10 คู่หู...คู่พิศดารของโลก
วันนี้จะพาไปดู 10 อันดับสัตว์โลกที่อยู่อาศัยกันแบบพึ่งพากันและกันแบบพิศดารค่ะ
ผู้เข้าชมรวม
559
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อันดับสิบ จะขอพาทั่นผู้ชมไปเที่ยวห้วงสมุทรแปซิฟิก ในช่วงปี ค.ศ.1980 มีนักวิทยาศาสตร์ 2 ท่านได้ค้นพบกับความสัมพันธ์พิสดารระหว่างปลาที่เรียกกันว่า สแนปเปอร์ หรือ ปลางับ กับสัตว์จิ๋วๆจำพวกพยาธิ โดยพยาธิเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในปากปลาเท่านั้น ไม่ได้อาศัยอยู่เฉยๆนะครับ ดันเกาะดูดเลือดที่ลิ้นปลาเป็นอาหารอีกด้วย มิช้ามินานลิ้นปลาก็หมดสภาพและหลุดไป เจ้าพยาธินี้ก็เลยทำหน้าที่แทนลิ้นช่วยปลากลืนอาหาร
ความจริงว่าไปแล้ว ปลามันไม่ได้ต้องการ เจ้าพยาธินี้หรอกค่ะ เป็นการหาประโยชน์ ของเจ้าพยาธิฝ่ายเดียว มิหนำซ้ำพอพยาธิตาย เจ้าปลาก็ต้องเด๊ดสะมอเร่ไปด้วย
มีเพื่อนหยั่งงี้ ไม่มีซะดีกว่า จึงจัดเป็นอันดับโหล่
อันดับเก้า ในห้วงน้ำจืดของทวีปยุโรป มี ปลาตัวผู้พันธุ์หนึ่งซึ่งมีนามขนานว่า ปลาขมขื่น ทั้งนี้ก็เพราะการสืบพันธุ์ของมันนั้นไม่ค่อยจะสุขสมเท่าไหร่ โดยต้องอาศัยหอยกาบมาเป็นผู้ช่วยในการหลอกล่อตัวเมีย เจ้าปลาตัวผู้จะว่ายเริงระบำ อยู่รอบๆหอยกาบ ทำให้หอยกาบจะเปิดอ้าออกโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ เจ้าปลาตัวเมียจะไม่สนใจเจ้า
ตัวผู้ แต่จะเขม้นมองไปที่หอย พอได้จังหวะมัน ก็จะใช้ท่อวางไข่ที่มีลักษณะยาวๆ แหย่เข้าไปใต้ ตัวหอยแล้ววางไข่ไว้ในนั้น ทันใดเจ้าตัวผู้ก็จะรีบ ถลันเข้าไปปล่อยเชื้อผสมทันที ไข่ที่ผสมแล้วจะอยู่ภายใต้ตัวหอยเหมือนกับอยู่ในตู้อบพักชั้นดี เพราะน้ำที่พัดผ่านหอยกาบอยู่ตลอดเวลานั้นจะป้อนออกซิเจนให้กับการฟักไข่ และหลังจากสองสัปดาห์ผ่านไป ลูกปลานับร้อยก็จะแหวกว่ายออกจากที่พักพิงยามเยาว์ของมันนี้
โดยที่เจ้าหอยกาบไม่ได้อานิสงส์ใดๆ จากงานนี้เลย จึงอยู่ในอันดับรองโหล่
อันดับแปด เรารู้กันดีว่า เจ้าสัตว์น้ำที่เรียกกันว่าปูเสฉวนนั้น จะเข้าไปอาศัยอยู่ในเปลือกหอยเปล่าๆ ที่มีน้ำหนักเบา เพื่อหลบให้พ้นภัยศัตรู โดยเฉพาะปลาหมึก ซึ่งชอบเขมือบมันยิ่งนัก แต่ กระนั้นเจ้าปูเสฉวน ก็ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงเสาะหาพันธมิตร มาช่วยคุ้มครองอีกต่อหนึ่ง นั่นคือดอกไม้ทะเล ซึ่งหนวดของมันประกอบด้วยเซลล์ ที่มีพิษ วิธีการสร้างพันธมิตรของเจ้าปูก็คือ ค่อยๆเอาดอกไม้ทะเลที่มีรูปร่างเหมือนพืช แต่แท้จริงเป็นสัตว์มาบรรจงติดตั้งบนหลังเปลือกหอยที่มันอาศัย จากนั้นก็บรรทุกดอกไม้ทะเลติดไปทุกหนแห่งเพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน ส่วนดอกไม้ทะเลก็ได้ อาศัยเศษอาหารที่เจ้าปูกินเหลือไว้
เป็นค่าจ้างการเป็นบอดี้การ์ดเคลื่อนที่
อันดับเจ็ด คราวนี้ขึ้นมาบนบก ยังทุ่งกว้างแห่งแอฟริกาบ้าง แม้ ยีราฟจะเป็นสัตว์คอยาว ที่มีพลังการเตะรุนแรง แบบว่าดีดกะโหลกสิงโตดังโพละได้ แต่มันก็มีศัตรูที่สร้างความเดือดร้อน รำคาญแสนสาหัส นั่นคือ ตัวเห็บที่คอยแทะดูดเลือดตามตัวของมัน เจ้ายีราฟจึงต้องพึ่งพานกที่เรียกว่า อ็อกซเพ็กเกอร์ ที่มีปากแดง นกชนิดนี้กินตัวเห็บเป็นดินเนอร์ ว่ากันว่า อ็อกซเพ็กเกอร์หนึ่งตัว สามารถจิกกินเห็บได้ถึงวันละกว่า 400 ตัว
โดยที่เป็นหนี้บุญคุณนกชนิดนี้ เจ้ายีราฟจึงตอบแทนด้วยการอนุญาต ให้อ็อกซเพ็กเกอร์สร้างรังอยู่บนหลังของมันได้ ซึ่งนอกจากจะไม่คิดค่าเช่าที่แล้ว ยังให้ถอนขนของมันไปทำรังได้อีกต่างหาก
อันดับหก ปลาบู่โกบีอาศัยอยู่ในโพรงก้น ทะเล โดยมีกุ้งดีดขันเป็นรูมเมต แต่โพรงที่มันทั้งสองร่วมกันอาศัย นี้จะมีกรวดทรายไหลเข้ามาอยู่เรื่อย ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้ ก็จะเต็มโพรงภายในไม่ถึงชั่วโมง ดังนั้น เจ้ากุ้งดีดขันจึงมีหน้าที่ เอาก้ามคีบและดันกรวดทราย ให้พ้นไปจากโพรงอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ โดยมีปลาบู่คอยเฝ้าพิทักษ์อยู่ใกล้ๆ และเจ้ากุ้งจะยื่นหนวดของมัน ไปแตะหลังปลาไว้ ยามใดที่ศัตรู กรายใกล้เข้ามา ปลาบู่จะพลิกตัวส่งสัญญาณให้คู่หูของมันรู้ตัว แล้วทั้งคู่ก็จะแว้บหายเข้าไปในโพรงโดยพลัน
มีบางครั้งที่เจ้ากุ้งออกไปหากินไกลโพรงจนหลงทาง เจ้าบู่ก็จะออกไปตามกลับมา ไม่เคยทอดทิ้งแยกมุ้งปลีกวิเวกแต่อย่างใด
อันดับห้า นกมธุรสมัคคุเทศก์ หรือ ฮันนี่ย์ ไก๊ด์ ชอบกินรวงผึ้งเป็นนักหนา แต่มันไม่สามารถฟันฝ่า ทะลุฝูงผึ้งเข้าไปได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือ จากสัตว์ที่ชอบกินน้ำผึ้งเหมือนกันนั่นคือ ตัวตุ่นกินผึ้ง โดยเมื่อเจ้านกไปพบรังผึ้งที่ไหน มันก็จะบินมาตามเจ้าตุ่น “เจอรัง ผึ้งแล้วโว้ย ไปเร้ว!” เจ้าตุ่นก็จะตามเจ้านกไป และใช้กรงเล็บอันแข็งแรง ของมันฉีกทลายรังผึ้ง มาเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย
ฝ่ายเจ้านกนำทาง ก็จะจิกกินน้ำหวาน และตัวอ่อนผึ้งไปพร้อมๆกับเจ้าตุ่น แต่ตัวมันเล็กกว่าจึงไม่ตกเป็นเป้าโจมตี มีบางครั้งเหมือนกันที่เจ้านกนำทาง พบรังผึ้งแล้วตามหาเจ้าตุ่นไม่เจอ มันจึงจำเป็นต้องหาพันธมิตรใหม่ นั่นคือมนุษย์! ชนเคนยารู้จัก เจ้านกนี้ดีและจะตามมันไป ทั้งนี้ หลังจากที่พวกเขาจัดการกับรังผึ้งได้แล้ว ก็จะแบ่งรังผึ้งส่วน หนึ่งเป็นค่าตอบแทนให้ กับนก
ไม่งั้นคราวหน้าไม่มาตามนะ จะบอกให้
อันดับสี่ ในทุ่งหญ้า กว้างใหญ่ของอเมริกานั้น มีสัตว์จำพวกหนูและแย้ขุดรูอาศัย อยู่เป็นอันมาก ขณะเดียวกัน เจ้าหมาป่าโคโยทและตุ่น ก็ชอบเขมือบหนูและแย้ หากทว่ามันไม่อาจไล่ตะครุบหนูและแย้ ที่ปราดเปรียวได้ทัน มันจึงต้องจับมือทำสัญญากัน โดยเจ้าตุ่นที่เชื่องช้าแต่แข็งแรง จะเป็นผู้ขุดรูหนูและ แย้ พอเจ้าหนูเผ่นหนีขึ้นจากรู เจ้าหมาป่าก็จะวิ่งไล่ตะครุบทันที ถ้าเจ้าหนูตะลีตะลานหนีกลับลงรูก็เสร็จเจ้าตุ่น
ทั้งนี้ โดยมีเงื่อนไขว่า เจ้าหมาป่าจะต้องไม่ หันกลับมาขย้ำเจ้าตุ่นเป็นอาหารโดยเด็ดขาด แม้ว่าจะหาหนูไม่เจอและหิวแค่ไหนก็ตาม มิฉะนั้นจะเลิกคบไปตลอดชาติ
อันดับสาม ว้าย! ทาแรนทูลา แมงมุมแม่ม่ายดำพิษร้ายกาจที่สุด ยังมีใครอยากเป็นเพื่อนคู่หูอีก ด้วยเรอะ สัตว์ทุกตัวเป็นอาหารของมันได้ทั้งนั้น ตั้งแต่นก หนู หรือแม้กระทั่งงูพิษ เจ้าทาแรนทูลาจะใช้เขี้ยวยาวครึ่งนิ้วของมันงับแล้วปล่อยพิษ ที่ทำให้เหยื่อของมันเป็นง่อยไปในทันที พิษของมันยังมีเอนไซม์ที่ย่อยสลายอวัยวะภายในของงูให้กลายเป็นของเหลว เพื่อว่ามันจะได้ดูดกินอย่างอร่อย นอกจากนี้ กบก็ยังเป็นอาหารโปรดอย่างหนึ่งของ ทาแรนทูลา
แล้วไฉนในโพรงของเจ้าแมงมุมพิษฉกาจตัวนี้จึงมีกบแก่ๆ ตัวหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆกับรังไข่ ของเจ้าแมงมุมเล่า!?
อ๋อ-เจ้ากบแก่ตัวนี้ทำหน้าที่พ่อบ้านให้เจ้าแมงมุมครับ มันจะคอยเฝ้าพิทักษ์ไข่แมงมุมไว้ ไม่ว่ามดหรือแมลงใดที่บุกรุกเข้ามาจะโดนเจ้ากบแก่จับกินหมด ส่วนเจ้ากบเองก็สามารถอาศัย อยู่ในโพรงแมงมุมได้ อย่างไร้ศัตรู ก็ใครเล่าจะ หาญบุกรังทาแรนทูลา
อันดับสอง มดตัวน้อยๆนั้นใครๆก็รู้ว่ามันมีพละกำลัง สามารถลากศัตรูที่หนักกว่ามันถึง 20 เท่า เอาไปเก็บเป็นเสบียง ไว้ในรังได้อย่างสบายๆ ประดาแมลงทั้งหลาย ล้วนหวั่นเกรงมันนัก อ้าว-แล้วหนอนตัวนั้นคลานกระดืบๆ อยู่กับกิ่งไม้ใกล้ๆรังมดได้ไง! ไม่รู้จักมัจจุราชหรือไง?
คำตอบคือ มีหนอนพิเศษชนิดหนึ่งซึ่งสามารถ ปล่อยสารเคมีไร้กลิ่นที่เป็นสารเสน่ห์หรือฟีโรโมน พอเจ้ามดสูดสารนั้นเข้าไปก็จะเกิดอาการงงงวยพิศวาส ซาบซ่านพากันมาเฝ้าปกป้องพิทักษ์เจ้าหนอน ส่วนเจ้าหนอนก็จะบีบน้ำหวานออกมาจากต่อมที่ปลายก้นของมันให้เจ้ามดลิ้มรส เล่นเอาเจ้ามดหลงใหลจนไม่เป็นอันไปทำหน้าที่ของมัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังช่วยกันสร้างรังให้เจ้าหนอนได้อยู่อาศัยอีกด้วยแน่ะ มันจะเอาใบไม้มาประสานด้วยยางเหนียวจากตัวอ่อนของมันจนเป็นรัง แล้วเชื้อเชิญเจ้าหนอนให้เข้าไปนิทราอย่างสุขารมณ์
อะไรจะปานนั้น
อันดับหนึ่ง กลับไปสู่ท้องมหาสมุทร แถบซีกโลกเหนืออีกครั้ง มีสัตว์ไม่กี่ชนิดที่สามารถอาศั ยอยู่ท่ามกลางความหนาวจัดแห่งนี้ได้ ฉลามกรีนแลนด์จัดเป็นอย่างหนึ่ง มันยังชีวิตอยู่ด้วยการกินซากเศษอาหาร ตามพื้นสมุทรลึกจากผิวน้ำถึงเจ็ดพันฟุต แต่บางทีก็พบมันกินของสดๆ อย่างปลาหมึกหรือแซลมอนเหมือนกัน แต่ที่น่าประหลาด คือ ฉลามกรีนแลนด์เหล่านี้ 80 เปอร์เซ็นต์ตาบอด!
สาเหตุมาจากพยาธิที่เกาะติดอยู่กับลูกตาของเจ้าปลา พยาธินี้จะแทะกินกระจกตาของปลาฉลาม และทำให้เกิดเป็นแผลฉกรรจ์จนฉลามตาบอดในที่สุด แต่เจ้าฉลามก็มิได้อาทรร้อนใจแต่อย่างใด เนื่องด้วยมันยังมีจมูกที่ไวสัมผัสแบบว่าซุปเปอร์เซนซิทิฟ สามารถใช้ในการล่าเหยื่อ ได้ดียิ่งกว่าใช้สายตาเสียอีก นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าเจ้าพยาธิมีคุณต่อฉลาม โดยการที่มันเกาะตุ้งติ้งอยู่ที่ตาฉลาม ทำให้ปลาบางตัวเห็นมันเป็นเหยื่อและโฉบเฉี่ยวเข้ามาใกล้ เลยหลุดเข้าปากไอ้จอว์ไป
ความสัมพันธ์ขนาดทำให้ตาบอด (เทียบ เท่ากับความรัก) เค้าจึงจัดให้ได้รางวัลที่หนึ่งไป ครอบครอง
+++++++++ขอขอบคุณหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 19 ก.พ.2548 ค่ะ+++++++++++
ผลงานอื่นๆ ของ White-Berry ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ White-Berry
ความคิดเห็น