คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6 "เขาหรือเธอ ที่เห็นแก่ตัว" >> พร้อมตอบคอมเมนท์ที่ 31 - 60 นะค่ะ
บทที่6 “เขาหรือเธอ ที่เห็นแก่ตัว”
พิมลดาเลี้ยวรถสปอร์ตสีแดงเข้าไปจอดเทียบหน้าตึกชั้นเรียนเด็กอนุบาลที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ อย่างระมัดระวังเพราะรอบบริเวณมีทั้งเด็กเล็ก เด็กโตวิ่งเล่นกันให้วุ่นวายไปหมด
“คุณแม่!!”ยังไม่ทันที่ พิมลดาจะลงจากรถคันงาม เมื่อร่างกลมป้อมของลูกชายตัวดีส่งเสียงกรีดร้องเรียกเธออย่างที่แสดงให้รู้ว่าเจ้าตัวดีใจแค่ไหนที่ได้พบผู้เป็นแม่
“สา- หวัด- ดี- ฮะ”ร่างป้อมพนมมือขึ้นสวัสดีคุณแม่คนสวยของตัวเองอย่างน่ารัก ข้างตัวมีหญิงสาวที่พิมลดาจำได้ว่าเป็นครูประจำชั้นของลูกชายเธอ
“สวัสดีจ๊ะ วันนี้หนูไม่ซนใช่ไหมลูก”หางเสียงหวานติดแววดุหากเด็กชายไม่เคยนึกกลัวรีบตอบกลับมาทันที
“ไม่ฮะ! ไม่ซนเลย ถามคุณครูปลาดาวดูได้”
พิมลดายิ้มขันที่ลูกชายออกเสียงภาษาไทยไม่ชัด “จ้าๆแม่เชื่อออกัสเสมอแหละ แล้วคุณครูของหนูก็ไม่ได้ชื่อปลาดาวนะลูก คุณครูชื่อปรางดาวจ๊ะ”
คุณครูสาวที่ถูกพ่อนักเรียนจอมเซี้ยว เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็นปลาดาวถึงกับอมยิ้ม เมื่อเห็นหน้างงๆ ของเด็กชายที่พยายามจะแยกความแตกต่างของ ปลาดาว กับ ปรางดาว อย่างจริงจัง
“ไม่เป็นอะไรคะ แกคงยังออกเสียงได้ไม่ชัด คงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”ปรางดาวบอก ก่อนจะกล่าวกับพิมลดาอย่างชื่นชมจากใจจริง
“ออกัสเป็นเด็กน่ารักมากค่ะ เด็กผู้หญิงทั้งห้องตกหลุมรักแกหมดเลยค่ะ สงสัยจะเสน่ห์แรงเหมือนคุณพ่อนะคะ”
พิมลดายิ้มนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนพูดพาดพิงถึงพ่อของลูกเธอ
“นั่นสิคะ ถ้าเขายังอยู่ใกล้ๆ มีหวังบันไดบ้านพิมคงไม่แห้งแน่ๆ”นี่ คือสิ่งที่พิมลดาเลือกที่จะบอก ให้คนถามเข้าใจว่าพ่อของลูกเธอจากไปแล้วจะดีเสียกว่า ที่ต้องมาทนถูกถามหรือว่าตอบคำถามในเรื่องที่พูดลำบากเช่นนี้และดูเหมือนสิ่งที่พิมลดาทำจะได้ผล เมื่อปรางดาวหน้าเสียทันที และนั่นทำให้เธอรู้สึกขอโทษครูสาวอยู่ในใจ
ปรางดาวคิดว่าเธอมันแย่จริงๆ เธอไม่น่าพูดอะไรแบบนี้ออกไปเลย ต่อหน้าเด็กเสียด้วย
พิมลดาเข้าใจท่าทีของคุณครูสาวดี และเธอได้แต่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมรับมือกับทุกอย่างได้ดี ออกัสเองก็เช่นกัน” เมื่อเห็นว่าปรางดาวยังไม่มีทีท่าจะคลายกังวล เธอจึงเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น
“คุณครูคิดว่าพอจะสอนออกัสไหวไหมคะ แกค่อนข้างซนและแสบจริงๆ พิมไม่อยากเอาแกมารับกวนทางโรงเรียนน่ะคะ”
“ไหวสิค่ะ ออกัสเป็นเด็กน่ารักมากค่ะ”ปรางดาวยืนยัน เพราะเธอถูกชะตากับพ่อหนูน้อยมาตั้งแต่แรก
“ผมไม่ได้ซนจริงๆนะฮะแม่ เห็นไหม คุณครูปลาดาวยังว่าน่ารักเลย” เด็กชายได้ที รีบเอาความน่ารักเข้าตัว
พิมลดานั้นทั้งรักทั้งหลงลูกชายอยู่แล้ว หากเธอก็ไม่ใช่แม่ช่างลำเอียง ที่จะไม่รู้ว่าลูกชายนั้นซนเป็นลิงวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งวัน
“แน่นะคะคุณครู ออกัสไม่ได้ทำกระถางต้นไม้แตก กระจกทะลุหรืออ่างปลาตกจากชั้นวางหรอกใช่ไหมคะ”คนเป็นแม่ดักคอลูกชาย ก่อนหันมาย้ำกับคุณครูสาวตรงหน้า
“ถ้ามีก็บอกเถอะค่ะ ที่ถาม ...ไม่ใช่เพราะว่าจะทำโทษแกหรอกนะคะ พิมไม่เคยตีลูกสักแปะ แต่หากแกซนจนข้าวของพังไปบ้าง พิมก็จะต้องชดใช้ให้ทางโรงเรียนค่ะ”
ปรางดาวยิ้มอย่างโล่งอก เมื่อทราบว่าคุณแม่คนสวยของน้องออกัส เด็กชายที่เธอรู้สึกเอ็นดูไม่คิดจะทำโทษลูกชาย หากเธอจะบอกเรื่องราวซนๆระหว่างวัน ของเด็กชายให้ผู้เป็นแม่ได้รับรู้บ้าง เพราะมีเหมือนกันที่พอคุณครูรายงานความประพฤติซนๆ ตามวัยของเด็กแก่ผู้ปกครองของนักเรียนตามหน้าที่ พ่อแม่เกิดอับอายจึงต่อว่าหรือทำโทษลูก ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผลเลย เด็กวัยนี้ก็ซุกซนไปตามเรื่องตามราวเท่านั้น แม้บ้างคนจะทั้งซนทั้งแสบอย่างน้องออกัสคนนี้เป็นต้น
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกค่ะ แกเป็นเด็กดีทีเดียว อย่างวันนี้แกวิ่งชนตู้ปลาที่ห้องวิทยาศาสตร์จนตกลงมาแตก แกก็รีบวิ่งมาบอกครูทันทีเลยค่ะ ยอมรับผิดเต็มที่ แกยังบอกอีกนะคะว่าเป็นลูกผู้ชายทำผิดก็ต้องกล้ารับผิด”ปรางดาวเล่าถึง วีรกรรมเล็กๆ ที่เรียกทั้งความรักและความเอ็นดูจากคุณครูทุกท่านของเด็กชายให้แก่ผู้เป็น แม่ฟัง
“คุณคงสอนลูกมาดีมากๆ แกถึงได้เป็นเด็กน่ารักขนาดนี้”
“ค่ะ ...พิมก็พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แกเป็นเด็กดี ขอฝากแกกับคุณครูด้วยนะคะ...เพราะช่วงนี้พิมคงต้องทำงานหนัก อยากจะวางใจเวลาที่ส่งลูกมาโรงเรียน”พิมลดาย้ำ
ปรางดาวยิ้มรับทันที เธอเข้าใจความรู้สึกคุณแม่คนสวยท่านนี้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อต้องปล่อยให้ลูกสุดที่รักอยู่ในความดูแลของคนอื่น มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความมั่นใจและไว้ใจเป็นอย่างมาก
“คุณพิมเรียกดาวก็ได้ค่ะและไม่ต้องห่วงนะคะ ดาวจะช่วยดูแลน้องออกัสให้ดีที่สุด”
เช้าวันใหม่ด้านนอกตะวันกำลังแผดแสงสาดส่องอย่างร้อนแรงเหมือนกับจะแกล้งให้ หัวใจคนมองร้อนระอุตามไปด้วย พิมลดาหันกลับมามองศีรษะทุยสวยของลูกชายสุดที่รัก ซึ่งกำลังหลับสบายอยู่บนเตียงนอนของเธออย่างคนกำลังใช่ความคิด
ใบหน้ายามหลับของลูกชายทำให้เธอหนักใจ เพราะมันเป็นใบหน้าที่เหมือนกับ ‘เขา’ คนที่เธอรักมาตลอด จนกระทั่งวินาทีนี้ก็ยังรัก
‘เธอทำผิดรึเปล่า ที่พาลูกมาเมืองไทยเพียงเพราะอารมณ์อยากรู้เพียงชั่ววูบเท่านั้นเองที่ทำให้ เธอมาที่นี่ ...อยากรู้ในสิ่งที่เธอทราบดีอยู่แล้ว ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาว่าเขาไม่เคยนึกถึงผู้หญิงเลวๆคนนี้เลย
ข้อนี้แน่ชัดอยู่แล้ว เธอไม่สงสัยมันอีกเลยนับจากคืนนั้นระหว่างอัศวินกับเธอ แต่มันคงจะเป็นการโกหกตัวเอง หากเธอจะบอกว่าเธอไม่ได้หวังอะไรเลย ในการมาเมืองไทยครั้งนี้ อย่างน้อยเธออยากให้ลูกชายได้พบพ่อของเขา จากที่ไกลๆสักครั้งก็ยังดี
พิมลดาไม่ชอบโกหกลูก ไม่เคยหลอกว่าพ่อของเขาตายไปแล้วอย่างที่แม่ของเธอแนะนำ ไม่เคยคิดจะบอกลูกแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะพ่อของเขายังไม่ตายและยังอยู่ในใจแม่ของเขาเสมอ หากเมื่อลูกชายถามจนเดี๋ยวนี้ เขาเลิกถามไปแล้วก็คือ ‘ทำไม คุณพ่อไม่มาอยู่กับเราล่ะฮะ คุณแม่’ และในที่สุดเธอก็เลือกวิธีการโกหก แต่มันเป็นหนทางเดียวที่เธอคิดได้
เธอ จำได้ว่าตอนนั้นมันเป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดในชีวิตของเธอ ใช่...ทำไมพ่อของลูกถึงไม่ได้อยู่กับลูกนะ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าเขามีลูก หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่รู้อีกแล้วว่ามีผู้หญิงอย่างแม่ของหนูอยู่บนโลกใบ เดียวกับเขา
หากพิมลดาเลือกที่จะตอบไปเพียงว่า ‘คุณพ่อต้องทำงานหนักจ๊ะ เลยไม่ค่อยมีเวลาให้เรา'
และลูกชายตัวดีก็มักจะถามกลับมาเสมอว่า ‘แล้วทำไมคุณพ่อถึงไม่มาหาผมบ้างล่ะฮะ’เธอยังจำได้ว่าทุกครั้งที่ถูกถามแบบนี้เธอหนักใจแค่ไหน เวลาที่ต้องโกหกลูกออกไป ‘คุณพ่อมาหาหนูแล้วจ๊ะ เพียงแต่หนูกำลังหลับอยู่ และถ้าหนูอยากให้คุณพ่อมาหาหนูก็ต้องรีบๆเข้านอนนะคะ’
แต่มันคงไม่ผิดใช่ไหม...หากเธอจะขอพรให้ลูกชายได้พบและได้สัมผัสกับอ้อมกอดของ พ่อสักครั้ง เธอไม่หวังว่าเขาจะยื่นมือออกมารับผิดชอบอะไร เพราะสำหรับเขาเธอคงเป็นได้เพียงแค่เด็กสาวใจแตกที่เขานอนด้วยและไม่เคยคิด รัก หากลูกชายของเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาเกิดมาจากความรักของเธอและไม่ผิดอะไรเลย
ขอเพียงอ้อมกอดอุ่นๆจากพ่อสู่ลูกสักครั้งสำหรับลูกชายของเธอ...ขอให้เขาได้สัมผัสมันบ้าง อย่างที่มันควรจะเป็น...
แต่สำหรับเธอ พิมลดาขอเก็บคำตอบนั้นเอาไว้ในใจเพียงลำพัง เพราะเธอ...ไม่มีสิทธิแม้แต่จะหวังสิ่งใด เธอรู้ดีว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนที่เขารักและยินดีจะใช้ชีวิตด้วย ซึ่งคนๆนั้นไม่มีทางเป็นเธอ
‘ก๊อกๆ’ “คุณพิมค่ะ ป้าเขาไปได้ไหมคะ” เสียงมิเชลดังมาจากทางหน้าประตู พิมลดาก้มตัวลงจูบหน้าผากเนียนสะอาดของลูกชาย ก่อนเดินไปที่ประตู
“ไปคุยกันที่ห้องรับแขกเถอะค่ะ พ่อจอมซนหลับอยู่”
หญิงสาวบอกก่อนจะจูงมือพี่เลี้ยงทั้งของตนและของลูกชายเข้าไปภายในห้องรับแขกของ บ้านจัดสรร ขนาดสี่ห้องนอน สามห้องน้ำ ที่เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงเดือน เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะใช้ชีวิตที่นี่และจัดการบางสิ่งบางอย่างที่ค้างคา หัวใจมาเนินนานให้ได้เสียที
“นั่งก่อนสิคะป้า คุมเด็กทำงานบ้านคนเดียวเหนื่อยแย่เลยนะคะ พิมหาเด็กมาให้เรียกใช้อีกสักคนดีไหม”เพราะ เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ข้าวของบางห้องยังจัดไม่เข้าที่เข้าทางด้วยซ้ำ หากพิมลดาก็สามารถหาเด็กสาวชาวอีสานมาช่วยงานบ้านได้หนึ่งคน แต่งานก็ยังคงหนักมาก เมื่อเทียบกับแรงงานที่มีเพียงเด็กสาวและหญิงสูงวัย
“ป้าทำไหวค่ะ คุณพิม”น้ำเสียงที่พูดกับนายสาวคนสวย เต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งสงสาร ที่พิมลดาเข้าใจความห่วงหาอาทรในน้ำเสียงของหญิงสูงวัยทันที
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้ามิเชล พิมจากเมืองไทยไปนาน มันก็ต้องมีการปรับตัวกันบ้าง”
“แค่นั้นเองเหรอคะ ทูนหัวของป้า อย่าโกหกเลยค่ะ ป้าเลี้ยงคุณมาตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น คุณไม่มีทางโกหกป้ามิเชลคนนี้ได้หรอก” มิเชลดักคอ และแน่ใจทันทีว่าสิ่งที่เธอสงสัยนั้น ถูกต้องแล้ว
“พ่อของหนูออกัส ใช่ไหมค่ะ”
พิมลดาส่ายหน้าเพียงเบาๆ ก่อนจะก้มหน้ารับอย่างยอมจำนน
“ค่ะ แต่มันไม่มีความหมายมากมายอะไรขนาดนั้นหรอกนะคะป้า ไม่มี...”หญิงสาวยังพยายามจะปฏิเสธมัน หากหญิงสูงวัยตรงหน้าไม่มีทีท่าจะเชื่อเธอเลย
“อย่าปากแข็งกับป้าสิคะ ในโลกนี้รองจากคุณแม่ของคุณ ป้าจะเป็นอีกคนที่เมื่อคุณเล่าอะไรให้ป้าฟังแล้ว มันจะเป็นความลับ...มันจะตายไปพร้อมกับป้า”
ด้วยใบหน้าซีดขาวอย่างคนอังกฤษส่วนมาก กับดวงตาที่ท้อประกายแห่งความซื่อสัตย์และภักดีของป้ามิเชล ที่ทำให้พิมลดาพูดประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ค่ะป้า...เขาอยู่ที่นี่ ใต้ฟ้ากรุงเทพเหมือนๆกับเรา แต่เขากำลังจะแต่งงานกับคนที่เขารักและเลือกแล้วว่าคู่ควรกับเขา...คนที่ไม่มีทางเป็นพิม”
น้ำตาใสๆคลอหน่วยตาของพิมลดา ก่อนจะไหลรินเป็นทางอย่างที่น้อยคน จะมีโอกาสได้เห็นกัน เธอผ่านทุกอย่างมาได้ด้วยคราบน้ำตาก็จริง แต่ไม่เคยต้องร้องไห้ต่อหน้าใคร...
“ฮึก... เขาไม่เคยรักพิมค่ะป้า แล้วตอนนี้เขาก็กำลังจะแต่งงาน พิมไม่อยากทำลายชีวิตเขาด้วยการบอกเขาว่าพิมต้องนั่งเลี้ยงลูกของเขาคนเดียว มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรอกนะคะป้า”
“โธ่...ทูนหัวของป้า แล้วคุณไปพบเขารึยังคะ”มิเชลถามนายสาว
พิมลดาสะบัดศีรษะแรง “ไปทำไมล่ะคะป้า... เขาไม่เคยรู้ เขาไม่สนใจหรอก เรื่องมันตั้งนานมาแล้ว บางที่เขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าเขา...”พิมลดาปล่อยให้คำพูดขาดหายไป ก่อนจะพูดมันออกมาอย่างยากเย็น
“เขาไม่ได้ต้องการพิมเลยด้วยซ้ำ มันเป็นแค่เรื่องน้ำมันที่ติดไฟเท่านั้นสำหรับเขา...เท่านั้นจริงๆ”
มิเชลถอนใจ บางอย่างก็เกินกำลังของเธอ “เพียง 'เท่านั้น' คุณหนูถึงกับตัดโอกาสไม่ให้พ่อลูกเขามีโอกาสได้ทำความรู้จักกันบ้างเชียวเหรอคะ”
คราวนี้เป็นฝ่ายพิมลดาบ้างที่ถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“พิมก็คิดอยู่ค่ะป้า แต่หากเมื่อรู้จักแล้วต้องจาก มันจะไม่ดีกว่าเหรอคะ ถ้าแกจะไม่ต้องรู้จักและไม่ต้องเจ็บ”
เพราะพิมลดาคงรับไม่ได้แน่เมื่อเห็นลูกชายต้องผิดหวังและเสียใจ หากพ่อของแกจะปฏิเสธแกอย่างไม่มีเยื้อใย คงเรียกว่าใจสลายกันทั้งแม่ทั้งลูกทีเดียว
“บางสิ่งบางอย่างเราก็ต้องปล่อยให้มันเกิดขึ้นตามหนทางที่มันควรจะเป็น คุณหนูไม่ลองคิดดูบ้างเหรอคะ ว่าถ้าหากทุกๆอย่างมันไม่ได้เป็นแบบที่คุณหนูกลัว คุณหนูกังวล มันจะหมายความว่าอะไร...” มิเชลพูดต่อ เมื่อมองเห็นสายตาเป็นคำถามของพิมลดา
“นั่นหมายความว่าคุณหนูกำลังพรากช่วงเวลาที่ลูกชายกับพ่อจะได้มีร่วมกัน ให้แกได้รู้จักคุณพ่อของแกบ้าง อย่างน้อยป้าคิดว่าถ้ามันสำเร็จ ผลที่ได้มันคุ้มค่าค่ะ”
พิมลดานิ่ง เธอไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆว่าเธอเป็นคนพรากช่วงเวลาที่ลูกชายจะได้รู้จักพ่อของแก ด้วยความเห็นแก่ตัวของตัวเองเธอมั่วแต่คิดว่าถ้าเขาไม่รักเธอ เธอจะเจ็บปวดแค่ไหนจะทุกทรมานแค่ไหนจนลืมนึกไปว่าบางทีเขาอาจจะไม่ได้รังเกลียดลูกชายของเขาเลยก็เป็นได้
‘หรือตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นเธอเองที่เห็นแก่ตัว...’
หญิงสาวตัดสินใจในนาทีนั้นเองว่าเธอจะติดต่อกับคนๆเดียวที่เป็นเหมือนทูตสื่อสาร ระหว่างเธอและอัศวินในเร็ววันเพราะตั้งแต่มาถึงเมืองไทย เธอยังไม่ได้พบกับ อรอินทร์ สินธุพรรณ เพื่อนรักเลยและคงต้องเสียเวลาพอสมควรที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น เมื่อสี่ปีก่อนให้แก่เพื่อนรักฟัง
...ไม่รู้อรจะคิดอย่างไร เมื่อทราบว่าพี่ชายมีลูกวัยสามขวบที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวมาก่อนเลยด้วยซ้ำไป
“ค่ะป้า บางทีอาจจะถึงเวลาที่พิมจะต้องทำในสิ่งที่ควรทำมาตลอดสี่ปีแล้วก็ได้...”
อรอินทร์ สินธุพรรณ กำลังจองมองหญิงสาวสวยตรงหน้า สลับกับใบหน้าเล็กๆของเด็กชายวัยสามขวบเหมือนกับกำลังมองสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ว่าได้ ต้นเหตุเป็นเพราะพิมลดาเพื่อนรักที่เธอเคยเข้าใจว่ายังอยู่ที่อังกฤษ โทรศัพท์มาหาพร้อมบอกว่าตอนนี้อยู่ที่เมืองไทยโดยอาศัยห่างจากบ้านเธอไม่ถึงสิบกิโลเมตร ก่อนจะนัดกันออกมาเจอที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆบ้านของทั้งสองคน
เธอไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดน่าประหลาดใจไปมากกว่านั้นแล้ว จนกระทั้งเมื่อเห็นหญิงสาวที่สวยจนเธอจำแทบไม่ได้ จูงมือเด็กชายหน้าตาดีที่มีใบหน้าคุ้นตาเธอยิ่งนักเข้ามาด้วย
พิมลดาเข้าใจอาการปากอ้าตาค้างของเพื่อนสาวเป็นอย่างดี หลังจากที่เธอไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ ถึงผลดี ผลเสียของสิ่งที่เธอจะทำและตอนนี้ได้ทำไปแล้ว นั้นคือการบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนให้ อรอินทร์ฟัง เธอไม่หวังว่าจะได้เห็นอรอินทร์ถือมงกุฎมารอสวมให้เธอแน่ๆ
อรอินทร์รู้สึกเหมือนกับเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ เพื่อนเธอมีลูกหน้าตาน่ารักขนาดนี้โดยไม่คิดจะเล่าให้เธอฟังได้อย่างไรกันนะ...
“...หวังว่าฉันคงจะได้รับคำอธิบายที่ดีพอกับเรื่องนี้นะ พิม!” ไม่ต้องมีใครมาบอก อรอินทร์ก็ทราบว่าเด็กน้อยน่ารักที่เพื่อนจูงมาด้วยนั้นไม่มีทางเป็นอื่น นอกจากลูกชายของพิมลดา
ปัญหามันอยู่ที่ว่า พ่อเด็กเป็นใคร...และทำไมเธอถึงไม่เคยรู้อะไรเลยนะ
และเหนือสิ่งอื่นใด เธอหวังว่าจะไม่ใช้คนที่เธอคิด คนใกล้ตัวที่เธอรู้จักดีเชียวล่ะ หากใบหน้าเล็กๆกับดวงตาคู่สวยของเด็กชายที่กำลังจ้องมองเธอ ทำให้อรอินทร์อยากจะคลั่ง
ตลอดช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา พิมลดาติดต่อกับเพื่อนสาวเสมอและมีหลายครั้งที่เธอต้องทนทุกข์อยู่เพียงลำพัง จนอยากจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่เพื่อนรัก หากเมื่อคิดว่าอรอินทร์จะไม่มีทางเก็บเรื่องทั้งหมดไม่ให้ล่วงรู้ไปถึงหูพี่ชายได้ เธอก็ตัดสินใจที่จะให้ความลับยังดำเนินต่อไป เพราะมันคงจะดูแย่มาก หากเธอจะนำเรื่องลูกไปต่อรองกับผู้ชายอย่าง อัศวิน สินธุพรรณ
หญิงสาวมั่นใจว่าถ้าสี่ปีก่อนเธอบอกอัศวินว่าเธอตั้งท้องลูกของเขา เขาจะตอบรับมันด้วยการจดทะเบียนกับเธอและทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง เพื่อให้ลูกของเขาได้รับรองตามกฎหมาย...แต่เขาจะไม่มีวันรักเธอ และเธอจะต้องทรมานกับแววเกลียดชังในดวงตาของเขาตลอดไป
...เหมือนค่ำคืนสุดท้ายที่เขามองเธอ
“อร พิมรู้ว่ามันน่าประหลาดใจ แต่พิมไม่รู้จะบอกอรยังไง” พอเอาเข้าจริง พิมลดาก็เกิดอาการพูดไม่ออกขึ้นมาเหมือนกัน
“บอกความจริงกับเรายังไงล่ะ...พิม บอกในสิ่งที่พิมคิดว่าอรควรจะรู้ ถึงแม้อรจะไม่ใช่คนที่ควรรู้มากที่สุดก็ตาม”อรอินทร์พูดพร้อมเบือนสายตาไปมองร่างกลมป้อมน่ารักข้างกายเพื่อน อย่างคนที่กำลังใช้ความคิด
พิมลดาเข้าใจสายตาของเพื่อนรักดี และอรอินทร์ไม่เคยเป็นคนโง่
“ลูกชายของพิมเอง ชื่อออกัส สวัสดีคุณอาอรสิลูก”ท้ายประโยคพิมลดาหันไปพูดกับลูกชาย ที่ยิ้มรับจนเห็นลักยิ้มที่สองข้างแก้ม เหมือนกับรอจะทักทายอยู่นานแล้ว
“สาหวัดดีฮะ อาอร”เด็กชายยังคงพูดได้ไม่ชัดนักหากนิ้วป้อมๆห้านิ้วกับสองมือที่พนมขึ้นไหว้อย่างน่ารักก็ทำให้หัวใจคนมองกระตุกวูบ
อรอินทร์อึ้งไปเป็นนาน จนเด็กชายเริ่มมองด้วยสายตามึนงงปนเขินอายอย่างช่วยไม่ได้ เพราะ ‘อาอร จ้องมองมาอย่างเอาเป็นเอาตาย’
หญิงสาวรู้สึกตัว ว่ากำลังทำให้เด็กชายกลัว
“สวัสดีจ๊ะ ออกัส” อรอินทร์ ยิ้มละไม หากนาทีที่สบดวงตากลมโตของพิมลดา แววเย็นชาก็ฉายชัด
“หนูอายุเท่าไรแล้วคะ ออกัส”
“สามขวบฮะ อาอร... แล้วอาอรอายุเท่าไรฮะ มากกว่าออกัสเยอะไหมฮะ”เด็กชายถามเสียงใส
อรอินทร์ยิ้ม “มากกว่าเป็นหลายรอบเลยจ๊ะ เท่าๆคุณแม่ออกัสเลย”
เด็กชายมองคุณแม่คนสวยของตัวเอง สลับกับคุณอาอรที่เพิ่งรู้จักอย่างสับสน ก่อนอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่ทำเอาคนมองอย่างอรอินทร์หัวใจกระตุก
“ว้า...แบบนี้อาอรก็แก่แล้วแน่เลย เฮ้อ...”ท้ายประโยค คนพูดถอนหายใจ เหมือนกับเจอเรื่องหนักอกหนักใจนักหนา ก่อนจะมองคุณแม่ด้วยสายตาขอความเห็นใจ
“คุณแม่ฮะ พอออกัสแก่เท่าอาอรกับคุณแม่ ออกัสจะแต่งงานกับอาอรนะฮะ”
พิมลดา มองเพื่อนรักที่ตีหน้าไม่ถูกอย่างคนรับมุขไม่ทัน ก่อนจะหัวเราะ “ไม่ไหวมั่งออกัส กว่าหนูจะแก่เท่าแม่ อาอรก็งอมแล้วจ๊ะลูก”
อรอินทร์ชักสีหน้า หันไปตวาดใส่เพื่อน “บ้าสิ ...ฉันคนนะ ไม่ใช่กล้วย”
ใบหน้าเล็กๆของออกัส ส่ายไปมา “งอม ...งอมคืออะไรฮะ คุณแม่ไม่เคยสอนคำนี้นี่ฮะ”
พิมลดาเห็นว่าไม่ควรอธิบายสิ่งที่ไม่เหมาะสมไปมากกว่านี้ จึงตัดบทสั้นๆ
“เอาเป็นว่ากว่าหนูจะโต อาอรก็คงจะแต่งงานมีลูกแล้วแน่ๆเลยจ๊ะ” พูดจบเธอก็ต้องขำกับสีหน้าเหมือนผิดหวังเป็นอย่างแรงกับความจริงที่ว่า เขาจะไม่ได้แต่งานกับคุณอาคนสวย
อรอินทร์ยิ้มหวานกับเด็กชายก่อนจะชะโงกหน้าข้ามโต๊ะไปจูบแรงๆที่แก้มแดงปลั่งของเด็กชาย
“ถ้าอีกยี่สิบปี อายังว่าง อาจะพิจารณาออกัสคนแรกเลย ดีไหม”
“โธ่อร...อย่าไปล้อเล่นแบบนั้นสิ เดี๋ยวออกัสก็คิดเป็นจริงเป็นจัง เราไม่อยากมีลูกสะใภ้แก่เท่าตัวหรอกนะ” พิมลดาแซว ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่าไม่มีใครเห็นขันอะไรตอนนี้แน่ๆ
นอกจากอรอินทร์จะไม่ได้รู้สึกตลกอะไรด้วยแล้ว เธอยังอยากที่จะบีบคอเรียวสวยของเพื่อนสาวตรงหน้าให้แหลกเหลวคามือ ที่ปกปิดเรื่องลูกชายที่แสนน่ารักกับเธอ หากก็ยังมีเรื่องที่เธอต้องถามให้แน่ใจ
“พิม ฉันถามเธอจริงๆนะ ใช่อย่างที่เราคิดไว้รึเปล่า น้องออกัสหน้าเหมือนพี่วินมากนะ”
พิมลดาเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มคุยกันอย่างจริงๆจังๆเสียที่ จึงหันไปบอกออกัสให้ไปเล่นเครื่องเล่นใกล้ๆ ภายในร้านอาหารที่มีมุมของเล่นจัดเอาไว้บริการลูกค้า
เมื่ออยู่กันเพียงสองต่อสองแล้วพิมลดาจึงเริ่มพูด ความจริงตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ความจริงที่ถูกเก็บงำเอาไว้เพราะความขี้ขลาดของเธอเอง เธอกลัวว่าตัวเองจะเจ็บ จะเสียใจจนลืมนึกถึงความถูกต้องและอย่างที่ป้ามิเชลว่า เธอเป็นนางมารพรากพ่อลูกออกจากกัน
“เรารักพี่ชายของอร อรรู้ใช่ไหม...รักมาก”พิมลดาพูด ดวงตาสบกับเพื่อนสาวไม่พรั่นพรึง
“แต่เขาเห็นเราเป็นเพียงเพื่อนของน้องสาว เราไม่เคยมีความหมายมากไปกว่านั้น ตลอดเวลาที่พี่วินอยู่ที่อังกฤษ เราทำทุกอย่างให้เขารู้ว่าเราทั้งรัก ทั้งแคร์เขาแต่เขาไม่สนใจ”
“ไม่ใช่ไม่สน แต่เขาแค่พยายามให้เกียรติพิมอย่างที่ในชีวิตเขาไม่คิดจะหยิบยื่นมันให้ใคร พี่วินไม่อยากเอาเปรียบกับความใจดีของพิมซึ่งมันก็ถูกต้องแล้ว เพราะอรเป็นคนบอกเขาเองว่า พิมเป็นคนดี เขาจะทำเล่นๆกับพิมไม่ได้ แล้วนี่พี่วินทำอะไรเธอ” เธอยังจำได้ถึงวันที่พี่ชายเธอได้รู้จักกับพิมลดา เขามีทีท่าว่าชอบเอามากๆ จนเธอต้องเอ่ยเตือนว่า พิมลดาเป็นผู้หญิงที่ดี เขาจะทำเล่นๆ เป็นของใช้แล้วทิ้งเหมือนที่ทำกับเพื่อนสาวสังคมไร้สมองบางคนที่เมืองไทยไม่ได้
หากพิมลดาไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน “พิมเองต่างหากอร ที่เป็นคนเดินเข้าไปหาเขาและเราเองที่เป็นคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของตัวเองลง เราทำตัวเราเองแท้ๆเลยอร”
เมื่อได้พูดออกมาแล้วมันก็เหมือนกับสายน้ำที่ไหลทะลักทะลาย ด้วยความที่เจ้าตัวได้เก็บกดเรื่องนี้เอาไว้เพียงลำพังเป็นเวลานาน
“พี่วินไม่ผิดเลย พิมเองต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ พิมเองที่เป็นคนลดค่าของตัวเอง ทำตัวเหมือนผู้หญิงร่านผู้ชาย น่าสมเพชและนี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้พิมไม่สามารถเสนอหน้าไปบอกอรหรอก ว่าพิมท้องกับพี่ชายของอร”
อรอินทร์ไม่ได้แปลกใจมากนักเมื่อทราบว่าเพื่อนรักและพี่ชายของเธอเคยมีความสัมพันธ์กันมากกว่า พี่ชายเพื่อนกับเพื่อนของน้องสาว เพราะหลังจากคืนที่พี่ชายของเธอสัญญาว่าจะเป็นคนพาพิมลดาไปส่งบ้าน เขาก็หายไปจนกลับมาอีกทีในตอนเช้าของวันเดินทางกลับเมืองไทย หากที่แปลกใจคือทำไมพี่ชายของเธอดันทำเหมือนไม่อยากจะเอ่ยชื่อของพิมลดาออกมาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น
แต่ปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ไม่ใช่สิ่งที่เธอสมควรจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดคือ เธอกำลังได้เห็นหน้าหลานชายที่เหมือนกับพ่อของแกอย่างกับเคาะออกมาจากแป้นพิมพ์ ไม่ต่างจากการถูกทรยศหักหลัง เมื่อเพื่อนที่เรารักที่สุด เก็บเรื่องสำคัญที่สุดที่เธอควรจะรู้และมีสิทธิที่จะรู้เอาไว้เป็นความลับ...
‘นี่เธอดูไม่น่าไว้ใจถึงขนานนี้เชียวเหรอ พิมถึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้เพียงลำพัง’ นั่นคือเสียงจากหัวใจที่กำลังผิดหวังของอรอินทร์ และเธอจะไม่สงสัยเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากพี่ชายของเธอรู้เรื่องนี้ ไม่มีใครพร้อมจะรองรับอารมณ์โกรธเกี้ยวของ อัศวิน สินธุพรรณแน่ๆ
“อรจะโกรธ จะเกลียดหรือจะต่อว่าเรายังไงก็เชิญเถอะ แต่เอาไว้เมื่ออยู่ลำพังนะ ตอนนี้ออกัสก็อยู่ด้วย พิมไม่อยากให้แกเสียใจเพราะเราบอกว่าจะพามาพบคุณอาอรอินทร์ แกก็ดีใจยกใหญ่เชียวล่ะ” พิมลดาพูด ก่อนจะต้องเบือนหน้าหนีสายตาเจ็บปวดของเพื่อนสาว
ใช่... เธอรู้ เธอทำผิดต่ออรอินทร์มาตลอดสี่ปี เพราะเธอไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากบอกเพื่อนสาว ว่าเธอท้องกับพี่ชายของเพื่อนรัก อรอินทร์จะทำหากเธอขอร้องว่าอย่าบอกใคร แต่ใครคนนั้น ต้องไม่ใช่พ่อของเด็กแน่ๆ เธอกลัวมาตลอดเวลาเพราะอรอินทร์ไม่มีทางปิดพี่ชายเรื่องนี้ ...เขามีสิทธิที่จะรู้
“พิมทำกับอรและทุกคนแบบนี้ได้ยังไงเราไม่รู้ แต่ถ้าพิมคิดว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูก และทำเพื่อหลายชายของฉันอยู่ล่ะก็...ของบอกว่าเธอทำผิดอย่างไม่สมควรได้รับการอภัยไม่ว่าจากฉัน ...หรือว่าใคร”ดวงตาคนพูดแดงก่ำ อย่างคนที่กำลังพยายามสะกดกลั่นอารมณ์
“อร....ออกัส!” ยังไม่ทันที่ พิมลดาจะได้เอ่ยปากพูดอะไรตอบโต้ออกไป จอมซนที่ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าแม่และคุณอาอรของเขากำลังพูดคุยเรื่องซีเรียสอะไรกันก็วิ่งเข้ามาเกาะแขนคุณอาคนใหม่อย่างออดอ้อนเอาใจ
“อาอร เป็นน้องคุณพ่ออัศวิน ใช่ไหมฮะ”เจ้าตัวเล็กถาม เริ่มมองคุณน้าคนสวยด้วยสายตามีความหวัง จนคนถูกมองถึงกับสะท้อนใจ
“ใช่ค่ะ อาอรเป็นน้องของคุณพ่ออัศวิน เราเป็นอาหลานแท้ๆกันเชียวล่ะ”คำพูดนั้นแสดงถึงการยอมรับอย่างเต็มอกเต็มใจ ไม่ใช่ไม่โกรธในสิ่งที่เพื่อนทำ หากเด็กน้อยไม่รู้เรื่องในสิ่งที่คนเป็นแม่ทำจะเอามาโกรธเคืองกันไปหมดไม่ได้
“หลานแท้...แล้วอาอรมีหลานปลอมๆด้วยเหรอฮะ”
อรอินทร์หัวเราะ เสียงขื่น ไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดีกับความไม่เดียงสาของเด็กชาย
“ไม่มีหรอกจ๊ะ ไม่เคยมีหลานที่ไหนเลย นอกจากออกัส”
“อาอร สนิทกับคุณพ่อใช่ไหมฮะ”
“อาเป็นน้องนี่จ๊ะ เลยสนิทด้วยความจำเป็น”อรอินทร์หัวเราะเสียงแห้ง อย่างฝืดเต็มที่
“งั้นอาอร ก็พาผมไปหาคุณพ่อได้ใช่ไหมฮะ”ดวงตาคู่ใส ฉายแววคาดหวังอย่างที่คนเป็นน้าหมาดๆ ถึงกับหนาวไปทั้งกายและใจ
พิมลดาเห็นท่าไม่ดี รีบแทรกขึ้นมากลางบรรยากาศชวนอึดอัด
“ออกัสค่ะ หนูอย่าคาดคั้นอาอรอย่างนั้นสิคะ ถ้าคุณพ่อเข้าเสร็จจากงาน เดี๋ยวเขาก็มาหาหนูเอง คุณแม่บอกแล้วใช่ไหมคะ” เสียงใสแฝงแววตำหนิ
ออกัสหน้าเสีย คุณแม่คนสวยของเขาไม่ใช่คนดุหากเมื่อไรที่เขาทำตัวไม่น่ารัก และคุณแม่ใช้น้ำเสียงทรงอำนาจกับเขา นั่นหมายถึงเขากำลังทำเรื่องที่ไม่น่ารัก
“ขอโทษฮะ น้าอร”
ใบหน้าซึมเศร้าของเด็กชายถึงกับทำให้ อรอินทร์ ต้องตัดสินใจ เธอมองเพื่อนสาวที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกกระจกบานใหญ่ทอดมองผู้คนกำลังเดินขวักไขว่ไปมา ไม่ใสใจสิ่งใดที่ไม่ใช่เรื่องของตน
“พิม ...อรจะบอกพี่วิน เรื่องเธอกับลูก”อรออินทร์เสนอ
พิมลดานิ่ง น้ำตาไหลลงอาบแก้มช้าๆ ความกลัววิ่งเข้าจับขั้วหัวใจ...นี่ใช่ไหมสิ่งที่เธอต้องการ หากอรอินทร์นำเรื่องนี้ไปบอกพี่ชาย ซึ่งเธอมั่นใจว่าเขาคงจะหัวเสียเป็นอย่างมาก และอาจจะคิดว่าน้องสาวนำเรื่องผู้หญิงเลวๆอย่างเธอมาพูดให้ระคายหูเขาอีกทำไม
แต่เธอรู้ดีว่าการไปเผชิญหน้ากับเขาด้วยตัวเธอเองก็ไม่ใช่ความคิดที่วิเศษนัก หากความคิดที่จะให้อรอินทร์เป็นคนไปบอกอัศวิน เรื่องเธอกับลูกที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ก็ดูเหมือนกับจะโหดร้ายเกินไป และไม่มีทางเป็นผลดีแน่ๆ เขาคงจะยิ่งเกลียดในความขี้ขลาดของเธอ หญิงสาวจึงต้องตัดสินใจ...
“อร พิมจะบอกพี่วินเอง ขอแค่เธอช่วยให้พิมได้พบเขาอีกสักครั้งเท่านั้น”
อรอินทร์ตกลงทันที และยังไม่วายย้ำ
“พี่วิน มีสิทธิที่จะรู้เรื่องนี้ และเขาสมควรจะต้องรับผิดชอบมัน...ส่วนเรื่องอื่นๆ...” อรอินทร์หมายถึงเรื่องที่พี่ชายของเธอกำลังจะแต่งงานกับ คุณครูสาวลูกผู้ดีที่ชื่อปรางดาว
“ให้พี่วินเป็นคนตัดสินใจ และหาหนทางแก้ปัญหาส่วนตัวของเขาเอง”
พิมลดาเข้าใจความหมายของสิ่งที่เพื่อนสาวพูดเป็นอย่างดี ทุกๆอย่างมีผลแห่งการกระทำของมันเสมอ เรื่องนี้เองก็เช่นกัน หากเธอก็อดที่จะเจ็บปวดและสมเพชตัวเองในเวลาเดียวกันไม่ได้ เพราะผู้หญิงดีๆคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไร กำลังจะต้องเจ็บปวดเพราะความเห็นแก้ตัวของเธอ
“พี่วินกำลังจะแต่งงานกับคนที่เขาเลือก และยินดีจะอยู่ด้วยตลอดไป เราไม่อยากเข้าไปทำลายชีวิตใครนะอร”
อรอินทร์เข้าใจ พี่ชายของเธอกำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นที่เหมาะสม หากนั่นไม่สำคัญเท่าการรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่อย่างไร เด็กตาดำๆที่ลืมตาขึ้นมาบนโลกนี้ก็สมควรได้รับความรัก ความอบอุ่นและมีครอบครัวที่สมบูรณ์
“มันไม่สำคัญแล้วล่ะ เมื่อพิมเดินหน้าแล้ว พิมก็ต้องรู้สิว่าจะถอยหลังไม่ได้ อรเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยก็จะมีหนึ่งคนที่มีความสุข” หญิงสาวมองร่างป้อมๆที่ยังคงส่งรอยยิ้มใสซื่อมาให้เธออย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของเขากำลังจะพบเจอกับอะไร
“และคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ...เขาคือลูกชายของพิมเองนะ”
ในที่สุดหญิงสาวก็หันมามองทั้งอรอินทร์และลูกชายสุดที่รัก ใบหน้าที่หลงเหลือไว้เพียงคราบน้ำตาแสดงชัดถึงความเจ็บปวด
“อร...ขอให้เธอรู้เอาไว้ เราไม่เคยต้องการให้ใครต้องเจ็บปวด หรือทุกทรมานเพราะเรากับลูก แต่เราอยากจะทำในสิ่งที่ถูกและตามหัวใจตัวเอง แม้ผลสุดท้าย มันก็จะไม่ต่างกับผูกตัวเองเอาไว้กับความทุกข์ที่จะไม่มีวันแปรเปลี่ยนไปจากเดิม”
**โปรดติมตามอ่านตอนต่อไป**ปล.มุมคุยกับผู้อ่าน
สวัสดีค่ะ อันนาเอาตอนที่4 มาให้ได้อ่านกันแล้วนะค่ะ (อย่างรวดเร็ว) ตอนนี้อาจจะมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะค่ะ หวังว่าจะอ่านกันอย่างมีความสุข หรือทุกข์เนี่ย555 ไม่อยากเขียนเรื่องเศร้าๆให้โศกกันนะค่ะ แต่ว่านิยายเรื่องนี้ มีพล็อตเป็นแบบนั้น อ่านไปและรอลุ้นให้พ่อลูกเขาพบกันเร็วๆดีกว่านะค่ะ
ตอบคอมเมนท์ ของทุกคนจ้า (อาจจะตอบสั้นก่อนนะค่ะ เพราะส่วยใหญ่อันนาจะตามไปตอบใน ไอดีแล้ว อย่างที่หลายๆคนคงได้อ่านกันไป)
ตอบคอมเมนท์ที่ 31 ของ พี่เปิ้ล Plesy นะค่ะ
สวัสดีค่ะ หวังว่าพี่เปิ้ลจะสนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ ไงไงก็ขอให้เป็นกำลังใจให้พิมลดาและอันนาด้วย อิอิมีหลายคนค่ะที่อ่านแล้ว ก็รู้สึกเหมือนพี่เปิ้ล คือสงสารและอย่างให้พิมลดาสมหวัง หากใจหนึ่งก็สงสารหญิงสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างปรางดาว แต่ก้อยากให้ติดตามต่อไปนะค่ะ และจะเข้าใจเองแหละค่ะ(เอ๊ะยังไง?)5555+ ก็ถ้าบอกทุกอย่างก่อนมันก้อาจจะไม่สนุกใช่ไหมล่ะค่ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 32 ของ dear นะค่ะ
สวัสดีค่ะ เดียร์ ขอบคุณมากๆค่ะที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก แน่จะเป็นสมาชิกเด็กีนะค่ะ อันนาจะได้ตามไปแอดเพื่อนและเพื่อมีความเคลือนไหวของนิยายอันนาก็จะได้ตามไปแจ้งให้ทราบกัน อิอิ และก็ยินดีมากค่ะ ที่ชอบเรื่องนี้ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะเดียร์ อันนาก็พยายมอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ แต่ก้ยังมีข้อผิดพลาด ถ้าเจอก็บอกอันนานะค่ะ เพื่อมันจะได้กลายเป็นนิยายดีๆ ที่อนาคตจะมีเก็บไว้กับตัวที่บ้านกันสักเล่น อิอิ ถ้ามีออกเป็นงานตีพิมพ์จะซื้อกันไหมเอ่ยยยยย ? อิอิ เขามาอีกแล้วรายงานตัวกันบ้างนะค่ะเดียร์ คนแต่งคิดถึงจ๊ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 33 ของ ทีม นะค่ะ
ขอบคุณมากสำหรับอีเมลล์ค่ะ อันนาเเอดไปแล้วด้วยนะค่ะ ว่างๆ คงได้คุยเอ็มกันนะจ๊ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 34 ของsaison froideนะจ๊ะ
ขอบคุณมากนะค่ะ เข้ามาิติดตามนิยายเรื่องนี้ตลอดเลย ยินดีีมากค่ะ กว่าพ่อลูกจะพบกันก็ อีกไม่นานเกินรอค่ะ แปปเีดียวเองจริงๆค่ะ หวังว่าจะออดใจรอได้นะค่ะ อีกนิดเดียว มารอลุ้นกันค่ะว่าเขาจะพบเจอกัน อย่างไรและในรูปแบบไหน สนุกและน่าติดตามแน่นอนค่ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 35 - 49 - 63 ของ Chatchanya นะจ๊ะ
กระอึกเลือดยังน้อยไปค่ะ หมอนี่(อัศวิน) อาจเข้าขั้นสมควรตาย555 แต่ก็เขาต้องได้รับความเจ็บปวดที่สาสมแน่นอนค่ะ อีกไม่กี่ตอนเท่านั้น เอง พี่มาเมนท์ ให้อันนา บ่อยมากๆ ขอบคุณมากๆเลยนะค่ะ ทั้งที่หน้านิยาย ทั้งที่ไอดี หวังว่านิยายเรื่องนี้จะ ทำให้พี่สนุกและมีความสุขนะค่ะ และนิยายแนวนี้ก็ อันนาเองยังชอบอ่านเลยค่ะ เลยชอบเขียนด้วยไงล่ะค่ะ มันมีเรื่องราวมีเนื้อหา และมีต้นสายปลายเหตุ อันนาชอบมากค่ะ เขียนนิยายแบบนี้ต้องใช้ความรู้สึกมาก ซึ่งลำบากทีเดียว เพราะบางความรู้สึกอันนาเองยังไม่เคยรู้จักเลยค่ะ อย่างเรื่องของแม่และลูก อะไรประมาณนั้น 555ก็อันนายังไม่มีลุกนี้ค่ะ แต่ก็เป็นลูก มีพ่อมีแม่ และพยายามคิดและเขียน โดยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ....
ตอบคอมเมนท์ที่ 39 และ 67 ของพี่แพร พยาบาลคนสวยของอันนา
สวัสดีค่ะ พี่แพรขอบคุณพี่แพรมากๆค่ะ สำหรับกำลังใจและการพูดคุย พี่แพรน่ารักมากๆ เรื่องคำผิดอันนาแก้ไขให้แล้วค่ะสงสัยจะเบอร์555+ แก้หมดแล้วนะค่ะ ไงไงก็ ถ้าเจออีก เมนท์บอกอันนาได้เลยนะค่ะ เดี๋ยวว่างๆอันนาจะตามไปอ่านนิยาย ของพี่แพรนะค่ะ เอ๋หรือหอซื้อที่เดียวเลยดี อิอิ
ตอบคอมเมนท์ที่ 36 ของ sazamp นะค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่เขามาอ่านและสำหรับกำลังใจ อันนาเองก็ได้ไปดูนิยาย ของพี่มาเช่นกัน น่าสนุกมากๆเลยนะค่ะ คนอ่านเยอะเชียว ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 37ของพี่หนูหรินะค่ะ
พอมาถึงของพี่หนูหริอันนาล่ะ ไม่รู้จะตอบเรื่องไหนดี เพราะส่วนใหญ่อันนา จะตอบไปที่ไอดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อิอิ ไงไงก็ขอบคุณพี่หนูหริมากๆเลยนะค่ะ พี่หนูหริน่ารักและช่วยอันนาได้เยอะเลย หุหุ .... หวังว่าพี่หนูหริจะยังคงค่อยติดตามนิยายเรื่องนี้ของอันนานะค่ะ อีกหน่อย อันนาจะต้องทำให้พี่หนูหริเก็บมีดที่เตรียมจะเอามา จิ้มพี่วินออกไปให้ได้เลยเชียว ฮือๆ .... อันนาต้องเบิกค่ายาจากเบนตาซินให้พี่อัศวิน เป็น พันๆ แล้วนะค่ะ เนี่ย แผลล่ะ ห้าร้องน่ะ อิอิ
ตอบคอมเมนท์ที่38 59 และ 68 ของพี่ จิ๊บค่ะ
อันนาร๊ากพี่จิ๊บจังเลย อิอิ ขอบคุณมากๆสำหรับการติดตามนะค่ะ พี่จิ๊บและมันจริงนะค่ะ ที่พี่จิ๊บบอกมาเรื่องสายสัมพัธ์เนี่ย อันนาว่าแม้แต่คนที่เขาไม่เคยพบกันมาก่อน แต่ อย่างคนเป็นพ่อลูกกันเนี่ย มันมีบ้างอย่างนะค่ะ อาจจะมีกำแพงกั้น แต่เราจะรู้สึกแน่ๆ ว่าหลังกำแพงนั้นมีบางอย่าง และอันนา ขอบคุณมากๆค่ะ ที่พี่จิ๊บนับถือน้ำใจพิมลดา เพราะอันนาเองยังนับถือตัวละครตัวนี้เลยค่ะ เขาเข้มแข็งและน่าเอาเป็นแบบอย่าง และอันนาเองก็เป็นคน หนึ่งค่ะที่คิดว่า ใครเรื่องของความรักคนเรา มีเหตุผลของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่เราจะยึดและเชื่อมั่นในเหตุผลนั้นมากแค่ไหนเท่านั้นเอง
ตอบคอมเมนท์ที่ 40 ของพี่บุ๋มบิ๋มคนสวย
สวัสดีค่ะ พี่บุ๋มบิ๋ม ช่างนี้พี่ไม่ว่างมาอ่านก็ไม่เป็นไรค่ะ อันนาเข้าใจจร้า และก็ขอบคุณที่เข้ามา แอดนิยายเรื่องนี้นะค่ะ ดีใจที่มีคนชอบนิยายและสนใจจะติดตามมันนะค่ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 41/ 47 และ 65 ของพี่มิ้งค์
อันนาก็เข้าใจสิ่งที่พี่มิ้งค์รู้สึกกับนายอัศวินนะค่ะ บางที่อันนาแต่งไปยังแอบด่าเขาในใจเลย ไม่รุ้พี่แก่จะทึ่มไปถึงไหน แต่พี่และอันนาเอง ก็คุยกันบ่อยมากและเราต่างก็ มองเห็นตัวตนของผู้ชายที่คล้ายๆกับนายอัศวิน เรื่องนี้อันนาอยากให้มันเป็นกระจกสะท้อนการกระทำของพวกเขาจังเลยนะค่ะ จริงๆ เขาจะได้ร้ค่ะว่าเวลาที่พวกเขาคิดว่าตัวเอง เก่ง ตัวเองอยู่เหนื่อทุกอย่าง คนที่เขาถูกกดอยู่นั้น เขารู้สึกอย่างไง สมัยนี้มันหมดยุคที่ผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชายแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่อันนาคิดว่าไม่เปลี่ยนก็คือ ผู้หญิงตัดสินทุกอย่างด้วยความรักและใช่หัวใจมากกว่าผู้ชาย ทำให้บนโลกนี้ เราจึงสามารถพบผู้หญิงแบบพิมลดาได้ไงล่ะค่ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 46- 57 ของพี่ nok ka นะค่ะ
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามา ติดตามและเป็นกำลังใจให้อันนาและ พิมลดา กับน้องออกัสนะค่ะ ยินดีมากๆค่ะ อิอินี่อันนาก็กลัวพี่จะลืม เลย พยายาม อัฟแทบทุกวันเลย แงๆ แบบนี้ ไม่แอดเป็นแฟนพันธ์ หนูออกัสงอนนนนน จริงๆด้วย
ตอบคอมเมนท์ที่ 50 ถึง 54 ของพี่ lam 1 ค่ะ
โหหหหหหห ยินดีที่ได้รู้จักและได้พบนักอ่านผู้น่ารักอีกท่านค่ะ แบบว่าอ่านคอมมเนท์ พี่แล้วอันนาตัวลอยเลย อิอิ ไม่เคยมีใครที่อ่านแล้ว คอมเมนท์แบบนี้มาก่อน 5 อันติด 55555+ ขอบคุณมากๆค่ะ ถ้านิยายเรื่องนี้ได้ ตีพิมพ์นะค่ะ อันนาให้พี่ ฟรี1เล่ม พร้อมค่าจัดส่งด้วยเอา (เอ๊ะดีไหมเนี่ย)5555+ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ มีอะไร ตรงไหน อ่านแล้ว งง ไม่สนุก ยอกได้ ค่ะ ยินดีที่ได้รับฟังทุกความคิดเห็นจากพี่ค่ะ
ปล.ชอบมากๆ แบบนี้สนใจมาเป็น นางแเรื่องต่อไปไหมค่ะเนี่ย อิอิ ชื่ออะไรค่ะอันนายังไม่รู้จักเลย เขามา คราวหน้า แนะนำตัวกันบ้างนะค่ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 55 ของ papapanng นะคะ
สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากๆนะค่ะ ที่ยังคงติดตามนิยยายเรื่องนี้อยู่ อันนาก็พยายามอัฟเดตบ่อยๆนะค่ะ หวังว่าจะถูกใจค่ะ
ตอบคอมเมนท์ที่ 58 ของพี่ pavee
สวัสดีพี่ ปาวีนะค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามนิยายเรื่องนี้ค่ะ หากไม่ว่างก็ ไม่ต้องกังวลนะค่ะ ว่างจากการแต่งนิยายเมื่อไรค่อยมา อ่านนิยาย เรื่องนี้ เต็มๆ ก็ได้ ค่ะ อันนา ยิน ดีค่ะ
ขอบจบการตอบคอมเมนท์ไว้ทำนี้ก่อนนะค่ะ
ป๋าดุเอาแล้ว อิอิ เล่นมาทั้งวันเลย แฮะๆ
อ่านแล้วก็ขอ เมนท์ + โหวด ให้กันบ้างนะค่ะ
ความคิดเห็น