ตอนที่ 5 : น่ารักแปลว่าอะไร
4
ทำได้ก็แย่แล้ว
“อุ๋ง ตื่น”
“...อือ ขออีกสิบนาที”
“มึงสิบนาทีมาสามรอบแล้ว ลุก”
“ดีใจ...ได้โปรด”
“...ลุก”
ผ้าห่มสีขาวสะอาดตัดกับผ้าปูสีดำสนิทถูกดึงเหมือนแข่งชักคะเย่อ อุ๋งกอดผ้าห่มในมือเอาไว้แน่นทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา แปลงร่างเป็นหมีโคอาล่ายึดต้นยูคาลิปตัส ในขณะที่อีกฝ่ายก็กระตุกปลายผ้าห่มย้ำๆ
“แป๊บนึง...”
“น่าเบื่อสัส”
ปากบอกน่าเบื่อ แต่ดวงตาเรียวๆ นั่นกลับไม่ได้ไปทางเดียวกับคำพูดสักนิด แววตาเอ็นดูร่างสูงโปร่งที่นอนกอดผ้าห่มแน่น คิ้วเรียวขมวดเป็นปมด้วยความหงุดหงิดที่โดนปลุก เห็นแล้วก็ใจอ่อนอยากปล่อยให้นอนต่อ
แต่รอบนี้เขาใจอ่อนไม่ได้จริงๆ
ไม่งั้นอุ๋งเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน
“วันนี้ปีสี่ลงนะเว้ย”
“...”
“เฮดสันครับ มึงอยากโดนสั่งซ่อมเหรอ”
เขาน่ะ ไม่ได้มีหน้าที่ห่าเหวอะไรให้ต้องตื่นมาแต่เช้าตรู่แบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ไอ้คนที่อยากทำกิจกรรมนักหนา แถมเพื่อนๆ ก็ลงมติให้เป็นหัวหน้าฝ่ายสันทนาการของคณะกลับนอนหลับอุตุไม่ยอมแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาคุยกัน มีนัดตอนเก้าโมงครึ่ง ตอนนี้เก้าโมงแล้ว มันก็ยังไม่มีทีท่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนแต่อย่างใด
เออ...มันใช่เหรอ ถามจริง
เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเวรกรรม (พวกพี่ปีสี่) อิสฟอลโล่วยูมาแล้วจะหนาว
แต่ละคนก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป พอขึ้นปีสอง จากรุ่นน้องตัวน้อยก็กลายมาเป็นรุ่นพี่ที่คอยรับผิดชอบดูแลน้องปีหนึ่งรุ่นใหม่ อุ๋งรับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายสันทนาการ แทนทะเลเป็นหัวหน้าเฮดว้าก ส่วนดีใจเป็นฝ่ายกองประกวดดาวเดือน ด้วยเพราะตำแหน่งเดือนคณะ และรองเดือนมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว
เดินไปเปิดผ้าม่านสีทึบจนแดดแยงตาก็แล้ว ร่างโปร่งที่นอนขดอยู่บนเตียงก็ทำเพียงแค่หันหนีไปอีกทาง แล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมบังแสง จนดีใจต้องเดินวนกลับมาแล้วหรี่ตามอง
เข้าใจแหละว่าเพิ่งปิดเทอมวันที่สี่ แต่มึงจะนอนอุตุแบบนี้ไม่ได้
“อ่อยอู! (ปล่อยกู!)”
เอื้อมมือไปดึงแก้มอีกคนด้วยความหมั่นเขี้ยวปนหมั่นไส้ แรงดึงของดีใจก็ไม่ใช่แรงแบบเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แก้มของอุ๋งถึงกับโย้ไปตามแรง เจ็บจนต้องถลึงตาคาดโทษ แถมพอดีใจคลายมือออกก็ปรากฏริ้วแดงๆ พาดขึ้นบนแก้ม
แม่ง ไม่เคยจะอ่อนโยน
“ตื่น”
“รู้แล้วๆ”
น่ะ ปากบอกรู้แล้ว แต่เอาหัวกลมๆ จุ่มลงบนหมอนใบนุ่ม แถมดึงผ้าห่มขึ้นมากอดเสียอย่างนั้น
“รู้แล้วก็ลุก”
ดีใจดึงผ้าห่มอุ๋งแรงๆ อีกครั้ง ยื้อแย่งจนเจ้าตัวแทบกลิ้งตามผ้าห่มหล่นไปกองที่พื้น ดวงตากลมของอุ๋งฉายแววไม่พอใจ ทั้งง่วงนอน ทั้งขัดใจที่โดนก่อกวน
ไร้สาระมากกับกิจวัตรประจำวันที่ต่างฝ่ายต่างต้องสลับกันปลุกอีกคน แต่ก็มีแค่ดีใจที่รู้ว่าต้องปลุกด้วยวิธีไหนอุ๋งถึงจะยอมตื่น พอๆ กับที่มีแต่อุ๋งที่รู้ว่าต้องใช้วิธีไหนดีใจถึงจะยอมคลานไปอาบน้ำ
“น่าเบื่ออะ”
“มึงก็งี่เง่าอะ”
“เหอะ”
ริมฝีปากบางงุ้มขึ้นทันทีที่โดนด่าว่างี่เง่า อุ๋งกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนแทบจะทันที สองเท้ากระแทกปึงปังกับพื้นตอนที่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องน้ำ ปิดประตูดังปังด้วยความโมโห และได้ยินเสียงหัวเราะที่ชวนให้โมโหกว่าเดิมดังจากด้านนอก
งี่เง่าแล้วมาชอบทำไม!
“...”
“อุ๋ง”
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ต้องรีบบิดรถมายังหน้าคณะเพราะใกล้สายเต็มที จากปกติที่ขับสิบนาทีถึง วันนี้ทั้งอุ๋งทั้งดีใจพากันบิดถึงภายในสี่นาทีด้วยซ้ำ ไม่แน่ใจเลยว่าที่มาถึงมีแต่กายละเอียดรึเปล่า กายหยาบอาจจะปลิวไปกับท้องถนนแล้วก็เป็นได้
“...”
“อุ๋งๆ”
“ไม่ให้เรียก”
อะ งอนเป็นจริงเป็นจัง
ดีใจยิ้มขำเมื่อเขาพยายามจะเอื้อมมือไปดึงแขนของร่างโปร่งในชุดนักศึกษาเอาไว้ แต่กลับได้รับปฎิกริยาตอบกลับเป็นสายตาดุๆ พร้อมกับมือเรียวที่ปัดมือเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ขนาดมอเตอร์ไซค์ที่ปกติจะซ้อนกันมาเพื่อประหยัดน้ำมัน วันนี้เจ้าตัวยังฟึดฟัดขับแยกคันกันมา
ปกติก็ไม่ชอบให้ใครเรียกอุ๋งอุ๋งอยู่แล้ว ฟังแล้วเหมือนเวลาเรียกแมวน้ำให้มาเล่นบอลเป่าลม ที่ชื่ออุ๋งก็เพราะแม่ชอบแมวน้ำ ชอบเสียงเวลามันร้องว่าอุ๋งๆ แล้วก็เข้าใจว่าลูกคนแรกอย่างเขาน่ะจะเป็นลูกสาว แต่ดันโผล่มาเป็นลูกชายเสียอย่างนั้น เวลาใครมาเรียกล้อๆ ว่าอุ๋งอุ๋งเลยอยากจะเอาเท้ายันหน้าให้
แต่เพราะเป็นดีใจ อุ๋งถึงหยวนบ้างไม่หยวนบ้าง
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่พอเห็นรอยยิ้มหมาๆ ของดีใจ ก็ไม่รู้จะถือสาอะไร
แต่วันนี้ไม่ให้เรียกหรอก เขามันงี่เง่านักนี่
“อุ๋ง...”
“ไอ้อุ๋ง มานี่เลย ปีสี่มารอแล้ว”
แต่ก่อนจะได้ง้อต่อ เสียงแทนทะเลที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนคนอื่นอยู่ตรงใต้ตึกเรียนก็หันมาตะโกนเรียกอุ๋งเสียก่อนหัวหน้าสันทนาการก็รีบวิ่งไปตามเสียงเรียกของเพื่อน ไม่แม้แต่จะหันมามองดีใจ เดินหายเข้าไปตรงโต๊ะที่พวกรุ่นพี่นั่งรวมกันอยู่ ดีใจเลยต้องเดินไปหาแทนทะเลแทน
“ทำไมมันหน้าบูด ทะเลาะกันเหรอ”
“กูไปว่ามันงี่เง่า”
“เอ้า”
แทนทะเลทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ดีใจทันที ก็รู้ทั้งรู้แถมรู้ดีกว่าใครเลยปะวะว่าอุ๋งน่ะเกลียดที่สุดคือการโดนด่าว่างี่เง่า
“ก็มันว่ากูน่าเบื่อก่อน แค่กูไปปลุกมันอะ”
อะ อุ๋งก็อีกคน นี่ก็รู้ทั้งรู้เหมือนกันว่าดีใจไม่ชอบคำน่าเบื่อ
“อะไรของพวกมึงวะ งอนกันเป็นผัวเมียไปได้”
ดีใจไม่ตอบคำถาม อาจจะเพราะไม่รู้จะตอบอะไร ไม่ได้ตั้งใจปากหมา แต่ก็นั่นแหละ เพราะต่างคนต่างรู้จักกันดี การทำร้ายใจกันมันก็เลยง่ายไปด้วย
ไม่ถูกต้องเลยใช่มั้ย
แต่คนเราก็ชอบทำร้ายคนใกล้ตัวกันเสมอแหละ
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผลัดกับทำให้อีกคนรู้สึกแย่โดยไม่ตั้งใจ
“อุ๋ง...พี่ว่าไงบ้างวะ”
นั่งรอให้อุ๋งไปคุยกับรุ่นพี่อยู่พักใหญ่ เสียงของเพื่อนร่วมคณะที่เรียกอุ๋งดึงความสนใจของดีใจให้กลับไปที่รูมเมทร่างโปร่ง อุ๋งเดินออกมาจากโต๊ะของรุ่นพี่ปีสี่ หันไปยิ้มให้เพื่อนทุกคน ปรบมือสองสามครั้งเป็นเชิงเรียก
“มา ซ้อมกัน”
อุ๋งเดินผ่านดีใจไปโดยที่ไม่เหลือบมามองสักนิด ทิ้งตัวนั่งลงตรงข้างกับมือกลองคณะ กางสมุดโน้ตออกแล้วเริ่มแจงแจกตารางกิจกรรมจนดีใจรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กๆ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เลยได้แต่นั่งปั้นหน้านิ่งเป็นหลักศิลา
ดูสิว่าจะไม่สนใจกันได้นานแค่ไหน
“เมื่อกี้ไปคุยกับพี่มา เสนอให้ละที่บอกว่าอยากให้เปลี่ยนกิจกรรมบางอันออก ทีนี้พี่เขาเลยบอกว่าให้คิดมาว่าจะถอดอะไรแล้วจะเพิ่มอะไรแทน”
ดีใจเตรียมจะอ้าปากชวนคุย แต่โทรศัพท์ที่ดังขึ้นก่อนก็ทำให้เขาต้องละความสนใจ
เป็นข้อความจากกลุ่มดาวเดือนที่ถามว่าเขามามอไหม และตามให้เขาขึ้นไปประชุมบนตึกหน่อย ดีใจเลยต้องลุกออกไปก่อนอย่างเสียไม่ได้
“อุ๋ง นี่ข้าวจ้า”
ใครที่บอกว่าอุ๋งไม่สนใจดีใจ
ไม่จริงหรอก ไม่จริงเลย
“ขอบใจๆ เพื่อนคนอื่นได้ข้าวรึยัง”
“ได้แล้ว แจกจะครบละ”
“ขอไว้อีกกล่องหน่อย ใจ๋มันไม่อยู่”
หลังจากซ้อมและปรึกษางานกันจนเที่ยง กล่องข้าวทุกกล่องถูกส่งต่อกันเป็นทอดๆ เพื่อแจกจ่ายให้คนที่มาซ้อม ไม่ได้ขอเผื่อไว้เพราะเป็นห่วงหรืออะไรหรอกนะ ก็แค่ทำตามมารยาท เพราะมันขึ้นไปบนตึก เดี๋ยวก็กลับลงมาโวยวายว่าไม่มีข้าวกินอีก อุ๋งจัดการเปิดกล่องข้าวของตัวเองดูก่อนจะขมวดคิ้ว และอุ๋งก็ถือวิสาสะแอบเปิดดูของดีใจไปด้วยเพื่อความแน่ใจ
มือเรียวสะกิดเพื่อนร่วมคณะที่เดินแจกกล่องข้าวอีกครั้ง
“เดี๋ยวนะพาย”
“หือ อะไรเหรออุ๋ง”
“ขอเปลี่ยนหน่อย ใจ๋แพ้ แดกไม่ได้”
“เอ้ย เออว่ะ ขอโทษ ลืมเลย แต่ไม่มีที่ไม่ใช่ทะเลเลยว่ะมึง ปูนมันสั่งมาแต่หมึกกับกุ้ง”
“ไม่มีเลยเหรอ อ่า งั้นไม่เป็นไร”
อุ๋งว่าพร้อมกับยื่นกล่องข้าวผัดทะเลคืนให้เพื่อน พยักหน้าให้กับคำขอโทษที่ลืมไปว่ามีเพื่อนแพ้อาหารทะเลอยู่คนหนึ่ง แล้วก็ดันสั่งมาแต่ข้าวผัดทะเลกับกะเพรากุ้ง เขาเตือนให้ฝ่ายสวัสดิการรอบหน้าเช็กเรื่องนี้ให้ดีหน่อย เพราะอันนี้ยังดีที่เป็นแค่พวกปีสองประชุม หากเป็นกิจกรรมกับพวกรุ่นน้องแล้วละเลยเรื่องนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
คุยกับเพื่อนร่วมคณะเสร็จก็ถือกล่องข้าวสองกล่องของตัวเองไปวางไว้กับแทนทะเล
“แทน”
“ว่า”
“เดี๋ยวกูมา ถ้าพี่มาเรียกกูก็บอกกูไปทำธุระแป๊บ”
อุ๋งตัดสินใจหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่ดีใจทิ้งเอาไว้บนโต๊ะมา ฝากกล่องข้าวตัวเองไว้กับเพื่อน ก่อนจะหายไปเกือบยี่สิบนาที แล้วกลับมาพร้อมกับข้าวกะเพราไข่ดาวพิเศษไข่สองฟอง
“ไปไหนมาวะ”
“ขับรถเล่น”
ตอบแทนทะเลแล้ววางกล่องข้าวของหมายักษ์เอาไว้เนียนๆ ส่วนตัวเองก็นั่งกินข้าวเงียบๆ ไม่คิดจะพูดอะไรต่อ
โดยไม่รู้เลยว่าดีใจน่ะ กลับมาจากโดนเรียกได้สักพัก แล้วก็แอบยืนมองอยู่ตรงมุมหนึ่งมาพักใหญ่
พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ยิ้มเหมือนคนพี้ยาอยู่ตามลำพัง
อุ๋งก็เป็นซะแบบนี้อะ
จะไม่ให้รักได้ไงวะถามจริง
ต้องฮึบไว้รึไง
ดีใจทำเนียนเดินกลับไปที่โต๊ะ แทนทะเลที่นั่งจ้วงข้าวเข้าปากหรี่สายตาไปที่กล่องข้าวของเขาแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม
เนี่ย ขนาดแทนทะเลยังรู้ แล้วเขาจะไม่รู้เลยได้ไง
“พี่เรียกไปทำอะไรวะ”
“ให้กูไปดูน้องวันปฐมนิเทศว่ะ ว่ามีคนไหนเข้าตามั้ย จะให้ช่วยคัดมาประกวด”
ตอบแทนทะเลก่อนเปิดกล่องข้าวออก อมยิ้มหน่อยๆ เมื่อพบพริกน้ำปลาสองถุงในกล่องด้วย
เบื่อว่ะอุ๋ง
รู้ใจไปหมด เบื่อ
“เบื่อมึงว่ะอุ๋ง”
“อะไรอีกวะ”
“เบื่อ”
“ไม่แดกก็เอาคืนมา”
อุ๋งขมวดคิ้ว วางช้อนลงแล้วหันมามองดีใจ นี่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำป่ะ ทำดีแล้วยังโดนด่า ไอ้หมาเลี้ยงเสียข้าวสุกนี่
ดีใจเพียงแค่ยิ้มแล้วยกกล่องข้าวหนีเมื่ออุ๋งทำท่าจะดึงกล่องข้าวที่ซื้อมาคืน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมข้าวผัดกระเพราธรรมดาร้านเดิมแม่งโคตรอร่อย ไม่รู้เพราะว่าหิว เพราะไข่ดาวพิเศษสองฟอง พริกน้ำปลาสองถุง
หรือเพราะคนที่ซื้อมาให้
แต่จะเพราะอะไร ก็ขอบคุณ
“เบื่อ”
“อะไรของมึงเนี่ยใจ๋”
ก็เบื่อจริงๆ นี่หว่า
น่ารักให้น้อยหน่อยได้มั้ยวะ เบื่อ หัวใจเต้นแรงจะตายห่าแล้ว
“ใจ๋ พี่โอ๋บอกว่ากินเสร็จเดี๋ยวไปคุยต่อนะ”
“อือฮึ”
ขานรับภาพฟ้าที่เป็นดาวคณะคู่กับเขาที่เดินตรงมาสะกิดไหล่ แอบเห็นอุ๋งเหลือบมองภาพฟ้านิดหน่อย
ไม่ใช่อะไรหรอก ภาพฟ้าน่ะ สเป็กอุ๋ง
ขาว หน้าหมวย ตัวเล็ก ยิ้มสวย
ดีใจก็ขาวนะ ยิ้มสวย ตี๋ด้วย ถึงจะตี๋เป็นบางมุม บางมุมก็ดูคมๆ ก็เถอะ แค่บอดี้หมียักษ์เท่านั้นเอง
ไม่สนใจกันบ้างเหรอ กูก็ของดีคณะนะเว้ย
ดีใจปลีกตัวแยกขึ้นไปบนตึกอาคารเรียน ไปยังห้องประชุมดาวเดือนตามที่รุ่นพี่เรียก เหลือบมองมาด้านล่างตึกก็เห็นว่าอุ๋งเรียกรวมเพื่อนๆ เพื่อซ้อมสันทนาการต่อแล้วเช่นกัน
แอบยืนมองตอนที่อุ๋งนำเพื่อนร้องเพลงแล้วหัวเราะไปตามจังหวะ รอยยิ้มกว้างๆ นั่นไม่จางลงสักนิดแม้ว่าอากาศจะร้อนจนมีเหงื่อซึมตามหน้าผาก ดวงตาที่เป็นประกายนั่นดูจริงจังตอนที่แจกแจงจังหวะต่างๆ ของกิจกรรมให้เพื่อนฟัง และความจริงจังนั้นก็ทำให้ทุกคนตั้งใจไปด้วย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ถึงรักอุ๋ง
ไม่แปลกใจว่าทำไมใครๆ ล้วนลงมติให้อุ๋งเป็นหัวหน้าฝ่าย
“ใจ...ทำไร”
“หือ เปล่าอะ”
“ไปเร็ว”
ฟ้าสะกิดดีใจที่ยืนนิ่งพักใหญ่ พร้อมกับยิ้มแหยๆ ด้วยความเกรงใจ เธอก็กลัวโดนด่าเหมือนกันที่มาดึงความสนใจแบบนี้ แต่เธอก็กลัวพี่ปีสี่จะมาด่าก่อนเหมือนกัน ดีใจที่โดนเรียกก็เลยละสายตาจากคนข้างล่าง พอดีกับที่คนข้างล่างเงยหน้าขึ้นไป และเห็นแผ่นหลังกว้างลับตาไปไวๆ
ดีใจกับอุ๋งก็เป็นแบบนี้เสมอ
ไม่เคยพอดีกันสักครั้ง
อุ๋งปล่อยให้เพื่อนๆ ซ้อมเพลงกันไป ส่วนตัวเองก็นั่งเอาปากกาเคาะกับกระดาษ ขีดๆ ลบๆ แก้ๆ กิจกรรมสำหรับวันแรกพบตามคำแนะนำที่มีเพื่อนเสนอมาเพื่อหากิจกรรมที่ลงตัวที่สุด
maysa : อุ๋ง
maysa : เป็นยังไงบ้าง
เสียงโทรศัพท์ที่สั่นขึ้นมาพร้อมกับข้อความที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้ดวงตากลมต้องหลุบไปมองทางอื่น ท่ามกลางบรรดาเพื่อนๆ ที่กำลังตั้งใจจำเนื้อเพลง สมาธิของอุ๋งกระเจิงทันทีที่ได้เห็นข้อความนั้น
เป็นยังไงบ้าง...?
ถามทำไมวะ
ถ้าตอบว่ายังรักอยู่ จะกลับมาหรือยังไง
maysa : เราคิดถึง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อุ๋งงงง ทำไมน่ารักขนาดนี้
อุ๋ง ห้ามใจอ่อนนะ!!!
อุ๋งลูกกกกกก โอ๊ยยยยยยย
อร๊ายยยยยย
ไม่น่ะอุ๋ง อย่าใจอ่อนนะ
Cute cute
ก็น่ารักแบบนี้ไงอุ๋ง ดีใจถึงไปไหนไม่ได้น่ะ