ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก

    ลำดับตอนที่ #18 : >>Chapter13

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.68K
      20
      25 ต.ค. 52


    Chapter 13

                                                                                        

    บ้านหลังใหญ่ยังคงเงียบสงัด มีเพียงสาวใช้สองคนกำลังกวาดถูพื้นหินอ่อนจนขึ้นเงา เมื่อร่างสูงสง่าในชุดเครื่องแบบตำรวจ เดินลงบันไดที่ทอดยาวจากชั้นสองของบ้านสู่ห้องโถงรับแขกด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ริมฝีปากเม้นแน่น คิ้วดกดำที่โค้งเรียวเหมือนคันศรจนสาวๆยังอิจฉานั้นถูกเจ้าตัวขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปม

    “ขอกาแฟแก้วหนึ่ง”ชายหนุ่มบอก ไม่ต้องเจาะจงว่าเรียกใช้ใคร เพราะทันทีที่สิ้นเสียงสั่ง หนึ่งในสาวใช้ที่ถูพื้นอยู่ใกล้ๆก็รีบวิ่งหายไปปฏิบัติตามคำบัญชา

                    ร่างสูงกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง ไม่สนแม้แต่ข้าวต้มกุ้งของโปรด ที่ส่งกลิ่นหอมฉุยฟุ้งมาจากห้องรับประทานอาหาร จนผู้เป็นประมุขของบ้านสินธุพรรณ ได้แต่หันไปสบตาผู้เป็นภรรยาด้วยความแปลกใจ

                    อดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะหน้าชุดรับแขกอย่างเบามือ มองหน้าเคร่งของลูกชายคนโตสลับกับภรรยาสุดที่รัก ก่อนหันกลับมาที่ลูกชายพร้อมเอ่ย “เมื่อคืนฝันร้ายหรือไงวิน ถึงได้ทำหน้าตาเป็นฟ้าพยักฝนแต่เช้าเชียว”

                    “ฝันร้ายก็ดีสิครับพ่อ ตื่นมาเดี๋ยวก็ลืม!”อัศวินว่า สีหน้าขรึมลงไปอีก หากชายหนุ่มตัดบทด้วยการถามถึงน้องสาวแทน “อรยังไม่ตื่นอีกเหรอครับ มันเป็นสาวเป็นแส้ดันตื่นสายตะวันโด่งอย่างนี้”

                    คุณหญิงอริศราที่เงียบอยู่นานเอ่ยแก้ตัวแทนลูกสาวทันที “เรื่องอะไรแกจะต้องไปว่าน้อง มันจะนอนเช้านี้ไปตื่นเอาเช้ามะรืนก็เรื่องของมันสิ”

                    “เอาน่า คุณหญิง...ลูกมันก็แค่ถามถึงน้อง” พลตำรวจโทวรรณภพ รีบบอกออกตัวแทนลูกชาย รู้ดีว่าอาการ พาล ของภรรยานั้นยังคงอยู่จึงหันมาเป็นผู้ตอบลูกชายเสียเอง “เมื่อคืนเห็นว่าออกไปเที่ยวกับเพื่อนก๊วนนักเรียนนอกของมันล่ะ กว่าจะกลับมาก็ตีสี่ สงสัยว่ามันจะเพิ่งนอนเมื่อเช้ามืดเลยยังไม่ตื่น”

                    อัศวินเหลือบมองใบหน้างดงามของผู้เป็นแม่อย่างอ่อนใจ “ที่ผมถามเนี่ย ไม่ได้จะว่าอะไรน้องมันหรอกครับพ่อ เพียงแต่ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย” ชายหนุ่มไม่ได้ขยายความว่าเขาอยากจะคุยเรื่องอะไรเพราะไม่เห็นความจำเป็นใดๆ

                    แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่ในความคิดของคนเป็นแม่ “อ๋อ!...ไอ้เรื่องที่แกจะคุยกับน้องน่ะ คุยกับแม่กับพ่อไม่ได้ใช่ไหมตาวิน!!” คุณหญิงมองหน้าลูกชายสุดที่รักอย่างตัดพ้อ “เรื่องอะไรอีกล่ะ คราวที่แล้วก็เลื่อนงานแต่ง คราวนี้แกจะยกเลิกเลยไหม ไม่ต้องไปปรึกษาอรหรอก บอกแม่แกนี่! ไม่ใช่เห็นแม่เป็นหัวหลักหัวต่อคิดอะไรทำอะไรก็ข้ามหน้าข้ามตาแม่กับพ่อตลอดเวลาแบบนี้”

                    ชายหนุ่มมองใบหน้าที่แม้จะขาวแต่ก็กร้านแดดอย่างคนที่ทำงานหนักมาตลอดของผู้เป็นพ่ออย่างขอความช่วยเหลือ หากได้รับเพียงสายตาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตอบกลับมาเหมือนเป็นสัญญาณว่า ใครเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง

                    เพราะเวลานี้ทั่วทั้งบ้านต่างรู้กันดีว่าคุณหญิงอริศราโกรธเคืองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขนาดไหน เมื่อเขาบอกว่าจะเลื่อนงานแต่งงานกับปรางดาว วรธรรม หญิงสาวที่ผู้เป็นแม่ของเขาถูกตาต้องใจจนถึงขนาดออกปากตั้งแต่วันแรกที่พบหน้าว่าต้องเอามาเป็นสะใภ้ให้ได้

                    ชายหนุ่มถอนใจแรง ลุกจากโซฟาเดี่ยวตัวที่เขานั่งอยู่เหมือนมันเป็นถ่านร้อนๆแทนที่จะเป็นเบาะนุ่นปักลวดลายสวยงามของไหมอียิป เขาเหนื่อยพอแล้วกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวเอง จะบอกความจริงเรื่องพิมลดากับลูกก็ยังเร็วเกินไป เขาเดาได้เลยว่าผู้เป็นแม่ไม่มีทางตบมือตีนตีดีใจไปกับเขาแน่ๆ

                    “ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ไม่ว่าผมขอไม่ทำงานก่อนนะครับ”อัศวินกล่าว หากยังไม่ทันที่เขาจะก้าวเท้าออกจากห้อง เสียงของผู้เป็นแม่ก็ดังมาให้ได้ระคายใจอีกระลอก

                    “ลูกเทพลูกเทวดาจริงนะพ่อคนนี้”คุณหญิงเอ่ยไม่เบานัก “ดูลูกชายของคุณนะคุณภพพูดนิดพูดหน่อยมันก็ลุกหนีเรา อีกหน่อยมันคงเหยียบหัวเราล่ะค่ะ”

                    อดีตรองผู้บัญชาการเก่าถอนใจ นี่ก็เมียนั้นก็ลูกไม่รู้จะเข้าข้างใครดี ท่านจึงทำได้เพียงแต่แกล้งยกกาแฟขึ้นดื่ม อีกมือก็เปิดกางหนังสือพิมพ์วางท่าสนอกสนใจ จนผู้เป็นภรรยาต้องส่งค้อนให้อีกคน

                    “หึ!...พ่อมันก็อีกคน เข้าข้างกันดีนัก!!”

     

                    บ่ายจัดแล้วหากผู้คนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงเดินเข้าออกกันหนาตา แต่ก็มิอาจบดบังรัศมีของร่างสูงในชุดสูทสากลสีน้ำตาลสวมทับเสื้อตัวในสีขาวตัดกับกางเกงสเล็คสีครีมที่ยิ่งส่งให้ใบหน้าคมคาย กับดวงตาสีดำสนิทนั้นยิ่งดูโดดเด่นจนตำรวจสาวๆหลายคนที่ประจำอยู่ในสำนักงานถึงกับต้องมองตามอย่างสนใจ

                    นคราหยุดลงที่หน้าโต๊ะของผู้หมวดสาวคนหนึ่งเพื่อบอกเจตนาของเขา “ขอโทษนะครับหมวด ผมมาหาสารวัตรอัศวิน ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมครับ”

                    ผู้หมวดสาวส่งยิ้มหวานจดจำชายหนุ่มตรงหน้าได้เป็นอย่างดีกว่าเขาเป็นเพื่อนของเจ้านายเธอ “อยู่ค่ะ คุณนครา...รอตรงนี้สักครู่นะค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปเรียนสารวัตรก่อน”

                    “ครับ ขอบคุณ”

                    หมวดสาวหายไปประมาณ สามนาทีก่อนกลับออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ติดจะแหยไปสักเล็กน้อย “สารวัตรให้มาเรียนเชิญไปพบที่ห้องทำงานเลยค่ะ”

                    “ครับ”

                    เมื่อร่างสูงสง่าเดินผ่านไปแล้ว หมวดสาวถึงกับต้องถอนใจ ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องมาไล่เพื่อนของสารวัตรกลับไปเสียแล้ว เพราะวันนี้ทั่วทั้งชั้นต่างไม่มีใครเข้าหน้าเจ้านายของเธอติดเลยแม้แค่คนเดียว ยังเสียวสันหลังไม่หายเมื่อเข้าไปรายงานว่าคุณนครามาขอพบ และไม่ต้องเกร็งเก้อเมื่อคำตอบห้วนๆกลับมาก็คือ...

                    ก็ไปบอกให้มันเข้ามาสิหมวด... ต้องให้ผมออกไปรับเสด็จมันรึไง

                    ไม่รู้ไปกินรังแตนมาจากไหน หน้าห้องอย่างเธอถึงได้กลายเป็นกระโถงท้องพระโรงส่วนตัวไปแล้ว!

     

                    อัศวินเขม็งมองผู้มาหาอย่างขวางหูขวางตาเต็มทน นิ้วเรียวยาวยกขึ้นเสยผมดกดำสลวยจนมันดูยุ่งเหยิงเข้าไปอีก

                    “มาก็ดีเลยไอ้ราม ข้าจะได้ไม่ต้องถ่อไปหาถึงโรงแรม”อัศวินกล่าว พยักหน้าบุ้ยใบ้ให้เพื่อนนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของตน “นั่งสิเอ็ง... ยืนมองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนรึไง”

                    ผู้เป็นเพื่อนยิ้ม รู้ดีว่าเขาถูกแขวะเข้าให้แล้ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไหมผู้หมวดสาวหน้าห้องของหมอนี่ถึงได้ทำหน้าปู้เลี่ยนๆออกไปหาเขา “คนน่ะข้าเคยเห็น แต่คนพาลที่เพิ่งไปกินรังแตนมาน่ะ...เพิ่งจะเคย!!

                    ใบหน้าขาวที่ติดจะเคร่งเครียดมาทั้งวันของอัศวินยิ่ง งอเข้าไปอีก “อย่ามากวนกันดีกว่าไอ้ราม ข้ากำลังหงุดหงิดไม่มีอารมณ์มาล้อเล่นกับนายหรอกนะ”

                    นครายกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับไหล่ รอยยิ้มยังคงแต้มที่มุมปาก “โอเค...ข้ายอมแพ้ จะมาถามข่าวเรื่องคุณพิมกับลูกชายเธอ เห็นนายเงียบๆไป”

                    “อืม... แล้วไง อะไรอีก...จะถามก็ถามๆมาทีเดียวเถอะ”

                    นคราเพียงยักไหล่ หากก็ถามต่อจริงๆ “เอ่อ...ได้ข่าวว่านายเลื่อนงานแต่งงานแล้ว ข้าจะมาแอบถามไปบอกเมียที่บ้านน่ะ ว่านายจะยกเลิกเลยไหม จะได้ไม่ต้องตัดชุดรอเก้อ”

                    อัศวินเห็นแววตาเต้นระริกของเพื่อนรัก เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายเพียงล้อเล่นหากก็ยังอดตอบกลับไปอย่างรำคาญไม่ได้ “แต่งสิ แต่ไม่ใช่ตอนนี้โว้ย!

                    “อ๋อ...ต้องรอเปลี่ยนเจ้าสาวก่อน” นคราถามกลับยิ้มๆ

                    ชายหนุ่มไม่ตอบ ใบหน้าที่ติดจะบึ่งตึงดูเศร้าหมองลงไปอีก “ไม่แน่หรอกราม... บางทีแผนการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวของข้ามันอาจจะไม่จำเป็นแล้วก็ได้”

                    นคราหยุดยิ้มทันที “ทำไมล่ะ นายยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้เองเหรอ”

                    นอกจากปรางดาวแล้ว อีกคนที่รู้ถึงแผนการของเขาก็คือนครา เขาจึงไม่คิดจะต้องปิดบังความกังวลใจใดๆกับเพื่อนคนนี้ “พิมลดาอาจจะมีคนที่เขารักอยู่แล้ว” ใบหน้านั่นยิ่งหมองลงไปอีก “เวลามันผ่านมาตั้งสี่ปี ฉันคงเป็นไอ้ควายแน่ๆถ้าคิดว่าเขาจะยังรักผู้ชายเลวๆอย่างฉันอยู่”

                    “นายรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ได้รักนายแล้ว”นครายังสงสัย

                    “ข้าได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแฟนเขา แถมยังเรียกไอ้เวรนั้นว่าที่รักอีก”หางเสียงนั้นสะบัดอย่างไม่สบอารมณ์เต็มที เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะนึกถึงมันเลยจริงๆ

                    นครางันไป เขาพยายามคิดอย่างเป็นกลางที่สุดก่อนจะพูดอะไรออกไป “เขาพูดภาษาอังกฤษกันใช่ไหม เรียกว่าไงล่ะ ดาร์ลิ้งค์ ฮันนี่ หรืออะไร”

                    อัศวินมองเพื่อนตาขวางยิ่งกว่าเดิม เอ่ยอย่างหงุดหงิด “เลิกกวนเสียทีได้ไหม!! จะเรียกโดยใช้คำห่าเหวอะไร มันก็แปลว่าที่รักอยู่ดี แถมพิมยังบอกว่ารักมัน...” เขาถอนใจเหมือนคนหมดแรง “เขาบอกข้าว่ามันเป็นคนสำคัญสำหรับเขาด้วย แล้วแบบนี้เอ็งจะให้ข้าทำยังไงว่ะราม!!

                    “ไอ้เขาๆ ที่เอ็งพูดถึงนี่รู้ไหมว่าเป็นใคร”

                    “มันชื่อราล์ฟมั้ง ข้าจะไปตรัสรู้ไหมล่ะ ไม่ได้ถามเขานี่!!”ชายหนุ่มตวัดเสียงตอบ หมดอารมณ์จะทำงานตรงหน้าทันที มือใหญ่ที่ประสานกันอยู่บนโต๊ะนั้นบีบกันแน่น บ่งบอกอารมณ์เจ้าของได้เป็นอย่างดี

                    หากสิ่งเดียวที่เขาไม่ได้หวังให้เพื่อนรักทำตอนนี้ คือยิ้มแจ่มใสอย่างที่ มันกำลังทำอยู่ในตอนนี้

                    “อ๋อ...ฉันว่านายคงหมายถึง ราล์ฟ แบรทเวล ล่ะสิ”

                    อัศวินเลิกคิ้ว รอให้เพื่อนรักอธิบายต่อหากเขาได้รับเพียงการเลิกคิ้วดกหนานั้นตอบกลับมาแทน

                    “ตกลงไอ้ราล์ฟ แบรทเวร ที่แกพูดถึงนี่มันเป็นใครว่ะ!!”ชายหนุ่มแผดเสียงถามเพื่อนรักอย่างหมดความอดทน

                    “หมอนั่นชื่อราล์ฟ แบรทเวล”ผู้เป็นเพื่อนเอ่ยแก้ให้บุคคลที่ถูกกล่าวถึงโดยอัตโนมัติ ก่อนจะมองเจ้าของห้องอย่างอ่อนอกอ่อนใจเต็มที “ตอนที่ฉันเล่าเรื่องคุณพิมให้แกฟังเนี่ย แกไม่ได้สนใจเลยใช่ไหม”

                    “ข้าฟัง แต่ตอนนั้นสมองข้ามันรับรู้แต่เรื่องลูกเมียตัวเองเท่านั้นแหละ”

                    “โธ่...ลูก! เมีย! เรียกได้เต็มปากเต็มคำเชียวนะไอ้วิน...เขายอมให้เอ็งเรียกยังงั้นแล้วเหรอ” คนเป็นเพื่อนยังอดประชดไม่ได้

                    อัศวินถอนฉุน มองเพื่อนรักอย่างขัดใจ “แล้วจะบอกข้าได้รึยัง ว่าไอ้ ราล์ฟ แบรทเวร ที่พิมเรียกมันว่า ที่รักนั่นเป็นใคร!!

                    ร่างสูงในชุดสูทยิ้มอมภูมิ “ทำไม นายหึงเขารึไง!

                    ชายหนุ่มหมดความอดทน ใบหน้าขาวๆแดงก่ำ ตะคอกใส่เพื่อนรักไม่ไว้หน้า “ไอ้ราม ตกลงเอ็งจะบอกข้าดีๆไหม ถ้าไม่บอกข้าจะได้ไปเรียกเมียเอ็งมาง้างปาก เอ็งจะได้คายไอ้ที่อมๆอยู่ออกมาเสียที!!

                    นคราได้แต่ส่ายหน้ารำพันอย่างอ่อนใจ “ไอ้วิน...ก็เพราะปากเอ็งมันเป็นแบบนี้ไง คุณพิมเขาถึงได้ไม่ใจอ่อน”

                    “ไอ้ราม!!

                    “เออๆไม่ล้อเอ็งก็ได้ คืองี้...” นคราทำท่าคิดนิดหน่อย หากเมื่อสบแววตาเอาจริง ที่มองเขม็งมาก็เลิกเล่น กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ “หมอนี่เป็นลูกติดของพ่อเลี้ยงคุณพิมน่ะ เท่าทีมีรายงานมาก็หล่อ รวย แต่หลังๆมานี่มีข่าวว่าควงสาวๆบ่อย แต่แหล่งข่าวบอกมาว่าที่หมอนี่ครองตัวเป็นโสดอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะหลงรักลูกติดแม่เลี้ยงตัวเอง แต่สาวเจ้าไม่เล่นด้วยเพราะมัวแต่ไปรักผู้ชายโง่ๆที่เป็นพ่อของลูกอยู่นั่นแหละ”

                    ประโยคท้ายอัศวินรู้ดีว่าเพื่อนรักของเขา เสริมเติมแต่งเข้าไปให้มันสะเทือนใจเขาเล่นมากกว่าจะไปถือเป็นจริงเป็นจังอะไร หากเขาก็อยากจะเชื่อมันแบบนั้นจริงๆ

                    เชื่อว่าพิมลดายังคงรักเขาอยู่....

     

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    ขอคอมเมนท์ + โหวตเยอะๆๆๆนะจ๊ะ
    ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ

    ปล.มุมคุยกับผู้อ่าน

              สวัสดีค่ะ ทุกคน ช่วงนี้ เน็ต เป็นอะไร ไม่รู้ค่ะเข้ามาแล้ว ยอดวิวไม่ตรงกัน เลย แปลกๆ เห็นมีบางท่าน บอกว่า เขามา แล้ว บทความ หาย อ่าน ไม่ ได้ อันนา กลุ้มใจแทนเลยค่ะ เข้าใจๆ กำลัง พยายามหา สาเหตุ อยู่ค่ะ เศร้า
    ตอนนี้ อันนา นั่งแต่งมา ตั้งกะ ทุ่มหนึ่ง เฮ้อ... น้ำผึ่งขมจะจบแล้วมั้งเนี่ย อิอิ เดี่ยว อันนามาคุย ด้วยต่อนะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×