ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC FAIRY TAIL ϟ Heart & Soul

    ลำดับตอนที่ #2 : ϟ Heart & Soul 001

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 58


     

     

     

    I was broken and starting to think that I’m should be ashamed Trebling and nervous and naked feeling afraid, then you came and told me and showed to fight through the rain

     

        Jessie J

     

     

     

    inspiration > fanart by. AUTHOR45 )

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี สามพี่น้องสตราอุสต่างเติบโตขึ้นในฐานะจอมเวทย์แห่งแฟรี่เทล แม้จะต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับทุกคน แต่ท้ายที่สุดตอนนี้ทั้งสามพี่น้องก็เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวของแฟรี่เทลทุกคนไปแล้ว

    โดยเฉพาะ มิราเจน สตราอุส ซึ่งฉายแววการเป็นจอมเวทย์ที่เก่งกาจเหนือกว่าน้องๆของเธออย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่สามารถควบคุมพลังเวทย์ในการเทคโอเวอร์ได้แล้ว ทำให้เธอสามารถใช้พลังได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การทำภารกิจจึงเป็นไปได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น

    เด็กสาวเดินเข้ามาในกิลด์ หลังจากที่ปฎิบัติภารกิจล่าสุดเสร็จสิ้น ผมยาวสีเงินเป็นประกายสีม่วงอมชมพูผูกด้วยโบว์สีเข้มเป็นหางม้า ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่เคยหลบซ่อนใต้ผ้าคลุมเมื่อก่อน ตอนนี้มีเพียงดวงตาสีแซฟไฟร์ที่เปล่งประกายไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ

    กลับมาแล้วเหรอ พี่มิร่า!” ลิซาน่าวิ่งเข้ามาหาพี่สาวของเธออย่างยินดี ตามหลังมาด้วยเอลฟ์แมนที่นึกเป็นห่วงพี่สาวอยู่หลายวัน มิร่าเจนลูบหัวน้องทั้งสองของเธอด้วยความรักและเอ็นดู

    กลับมาแล้ว ไม่เห็นต้องเป็นห่วงขนาดนั้นเลย พี่น่ะเก่งจะตาย!” มิร่าเจนพูดเอ็ดใส่น้องๆ แต่ใจจริงแล้วเธอแค่ไม่อยากให้ทั้งสองเป็นห่วงเธอมากเกินไปเท่านั้นเอง มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เธอต้องออกไปทำภารกิจ นั่นเพราะถึงน้องทั้งสองจะอยากตามเธอไปมากแค่ไหน แต่ด้วยพลังของทั้งคู่ในตอนนี้มันยังไม่พร้อมหรือมากพอที่จะทำได้ มิร่าเจนจึงกลายเป็นเสาหลักของครอบครัวในการออกไปทำงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว

    ใช่แล้ว! ลิซาน่า เอลฟ์แมน มิร่าเจนน่ะเก่งมากๆ เผลอๆอาจขึ้นแท่นเป็นจอมเวทย์หญิงอันดับหนึ่งของแฟรี่เทลเลยก็ได้นะวาคาบะแทรกขึ้นพร้อมกับแก้วเบียร์ในมือ พยักเพยิดไปหาเพื่อนรักคู่ดื่มอย่างมาคาโอด้วย

    จริงไหมวะ มาคาโอ

    อ่า ก็มีสิทธิ์นะ ช่วงหลังๆมาเนี่ยก็ทำภารกิจยากๆได้อย่างสบายเลยนี่นา ตรงข้ามกับแกเลยนะ วาคาบะ

    แกว่ายังไงนะ!!” แล้วการวางมวยอันเป็นภาพเดิมๆของทั้งสองก็เริ่มขึ้น มิร่าเจนเลือกที่จะไม่สนใจตาลุงสองคนที่มักจะเป็นแบบนี้เสมอ

    ช้าก่อน!!” เสียงที่แทรกขึ้นดังจนทะลุแก้วหู มิร่าเจนไม่ต้องทำอะไรให้มากไปกว่าการถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เธอหันไปมองเจ้าของเสียงตะโกนนั้นที่ยืนอยู่บนโต๊ะ รอบลำคอโอบล้อมด้วยผ้าพันคอสีขาวเป็นตารางที่เกือบจะยาวกว่าตัวคนสวมใส่แล้ว

    นัตสึ โวยวายของนายยะ?

    จอมเวทย์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดน่ะ ไม่ใช่เธอสักหน่อยมิร่าเจน!” มิร่าเจนได้ยินแล้วคิ้วกระตุก เธอชักสีหน้าอย่างไม่พอใจก่อนจะหันไปคุยกับนัตสึตรงๆ

    พูดอย่างนี้ ทำอย่างกับว่านายเคยเอาชนะฉันงั้นแหละ?นัตสึที่เห็นมิร่าเจนเดินเข้าไปใกล้ก็ผงะถอย ใบหน้าของเด็กชายซีดลงเล็กน้อยแต่ก็ยังทำใจกล้าเถียงต่อ

    ใช่ๆ พี่มิร่าน่ะเก่งจะตาย!” ลิซาน่ายืดอกเข้าข้างพี่สาวคนเก่งของเธออย่างภูมิใจ

    ไม่หรอกน่า!! จอมเวทย์หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดของแฟรี่เทลน่ะ มันเอลซ่าตะหาก!!”

    นัตสึพูดถูก เอลซ่าตะหากล่ะ ผู้หญิงสุดแกร่งของกิลด์เรา!” เกรย์ที่นิ่งฟังเข้าร่วมการโต้เถียงด้วยทันควัน ช่างดูเหมือนผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังเรียกร้องความเป็นธรรมในสายตาคนอื่นสิ้นดี

    ...นั่นน่ะ ลิซาน่าที่ภาคภูมิใจอยู่เมื่อกี้ ห่อไหล่ลงทันที ถึงจะมั่นใจในตัวพี่สาวแต่เรื่องความแข็งแกร่งของเอลซ่านั้นเป็นที่รู้ดีกันทั่วทุกคนภายในกิลด์ อีกทั้งยังอยู่มานานกว่าพวกเธอซะอีก มันจึงไม่แปลกเลยที่ใครๆต่างยอมรับเอลซ่ามากกว่าพี่สาวของเธอ

     

    มิร่าเจนเหลือบมองลิซาน่าที่ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด เธอเดาได้ไม่ยากว่าน้องของเธอต้องคิดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับคำพูดเมื่อกี้แน่ ซึ่งนั่นทำให้มิร่าเจนรู้สึกไม่ชอบใจเอาซะเลย

    เอลซ่าอะไรกันยะ?! ทำไมฉันถึงจะเอาชนะยัยนั่นไม่ได้!!” มิร่าเจนตวาดใส่นัตสึกับเกรย์ที่เกาะกันแน่น เธอกวาดสายตามองไปรอบๆกิลด์อีกครั้ง ก่อนจะพบเป้าหมายที่ถูกกล่าวถึง เอลซ่า สการ์เล็ต ในชุดเกราะผมเปียยาวสีแดงเพลิงเหมือนชื่อ ที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรไปกว่าการนั่งทานเค้กอย่างสบายอารมณ์ ช่างเป็นภาพที่กระตุกต่อมโมโหได้ดีจริงๆ

    เอลซ่ามาสู้กัน!!”

    พี่ครับ อย่าทะเลาะกันเลย...เอลฟ์แมนพยายามห้ามพี่สาวของเขา แต่มันไม่ได้ผลซะเลยเมื่ออีกคนเดินจ้ำเข้าไปหาคู่กรณีซะแล้ว เขารู้ดีถึงนิสัยไม่ยอมแพ้ใครของพี่ตัวเอง เขาจึงมีลางสังหรณ์เลยว่าเรื่องนี้มันต้องไม่จบลงง่ายๆแน่

    มาตัดสินกันเลยว่าใครเก่งกว่าใครกันแน่!!”

    อย่าบ้าจี้ตามนัตสึสิ มิร่าเจน เอลซ่าตัดเค้กพอดีคำเข้าปากอย่างสงบเสงี่ยม ตรงข้ามกับมิร่าเจนที่ยิ่งได้เห็นแบบนั้นยิ่งฟิวล์ขาดมากขึ้น ตอนแรกก็อยากจะชนะอีกฝ่ายเพราะเห็นแก่น้องหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้รู้สึกอยากซัดหมัดใส่ให้หน้าแหกด้วยอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆเลย

    อย่ามาเมินฉันนะยะ!!” มิร่าเจนตะโกนลั่นก่อนจะปัดจานเค้กลงกับพื้น ให้หน้าครีมบี้ลงไปกับพื้นไม้ของกลิ่น เค้กชิ้นเล็กที่ล่วงลงต่อหน้าต่อตาเอลซ่าราวกับโลกทั้งใบที่ค่อยๆพังลงอย่างเชื่องช้า ภาพของเค้กชิ้นนั้นที่หมดสภาพเละอยู่กับพื้นบีบคั้นหัวใจเอลซ่าจนชา

    เค้กของฉัน... เสียงขานยานเยือกเย็นพร้อมกับไหล่ที่สั่นไหวด้วยความโกรธของเอลซ่า เรียกเสียงหัวเราะหึอย่างพอใจให้กับมิร่าเจนที่ยืนเท้าเอวรอ

    ฉันจะทำให้เธอร้องไห้แงเอง มิร่าเจน!!!!!!”

    เข้ามาเลย ยัยผู้หญิงถึก!!!!!!”

    และวินาทีต่อมาก็เต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายความอลหม่านแสนปวดหัวของมิร่าเจนและเอลซ่า จอมเวทย์หญิงสุดแกร่งทั้งสองที่สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย พ่วงด้วยเกรย์และนัตสึ มาคาโอและวาคาบะ รวมไปถึงคนอื่นๆในกิลด์เหมือนเช่นทุกวัน

    ยัยหมูอ้วน!”

    ยัยกระดูกเดินได้!”

    พี่ครับพอเถอะ

    ไอ้เตาถ่านกรวง!”

    ไอ้กางเกงลิงลม!”

    นัตสึพอได้แล้วน่า!”

    เกรย์เสื้อผ้าล่ะ?!”

    เสียงหมัดกระทบหมัดผสานกับเสียงร้องห้ามที่ไร้ความหมาย มิร่าเจนสะบัดร่างของเอลซ่าออกก่อนจะถอยห่างออกมาตั้งหลัก ทั้งสองหอบหายใจแต่ดวงตายังคงลุกโชนไปด้วยไฟที่อยากเอาชนะ

    เอลซ่า!!” มิร่าเจนชี้นิ้วไปยังหน้าอีกฝ่าย มาตัดสินกันว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งที่สุด!!”

    เอ๊!!!!!!!!!!” เสียงของคนอื่นในกิลด์ร้องลั่นอย่างตกใจ ทุกคนหยุดชะงักแล้วหันมาให้ความสนใจกับการท้าทายของมิร่าเจน

    รับคำท้าเลย!! ไปหน้ากิลด์เลย!!!”

    เฮ้ยย!!!” คำตอบรับแบบไม่รอช้าของเอลซ่าสะท้อนพร้อมกับเสียงตื่นตกใจ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาวทั้งสองที่แผ่รัศมีข่มกันจนแค่มองก็ชวนให้ขนลุกไปหมด

    จากการทะเลาะเล็กๆเริ่มบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ มาสเตอร์ก็ไม่อยู่กิลด์เลยไม่มีใครยื่นมือมาห้ามอย่างจริงจัง คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดอย่างมาคาโอและวาคาบะก็ดันมาตีกันเองอีก

    ไกลห่างออกมาจากเหตุจราจลของการทะเลาะวิวาท เลวี่มองดูเหตุการณ์วุ่นวายอย่างเป็นกังวล ทำให้เธอจึงเลือกหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่พอจะพึ่งพาได้มากที่สุดในเวลานี้

    นี่ ลัคซัส ไม่ไปห้ามหน่อยเหรอ สองคนนั้นไปกันใหญ่แล้วนะ

    ลัคซัสยืนกอดอกพิงหลังกับเสาเนื้อไม้ แผลเป็นรูปสายฟ้าที่ตาขวาอันเป็นเอกลักษณ์ ดวงตาสีฟ้าเทาสะท้อนภาพความวุ่นวายทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เริ่มเรื่องที่นัตสึจนถึงการท้าทายของมิร่าเจน

    ช่างเถอะ อย่าห่วงไปเลยไม่เป็นไรหรอก ลัคซัสป้องปากหาวอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเร่งเสียงดนตรีคลาสสิคร็อคในหูฟังให้ดังขึ้นเพื่อกลบเสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในกิลด์ ก่อนจะเลือกเดินหนีออกไปหาที่เงียบๆห่างไกลการวิวาทนี้ ทิ้งให้เลวี่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

    ถึงลัคซัสจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ถ้าสองคนนั้นสู้กันจริงๆ มีหวังกิลด์เราพังแหงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    สมาชิกของแฟรี่เทลต่างรวมกันล้อมวงการต่อสู้ของเด็กสาวสุดแข็งแกร่งทั้งสอง เสียงหมัดกระทบกันแทรกด้วย เสียงร้องโฮ่เชียร์ดังลั่นทั่วบริเวณหน้ากิลด์

    ย๊า!!!” มิร่าเจนวิ่งเข้าใส่เอลซ่าอย่างรวดเร็ว แต่เอลซ่าเธอหลบหมัดขวาตรงที่เฉี่ยวหน้าไปได้ทันท่วงทีจนได้ยินเสียงลม ก่อนจะเตะเข้าสีข้างของมิร่าเจนเข้าเต็มแรง ความจุกและเจ็บแล่นแปร๊บแต่ไม่ได้ทำให้มิร่าเจนยอมล้มได้ง่ายๆ เธอเซไปเพียงเสี้ยววิเดียวเท่านั้น แล้วรีบสวนศอกเข้ากับใบหน้าของเอลซ่าไปเต็มๆ

                มิร่าเจนวิ่งเข้าไปหวังจะเตะอีกฝ่าย แต่เอลซ่าย่อตัวหลบได้ทันท่วงทีและเข้าประชิดตัวโดยที่มิร่าเจนไม่ทันได้ตั้งการ์ดป้องกันหมัดอัปเปอร์คัตของเอลซ่าจึงพุ่งเข้าเต็มๆคางจนหน้าหงาย มิร่าเจนเซถอยหลัง เธอสะบัดหัวไล่ความมึนออกไป

                “วี๊ดวิวววว!! เอลซ่าสุดยอดไปเลย เสียงเป่าปากดังเชียร์สนั่นท่ามกลางเสียงหอบหายใจของทั้งคู่ มิร่าเจนเหลือบมองไปรอบสนาม สายตาของเธอหยุดลงที่น้องของเธอ ลิซานน่ากุมมือกันไว้แน่นสีหน้าเป็นห่วงเธอเอามาก ส่วนเอลฟ์แมนก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว

                ไม่! ฉันจะแพ้ไม่ได้

     

                มาตัดสินให้จบไปเลยดีกว่า!”

                จัดให้เลย เอลซ่ากระตุกยิ้มก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งเข้าหากัน กำปั้นทั้งสองชูขึ้นและเข้าปะทะใส่กันเมื่ออยู่ในระยะ

     

                ผลั่ก!

                ไม่ทันที่หมัดของมิร่าเจนจะได้กระทบใบหน้าของเอลซ่า แรงกระแทกของอีกหมัดก็อัดเข้ามาเต็มหน้าของเธอก่อนซะแล้ว มิร่าเจนรู้สึกชาไปทั่วทั้งหน้า ร่างของเด็กสาวล้มลงในที่สุด เธอเห็นผู้คนส่งเสียงเชียร์แต่ไม่ได้ได้ยินเพราะเสียงหวีดอยู่ในหู มิร่าเจนพยายามยันตัวเองขึ้นพร้อมกับเสียงหวีดที่ค่อยๆซาลงจนเธอสามารถได้ยินเสียงรอบข้าง

                เสียงเชียร์ที่ร้องชื่อของไททาเนีย เด็กสาวผมสีแดงยืนกอดอกยิ้มรับกับคำเชยชมเหมือนดั่งทุกครั้ง แต่เสียงเรียกเหล่านั้นไม่ได้ทำให้มิร่าเจนรู้สึกแย่ได้เท่ากับคำพูดอื่นๆที่แทรกซ้อนเบาๆในเสียงโห่เหล่านั้น

                เอลซ่าต้องชนะอยู่แล้ว ยังไงยัยนั่นก็เป็นแฟรี่เทลนี่นา ไม่มีทางแพ้ให้ยัยปีศาจมิร่าเจนได้หรอก

                คำว่าปีศาจเหมือนเป็นท่อนเหล็กหนาที่ฟาดเข้ามาใส่มิร่าเจนเต็มรัก มันเจ็บและจุกซะยิ่งกว่าหมัดตรงที่เธอได้รับ หัวใจดวงน้อยระริกหวาดสั่น ราวกับเสียงเชียร์แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะหยัน มิร่ามองซ้ายขวาของตนที่ล้อมรอบไปด้วยสมาชิกของกิลด์ที่จับจ้องมาตรงนี้

                กิลด์เราแค่มีเอลซ่าคนเดียวก็พอแล้ว ไม่อยากได้ปีศาจที่ไหนอีกหรอกน่า!" มิร่าเจนยกมือขึ้นมาปิดหู ไม่ได้อยากจะได้ยินหรือฟังอะไรอีก แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดเหล่านั้นก็ยังสะท้อนก้องอยู่ในหัวและไม่อาจสลัดมันออกได้

                หมายความว่ายังไง ฉันก็เป็นแฟรี่เทลนะ เป็นครอบครัวกัน... ไม่ใช่เหรอ

     

                ไม่... ไม่เอา ไม่เอาแล้ว ไม่อยากถูกโลกทอดทิ้ง ไม่อยากให้น้องๆต้องมาลำบากด้วยอีกแล้ว ความเจ็บปวดในวัยเด็กเหล่านั้น สะท้อนเป็นภาพอดีตที่แจ่มชัดขึ้นมาในหัวจิตหัวใจ

                มิร่า... เอลซ่าหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคู่ต่อสู้ ท่าทางหวาดสั่นที่ผิดปกติของมิร่าเจนทำให้เธอนึกสงสัยจนไม่อาจจะมองข้าม เธอยื่นมือหวังจะพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืน แต่มิร่าเจนปฎิเสธมือของเอลซ่าอย่างแรง ก่อนที่เธอจะวิ่งหนีออกไปจากกลุ่มคนตรงนั้น

                ไม่ต้องมาสงสารฉัน ไม่ต้องมาทำเป็นยอมรับฉัน ฉันไม่ได้ต้องการความจอมปลอมนั่น เด็กสาวกอดตัวเองจนสัมผัสได้ถึงเล็บที่จิกอยู่กับต้นแขนเรียว

                ไม่มีครอบครัว... หรือที่ยืนให้ปีศาจอย่างเธอทั้งนั้น

     

                สองขาวิ่งพาตัวเองมาจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของกิลด์ บรรยากาศใต้ดินที่เย็นลงเรื่อยๆจากพื้นหิน มิร่าเจนวิ่งต่อโดยไม่สนใจก่อนจะเลือกเข้าไปในห้องเก็บไวน์แล้วขังตัวเองอยู่ตรงนั้น

                ตอนนี้เธอไม่อยากออกไปเจออะไรทั้งนั้น การแพ้เอลซ่าไม่ได้ทำให้เธอเจ็บปวดเท่ากับการถูกหลอกให้เข้าใจผิด ไม่ได้มีใครยอมรับเธอเลยสักนิด บางทีกระทั่งน้องๆของเธออาจจะถูกมองว่าเป็นพวกตัวประหลาดด้วยซ้ำ

                ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับในฐานะมนุษย์คนหนึ่งได้เลย...

     

                ความอัดอั้นตีตื้นก่อตัวจนเป็นน้ำตาแสนขมขื่น มิร่าเจนเกลียดการร้องไห้ แต่ในเวลานี้ไม่มีกำแพงอะไรอีกแล้วที่จะกักกลั้นหยาดน้ำตาเหล่านั้นได้ สองแขนเรียวเล็กกระชับกอดตัวเองให้แน่นหนา ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบใบหน้ากระทบกับเข่า

                ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เธอลืมเลือนไปนาน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกถึงได้มันอีกครั้งและชัดเจนจนน่าแปลกใจว่าเธอลืมมันได้ยังไง ไม่มีอะไรปลอดภัยไปกว่าการที่เธอต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว มิร่าเจน ที่ผ่านมา... มัวฝันอะไรอยู่กันล่ะ

     

                ร้องไห้เหรอ

     

    จู่ๆ ภายในห้องเก็บไวน์ที่เด็กสาวเข้าใจว่ามีเพียงเสียงสะอื้นของตัวเอง เสียงทุ้มผิดแปลกที่แทรกขึ้นมาทำให้เธอหยุดชะงัก น้ำตาที่หลั่งไหลหยุดลงทันที ดวงตาสีฟ้าที่ฉ่ำน้ำตามองหาต้นเสียง ก่อนที่เธอจะต้องตกใจเมื่อพบเข้ากับร่างของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หลังลังสี่เหลี่ยมข้างๆกัน

    เขาคือ ลัคซัส ชายคนที่เธอรั้งฝีเท้าของเธอไว้ที่แฟรี่เทลแห่งนี้

     

    ถึงจะพูดแบบนั้น แต่มิร่าเจนก็ตระหนักได้ว่าเธอแทบจะไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเลยหลังจากนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วอีกฝ่ายเป็นคนยังไงนอกเหนือจากความแข็งแกร่งที่นัตสึชอบพูดให้ฟังบ่อยๆ เหตุผลหนึ่งนั้นคงเพราะตัวลัคซัสเองหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการทะเลาะวิวาทต่างๆภายในกิลด์ แถมชอบปลีกตัวหายไปคนเดียวอยู่บ่อยๆ

    สงสัยว่าที่นี่จะเป็นที่ส่วนตัวของเขาแหงๆ...

     

    มิร่าเจนรีบปาดน้ำตาลวกๆ แล้วลุกขึ้นยืน ขอโทษที ฉันจะไปแล้วล่ะ

    หึ จะออกไปร้องไห้แงให้พวกข้างนอกเห็นเหรอมิร่าเจนหันควับมองเสียงหัวเราะในน้ำเสียงยียวนนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ เธอจ้องใบหน้าอีกคนอย่างเอาเรื่องแต่ลัคซัสก็ไม่ได้สนใจ เขายังคงหลับตาฮัมเพลงในลำคอ

    แต่มันก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอจะออกไปร้องไห้แงให้พวกข้างนอกเห็นหรือไงกัน

     

    มิร่าเจนจึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ากลับมานั่งลงที่เดิม เพียงแต่ไม่ได้มีน้ำตาที่ไหลออกมาอีกแล้ว เมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพังที่นี่ เด็กสาวจึงพยายามวางตัวเข้มแข็งแทนที่ ถึงอีกฝ่ายจะเห็นว่าเธอร้องไห้ก็เถอะ

    แล้ว... ลัคซัสเกริ่นเบาๆ ที่ร้องไห้เนี่ย เพราะแพ้ยัยเอลซ่ามาสินะ

    เปล่า!”

    หึ

    อะไรเล่า!” มิร่าเจนมองขวางเสียงหัวเราะของลัคซัส ท่าทางนั้นยั่วโมโหเธอได้ดีชะมัด บางทีการที่เธอไม่รู้จักเขาคงเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็ได้ เด็กสาวจึงตัดสินใจไม่ต่อความยาวสาวความยืด สะบัดหน้าไปอีกทางเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าคนกวนประสาท

    เอลซ่าน่ะเก่งใช่ไหมล่ะ

    ไม่เห็นจะเก่งเลยมิร่าเจนเถียงทันควัน

    ก็แพ้เขามาไม่ใช่หรือไง มิร่าเจนกระตุกคิ้วไม่สบอารมณ์ เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะมาย้ำให้เธอฟังทำไม จงใจจะกวนประสาทเธอใช่ไหมเนี่ย?!

    ทำหน้าอย่างกับจะกินหัวฉันแหนะ มิร่าเจนอยากจะตอกกลับว่าแหงสิยะ แต่คิดว่าสายตาของเธอน่าจะพูดแทนไปได้แล้ว ลัคซัสจึงยอมหยุดพูดไปโดยปริยาย

    ที่ฉันพูดไม่ใช่ว่าจะตอกย้ำเธอสักหน่อย

    แล้วจะพูดทำไมล่ะ?!” ลัคซัสมองมายังเด็กสาวตัวเล็กกว่าข้างๆ มองดวงตาสีฟ้าที่ดื้อรั้นทั้งที่เพิ่งจะร้องไห้ออกมาเมื่อไม่นานมานี้อยู่ด้วยซ้ำ

    เพราะถ้าเธออย่างแข็งแกร่ง เธอต้องยอมรับความอ่อนแอของตัวเองให้ได้ก่อนมิร่าเจนเลิกคิ้วสูงแทนคำถาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีปฎิเสธที่จะตอบ

    เธอต้องยอมรับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า ยอมรับความอ่อนแอของตัวเองเพื่อจะได้พัฒนามัน ถ้าเอาแต่ร้องไห้เพราะเจ็บใจแต่ไม่ทำอะไร มันน่าสมเพชกว่านะแม้คำพูดสุดท้ายจะชวนให้น่าโมโห แต่ประโยคของเขาเป็นความจริงทั้งหมดเกินกว่าจะเถียงได้

    มิร่าเจนไม่อยากยอมรับ ถึงยังไม่ต้องวัดพลังเวทย์ แต่จากการต่อยตีกันเมื่อกี้ เธอรู้สึกได้ถึงทักษะที่คล่องแคล่วกว่าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน มันถูกฝึกมาให้เฉียบคมกว่า ขนาดที่ว่าเป็นการต่อสู้ธรรมดาก็ยังสัมผัสได้เลย  

    เธอนี่ขี้แยกว่าที่ฉันคิดนะ เสียงแปลกใจปนขำของอีกฝ่ายทำให้มิร่าเจนแว้ดกลับ

    นายก็พูดมากกว่าที่ฉันคิดอีก!” ลัคซัสทำเหมือนหูทวนลม ไม่สนใจท่าทางลมออกหูของมิร่าเจนเลยสักนิด เขาเอนหลังพิงกับลังไม้ ขยับหูฟังขึ้นมาไว้ที่เดิมแล้ววางมือลงบนหัวของเธอเบาๆ น่าแปลกที่มันดูใหญ่และอบอุ่นมากกว่าที่เธอคิด

    และที่น่าแปลกกว่าคือตัวเธอเองที่ยอมให้เขาทำแบบนั้นโดยไม่ขัดขืนเลย ทั้งๆที่ปกติตัวเองไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวนอกจากน้องๆของตัวเอง...

     

    ถึงเป็นไททาเนียก็มีวันโรยราคำพูดของลัคซัส ฝ่ามือของลัคซัส เหมือนตรึงมิร่าเจนให้หยุดอยู่นิ่งๆ หากแต่มันไม่ได้คุกคาม มันเหมือนการปลอบ ที่ไม่ได้มีคำพูดสวยหวานให้ได้ยิน แต่เธอสัมผัสมันได้ด้วยความรู้สึกจากข้างใน

    ลัคซัสผละมือออกจากอีกฝ่าย แปลกดีที่มิร่าเจนกลับรู้สึกเสียดาย ลัคซัสลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้เธอเพิ่งสังเกตได้ว่าเขาดูสูงกว่าเมื่อครั้งแรกที่พบกันซะอีก

    ตอนนี้ก็พยายามเข้านะ ปีศาจน้อย ลัคซัสยกยิ้มมุมปากที่ดูยียวนกวนประสาทสิ้นดี

    ใครเป็นปีศาจน้อยกัน!” มิร่าเจนลุกขึ้นยืน ท่าทางขู่ฟ่อขนพองใส่คนตัวสูงกว่า น่าเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ที่ต้องถูกอีกคนก้มลงมองแบบนี้

    ถ้าไม่อยากเป็นปีศาจน้อย ก็รีบๆเก่งขึ้นแล้วเป็น... ลัคซัสทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนดวงตาสีฟ้าคมนั้นจะเป็นประกายเมื่อคิดได้

                เป็นเทพอสูรมิร่าเจนแล้วกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Heart&soul

    เป็นยังไงกันบ้างสำหรับตอนแรก HEART&SOUl
    เราพยายามไม่ให้หลุดคาร์นะคะ แต่ดูเหมือนลัคซัส
    ขออภัยด้วยนะคะ ตอนหน้าจะพยายามให้มากขึ้น
    เรื่องนี้วางไปสิบแปดตอนเพิ่งจบแฟนตาเซียเองค่ะ
    กว่าจะตามออริทันอาจมีเป็นร้อยตอน 55555555555555


    ฝากติดตามมิร่าซัสนี้ไว้ในอ้อมอกอ้ออมใจด้วยนะคะ
    #ด้วยรักและมิร่าซัส

     



     
    (c) Chess theme







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×