คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ϟ Heart & Soul 002
“Falling in love Is like being struck by lighting”
— Anonymous
( fanart by. White Knight )
เสียงเคาะนิ้วกับโต๊ะไม้ดังต่อเนื่องเป็นจังหวะ...
มิร่าเจนนั่งเท้าคางหน้าบึ้งอยู่ที่กิลด์ เฉดสีน้ำเงินในดวงตากวาดสายตาไปรอบๆกิลด์ ทั้งๆที่ทุกอย่างก็เป็นปกติ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มิร่าเจนหายหงุดหงิดได้เลย
“ช่วงนี้มิร่าเจนดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะ” คาน่าละสายตาจากไพ่พยากรณ์ของตัวเอง
“ก็ช่วงนี้เธอถูกน้องๆทิ้งหมดเลยนี่นา เหอะๆ” เกรย์หัวเราะแห้งๆมองไปยังมิร่าเจนที่ปล่อยบรรยากาศหงุดหงิดรอบตัวจนใครก็ไม่อยากเข้าไปใกล้ในเวลานี้เลย
“เกรย์ เสื้อผ้าล่ะ” สิ้นคำคาน่าก็ตามด้วยเสียงโวยวายของเกรย์เหมือนทุกครั้ง
ใช่แล้ว สาเหตุที่ทำให้มิร่าเจนนั่งหน้าบูดหงุดหงิดหงุ่นหง่านอยู่นี้ ก็ไม่พ้นการที่ช่วงนี้สามพี่น้องสตราอุสที่มักจะตัวติดกันเป็นแฝดสยาม ต่างแยกย้ายและทิ้งให้พี่สาวคนสวยนี้ต้องอยู่คนเดียวทุกครั้ง
จากที่ปกติจะไปทำภารกิจแต่ละทีต้องมีน้องๆมางอแง กลับมาทีก็เจอรุมกอดรุมฟัดโดยน้องๆที่น่ารัก แต่ช่วงหลังมานี่ กลับมาก็ไม่เจอใคร เวลาจะไปยังไม่มีใครมาลาด้วยซ้ำ
น่ามาโมโหชะมัด!!
โดยเฉพาะ ลิซาน่า ที่ช่วงนี้เอาแต่ไปกกอยู่กับเด็กของเอลซ่าอย่างนัตสึ เลี้ยงไอ้ไข่มังกรประหลาดบ้าบออะไรก็ไม่รู้ บ้านช่องก็แทบไม่กลับ น่าหงุดหงิดจริงๆ
ส่วน เอลฟ์แมน แทนที่จะมาคอยออดอ้อนพี่สาวคนนี้ คอยมาหักห้ามไม่ให้พี่สาวคนนี้อาละวาด แต่เดี๋ยวกลับเอาแต่สนใจนกแก้วประหลาดหน้าตาโง่ๆนั่น ไม่กลัวพี่สาวคนนี้ไปอาละวาดที่อื่นแล้วรึไง!
โครม!!
“แว้กกกกก!!” มาคาโอและวาคาบะร้องลั่นหงายหลังล้มจากเก้าอี้แทบตั้งตัวหลบไม่ทันกับแรงขาดที่เตะฟาดลงมากลางโต๊ะ
“ทำอะไรน่ะ มิร่าเจน!” วาคาบะหันไปถามเจ้าของฝีมือของคนที่เพิ่งใช้โต๊ะของพวกเขาในการระบาดอารมณ์ไปมาดๆ เด็กสาวตัวสั่นแถมคิ้วกระตุก ก่อนจะลืมตาขึ้นดวงสายตาที่ทำให้คนมองหวาดผวา!
“หงุดหงิด!!” คำตอบสั้นๆ ก่อนที่มิร่าเจนจะเดินออกไปจากกิลด์ พร้อมความคิดกว่าร้อยแปดวิธีแสนโหดร้ายที่จะไปลากน้องๆตัวแสบที่บังอาจทิ้งเธอให้เฉาหงอยอยู่คนเดียวแบบนี้
แต่เพียงก้าวพ้นออกมาจากกิลด์ได้ไม่เท่าไหร่ สายตาของมิร่าเจนก็สะดุดเข้ากับบางสิ่งที่ทำเอาเธอตาแทบไม่กระพริบ
“บ็อก!”
“ลูกสุนัขเหรอ?” มิร่าเจนค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ๆลูกสุนัขตัวเล็กสีขาว ลูกสุนัขตัวนั้นค่อยๆลู่หางลง มันมองเด็กสาวด้วยดวงตากลมโตสีดำของมัน ดูเป็นประกายแวววับเหมือนมีม่านน้ำตาเคลือบอยู่
แตกต่างกับดวงตาสีน้ำเงินที่เป็นประกายของใครอีกคน
“นะ..น่ะ…” มิร่าเจนค่อยๆยื่นมือเข้าไปหา อุ้มเจ้าลูกสุนัขที่หูตกสั่นเทา ท่าทางหวาดกลัวเหมือนจะร้องไห้น่าสงสาร แต่สำหรับมิร่าเจนแล้ว เมื่อมองๆดูทำให้นึกถึงหน้าของใครบางคนตอนที่ร้องไห้
“น่ารักเหมือนนัตสึเลย!!” ก่อนที่เจ้าลูกสุนัขตัวนั้นจะถูกเด็กสาวกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนมันแทบจะขาดอากาศหายใจ แถมยังไม่มีช่องทางให้ได้ส่งเสียงร้องขอชีวิตเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
เสียงทุ้มแปลกประหลาดดังมาจากด้านหลัง เรียกความสนใจให้มิร่าเจนคลายแรงกอดและเป็นการช่วยชีวิตเจ้าสุนัขตัวน้อยจากอ้อมกอดเต็มรัก(?)ไปในคราวเดียวกัน มิร่าเจนได้ยินเสียงดนตรีจังหวะร็อคดังเล็ดลอดคลอเบาๆออกมาจากหูฟังซะก่อนจะได้เห็นหน้าของเจ้าของเสียงซะอีก เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ลัคซัส กลับมาแล้วเหรอ” เขาเพียงพยักหน้าแทนคำตอบ และถามกลับด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังลูกสุนัขในอ้อมกอดของมิร่าเจน
“เธอจะเอาเจ้านั่นไปทำอะไร”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงยะ?” มิร่าเจนหรี่ตามองไม่พอใจในคำพูดของลัคซัส ดูคำพูดนั้นเหมือนกับว่าหมอนั่นคิดว่าเธอจะเอาลูกสุนัขตัวนี้ไปต้มยำทำแกงอะไรเลวร้ายอย่างนั้นแหละ
“ก็ฉันเห็นเธอจะฆ่ามัน”
“ไม่ได้ฆ่าย่ะ!! ฉันไม่ใช่คนจิตใจด้านชาเหมือนยัยเอลซ่านะ!” ลัคซัสเหงื่อตกกับการพาดพิงถึงอริตลอดกาลแบบเด็กๆ
แต่จะว่าเด็ก ยัยนี่ก็เด็กกว่าเขาจริงๆนั่นแหละ...
“บ็อก บ็อก! แฮ่กๆ” ลูกสุนัขในอ้อมกอดของมิร่าเจนหอบลิ้นแฮ่กๆ ดวงตาของมันจ้องมองไปยังลัคซัสอย่างสดใส ทั้งหางที่กระดิกไปมา หูที่เคยลู่ก็ตั้งขึ้น ผิดกับตอนเจอเธอเมื่อกี้ลิบลับ
ไอ้สุนัขทรยศ!
“ฉันไม่ให้นายหรอกนะ!” มิร่าเจนสะบัดหนี กอดน้องหมาให้แน่นขึ้นแล้วถอยออกมาให้ห่างจากลัคซัส
ลัคซัสเลิกคิ้วด้วยควาไม่เข้าใจ “ฉันก็ไม่ได้คิดจะเอามันไปจากเธอสักหน่อย”
“ทั้งสองคน ทำอะไรกันน่ะ” เสียงของผู้มาใหม่ทำเอามิร่าเจนสะดุ้งโหยง เธอหันควับไปมองก่อนจะพบเด็กสาวผมสีแดงยืนเท้าเอวมองมายังเธอกับลัคซัส ก่อนที่ดวงตาของเอลซ่าจะเลื่อนลงมองลูกสุนัขสีขาวในมือ
“หือ? ลูกหมาของเธอเหรอ” มิร่าเจนเหงื่อตก ในหัวกำลังวิ่งพล่านไปมาเพื่อมองหาทางออก เธอจะให้เอลซ่ารู้ไม่ได้เด็ดขาด มันดูไม่เจ๋งเอาซะเลย ที่เธอจะมาเลี้ยงลูกสุนัขตัวกระจ้อยแบบนี้ มันดูไม่แข็งแกร่งเลยสักนิด
ตะ ตะ แต่ว่า! มันก็น่ารักเกินกว่าจะปล่อยไปนะ!
ทำยังไงดี คิดสิคิด มิร่าเจน เธอต้องคิดให้ออกสิ! มิร่าเจนหน้าเสีย มองซ้ายทีคว้าทีเพื่อหาทางหนีทีรอดหรือข้ออ้างดีๆสักอย่าง ฉับพลันหางตาก็เหลือบเห็นร่างสูงกว่าที่ยืนอยู่ด้านหลังมาโดยตลอด
ข้ออ้างดีๆสินะ...
ฟิ้วว~วว
เหมือนภาพช้า... ร่างของลูกสุนัขสีขาวตัวเล็กค่อยๆลอยตัวเหินฟ้าทะยานอากาศ ก่อนที่ตำแหน่งการโยนจะค่อยๆหล่นลงเข้าที่กลุ่มผมสีเหลืองทองแบบพอดิบพอดี
“ไม่ใช่ของฉันสักหน่อย หึ” มิร่าเจนเท้าเอวอย่างสง่างามพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างภูมิใจ
“เจ้านี่เป็นของลัคซัสตะหาก มันชื่อว่า อเล็กซานเดียร์ ยังไงล่ะ!!” รอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เธอนี่มันอัจฉริยะภาพจริงๆเลย มิร่าเจน สามารถคิดหาข้ออ้างทางรอดพร้อมทั้งตั้งชื่อให้มันด้วย
เก่งกว่าฉันไม่มีอีกแล้ว ต่อให้เป็นเอลซ่าก็ทำไม่ได้หรอกน่า!!!
“เฮ้ ยัยนี่เป็นบ้าอะไรน่ะ” เอลซ่าถามลัคซัสกับภาพของมิร่าเจนที่หัวเราะคิกคักอยู่กับตัวเองราวกับลืมโลกภายนอกไปชั่วขณะ
ลัคซัสไม่มีคำตอบ เพราะเขามีแต่ความงงงวยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ เหลือบตามองเจ้าตัวบนหัวที่หอบลิ้นแฮ่กๆอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรสักนิด
“ลัคซัส นายเลี้ยงสุนัขด้วยเหรอ?” เอลซ่าถาม หน้าตาแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อ นั่นทำให้มิร่าเจนต้องรีบออกตัว
“ก็แหงสิยะ ชื่อเหมือนกันซะขนาดนั้น บ่งบอกอยู่แล้วว่าเป็นตัวหมอนี่น่ะ!”
“เหมือนกันแค่ตัว x ตัวเดียวไม่ใช่หรือไง - -”
“จะมีแค่ตัวเดียวหรือครึ่งตัว แต่เหมือนก็คือเหมือนแหละน่า!” มิร่าเจนกอดอกพูดเสียงดังกลบเกลื่อน สะบัดหน้าน้อยๆเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามอื่นที่อาจทำให้เธอหมดหนทางรอด
ลัคซัสเอาลูกสุนัขนาม ‘อเล็กซ์ซานเดียร์’ ลงจากหัวของเขา มองมันที่หน้าตาชื่นมื่นร่าเริงกับขนสีขาวนุ่มมือ ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าของเขาจะมองไปยังร่างเล็กกว่าของเด็กสาวที่อยู่ไกล
“ใช่” จู่ๆลัคซัสก็ตอบโพร่งขึ้นมาหลังจากเงียบอยู่นาน เขายกยิ้มมุมปากอย่างสนุกสนานก่อนจะกล่าวต่อ “แต่เจ้านี่นามสกุล ‘สตราอุส’ นะ”
“อะไรนะยะ!!”
“หือ?” เอลซ่าเลิกคิ้วอย่างสนใจ
“ก็สีขาวกับสีเงิน” ลัคซัสเหล่ตามองสลับไปมาด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้อยู่นะ”
มิร่าเจนกำหมัดแน่น มองอีกคนสูงกว่าแบบไม่สบอารมณ์ นี่หมอนี่กำลังบอกว่าเธอเหมือนลูกหมาหรือไงกันยะ?!
ทางลัคซัสที่มักมีใบหน้าเรียบเฉยเสมอ ในตอนนี้กลับส่งยิ้มเยาะแสนสนุกที่ได้แกล้งอีกคนคืน โดยเฉพาะการได้มองต่ำลงไปเพราะส่วนสูงนี่สร้างความสะใจให้ไม่น้อยเลย
ก็ยัยนี่เล่นแสบๆก่อนนี่นา เขาก็แค่เอาคืนเล็กๆน้อยๆเอง
“แหม ทั้งสองคนนี่ถึงขั้นนี้กันแล้วเหรอ” เอลซ่าหัวเราะยิ้มแสนร้ายกาจ มองทั้งสองสลับไปมาพร้อมกับที่ระเรื่อแดงเล็กน้อย
“คิดอะไรของเธออยู่ยะ ยัยหมูอ้วน!” ความสงบสุขพังทลายลงทันทีที่สิ้นคำ การตะลุมบอมของจอมเวทย์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองของแฟรี่เทลก็เปิดฉากขึ้นที่หน้ากิลด์อีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงร้องเชียร์สนใจจากคนอื่นๆในกิลด์ที่เริ่มทยอยออกมาชม
ลัคซัสถอนหายใจหนัก เขาเลือกที่จะกระชับอเล็กซ์ซานเดียร์ให้แน่นพอดีมือแล้วเดินหลีกเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นแทน
“วุ่นวายซะจริง”
หลังจากวันนั้น มิร่าเจนก็ได้แอบเลี้ยงเจ้าสุนัขตัวน้อยนาม อเล็กซ์ซานเดียร์เอาไว้ โดยที่ไม่มีใครรู้นอกจาก ลัคซัส ที่มิร่าเจนนั่งยันนอนยันว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายมัดมือชกเขาไว้คนเดียว แต่อีกฝ่ายก็ดูเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะปฎิเสธเลยยอมร่วมมือแต่โดยดี
มิร่าเจนค้นพบว่าการได้เลี้ยงสัตว์อะไรสักอย่างมันดียังไง ไม่แปลกใจที่ลิซาน่าไปติดอยู่กับนัตสึในการฟักไข่แฮปปี้ หรือ การที่เอลฟ์แมนเอาใจใส่นกแก้วหน้าตาโง่ๆตัวนั้น
แต่ก็ติดปัญหาอยู่ไม่กี่อย่าง....
“แล้ว?” ลัคซัสเลิกคิ้วสูง มองเด็กสาวหน้าหงอยเหงาที่อุ้มลูกสุนัขที่หูตูบพอๆกัน
“ฝากไว้กับนายได้หรือเปล่า” เฉดสีน้ำเงินเข้มในดวงตากลมโตหงอยลงเช่นเดียวกับน้ำเสียง ก่อนหน้านี้เธอก็แอบเลี้ยงน้องหมาได้เองตลอดโดยไม่ให้น้องๆหรือใครรู้ (แหงล่ะ กลัวโดนล้อนี่นา) แต่เพราะมีภารกิจที่ต้องออกไปทำ แถมดูแล้วจะกินเวลานานซะด้วย เธอจึงไม่มีทางเลือกแล้วอุ้มเจ้านี่มาหาคนๆเดียวที่รู้เรื่องนี้
ลัคซัสมองดูเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าเขาเอง มองดวงตาสีเคยมั่นอกมั่นใจเสมอที่หมองหม่นลง ใบหน้าสวยงามที่เคยคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับบึ้งตึงและเต็มไปด้วยความกังวล เธอกอดอเล็กซ์ซานเดียร์ไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง
ลัคซัสถอนหายใจ…
“ก็ได้”
“จริงเหรอ?!” เฉดสีน้ำเงินเข้มในดวงตาของมิร่าเจนเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวทวนซ้ำอีกครั้งอย่างสดใสเพื่อให้แน่ใจในคำตอบ
“ก็.. ไม่มีทางเลือกนี่” ลัคซัสยักไหล่เบาๆ
“ขอบใจนะ ลัคซัส!” เสียงหวานใสกลับมาร่าเริงอีกครั้ง เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าน่ารักของอีกฝ่าย ตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น ถึงจะแค่แปปเดียว
แต่ลัคซัสก็รู้สึกแปลกๆ ในหัวใจของเขาเอง
ลัคซัสสะบัดหัวเบาๆ หวังไล่บางอย่างที่ผิดปกติออกไป แล้วรับช่วงต่ออเล็กซ์ซานเดียร์จากเธอ มันดูดีอกดีใจที่ได้เจอเขา เหมือนกับครั้งแรกที่เจอกันไม่มีผิด
“ไว้ฉันจะรีบทำภารกิจแล้วกลับมานะ ไปล่ะ” มิร่าเจนโบกมือลา รีบวิ่งออกไปเพื่อมุ่งสู่ภารกิจ
“เฮ้ๆ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก!” ลัคซัสตะโกนไล่หลังคนรีบร้อน ทำให้มิร่าเจนหยุดแล้วหันกลับมาอีกครั้ง
“อะไรเหรอ?” มิร่าเจนหยุดยืน เส้นผมสีขาวพลิ้วปริวไปกับสายลมอ่อนจางจนหญิงสาวต้องทัดผมที่บดบังทัศนียภาพ เธอเห็นลัคซัสคลี่ยิ้มอ่อนใจเล็กน้อย ก่อนที่หัวใจของเธอจะถูกอาบด้วยม่านความอบอุ่นในน้ำเสียงทุ้มของเขา
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ลัคซัส หน้าตาไม่สดชื่นเลยนะ” เสียงเป็นห่วงของเลวี่เอ่ยถาม เมื่อเธอเห็นลัคซัสที่มากิลด์ในวันนี้ด้วยสีหน้าอิดโรยเหมือนคนอดนอน แถมยังปล่อยรัศมีหงุดหงิดจนทำเอาคนอื่นๆหวาดกลัวไปหมด
ลัคซัสมองเลวี่ที่กล้าๆกลัวๆแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง เขาจึงวางมือที่ใช้เท้าคางเซ็งๆออก แล้วรีบตอบออกไป “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
“เลวี่! มาด้วยกันหน่อยสิ” เสียงเรียกของดรอยทำให้เลวี่ที่ตั้งท่าจะถามต่อหยุดไป เธอจึงเลือกที่จะเดินไปหาพวกเขาและปล่อยลัคซัสเอาไว้ ซึ่งเขารู้สึกขอบคุณอยู่ในใจเพราะเขาคงโกหกต่อได้ไม่นาน(และไม่เนียนด้วย)
สาเหตุที่ทำให้เขาอิดโรยเซ็งหน่าย ไม่ใช่อะไรนอกเหนือจากภาระที่คนไม่อยู่ที่นี่ทิ้งเอาไว้ให้ อเล็กซ์ซานเดียรเป็นลูกสุนัขที่ซุกซนจนเขาแทบบ้า มันวิ่งพล่านหนีเขาตลอดทั้งคืน กว่าจะกล่อมกันจนสงบได้ เขาก็เห็นแสงสว่างร่ำไรของพระอาทิตย์วันใหม่แล้ว
“ลัคซัส” เสียงเล็กๆที่เรียกชื่อเขาทำให้ลัคซัสหันกลับไปมอง เด็กสาวตัวเล็กที่หน้าตาละหม้ายคล้ายคลึงกับคนที่ทิ้งปัญหาไว้ให้เขา ไม่ใช่ใครอื่นน้องสาวของมิร่าเจนนั่นเอง
“มีอะไร?”
“เห็นนัตสึบ้างหรือเปล่า”
“ไม่นี่”
“งั้นเหรอ” ลิซาน่าเท้าเอวแก้มป่อง “นัตสึนี่นิสัยไม่ดีเลย! แอบเอาแฮปปี้ไปเล่นคนเดียวอีกแล้ว!” คำพูดของลิซาน่าทำให้ลัคซัสคลายความสงสัยที่ช่วงนี้ไม่เห็นเจ้าเด็กบ้านัตสึมาวุ่นวายรอบๆตัวเขา สาเหตุมาจากแมวสีฟ้าที่ก่อนหน้านี้ถูกเข้าใจว่าเป็นไข่มังกร
เออ แล้วไหงแมวมีปีกได้ฟะ?
“ขอบคุณนะคะ” ลิซาน่าเอ่ยพร้อมโค้งตัวให้เล็กน้อย เธอเองก็ไม่ค่อยสนิทกับคนๆนี้เท่าไหร่ แค่เคยได้ยินพี่พูดให้ฟังอยู่บ้างก็เลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นไร แต่เธอก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายรั้งเธอไว้
“เดี๋ยว!”
“คะ?” ลิซาน่าเอียงคอสงสัยมองคนสูงกว่า ลัคซัสดูเหมือนลังเลอะไรบางอย่าง อ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมพูดออกมา
“เวลาจะเลี้ยง เอ่อ... แมว หมายถึง... แฮปปี้ มัน เอ่อ... ต้องทำยังไงบ้าง” ลิซานน่ากระพริบตาปริบๆ ก่อนที่ใบหน้าใสซื่อของเด็กน้อยจะคลี่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่พอได้เห็นก็ทำให้ลัคซัสได้รู้ถึงสายเลือดอันเข้มข้นของพี่น้องสตราอุสทันที
“แหม แหม พวกพี่นี่ไวไฟกันจริงๆเล— โอ๊ยๆ” เสียงแซวเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็นเสียงร้องโอดครวญทันทีเพราะลัคซัสกำปั้นอ่อนๆแล้วขยี้ขมับของลิซานน่าด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะยอมปล่อยเมื่อพอใจแล้ว
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำเป็นรู้ดีน่า” เขาเห็นเด็กหญิงบ่นพึมพำอะไรสองสามคำ ก่อนจะยอมพูดคุยดีๆเพราะไม่อยากจะต้องเจ็บตัวอีก
“การจะเลี้ยงอะไรสักอย่าง อย่างแรกเลยก็ต้องมีความรัก”
“ความรัก?” ลัคซัสทวนคำอีกครั้ง
“ใช่แล้ว”
“จำเป็นด้วยเหรอ?”
“ไหงถามแบบนั้นล่ะ?” ลิซานน่าขมวดคิ้ว ตอบคำถามด้วยคำถาม
“การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต มันก็แค่ต้องการอากาศก็แค่หายใจ ต้องการอาหารเพื่อเจริญเติบโต ต้องการน้ำเพื่อเติบเต็ม ความรักมันเป็นความรู้สึก ที่จะมีหรือไม่มีมันก็คงไม่มีผลอะไรนี่” ลัคซัสตอบคำถามนั้นด้วยความจริงที่เขาเชื่อมาโดยตลอด เขามองว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึก และความรู้สึกเป็นอะไรที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากความสัมพันธ์บางอย่าง เขาไม่เห็นว่าสำหรับการเลี้ยงดูอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะกับสัตว์เลี้ยงจะจำเป็นเลย
“ทำไมถึงได้พูดจาเย็นชาแบบนั้นล่ะ” เสียงของเด็กน้อยหดหู่ลง สีหน้าของลิซานน่าที่มองมายังเขามันเศร้าสลดจนเขาอดสงสัยไม่ได้
“ทำไมล่ะ มันเป็นความจริง”
“ความผูกพัน การเอาใจใส่ การให้อภัย ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้ มันต่างล่อหลอมมาจากความรักทั้งนั้น” ลิซาน่าพูดพลางกุมมือกันไว้
“เราสามพี่น้อง ถึงจะไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่เลย แต่เราก็มีความรักให้กัน เพราะงั้นพี่ถึงได้พยายามปกป้องเรา เหมือนกับที่พวกเราพยายามจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อจะได้ปกป้องพี่บ้าง” ลัคซัสรู้ตัวทันทีว่าเขาเผลอพูดอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจของลิซาน่า เมื่อลองย้อนคิดดูถึงสิ่งที่สามพี่น้องต้องผ่านกันมาจนกว่าจะมาถึงที่นี่ มันยากลำบากไม่น้อย แบบที่เขาอดสงสารไม่ได้ถ้าหากต้องนึกภาพว่าพวกนี้ไม่โชคดีมาที่แฟรี่เทล
เพราะงั้นในวันนั้น เขาถึงตัดสินใจจะรั้งมิร่าเจนให้อยู่ต่อ...
“แค่ให้น้ำ ให้อาหาร มันก็อยู่รอดแล้วน่ะ เป็นความจริงอย่างที่ลัคซัสคิดนั่นแหละ แต่ว่านะ... มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก กับแค่สิ่งพวกนั้น ไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยงดูมันก็หาเองได้อยู่แล้ว” ลิซานน่าหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะยิ้มออกมาหาทางลัคซัส
“แต่ถ้าพูดว่าจะเลี้ยงดู แค่นั้นมันไม่พอหรอกนะ” ลัคซัสมองรอยยิ้มของเธอ เขาพอจะเข้าใจอะไรอยู่บ้างนิดหน่อย เขาวางลงบนหัว ขยี้ผมสั้นเบาๆ ที่อีกฝ่ายไม่ชอบด้วยเลย
“ปล่อยนะ อย่าขยี้หัวสิ!”
“ขอบใจนะ”
“เอ๊?” ลิซานน่าเงยหน้ามองคนสูงกว่าด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ร่างของลัคซัสจะเดินหายออกจากกิลด์ไป
ลัคซัสกลับมาที่บ้านอีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าจนลึกเต็มปอด เพื่อพร้อมเผชิญกับอเล็กซ์ซานเดียรที่เขาคาดว่ามันคงตื่นมาแล้วแน่
เป็นอย่างที่คิดเมื่อเปิดเข้าไป แต่ที่ไม่ได้คิดไว้คือสภาพของห้องเขาที่พังเละเทะ ทั้งเศษผ้าม่านกระจุยกระจาย โซฟาหนังที่ขาดลุ่ยจากการตะกายเล็บ ข้าวของเกะกะอยู่เต็มพื้น และที่สำคัญที่สุดคือไอ้ก้อนดำๆที่ส่งกลิ่นเหม็นที่เตียงของเขา
กระแสไฟฟ้าก่อตัวขึ้นอยู่บนหน้าฝ่ามือของเขา ลัคซัสจ้องเขม็งไปที่เจ้าตัวการที่ส่ายหางดุ๊กดิ๊กทำตาแป๋วอยู่กลางห้อง ก่อนที่มันจะค่อยๆสั่นผวาทันทีเมื่อเห็นแววชะตาขาดเข้ามาใกล้
“แกนะแก.....”
“การจะเลี้ยงอะไรสักอย่าง อย่างแรกเลยก็ต้องมีความรัก”
เสียงของลิซาน่าที่เขาได้ยินมาทำให้เขาหยุดสายฟ้าที่ก่อตัวขึ้นที่มือ ก้มลงมองเจ้าลูกหมาที่ตัวสั่นเทาหูตูบอยู่กับพื้น มันก้มตัวติดแนบกับพื้น สั่นระริกหวาดกลัวไร้สิ่งใดปกป้องมันได้
“เฮ้อ...” ลัคซัสถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงไปแล้วอุ้มมันขึ้นมา อเล็กซ์ซานเดียร์กลัวที่จะสบตากับเขา ใช้เวลาอีกสักพักกว่ามันจะยอมหยุดสั่นแล้วมองหน้าเขาอีกครั้ง
“แกนี่มันแสบสันเหมือนเจ้าของแกไม่มีผิด” อเล็กซ์ซานเดียร์คงไม่เข้าใจ มันถึงได้ทำสีหน้าขี้สงสัยขนาดนั้น ลัคซัสยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะกอดมันไว้หลวมๆแล้วมองสภาพห้องที่พังเละของตัวเอง
“เอาล่ะ จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี”
มิร่าเจนเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นทุกที ยิ่งได้เห็นเมืองแม็กโนเลียเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ฝีเท้านั้นเร่งขึ้น หากแต่เป้าหมายไม่ใช่กิลด์หรือบ้านของเธอเองด้วยซ้ำ หากแต่เป็น...
“อเล็กซ์ซานเดียร์!!” มิร่าเจนเปิดประตูอย่างแรง สีหน้าเปล่งประกายกับการเฝ้ารอที่จะได้เจอกับน้องหมาที่รัก แต่ว่าเจ้าอเล็กซ์ซานเดียร์ที่วิ่งดิ่งมาหาเธอตามเสียงเรียกทำเอามิร่าเจนกรี๊ดลั่น
“ทำไมมันเลอะเทอะแบบนี้!!” มิร่าเจนย่อตัวอุ้มอดีตลูกสุนัขขนขาวที่ตอนนี้ตัวเปื้อนจนแทบไม่เหลือพื้นทีให้เห็นขนสีขาวดั้งเดิมของมันเลย
“เสียงดังชะมัด”
“ลัคซัส!” ทันทีที่ร่างสูงโผล่พ้นออกมา มิร่าเจนก็ไม่รีรอที่จะชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่ายเลย
“ทำไมอเล็กซ์ซานเดียร์ถึงได้เลอะเทอะแบบนี้ล่ะ?!”
“ก็เพราะมันซนไง” เขาตอบง่ายๆ ก่อนจะเดินมาแบมือตรงหน้าเธอ
“อะไรยะ?”
“ก็จะเอามันไปอาบน้ำไง”
“นายเนี่ยนะจะอาบน้ำให้มัน?!” มิร่าเจนตาโต
“มีปัญหา?”
“แหงล่ะ ฉันกลับมาแล้ว ฉันจะอาบให้มันเอง!” มิร่ากำลังจะหันหลังกลับไป แต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าไหล่ลากถอยหลังมาจนแทบล้ม
“ทำอะไรเนี่ย ลัคซัส!”
“เธอจะอาบเองก็เชิญเถอะ แต่ฉันเตรียมของไว้หลังบ้านแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ อาบที่นี่แหละ” มิร่าเจนกระพริบตาปริบๆ หลังจากที่ลัคซัสปล่อยมือเธอจึงเดินตามเขาไปที่บริเวณหลังบ้าน
พื้นหญ้าไม่ใหญ่ไม่เล็ก กะลามังไม้วางอยู่พร้อมกับน้ำ ข้างกันมีขวดยาอาบน้ำสำหรับสุนัขวางไว้อยู่ พร้อมด้วยเก้าอี้เตี้ยที่ลัคซัสหิ้วเอามาวางเพิ่ม
“นี่นาย เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยเหรอ”
“เปล่าหรอก ไปยืมป้าบ้านข้างๆมาน่ะ” ความประทับตอนแรกลดลงเล็กน้อย แต่มิร่าเจนก็ยังรู้สึกดี ตลอดสามวันที่ไปทำภารกิจ เธอกังวลเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะดูแลอเล็กซ์ซานเดียร์ไม่ดี เพราะเขาดูเป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังออกไปทำภารกิจบ่อยๆด้วย แอบคิดด้วยซ้ำว่าตอนที่เธอกลับมา อาจจะเจออเล็กซ์ซานเดียร์ที่ถูกทิ้งให้หิวโซก็ได้
แต่ดูเหมือนฉันจะมองเขาแย่เกินไป รู้สึกผิดเลยแหะ
“บ็อกๆ” อเล็กซ์ซานเดียร์ส่งเสียงดีใจ ดูเหมือนมันจะไม่ได้กลัวน้ำแต่อยากจะเล่นซะมากกว่า หูตั้งและหางที่ส่ายระรัวคงเป็นหลักฐานอย่างดี มิร่าเจนหัวเราะเบาๆก่อนจะลูบหัวมันเบาๆ
“มามะ อาบน้ำกันดีกว่านะ” มิร่าเจนเดินดิ่งไปที่กะลามังไม้ที่วางอยู่ หย่อนเจ้าสุนัขตัวเล็กลงไป ก่อนจะหยิบขวดยาอาบน้ำขึ้นมา ค่อยๆละเลงและเกาให้มันเบาๆจนขึ้นฟอง
“อาบเป็นด้วยเหรอ” ลัคซัสเดินเข้ามามองใกล้ๆด้วยความแปลกใจ
“แหงสิ ฉันเก่งอยู่แล้ว!” มิร่าเจนเปรยยิ้มอย่างภูมิใจ เชิ่ดหน้าด้วยความมั่นใจ เล่นเอาคนที่มองอยู่อดหมั่นไส้ไม่ได้
โครม!
เสียงโครมของน้ำที่กระจายออกมาหลังจากที่ถูกแรงยันจนหน้าทิ่มลงไป มิร่าเจนเงยหน้าขึ้นมาจากกะลามังน้ำ พ่นฟองสบู่ที่เปื้อนปากอยู่ให้ออกไป ไหล่สั่นระริกพร้อมกับฝ่ามือที่กำมัดไว้
“ลัคซัส!!” เจ้าของชื่อยืนยิ้มอยู่ไม่ห่าง เขายักไหล่ส่งให้อย่างไม่เดือดร้อนใจ
“ก็เห็นเพิ่งกลับมาจากภารกิจเหนื่อยๆ เลยคิดว่าอยากอาบน้ำ”
“บ็อกๆ”
“เห็นไหม อเล็กซ์ซานเดียร์เห็นด้วยกับฉันแหน่ะ” มิร่าเจนอยากจะเทคโอเวอร์แล้วขย้ำคอเจ้าสุนัขไม่รักดีนี้พร้อมๆกับไอ้คนยียวนกวนประสาทนี่ไปซะพร้อมๆกัน มือขาวคว้าเอาก้อนดินใกล้มือก่อนจะปาออกไปจนสุดแรง
โผ๊ะ!!
ได้ผลทันที เมื่อคนที่ยืนยิ้มกลั้นหัวเราะอยู่ไม่ทันได้ระวังตัว โคลนดินที่พุ่งเข้ามาเต็มปากทำเอาลัคซัสนิ่งเงียบงัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะแสนสะใจของมิร่าเจนและเสียงร่วมกันของอเล็กซ์ซานเดียร์
ลัคซัสกระตุกยิ้มเหี้ยมพลางปาดโคลนดินที่เปื้อนอยู่ออก
“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม มิร่าเจน!”
หลังจากนั้นสงครามขนาดย่อมก็เกิดขึ้นระหว่างชายหญิง ปะปนไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงโครมครามที่คนทั่วไปพากันส่ายหน้า ลูกสุนัขตัวน้อยก็เอาแต่ช่วยส่งเสียงร่วมไปกับเจ้านายของมัน แทนที่จะได้สะอาดก็กลายเป็นว่าเลอะเทอะเละเทะกันทั้งคู่
แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาทั้งคู่ก็มั่นใจได้เลยว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำของกันและกันที่ไม่มีทางลืมได้เลย
ลัคซัสหมุนไหล่เบาๆคลายความเมื่อยล้าระหว่างที่กำลังเดินทางกลับจากภารกิจ เขาตัดสินใจจะกลับบ้านแทนที่จะแวะไปกิลด์ก่อน นอกจากความเมื่อยล้า สาเหตุอื่นจากนั้นคือเขาไม่อยากโดนมิร่าเจนลากให้ไปเจอเจ้าอเล็กซ์ซานเดียร์ที่มักจะดีอกดีใจเหลือเกินทุกครั้งที่เห็นเขากลับมา เขาเหลือบตามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มด้วยเฆมดำ ซึ่งคงเป็นสาเหตุของเสียงดังที่แทรกเข้ามาในหูฟังที่กำลังเล่นเพลงร็อคของเขาอยู่
“ดูท่...” ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ห่าฝนลูกใหญ่ก็เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ลัคซัสรีบวิ่งเข้ามาหน้าร้านสักแห่งเพื่อใช้กันฝนก่อนชั่วคราว
เสื้อของเขาเปลียกฝนนิดหน่อย แต่แผนที่จะมุ่งกลับบ้านคงต้องเปลี่ยนไปสักหน่อย เมื่อดูจากสภาพการณ์แล้ว คงอีกนานแน่กว่าฝนจะหยุดตก
จากตรงนี้ การกลับไปหลบฝนที่กิลด์คงจะดีกว่าผ่าฝนกลับไปบ้านแน่ๆ
คิดได้ดังนั้น ลัคซัสจึงถอดหูฟังเก็บลงใส่กระเป๋า แล้วออกวิ่งตรงดิ่งมายังกิลด์ เม็ดฝนครั้งนี้ใหญ่และแรงทำให้นอกจากจะรู้สึกหนาวเย็นแล้วยังรู้สึกเจ็บอีกด้วย เขาเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นเพื่อจะหลีกหนีจากมัน
“หือ?” ลัคซัสหรี่ตามอง บางสิ่งที่วิ่งสวนออกมาจากหน้าประตูกิลด์ที่อยู่ไม่ไกล เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสีเงินตัดสั้น
“ลิซานน่า?!”
“ลัคซัส!”
“จะออกไปไหนเวลานี้ รีบเข้าไปหลบในกิลด์สิ” ลัคซัสดุใส่ลิซาน่า เด็กสาวสะดุ้งโหยงตัวสั่น ทำให้เขาเพิ่งได้สังเกตที่ดวงตาเปลียกชื้นของเธอนั้นไม่ใช่เพราะฝนแต่เป็น
น้ำตา....
“เกิดอะไรขึ้น”
“พี่มิร่า.. ฮึก... พี่มิร่าเขา ฮะ หายไป” ลัคซัสเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มิร่าเจนที่แทบจะไม่เคยอยู่ให้ไกลห่างจากสายตาน้องๆที่เธอรัก แต่ในเวลาที่พายุฝนแบบนี้ เธอจะไปอยู่ที่ไหน
อเล็กซ์ซานเดียร์!
ชื่อของเจ้าลูกสุนัขพันธุ์เล็กสีขาวลอยขึ้นมาในหัวของเขาทันที ต้องเกิดอะไรบางอย่างกับมันแน่ๆ ลัคซัสจับไหล่ที่สั่นระริกด้วยความหนาวสั่นและความหวาดกลัว เขาทำใจให้เย็นแล้วเลือกจะพูดอย่างช้าๆกับลิซาน่า
“เห็นมิร่าเจนล่าสุดที่ไหน”
“นะ ในป่าแถวชานเมือง”
“โอเค งั้นตอนนี้เธอเอากระเป๋าฉันกลับไปที่กิลด์” ลัคซัสวางพลางส่งกระเป๋าของตัวเองให้
“แต่ว่าพี่เขา!”
“ไม่ต้องห่วง กลับไปรอเถอะ อย่าทำให้พี่เธอต้องเป็นห่วงด้วยอีก ฉันจะไปหาเธอเอง” ลัคซัสไม่รอให้แน่ใจว่าลิซาน่าเข้าใจที่เขาพูดหรือเปล่า เขาวิ่งออกไปทางทิศทางของป่าที่เป็นเบาะแสทันที
พายุที่เทกระหน่ำบดบังทัศนีภาพจนทำให้มองอะไรได้ไม่ชัดนัก ลัคซัสเหลือบมองแม่น้ำสายใหญ่ที่เป็นต้นสายไหลตัดเข้าเมืองมีโอกาสที่น้ำป่าจะไหลหลากมากเลยทีเดียว
และนั่นยิ่งทำให้เขากระวนกระวายใจยิ่งขึ้น
“มิร่าเจน!” เขาตะโกนกึกก้องฝ่าเสียงของพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ตะโกนซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น เขาภาวนาเหลือเกินว่าเสียงเรียกของเขาจะดังไปถึงเธอ
“เธออยู่ที่ไหน มิร่าเจน! มิร่าเจน!!” ลัคซัสยังคงตะโกนพลางวิ่งฝ่าสายฝนที่บ้าคลั่งนี้ เขาพยายามสอดสายตาหาสิ่งที่ผิดแปลกจากป่าสูงชันในนี้ ที่ทั้งมืดและยังมีฝนอีก
ชิ! น่าหงุดหงิดซะจริง
ก่อนที่ก้าวเดินที่ฝ่าฝนหนักจะหยุดลง เมื่อดวงตาสีฟ้าได้มองเห็นเส้นผมสีเงินโผล่พ้นออกมาจากกลุ่มไม้ ลัคซัสไม่ลังเลที่จะแหวกม่านไม้ที่บังตา เพื่อพบกับคนที่เขาตามหา
ร่างเล็กบอบบางนั่งทรุดเข่าหันหลังอยู่กับพื้น ผิวขาวซีดผิดจากทุกครั้งเดาได้ไม่อยากว่าคนตรงหน้าคงตากฝนอยู่แบบนี้แทบไม่ขยับไปไหน
แวบแรกกับภาพนั้นหัวใจของลัคซัสชาวาบโดยที่เขาไม่อาจเข้าใจความหมาย
“มิร่าเจน...” เขาเรียกชื่อแสนแผ่วเบาแต่อีกฝ่ายได้ยิน ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ
สิ่งแรกที่ทำให้ลัคซัสรู้สึกชาวาบคือดวงตาสีแซฟไฟร์ที่เศร้าสร้อยยิ่งกว่าอะไร
มิร่าเจนคนนั้นกำลังร่ำไห้ไปกับสายฝน ใบหน้าสวยซีดเซียว ริมฝีปากขบเม้มกันพร้อมทั้งเสียงสะอื้นหนักจนตัวโยน ท่ามกลางสายฝนที่หนาวเย็นนี้ ยิ่งทำให้เด็กสาวดูอ่อนแอเหลือเกิน
“ละ... อึก ลัคซัส...”
“เกิดอะไรขึ้น” ลัคซัสไม่รู้ว่าทำไมเสียงที่เอ่ยถามออกไปถึงได้แหบพร่าแบบนั้น มิร่าเจนค่อยๆแสดงสิ่งที่เธอถืออยู่ให้เขาเห็น และเขาเข้าใจถึงเหตุผลทุกอย่างทันที
ร่างของสุนัขตัวเล็กสีขาวเนื้อตัวของมันไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยอะไร หากแต่ร่างเล็กๆนั้นนอนแน่นิ่งสนิทไม่ขยับไหว มีเพียงแขนเล็กๆของเด็กสาวเท่านั้นที่ไหวระริกไปพร้อมๆกับเสียงสะอื้น
“มันคงโดนสัตว์แถวนี้... จับกระแทก ฮึก... เพราะฉัน.. ถ้าฉัน...ฮึก อึก” มิร่าเจนสะอื้นแทบไม่เป็นคำพูด ลัคซัสก้าวเข้าไปใกล้ๆร่างที่ร้องไห้ไม่หยุด มองดูอเล็กซ์ซานเดียร์ที่ไม่อาจส่งเสียงทักทายเขาได้อีกเหมือนอย่างทุกครั้ง
“เขาเองก็เป็น... ฮึก ครอบครัวคนหนึ่ง... อเล็กซ์ซานเดียร์น่ะ” มันเป็นครั้งแรกเลยที่ลัคซัสมองอีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสงสาร เขาไม่อาจมีคำพูดใดได้เลย
“ฉันรักอเล็กซ์ซานเดียร์เหมือนครอบครัวของฉัน แต่ฉันก็ดูแลเขาได้ไม่ดีเลย ไม่เหมือนที่ครอบครัวควรจะเป็น แค่ก” เด็กสาวไอออกมาในตอนท้าย ลัคซัสคาดว่าคงเพราะตากฝนอยู่นานทำให้ร่างกายเริ่มทนไม่ไหว เสื้อผ้าน้อยชิ้นที่เจ้าตัวใส่ก็ไม่ช่วยให้ความอบอุ่นอะไรได้เลย
“กลับกันเถอะ”
“ไม่... ฉันทิ้ง... ทิ้งมันไม่ได้” มิร่าเจนกอดร่างไร้วิญญาณของอเล็กซ์ซานเดียร์เหมือนในตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่
“มันตายแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ...” ไม่มีคำตอบนอกจากมิร่าเจนที่ห่อตัวมากยิ่งขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้น ฝนยังคงตกลงมาเหมือนกับซ้ำเติมความโศกเศร้า
“แค่ก.. แค่ก..”
“มิร่าเจน เธอต้องกลับแล้ว” ลัคซัสเห็นท่าไม่ดี เขาเริ่มใช้เสียงแข็งใส่เพื่อให้เธอรู้ตัว
“ไม่เอา” มิร่าเจนตอบกลับ เธอไม่สนใจแม้ว่าร่างกายจะซีดเซียวหรือเม็ดฝนนี้จะเจ็บปวดเพียงใด
แต่ไม่ใช่กับลัคซัส...
หมับ!!
ลัคซัสกระชากข้อมือของเด็กสาวให้หันมาหา ใช้มืออีกข้างบีบไหล่ของเธอแล้วกระชากเข้ามาจนชิด ดวงตาสีแซฟไฟร์เบิกกว้างด้วยความตกใจกับสัมผัสรุนแรงที่เธอแทบไม่ทันตั้งตัวจากเขา
“เธอยังมีครอบครัวรออยู่ไม่ใช่หรือไง ยัยบ้า!” มิร่าเจนได้แต่พึมพำคำพูดของเขาเบาๆ
“ครอบครัว...เหรอ...”
“ลิซาน่า เอลฟ์แมน แล้วก็...” ลัคซัสจงใจเว้นระยะ เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำเงินเข้มกลมโต หวังให้คำพูดต่อจากนี้ซึมลึกเข้าไปสู่จิตใจของเธอ
“แฟรี่เทลทุกคนคือครอบครัวที่กำลังเป็นห่วงเธออยู่นะ!!!” ลัคซัสตวาดกร้าว เสียงของเขาดังชัดเจนเหมือนสายฟ้าที่ฝ่าเปรี้ยงลงมาท่ามกลางพายุฝน ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกฟ้าผ่า แต่มิร่าเจนกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างใด ตรงกันข้าม น่าแปลกที่สายฟ้าของลัคซัสมันทำให้เธออบอุ่นมากกว่า
“ครอบครัวของฉัน... กำลังเป็นห่วง...ฮึก.. ฉัน” น้ำตาระลอกใหญ่ไหลอาบปะปนไปกับสายฝน แต่ลัคซัสก็รู้ว่าความดีใจในการถูกยอมรับนั้นผ่านน้ำเสียงสะอื้นไห้ เธอขย้ำเสื้อของเขาซุกหน้าลงก่อนจะปล่อยตัวเองให้สะอื้นอยู่อย่างนั้น
ท่ามกลางสายฝนแห่งความเสียใจ ท่ามกลางพายุลมที่คลุ้มคลั่งไปด้วยน้ำตา
แต่สายฟ้าที่ฟาดฟันลง แหวกผ่านเฆมดำแสนเลวร้าย กลับเป็นความอบอุ่นที่ชัดเจนสัมผัสได้
‘ สายฟ้าของลัคซัส ’
มาแล้วจ้า! HEART&SOUlบทที่สอง
เป็นยังไงกันบ้างคะ สนุกกันหรือเปล่า?
ตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นของทั้งสองอยู่นะคะ
หลังจากนี้อาจจะมาอัพช้ากว่านี้ เพราะต้องย้ายเข้าหอค่ะ
กว่าจะหาเวลาว่างจากกิจกรรม (และเวลาที่เมทจะไม่กวน) คงยาก Orz''
แต่ก็อย่าทิ้งฟิคเรื่องนี้น้าาา เค้าตั้งใจมากเลยยยย
ฝากคอมเม้นให้เป็นกำลังใจด้วยนะคะ
สำหรับเจ้า อเล็กซ์ซานเดียร์เนี่ย เป็นสุนัขที่มิร่าเคยเลี้ยง
ตามที่อาจารย์เคยตอบคำถามท้ายเล่มไว้
เราก็เลยแอบดึงมาใช้ค่ะ
#ด้วยรักและมิร่าซัส ♥
อ่อ! เปิดฟิคใหม่เป็นเมน MiraXus อีกแล้วค่ะ
แต่เรื่องนั้นมีคู่อื่นด้วยนะคะ เรท กาม เอสเอม สามก๊ก
หักเหลี่ยมโหด มีครบเลยจ้าาาา สนใจก็ไปติดตามกันได้นะ!
ความคิดเห็น