คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : >>Chapter6
วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก
Chapter 5
ปรางดาว วรธรรม กำลังมองดูนักเรียนของเธอวิ่งเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่นของทางโรงเรียนอย่างมีความสุข เธอช่างโชคดีเสียจริง ที่พบแต่ความสุข เธอมีครอบครัวที่ดี มีคู่หมั้นที่น่ารัก และมีลูกศิษย์ที่น่าเอ็นดู เพียงเท่านี้ เธอก็มีความสุขแล้ว ไม่เคยคิดที่จะอยากมี หรืออยากได้อะไรไปมากกว่าที่เป็นอยู่
โดยเฉพาะ เขา...พี่วิน แม้จะรู้จักกันมานาน แต่ความเสมอต้นเสมอปลายของเขา ทำให้เธอวางใจ ว่าเขาจะดูแลเธอได้ เป็นผู้นำและพี่ชายที่ดีพอ และเขาจะปกป้องเธอได้ ...เธอมั่นใจ
หญิงสาวยังจำได้ถึงบทสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อตอนกลางวัน ที่ร้อยวันพันปีเขาถึงจะโทรมาหาเธอสักครั้ง แค่คำพูดสั้นๆ เพียงว่า ‘วันนี้พี่จะไปรับดาวกลับบ้านนะครับ’ นั่นก็ทำให้เธอปลาบปลื้มใจจนแทบอดทนรอพบหน้าเขาไม่ไหว
ร่างบอบบางในชุดเสื้อคอกลมสีขาวเข้าคู่กับกระโปรงสีชมพู ยกนาฬิกาข้อมือทำจากทองคำขาวเรือน สวยขึ้นมองเป็นรอบที่สิบกว่าๆ ในช่วงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
‘...บ่ายสามโมงแล้ว…ทำไมพี่วินถึงมาช้านักก็ไม่รู้’ หญิงสาวลำพึงในใจ หากก็คิดได้ว่าแถวๆรอบๆโรงเรียนของเธอรถติดมากแค่ไหนก็คิดว่าเข้าใจดี... พ่อแม่บางคนที่ต้องมารับส่งลูกที่โรงเรียนมักจะมาบ่นให้เธอฟังเป็นประจำ ถึงปัญหารถติดในละแวกนี้ เด็กโตก็พอจะกลับบ้านเองได้ แต่เด็กเล็กๆที่พ่อแม่ยังไม่ว่างใจให้กลับเองหรือกลับกับรถรับส่งของทางโรงเรียน ก็ต้องเดินทางมารับ
และด้วยเหตุนั้น ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาที่โรงเรียนเลิกแล้ว ก็ยังคงมีเด็กนักเรียนส่วนมากที่วิ่งเล่นหรือทานอาหารอยู่ตามมุมต่างๆ เพื่อรอผู้ปกครองของตนมารับ ภาพตรงหน้าที่เธอมองอยู่จึงไม่ใช่สิ่งแปลกตานัก และปากสีชมพูที่มีเพียงลิปกรอซบางๆทาไว้ ก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อมองไปที่ไม้ใหญ่ สูงขึ้นไปไม่มาก มีร่างกลมป้อมกำลังนั่งแกว่งขาไปมาอย่างมีความสุข
เห็นทีเธอจะต้องออกไปดูศิษย์รัก ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุร้าย เพราะถ้าร่างนั่นตกลงมา ก็คงไม่แคล้วกระดูกได้ออกนอกเนื้อแน่ๆ
“ออกัส...หนูกำลังทำอะไรจ๊ะ”ปรางดาวถาม เมื่อเดินไปถึงใต้ต้นไม้ พร้อมแหงนหน้าขึ้นไปพูดกับร่างที่อยู่สุงกว่า อย่างเป็นห่วง และได้ยินเสียงใสๆ ตอบกลับมาทันที พร้อมรอยยิ้มที่คนมองคิดว่าคุ้นตายิ่งนัก
“รอคุณแม่ฮะ ...ตรงนี้เห็นชัดกว่าอยู่บนพื้น”
ปรางดาวเข้าใจทันที แต่ก็จำเป็นต้องเตือน “ครูรู้ค่ะ แต่ต้นไม้มันสูงและอาจจะมีมดหรือแมลง ดีไม่ดีอาจจะเป็นงูนะค่ะ ครูว่าทางที่ดีหนูควรจะลงมารอคุณแม่บนพื้นนะจ๊ะ”
ร่างป้อมยังคงจ้องมองไปที่ถนน อย่างรอคอย ปากก็พึมพำไปเบาๆ “วันนี้คุณแม่มารับช้าจังเลยฮะ”
ปรางดาวเข้าใจพ่อหนูน้อยออกัสดี ความรู้สึกเมื่อเวลาที่เรารอใครสักคนที่เราคิดถึงเขาสุดหัวใจเป็นเวลานานนั้น น่าอึดอัดและทรมานแค่ไหน
“วันนี้รถติดมากจ๊ะ คุณแม่ของออกัสคงจะกำลังรีบมาอยู่แน่ๆ หนูลงมาจากต้นไม้ก่อนที่คุณแม่จะมาเห็นแล้วดุเอาดีกว่าไหมจ๊ะ”
เมื่อได้ยินแค่คำพูดเพียงว่า ‘คุณแม่จะดุเอา’ ร่างป้อมๆก็ถึงกับรีบลนลาน ลงจากต้นไม้ใหญ่อย่างคล่องแคล่ว ไม่ต้องให้พูดเตือนซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง หากดูเหมือนว่าครูสาวจะเตือนช้าไปเสียแล้ว เมื่อสายเรียกจากหัวอกคนเป็นแม่ดังมาทางด้านหลัง
“ออกัส !!!”
‘พระเจ้าช่วย...นี่คุณแม่มาทางไหน ทำไมเราไม่เห็นนะ’ออกัสคิด อย่างปลงๆ ว่าคงโดยดุแน่ๆ ผู้เป็นลูกมองคนเป็นแม่ที่ใบหน้ากำลังบึงตึง อย่างใจเสีย
“แม่ฮะ....” ยังไม่ทันที หนูน้อยจะพูดขาดคำ ผู้เป็นแม่ก็สวนขึ้นก่อน “หนูทำอีกแล้วใช่ไหม...แม่เคยห้ามแล้วนะลูก เรื่องปีนต้นไม้”
พิมลดาเสียงเขียวกับลูกชาย ความโกรธของเธอมีเหตุผล การได้เห็นผู้เป็นลูกนั่งห้อยโหนอยู่บนกิ่งไม้สูงจากพื้น เกือบสามเมตร แทบทำหัวใจคนเป็นแม่ตกไปอยู่ที่พื้น เพราะเมื่อสองเดือนก่อนลูกชายสุดที่รักก็เคยตกลงมาจากต้นไม้ หัวร้างข้างแตกจนต้องเย็บไปถึงหกเข็ม
ครูสาวอย่างปรางดาว ที่กำลังมองอยู่และคิดว่าเป็นความผิดของเธอที่ดูแลหนูน้อยออกัสไม่ดีเอง เพราะถ้าเธอดุเด็กชายเสียตั้งแต่แรก เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ ยิ่งมองเห็นใบหน้าซึมเศร้า เธอก็ยิ่งสงสาร
“อย่าโทษแกเลยค่ะคุณพิม เป็นความผิดของดาวเองที่ไม่ดูแลนักเรียนให้ดี”
พิมลดาเพิ่งเห็นว่ามีปรางดาวอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
“ไม่หรอกค่ะ ครูดาวอย่าคิดมากเลย” พิมลดาพูด ก่อนจะมองใบหน้าซึมเศร้าของลูกชาย ที่บัดนี้ดวงตากลมโตหม่นหมองจนหน้าใจหาย
เสียงของคนเป็นแม่ที่ถามออกไปจึงอ่อนลงอย่างมาก“ออกัสจ๊ะ หนูจำได้ไหมว่าหนูเคยตกต้นไม้ที่บ้านสวนของคุณลงจอร์ช”
ร่างกลมมองผู้เป็นแม่งงๆ ก่อนจะพยักหน้าพร้อมตอบรับแผ่วเบา “จำได้ฮะแม่”
“ตอนนั้นหนูเจ็บไหมลูก”
“เจ็บฮะ...” เขาจำได้วันนั้นเมื่อรู้สึกตัว คุณตาจอร์ชก็เล่าให้ฟังว่าเขาโดยเย็บตั้งหกเข็ม และยังพอจะนึกออกว่าปวดแผลมาก ต้องนอนซมอดเล่นไปหลายวัน
“ใช่...หนูเจ็บ แต่แม่ที่เห็นหนูต้องเจ็บ เจ็บกว่าหลายเท่านะลูก วันนี้หนูโชคดีคุณครูมาห้ามทัน มีผู้ใหญ่คอยดูแล แต่หากวันไหนที่หนูทำแบบนี้อีกแล้วเกิดตกลงมาโดยไม่มีใครเห็น ความสูงเท่าขนาดนี้ หนูอาจจะไม่ใช่แค่เย็บหกเข็ม เกิดโชคร้ายแขนขาหักขึ้นมาจะทำยังไง” พิมลดาสอน เพราะความโกรธของเธอเกิดมาจากความห่วงใย เพราะเมื่อแรกที่เธอขับรถผ่านเข้ามาที่ประตูโรงเรียนและเห็นลูกชายนั่งอยู่บนกิ่งไม้ เธอก็เป็นห่วงเขาใจแทบขาด พอเข้ามาใกล้และเห็นเขาลงมาอย่างปลอดภัย ก็โล่งใจ
“สัญญากับแม่นะ ว่าจะไม่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้อีกเป็นอันขาด”
หนูน้อยเข้าใจความห่วงใยของผู้เป็นแม่ดี จึงซอยเท้าเข้าไปกอดต้นขาของผู้เป็นแม่แน่น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณแม่มาช้า ออกัสคิดถึง...อยากเจอคุณแม่ไวไว เลยไปนั่งมองรถบนนั้น ...อึก”
หนูน้อยละล้ำละลักพูดไปสะอื้นไป “ผมขอโทษฮะ...”
หัวใจคนเป็นแม่อ่อนยวบ เพราะปกติพิมลดาก็ไม่เคยดุลูกอยู่แล้ว ทั้งรักทั้งห่วงและหวงเขายิ่งกว่าไขในหิน หากก็ไม่มากเกินไปจนทำให้เขาเป็นลูกแหง่ สองมือของเธอจึงดึงลูกชายสุดที่รักขึ้นมาอุ้มอย่างรักใคร่ “แม่รักหนู ถ้าหนูเจ็บแม่ก็เจ็บกว่า อย่าทำให้แม่เป็นห่วงแบบนี้อีกนะลูก”
ร่างกลมป้อมของหนูน้อยออกัส เกาะกอดผู้เป็นแม่แน่น “ออกัสจะไม่ปีนต้นไม้นี้อีกฮะ”
“ต้นอื่นก็ไม่ได้นะลูก!”พิมลดาดักคอลูกชาย เรียกเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
ปรางดาวยิ้ม เมื่อรับไหว้จากพ่อหนูน้อยออกัส ที่หันมาบอกลาเธอ และความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ประจักษ์ใจเธอ...แม่ลูกคู่นี้รักกันมาก มากจนเธออดอิจฉาไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทำไม หากมีบ้างอย่างในตัวเด็กชายที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยและห่วงใย มากกว่านักเรียนคนอื่นๆ
หญิงสาวเดินช้าๆ ตามหลังสองแม่ลูกที่ เดินไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน
ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่อยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจอันทรงเกียรติ วันนี้เขานัดจะมารับคู่หมั้นสาวไปทานอาหารเย็นที่บ้าน หากเมื่อเขากำลังจะเดินไปหาปรางดาวที่ชั้นเรียนของเธอ เขากลับพบหญิงสาวสวยจัดคนหนึ่งขับรถเขามาจอดภายในบริเวณโรงเรียนด้วยความเร็วสูง ก่อนที่เธอคนนั้นจะรีบลงจากรถ เพียงชั่ววินาทีที่เขาเห็นเธอ...เขาจำได้ทันที
พิมลดา...เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นเธอด้วยความบังเอิญแบบนี้ เพราะเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่นคราเพื่อนสนิทรู้มา เขาก็ยังไม่คิดว่าจะได้พบเธอเร็วขนาดนี้ และที่วันนี้เขาตัดสินใจมารับปรางดาวไปทานข้าว ก็เพราะคิดว่าเขาอาจจะได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกชายสักนิด แต่ไม่ได้นึกอยากจะเจอแม่นั่น ...’ไม่’ แม้แต่นิดเดียว
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า เขาคิดอย่างไร... ภาพต่างๆที่เขาแอบมองอยู่ เป็นเหมือนเศษแก้วเล็กๆนับพัน ที่ทิ่มตำเข้าไปในหัวใจของเขา ลูกชายของเขาน่ารักเหลือเกิน เหมือนเขามาก จนเขาคิดว่ากำลังมองตัวเองเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน
ทั้งสีผม ตา เค้าโครงหน้า ลูกคงได้จากเขาไปหมด...ลูกชายเขาว่าหากเหมือนพ่อ วัยเด็กจะอาภัพ ที่โบราณเขาว่ากันเอาไว้นั้นอาจจะเป็นเรื่องจริง เขากับลูกถึงได้ต้องพรากจากกัน เพราะความเห็นแก่ตัวของคนเป็นแม่แท้ๆ ไม่รู้ว่าทำไม ผู้หญิงคนนั้นถึงใจร้ายได้ขนาดนี้
ยิ่งคิดความโกรธ ความเกลียด ความเสียใจก็ยิ่งถาโถมร่างสูงจนยืนแทบไม่ไหว ได้แต่มองตามรถยนต์คันสวยของพิมลดาไปด้วยสายตาเจ็บปวด ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น...เขาอยากจะเกลียดเธอยิ่งกว่าอะไรบนโลกนี้ อยากจะทำร้ายเธอให้สาแก่ใจ หากภายในก้นบึ่งของหัวใจ
...เขาทำได้แค่ ‘อยาก’ จะเกลียด เหมือนที่ทำมาตลอดนั่นแหละ
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น... เพราะอะไร ขนาดผ่านมานานป่านนี้แล้ว พิมลดายังมีอิทธิผลต่อเขาอีก
หากนาทีต่อมาอัศวินก็เลิกคิด เก็บกดทุกอย่างเอาไว้ในใจ ฝืนยิ้มให้คนร่างบอบบางที่เดินส่งยิ้มหวานมาให้เขา
“มานานแล้วเหรอคะ พี่วิน” ปรางดาวถาม อดแปลกใจไม่ได้ว่าเขามาเมื่อไร
“สักพัก พี่ไม่เห็นดาวอยู่ในห้อง เลยออกมารอข้างนอก...ไปไหนมา”ชายหนุ่มรู้ดีว่าปรางดาวไปไหนมา หากที่อยากรู้ก็คือ ...เธอไปทำไมต่างหาก หรือลูกเขาเป็นอะไร
“เด็กคนนั้นที่...ผู้หญิงคนนั้นอุ้มไปเขาเป็นอะไรเหรอดาว”เขาไม่อย่างเรียกพิมลดาว่าแม่ของลูกเขาเลยจริงๆ
ปรางดาวไม่แปลกใจกับสรรพนามเรียกพิมลดาของคู่หมั้นหนุ่ม “ก็แกแค่กำลังรอคุณพิมลดา คุณแม่ของแกค่ะ แต่วันนี้เธอมาช้า พ่อจอมซนก็เลยไปปีนต้นไม้รอมองรถคุณแม่ พอคุณพิมลดามาเห็นลูกชายปีนลงจากต้นไม้ก็ดุลูกค่ะ...”ยังพูดไม่ทันจบอัศวินก็แทรกขึ้นมาก่อน
“เท่านี้ก็ต้องดุเลยเหรอ ทำไมใจร้าย ใจดำแบบนี้ กับไอ้แค่เด็กผู้ชายปีนป่ายต้นไม้!!”
ปรางดาวตกใจ เพราะน้ำเสียงที่ชายหนุ่มใช้นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์จนเธอยังรู้สึกได้ “ไม่ใช่หรอกค่ะ คือเธอก็คงเป็นห่วงลูก เลยดุและอบรมกันธรรมดา แม่ลูกคู่นี้เขารักกันมากค่ะ ดาวเองเมื่อกี้ไปยืนมองอยู่เป็นเพียงคนนอกยังรู้สึกได้ ถึงความรักของแม่ที่มีให้ลูกเลยนะ ก็คงจะเพราะพวกเขามีกันเพียงสองคน”
อัศวิน ขมวดคิ้วชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ “สองคนเหรอ แล้วคุณพ่อเขาล่ะ”
“คุณพิมลดาบอกว่าพ่อของน้องออกัสไม่อยู่แล้วค่ะ” ปรางดาวตอบด้วยเสียงที่ติดแววสงสารชัดเจน และเพราะเธอกำลังส่งยิ้มให้ผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่งอยู่ จึงไม่ทันเห็นใบหน้าถอดสีซีดขาว สลับกลับแดงจัดอย่างน่ากลัวของชายหนุ่มข้างกาย ก่อนเขาจะเอ่ยกับเธอด้วยเสียงแหบพร่า
“ดาว ไปเก็บข้าวของเถอะ วันนี้พี่จะพาไปทานข้าวเย็นข้างนอก แล้วเราค่อยไปเยี่ยมคุณพ่อ คุณแม่” อัศวินพูด และได้รับรอยยิ้มสดใสตอบกลับมา ก่อนร่างบางจะผละจากไป
หากหญิงสาวหันกลับมามองที่ชายหนุ่มอีกครั้ง เธออาจจะต้องแปลกใจ เพราะอัศวินไม่มีแม้แต่ถ้าทางของความสุข บุคลิกที่เคยมั่นใจ ปราดเปรียว กลับมีแววสับสนและวิตกอย่างชัดเจน
อัศวินกำลังทรมานเจียนคลั่งอยู่ในภวังค์ เขาจะต้องรีบจัดการเรื่องพวกนี้ และเขาตัดสินใจในนาทีถัดมาว่าจะไม่ให้ใครหน้าไหนมาพรากลูกไปจากเขาแน่ๆ แม้แต่พิมลดาเองก็เถอะ เธอจะทำกับเขาแบบนี้ไม่ได้และจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกไป ต่อให้เขาต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำที่สุด...เขาก็ยอม
ถ้าแลกกับการได้รัก ได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายของเขา ทำหน้าที่ของพ่อที่เขาอยากทำให้ดีที่สุดเพื่อลูกชายที่เขาเพิ่งเห็นหน้าเพียงแวบเดียว เขาสาบานได้ว่าแทบจะยอมแลกเลือดทุกหยุดเพียงเพื่อให้ได้กอดร่างเล็กๆของลูกชายสักครั้ง นาทีนี้มันไม่สำคัญแล้วว่าเขามองพิมลดาผิดไปรึเปล่า ใช่เธอบริสุทธิ์ เธอจิตใจดี แต่วินาทีนี้สำหรับเขามันไม่มีความหมายอีกแล้ว...
ถ้าพิมลดาคิดว่าวิธีกีดกันลูกออกจากเขาจะทำให้เขาทุกข์ทรมานได้ล่ะก็...เธอทำสำเร็จ!! สำหรับผู้หญิงคนนั้นเธอจะหวังอะไรจากเขา เขาไม่สน...แต่อย่าขอร้องความปราณีก็แล้วกัน เพราะเขาไม่มีให้แน่ๆ
พิมลดาทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง เธอจะแก้แค้นเขาใช่ไหม ถึงได้ทำเรื่องเลวทรามแบบนี้...
‘พี่วินค่ะ... พิมรักพี่วิน พิมรักพี่วิน พิมรักพี่วิน’ มีแต่พระเจ้าท่านั้นที่จะทรงรู้ว่าเขาคิดถึงประโยคนี้บ่อยแค่ไหนตลอดสี่ปีที่ผ่านมา
เขาจำได้ว่าวันนั้นร่างของพิมลดาเปล่าเปลือยออกมาจากห้องน้ำ ผมยาวเป็นลอนพันกันยุ่งเหยิง กอดเอวเขาร้องไห้อย่างน่าเวทนา เธอวอนขอให้เขาอยู่กับเธอ... ในคืนสุดท้าย
‘พี่วินอยู่กับพิมก่อนนะค่ะ...อย่ากลับเลย’ร่างอวบอิ่มด้วยเลือดสาวสะพรั่ง โอบกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก นิ้วมือเรียวเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตของเขา
เขาจำได้ว่า ในชีวิตนับแต่โตเป็นหนุ่มมา ไม่มีวินาทีไหนที่เขารู้สึกถึงความรุมร้อนเท่านั้น ทั้งมือ ทั้งริมฝีปาก ทุกสัมผัสของพิมลดายังคงตามมาวนเวียนหลอกหลอนเขา เหมือนเหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน...
แต่นี่หรือสาวน้อยน่ารัก ที่เขาเฝ้าถนอมมานานปี... เขาใช้เวลาสองปีเรียนรู้ที่จะแบ่งพื้นที่ในใจให้ใครบางคน คนที่ไม่ใช่ครอบครัว คนที่ไม่ใช่เพื่อน แต่เธอกลับทอดกายให้เขาง่ายๆ ไม่ต่างจากเด็กสาวใจแตก โดยมีความรักเป็นข้ออ้างในการกระทำทั้งหมด ทั้งมวล
หากคนที่เธอรักไม่ใช่เขาล่ะ... หากวันหนึ่งเขาไม่ใช่คนสุดท้ายในชีวิตเธอล่ะ... ใครจะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายเลวๆ อีโก้สูง เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่
เขาไม่เคยใช้ความรักเป็นข้ออ้าง... คนอื่นอาจจะมองว่าเขาไร้หัวใจ เย็นชาเป็นไอ้สารเลวทำร้ายน้ำใจผู้หญิงมานักต่อนัก แต่เขาไม่เคยทำร้ายใครด้วยการใช้คำว่า ‘รัก’
ถ้ามันจบลงด้วยความสุข ความรักก็เป็นฮีโร่ หากถ้ามันจบลงด้วยความทุกข์ ความรักก็กลายเป็นแพะรับบาป
“พี่วินคะ ...พี่วิน!”เสียงหวานใส เรียกคู่หมั้นหนุ่มค่อนข้างดัง พร้อมส่งยิ้มกว้างให้ เมื่ออีกฝ่ายเพียงขยับตัวตรง พร้อมเลิกคิ้วให้เธอนิดๆ
“เราไปกันเถอะค่ะ ดาวเรียกพี่วินตั้งนานแหนะ ใจลอยไปถึงไหนคะ”คำถามนั่นไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจัง และชายหนุ่มก็ไม่คิดจะตอบ เขาเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้ปรางดาว ก่อนเดินอ้อมมานั่งประจำที่ของตนเอง
อัศวินคิดว่าเวลานี้อุปสรรคและปัญหามันอยู่ตรงหน้า ป่วยการที่เขาจะมาคิดถึงเรื่องราวในอดีต หนทางข้างหน้าสิสำคัญกว่า และอะไรที่สำคัญ สิ่งนั้นเขารู้ดีอยู่แก่ใจ...
**โปรดติดตามตอนต่อไป**
ปล.มุมคุยกับผู้อ่าน
คร๊อกกกกกกกกกกฟี้ ๆ อิอิ ตอนนี้พี่ๆคงอยู่ในอาการที่อันนาว่า อิอิ ดึกจังเลย อันนารู้สึกเหมือนสติเริ่มเลือนลาง วิญญาณใกล้ออกจากร่างมากๆ ตอนนี้ ก็ใกล้มากๆ สำหรับใครที่รอให้อัศวินกับพิมลดาปะทะกัน555+ ไม่เกิน......อาทิตย์นี้ก็น่าจะได้อ่านกันค่ะ เข้ามาอ่านคอมเมนท์ทุกวันเลยค่ะ แต่วันนี้คงตอบให้ไม่ไหวแล้ว เพราะอันนาเหนื่อยมาก ทั้งวันยังไม่ได้พักเลย ล่วงมา 20 กว่าชั่วโมง
อยากจะบอก อิอิ น้ำยังไม่ได้อาบเล้ยค่ะ ล้างหน้า แปรงฟันเท่านั้น นี่เดี่ยว ก่อนนอนต้องไปอาบน้ำให้สบายตัว แหะๆ แล้วพรุ่งนี้จะรีบตอนแต่เช้าาาาาาา มาเร่งอัฟอีกตอนให้ได้อ่านกันนะค่ะ ชดเชิญที่ไม่ได้เอามาลง เสียสองวัน
ก่อนอันนาจะไป อยากจะบอกว่า ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆคอมเมนท์ ที่อันนา ยังไม่มีโอกาสตอบ ขอบอกเลยว่าได้อ่านแล้วและถ้ามีโอกาสก็อยากจะ ไปให้กำลังใจกับงานเขียนของทุกๆคน เช่นกัน รับรองค่ะ เมื่อนางสาวคนนี้ไป พี่ๆจะต้องอึ้ง...เช่นกันไปก่อนล่ะนะจ๊ะ ทุกท่าน
ไปไหวแย้ว ไม่ไหวจริงๆนะเนี่ย
จ๊วบๆ ฝันดี โอมๆ เพี้ยงงงงงง
ขอเมนท์ + โหวด ด้วยนะค่ะ
ความคิดเห็น