คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1 สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ [2]
“นั่นสิครับ เหมือนว่าผมจะเห็นหน้าเขาเมื่อเช้านี้เอง...”
มาร์คัสพึมพำพลางครุ่นคิด
ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างแล้วร้องขึ้นเสียงดัง “เจ้านายครับ...คนที่ถูกยิงคือเสี่ยอลันพ่อของคุณเฌอเมวีร์ไงครับ...ฉิบหายแล้ว!”
ว่าแล้วเชียวทำไมถึงได้คุ้นหน้านัก!
“ไอ้พวกสารเลว
พวกมันกล้ายุ่งกับพ่อตาฉันอย่างนั้นหรือ...มาร์คัสออกรถ!” ไม่ต้องคิดแล้วว่าใครคือคนร้ายตัวจริง
ดวงตาของอัลนัลโด้วาวโรจน์ขึ้นมาอย่างน่ากลัว
มือแข็งแกร่งเปิดลิ้นชักแล้วหยิบปืนออกมาเตรียมพร้อม
ขณะที่มาร์คัสก็ไม่รอช้าเช่นเดียวกันขับรถพุ่งออกไปด้วยความเร็ว
ด้านเสี่ยอลันที่เลือดไหลไม่หยุดเริ่มจะหมดหวังลงทุกขณะ
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้จะเป็นวันตายของเขา วันที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเอ่ยคำร่ำลาต่อบุตรสาวสุดที่รักของเขา
ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่เสมอ
กระสุนปริศนาที่ไม่ทราบฝ่ายพุ่งตรงเข้าไปเจาะร่างของพวกมันให้ร่วงลงไปกองบนถนน จนที่เหลือต้องหาที่หลบอย่างลนลาน
ก่อนที่รถสีดำจะวิ่งเข้ามาจอดใกล้ๆพร้อมกับเปิดประตูต้อนรับพวกเขาอย่างเอื้อเฟื้อ
หนึ่งคนเจ็บและคนที่คอยประคองร่างที่อ่อนเพลียเพราะเสียเลือดมากของเจ้านาย
จ้องมองผู้มาใหม่อย่างไม่ค่อยจะไว้ใจเท่าใดนัก
“ผมมาช่วย รีบขึ้นมาเร็ว
คุณต้องรีบไปโรงพยาบาล” เสียงห้าวเอ่ยเร่ง ขณะที่มาร์คัสคอยช่วยยิงคุ้มกันและสกัดไม่ให้พวกมันโผล่หัวออกมาชั่วคราวเท่านั้น
ทุกอย่างจึงต้องทำให้รวดเร็วที่สุด
ครั้นเห็นเป็นจริงอย่างที่ชายปริศนาบอก เขาควรเก็บความหวาดระแวงเอาไว้ก่อนตอนนี้ความปลอดภัยของเสี่ยอลันสำคัญที่สุด
หากยังคงชักช้าก็อาจจะตายเปล่า เมื่อมีผู้หวังดียื่นมือเข้ามาช่วยเขาก็สมควรยินดีรับไว้
เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง เมื่อนำคนเจ็บขึ้นรถได้เป็นที่สำเร็จจึงเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
เสียงปืนดังขึ้นอยู่เบื้องหลังหลายนัด แต่หากจะขับรถตามมาอีกก็คงไม่ทันเสียแล้ว อีกอย่างพวกมันต้องรีบหนีออกจากที่เกิดเหตุก่อนที่ตำรวจจะมา
ปากที่เริ่มซีดเซียวและเสียงหอบหายใจด้วยความเจ็บแต่ยังพยายามอดกลั้นไว้
ทำให้จิตใจของเฮดิสบีบแน่นมากยิ่งขึ้น
เหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากสีหน้าของเขาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“อดทนอีกนิดนะครับ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วครับเสี่ย...น่าเจ็บใจจริงๆ
เป็นครั้งที่สองแล้วที่เราถูกพวกมันเล่นงาน แต่เรากลับทำอะไรมันไม่ได้เลย” แววตาของบอดี้การ์ดหนุ่มดูน่ากลัว รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
“ในเมื่อคุณรู้ตัวคนร้าย ทำไมถึงยังทำอะไรพวกมันไม่ได้...หรือว่าคุณถูกข่มขู่”
หลังจากได้ฟังคำพูดของเฮดิส อัลนัลโด้ก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
ดูเหมือนจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป
แต่ในเมื่อเขาได้เข้ามาช่วยชีวิตไว้ขนาดนี้แล้ว
ก็ถือว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยสิ
คำถามที่แทรกกลางขึ้นมาทำให้ทั้งสองคนหันมามองหน้าผู้มีพระคุณอย่างเต็มตาอีกครั้ง
แม้จะนึกขอบคุณที่ช่วยเหลือชีวิตแต่ก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี
คำถามของอัลนัลโด้จึงยังไม่ได้รับคำตอบ
“ไม่ว่าคุณสองคนจะเป็นใคร
ผมขอบคุณมากที่ช่วยชีวิต” เสี่ยอลันเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว
แววตาอ่อนล้าจ้องมองผู้มีพระคุณนิ่ง ประเมินด้วยสายตาก็พอจะเดาออกว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา
มีอาวุธปืนติดตัวไว้ตลอดเวลาทั้งฝีมือยังเก่งกาจอีกด้วย
“พวกคุณเป็นใคร
แล้วทำไมถึงช่วยพวกเรา” เฮดิสเอ่ยถามบ้าง
ดวงตาคู่คมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างพินิจ และความคิดก็ไม่ต่างจากผู้เป็นนายนัก
แต่เขาเดาไม่ออกว่าที่มาช่วยเหลือเพราะหวังผลประโยชน์สิ่งใดอยู่
“อย่าเพิ่งมองผมในแง่ร้ายนัก
ที่ผมช่วยเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม
ผมบังเอิญผ่านมาและสังเกตการณ์อยู่สักพักแล้วเห็นพวกคุณกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ
ผมจึงต้องยื่นมือเข้าช่วย ผมไม่ชอบหรอกนะระบบหมาหมู่” ดวงตาสีฟ้าเข้มสบตากับเฮดิสที่มองเขาอย่างระแวง
อัลนัลโด้ยกยิ้มบางที่มุมปากดูมีเลศนัย
หากไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อนป่านนี้เขาคงนั่งจิบกาแฟสบายใจอยู่ที่บ้านของเสี่ยอลันเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มีใครทำดีแล้วไม่หวังผลหรอก”
เฮดิสพูดเสียงออกจะกระด้างนิดๆ ตามนิสัยของเขาที่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ซึ่งอัลนัลโด้ก็ยอมรับในใจ
ว่าเขากำลังหวังอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ...
“เฮดิสอย่าเสียมารยาท
อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของเรา” ผู้เป็นนายปรามเบาๆ
“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสงสัยที่มาที่ไปของผม
เอาไว้ทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งก็แล้วกันนะครับ”
เขาพูดเสียงเรียบพร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก เฮดิสเองก็นั่งเฉยไม่มองหน้าอีกฝ่ายอีก
ภายในรถจึงตกอยู่ในความเงียบขณะที่รถยังคงแล่นด้วยความเร็วอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
ร่างคนเจ็บถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินโดยที่เฮดิสวิ่งตามมาอยู่ไม่ห่าง
และในสติที่ยังพอมีเหลืออยู่เสี่ยอลันยังสั่งให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไปก่อน
อย่าเพิ่งให้ลูกสาวคนเดียวของเขารู้เรื่องนี้เป็นอันขาด
ซึ่งเฮดิสจำต้องรับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้จะรู้ดีว่าหญิงสาวต้องโกรธเขามากแน่ๆเมื่อทราบเรื่องทั้งหมด
ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงแล้ว
โดยพยาบาลกันญาติของผู้ป่วยให้รออยู่ด้านนอก
เฮดิสยืนเฝ้าที่หน้าประตูด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย
ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เขาเหลือบมองผู้หวังดีที่นำเจ้านายมาส่งที่โรงพยาบาลก่อนจะเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเป็นมิตรมากขึ้น
อย่างน้อยพวกเขาก็คือคนที่ช่วยชีวิตอย่างที่เสี่ยอลันพูด
“ผมขอยืมใช้โทรศัพท์หน่อยสิ
ผมต้องการติดต่อกับลูกน้อง”
มาร์คัสที่ยืนอยู่ด้านหลังอัลนัลโด้เป็นคนหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้กับเฮดิส
เขามองหน้าของทั้งสองสลับไปมาจึงเดาเองว่าผู้ชายที่มีนัยน์ตาสีฟ้าเข้มล้ำลึกคนนี้อาจจะไม่ใช่เศรษฐีธรรมดาเสียแล้ว
เพราะแม้แต่ยืนด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยยังทำให้เกิดความรู้สึกเกรงขามได้มากขนาดนี้ มันจึงยิ่งเพิ่มความสงสัยของเขาให้เพิ่มทวีมากขึ้นไปอีกว่าเขาคือใครกันแน่...
“ขอบคุณ” ร่างหนาเอ่ยขอบคุณเสียงเบา
เฮดิสเดินแยกออกมาและต่อสายถึงลูกน้องของเขาทันที
พูดคุยกับปลายสายด้วยใบหน้าเครียดเขม็งบางครั้งก็ขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน สุดท้ายเขาไม่ลืมที่จะกำชับให้บอดี้การ์ดที่เหลือคอยคุ้มกันเฌอเมวีร์ด้วยชีวิต
เขาสบถคำหยาบออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะวางสายและเดินกลับเข้ามาสมทบกับสองคนที่ยืนมองอย่างสงสัยใคร่รู้
“นึกอยู่แล้วว่าทุกอย่างต้องเป็นอย่างนี้...”
เฮดิสส่ายหน้าเบาๆเพราะไม่ผิดไปจากที่คิดเลย
ตำรวจก็พวกของมันทั้งนั้น สรุปแล้วเหตุการณ์ที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดวันนี้เกิดจากรถเสียหลักชนก้อนหิน
เสี่ยอลันได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ช่างเป็นเรื่องบัดซบโดยแท้
“เป็นอย่างไหน?” อัลนัลโด้ถามกลับอย่างรวดเร็ว
“เราแค่ประสบอุบัติเหตุ
ไม่ได้ถูกตามฆ่าเลยสักนิด” เฮดิสเหยียดยิ้ม
อยากจะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำทั้งที่ในใจรู้สึกตรงกันข้าม หากที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและเสี่ยอลันยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน
เขาอาจจะคุมสติไม่อยู่และคลุ้มคลั่งเหมือนคนเมายาไปแล้วก็ได้
“แต่ประวัติการรักษาตัวที่โรงพยาบาลก็มีนี่
เจ้านายของคุณถูกยิงก็เห็นอยู่ เราใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งความได้ แล้วผมจะช่วยเป็นพยานให้เอง”
เจ้าพ่อเกาะเสนอแนะ เขาไม่เข้าใจทำไมต้องยอมให้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
ทั้งที่สามารถทำอะไรได้ตั้งมากมาย
“คุณยังไม่รู้อะไรอย่าเพิ่งพูดจะดีกว่า
มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
“ผมยังไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหน
หลักฐานก็มี พยานในที่เกิดเหตุก็มี” อัลนัลโด้ยังคงเถียง
“สิ่งที่ผมกับเสี่ยต้องการ
คือการจับตัวการใหญ่
ไม่ใช่แค่ปลาซิวปลาสร้อย...แจ้งความไปก็เท่านั้นพวกมันไม่สะทกสะท้านหรอก
เพราะถ้ามันง่ายอย่างที่คุณบอกผมคงจัดการไปตั้งนานแล้ว” เฮดิสเอ่ยลอดไรฟัน
แทบจะกระซิบให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้น
“พวกคุณคงกำลังต่อสู้กับพวกอิทธิพลเถื่อนสินะ
พรรคพวกเยอะเสียด้วยสิ...แค่คนที่ชอบเบ่งอำนาจไปวันๆไม่ยอมเล่นกันซึ่งๆหน้าหรอก
ดีแต่ลอบกัดเท่านั้น” อัลนัลโด้พยักหน้าช้าๆอย่างเข้าใจ
พลางยกมือขึ้นลูบเคราของตัวเองอย่างครุ่นคิดไปด้วย จะพอมีทางไหนที่จะช่วยเสี่ยอลันได้บ้าง
สีหน้าเข้าดูจริงจังมากทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแท้ๆ
“คงแค้นที่ถูกเสี่ยปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย...รวมถึงตัดหน้าซื้อที่ดินที่พวกมันกำลังหมายปองอีกด้วย
มันก็เลย...”เฮดิสถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ขณะนี้ก็รู้สึกว่าเขาจะไว้ใจชายแปลกหน้าสองคนนี้เสียแล้ว
ถึงได้กล้าเล่าทุกอย่างให้ฟังแบบนี้ ก่อนจะถามกลับอีกฝ่ายบ้าง
“พวกคุณไม่คิดจะแนะนำชื่อเสียงเรียงนามให้ผมรู้จักหน่อยหรือ”
“เอาไว้แนะนำตัวพร้อมกันทีเดียวก็แล้วกัน
ผมขี้เกียจพูดหลายรอบ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉื่อยๆ
จนคนถามเกิดอาการหมั่นไส้
“ว่างท่าเยอะซะเหลือเกินนะ”
เขาแขวะเสียงเข้ม
“แต่เชื่อเถอะ
ต่อไปคุณจะไม่มีวันลืมชื่อของผมเด็ดขาด ผมรับรองได้” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย
ดวงตาสีฟ้าฉายแววเจ้าเล่ห์ร้ายกาจก่อนที่มันจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว
จนเฮดิสคิดว่าเขาคงตาฝาดไป
...............................
สนุกกับการอ่านนะคะ ^^
มะนะปริยา
ความคิดเห็น