง”
ฟอดด~
พี่แฟรงค์ว่าแล้วก้มหน้ามาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ บอกแล้วว่าพี่มันชอบฉวยโอกาส!
“อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามขิงก่อน”
“ครับ ๆๆ พี่ตอบแล้ว”
พี่แฟรงค์ยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ ฉันเลยหันไปมองหน้าพี่แฟรงค์ตรง ๆ ทันที
“ที่จริงก็ไม่ใช่งานใหญ่หรอก แค่..”
“แค่..?”
“แค่แบบบ้านของเราเฉย ๆ ”
ห่ะ วะ..ว่ายังไงนะ
บ้านของเรา ของเราคือใคร ของฉันหรอ หรือของพี่แฟรงค๋ หรือของฉันกับพี่แฟรงค์ คือบ้านของฉันกับพี่แฟรงค์หรอ ?
“พี่แฟรงค์หมายถึงบ้านใครนะ ? ”
“บ้านของพี่..”
พี่แฟรงค์ไม่พูดเปล่า แต่จับมือฉันจิ้มไปที่ตัวของพี่แฟรงค์เอง แล้วจากนั้นก็ย้ายมือฉันให้มาจิ้มเข้าที่อกฉันเอง
“กับขิง บ้านของเรา”
ฉันมองหน้าพี่แฟรงค์ทันทีที่ฟังจบ นี่หมายถึงพี่แฟรงค์..อยาก.. ไม่จริงน่า..
“อ้าว เงียบเฉย”
“…”
“พี่ไม่ได้อยากจะอยู่คอนโดไปทั้งชีวิตหรอกนะ ที่จริงว่าจะเซอร์ไพรส์ขิงทีเดียวตอนบ้านเสร็จ แต่ไม่ทันแฮะ ฮ่าๆๆ”
คำพูดของพี่แฟรงค์มันบ่งบอกว่าพี่แฟรงค์คิดถึงอนาคตมาตลอด ที่สำคัญคืออนาคตนั้นพี่แฟรงค์ใส่ฉันลงไปด้วย ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ ดีใจ ตื้นตันใจ รู้แค่ว่ารู้สึกดีชะมัดเลย
“พี่แฟรงค์คิดดีแล้วหรอ ? ”
“คิดดีเรื่อง ? ”
“ขิง”
อยากที่บอก ฉันรู้สึกดีมาก ๆ แต่ก็กลัวมากเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตัวพี่แฟรงค์นะ แต่คุณเข้าใจใช่ไหม ความไม่แน่นอนน่ะ
“ขิง เรื่องเดียวที่พี่คิดไม่ดีคือตอนขิงอาบน้ำ”
“ไอ้พี่แฟรงค์!! ”
ป๊าบ!
ฉันตบแขนพี่แฟรงค์เข้าไปที คนเขากำลังซีเรียส วกกลับมาเรื่องใต้สะดือตลอด กูเปนเคียด
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่น”
พี่แฟรงค์ว่าแล้วยกตัวฉันขึ้นไปนั่งบนตักให้ฉันหันหน้าเข้าหากัน พร้อมกับกอดประคองฉันไว้ไม่ให้ตก
“พี่ไม่เคยคิดว่าพี่คิดผิด ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับขิง”
พี่แฟรงค์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาแน่วแน่
“พี่ไม่รู้นะว่าขิงกังวลอะไร แต่แค่ตอนนี้เรามีกันก็พอแล้วไม่ใช่หรอ”
“…”
“ขิงรักพี่ไหม ? ”
“รักสิ ถามบ้าอะไรเนี่ย”
ฉันตอบทันทีที่พี่แฟรงค์ถามจบ ไม่รักไม่อยู่ด้วยมาถึงตอนนี้หรอก
“พี่รักขิงนะ”
“รู้แล้ว”
ก็บอกทุกวันนี่หน่า
“ก็อยากบอกให้ขิงมั่นใจ พี่ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะดีร้ายยังไง พี่รู้แค่ว่าพี่อยากมีขิงอยู่ข้าง ๆ ในทุกเส้นทางที่พี่จะไป”
“พี่แฟรงค์…”
“ขิงช่วยเดินไปข้าง ๆ พี่ได้ไหม นับจากนี้เป็นต้นไป”
พี่แฟรงค์ถามฉันด้วยเสียงเว้าวอนแต่สายตาที่ส่งมาถึงฉันแสดงถึงความแน่นอนว่าเขาอยากทำตามที่พูดจริง เขาอยากมีฉันอยู่ทุกช่วงเวลาจริง ๆ
“ก็เดินมาตั้งนานแล้วนี่”
ฉันตอบพี่แฟรงค์กลับไป พร้อมรอยยิ้มที่รู้เลยว่ามีความสุขที่สุดในชีวิต ไม่สิ ในชีวิตฉันยังต้องมีรอยยิ้มที่มีความสุขมากกว่านี้อีกแน่ ก็ฉันมีเขาอยู่ข้าง ๆ แล้วนี่น่า
“ตกลงแล้วนะ”
“ตกลงอะไร พี่ยังไม่ว่าอะไรเลย”
จะมาขี้ตู๋อะไรอีก พี่มันยังไม่พูดคำนั้นออกมาด้วยซ้ำ เนียนตลอด
“น้ำขิงครับ มาเป็นเมียพี่นะ”
ป๊าบ!!
“มันใช่คำนี้ที่ไหนกันเล่า! ”
ไอ้บ้า คนเขากำลังรอคำโรแมนติก ๆ เลย แล้วดูสิพูดอะไรออกมา
“มันก็สถานะเดียวกันนะ”
“มึงช่วยโรแมนติกให้กูทีเถอะพี่”
จะโดนขอทั้งทีฉันก็อยากมีโมเม้นท์หวาน ๆ น่ารัก ๆ บ้างนะเว้ย
จุ๊บ
พี่แฟรงค์จุ๊บริมฝีปากฉันเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปพูดว่า
“พูดคำหยาบ”
ก็มันเผลอตัวอะ พี่แฟรงค์มันกวนประสาทด้วยให้ทำไง
“ก็พี่กวนอะ จะขอก็ไม่ขอดี ๆ”
เดี่ยวหนีไปหาผัวใหม่แม่ง ได้แค่คิดแหละ ฮ่าๆ
“แต่งงานกับพี่นะ”
ก็แค่เนี่ย พูดดีก็พูดได้ หึ่ยย
“ว่าไงครับ ? ”
“อืมม ไม่รู้สิ ขอคิดดูก่อนนะ”
ฉันพูดพร้อมกับทำท่านั่งคิดสักพักใหญ่ แค่อยากแกล้งพี่แฟรงค์มันแค่นั้นแหละ คำตอบก็น่าจะรู้กันอยู่แล้ว
“ขิงงง”
“ขาาา”
“กวนตีน”
“พูดคำหยาบ!”
จุ๊บ
ฉันโน้มหน้าเข้าไปประกบริมฝีปากของตัวเองกับของพี่แฟรงค์อย่างรวดเร็ว แล้วผละหน้าออกมา
“ก็รู้คำตอบอยู่แล้วปะ”
ฉันถามพี่แฟรงค์
“ก็อยากได้ยินชัด ๆ ”
พี่แฟรงค์ตอบกลับมา แล้วจ้องตาฉันแบบรอคอยสุด ๆ
“แต่งค่ะ”
จุ๊บ~
ทันทีที่ฉันพูดจบพี่แฟรงค์ก็ดึงหน้าฉันเข้าไปประกบจูบทันที แต่จูบรอบนี้มันเป็นจูบแบบจูบจริง ๆ ไม่ใช่แค่ปากแตะปากที่เราเคยทำกัน พี่แฟรงค์ค่อย ๆ ละเลียดริมฝีปากฉันเบา ๆ แต่ทุกสัมผัสแฝงไปด้วยความโหยหา จะแปลกไหมนะถ้าฉันจะบอกว่าจูบพี่แฟรงค์โคตรหวานเลย
“ไม่ให้คืนคำนะ”
พี่แฟรงค์ผละหน้าออกจากจูบ แล้วพูดบอกฉันชิดริมฝีปาก
อ่าา เสียงพี่แฟรงค์โคตรกระเส่าเลย ขิงมึงคิดบ้าอะไรเนี่ย!
“ทำไมหน้าแดงจัง นี่คิดจะทำมิดีมิร้ายพี่หรอ เด็กลามก! ”
ชีวิตหนอชีวิต ชีวิตอิขิงมันจะมีช่วงเวลาโรแมนติกได้ไม่ถึงสิบนาทีเลยสินะ พี่แฟรงค์พูดบ้าอะไรของมันเนี่ย ใครคิดอะไรไม่มี๊
“น้อยหน่อยเถอะ คนที่ต้องพูดคำนั้นคือขิงโว้ยย”
“ไม่ปฏิเสธ แปลว่าขิงคิดจะปล้ำพี่จริง ๆ สินะ ต้องโทรไปบอกแม่ล่ะว่าวันนี้จะเสียตัว”
ใครก็ได้ช่วยดึงสติของผู้ชายที่นั่งประจันหน้าฉันอยู่ตอนนี้ที ทำไมถึงเล่นใหญ่ขนาดนี้วะ
“ดี ถ้าจะโทรก็บอกแม่ด้วยว่าไม่มีบ้านให้อยู่เพราะคนแถวนี้ทำแปลนหาย”
ว่าจบฉันก็ตะเกียกตะกายลงจากตักพี่แฟรงค์มานั่งที่โซฟาดี ๆ เฮอะ มาบอกจะพาไปอยู่บ้าน แต่ทำแบบบ้านหาย มันใช้ได้รึไง!
“ไม่ได้หาย อยู่แถวนี้แหละ”
แหนะ ยังเถียง
“งั้นก็ไปหามาให้เจอเถอะ พูดอยู่นี่มันคงลอยมาหา”
ปิ๊ว~~
อยู่ๆ ก็มีกระดาษแผ่นนึงลอยมาตามลม เพราะฉันเปิดระเบียงห้องไว้ให้ลมเข้าน่ะ แต่จะไม่เป็นไรเลยถ้าพี่แฟรงค์มันไม่หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาแล้วหันมาบอกฉันว่า
“แต่มันลอยมาหาพี่นะ”
เชี่ยย จังหวะซิตคอม
“ลอยมาหาแบบนี้ สงสัยเป็นลางว่าให้รีบทำบ้านให้เสร็จแน่ ๆ ”
พี่แฟรงค์หันหน้ามาหาฉัน แล้วพูดประโยคต่อไปที่ทำฉันอยากจะกรี้ดออกมาลั่นคอนโด
“แต่กว่าจะทำบ้านเสร็จเนี่ยคงอีกนาน งั้นมาทำรักกันก่อนเถอะ”
พูดจบพี่แฟรงค์ก็อุ้มฉันพาดบ่าเดินเข้าไปในห้องนอนทันที
“อ้ากก ทำอะไรของพี่เนี่ย”
“ทำสัญญากับลางบอกเหตุไง”
“บ้านพี่เขาทำสัญญากันอย่างนี้รึไง! ”
ฉันตะโกนถามออกไปในจังหวะเดียวกับที่พี่แฟรงค์วางฉันลงบนเตียง แล้วตามมาคร่อมฉันไว้
“พี่นี่แหละจะเป็นคนเริ่มการทำสัญญาแบบนี้เอง”
“มันได้ที่ไหนกันเล่า! ”
“ได้เสมอ พี่บอกแล้วไงว่าพร้อมเสียตัวให้ขิงตลอด”
ใครเสียให้ใคร พูดดี ๆ นะโว้ยยย
“เนี่ย เดี่ยวหลังจากเสียตัวให้ขิงเสร็จพี่ก็จะโทรบอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ สุดท้ายขิงก็ต้องมาสู่ขอพี่นะ เพราะพี่บอบช้ำ”
“บอบช้ำบ้าบอบช้ำบออะไร! ”
“ไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่าบอบช้ำอะไร งั้นมาพี่จะทำให้รู้ว่าบอบช้ำอะไร”
“มันเป็นแค่คำสบทโว้ยย ไม่ใช่คำถาม”
พี่แฟรงค์มันแยกไม่ออกหรือไงกัน !
และหลังจากนั้นพี่แฟรงค์ก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดอะไรอีกเลย มีแค่บทรักอันหอมหวานที่ถ่ายทอดออกมาระหว่างฉันกับพี่แฟรงค์ สัมผัสจากพี่แฟรงค์อ่อนโยนและทะนุถนอมฉันไว้เป็นอย่างดี จะว่าฉันบ้าก็ได้นะ แต่ฉันอยากให้พี่แฟรงค์เสียตัวบ่อย ๆ จัง ฉันพร้อมยกขันหมากไปสู่ขอพี่แฟรงค์ทุกเวลาเลย
.
********************************************************************
แวะมาทักทายด้วยตอนพิเศษของน้องน้ำขิงกับพี่แฟรงค์ค่า
ที่แรกว่าจะลงตอนพิเศษสัก 3-4 ตอน แต่นี่กดนิยายจบไปแล้วเลยเพิ่มตอนไม่ได้
โปรเจคตอนพิเศษเลยต้องพับเก็บ ฮ่าๆ
อีกอย่างคือแวะมาฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยค่ะ ‘What in your mind? คิดอะไรกันแน่?’
เป็นแนวลึกลับ+รักโรแมนติก/รักวัยรุ่น+ดราม่านิดหน่อย แต่ฟีลกู้ดแน่นอน เอ๊ะ นี่มันนิยายหมวดไหน5555
นั่นแหละ ฝากด้วยน้าา เรื่องนี้แต่งยาวแน่นอน!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หวังว่าจะสร้างรอยยิ้มให้คุณได้นะคะ แค่มุมปากก็ยังดี :)
ขอบคุณมากๆนะคะ
สนุกมากค่ะเรื่องนี้สามารถสร้างรอยยิ้มบนใบหน้านี้ได้ค่ะ^^..เป็นกำลังใจให้ทำผลงานออกมาอีกนะคะ..>>
ปล.ไม่อยากให้จบเลยยย..ฮือๆ•~•..)
ส่วนเรื่องต่อไปอดใจรอก่อนนะะ