ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก (รีไรท์ 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 53


    บทที่2 “ไม่เคยรัก หรือไม่เคยไม่รัก”

     

                พันตำรวจโทอัศวิน สินธุพรรณ กำลังเหม่อมองออกไปนอกห้องทำงานของเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของเขาอย่างใจลอยเมื่อกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นฟุ้งไปทั่วห้อง พร้อมเสียงเรียกอย่างเกรงใจจากหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเพื่อนรัก

                กาแฟร้อนๆค่ะ พี่วินเกษวดีกล่าวยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี

                ขอบคุณครับ นี่ไอ้เสือของเกดไปไหนเสียล่ะ พี่รอมันมาจะครบชั่วโมงแล้วนะอัศวินถามถึงเพื่อนด้วยสีหน้าล้อเลียน เพราะต่างเป็นที่ทราบกันถ้วนหน้าทั้งที่บ้านและที่โรงแรมของนครา อัครนาคาเป็นอย่างดีว่าอดีตเสือร้ายกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่ชื่อเกษวดี อัครนาคาคนนี้

                    ใบหน้าที่แม้จะแดงก่ำ หากก็ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา พี่รามกลับไปรับลูกที่บ้านค่ะเกษวดีบอกก่อนจะขยายความอีกหน่อย เด็ก โทรมาบอกว่าเจ้าตัวเล็กร้องไห้จ้าเลยค่ะ เมื่อตื่นมาไม่พบพี่รามหรือเกด เลยต้องรีบไปรับลูกก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะอาละวาดหนัก

                    หญิงสาวพูดไปยิ้มไปอย่างคนมีความสุข ในวัยยี่สิบห้าปี เธอมีลูกชายวัยใกล้สองขวบที่ซนได้น่ารักอย่าบอกใคร

    อัศวินคิดว่าสำหรับเขาความสุขจากการได้วิ่งวุ่นเพราะความซนของลูกเล็กของนคราและเกษวดี สร้างความอิจฉาให้เกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...อีกไม่นานเขาก็คงจะมีลูกชาย น่ารักๆแบบนี้บ้างสักคน

     “วันนี้ไม่เข้าสำนักงานเหรอคะพี่วิน หรือเพราะกำลังจะเป็นจ้าวบ่าว เลยเกงานได้ตามใจชอบ

    ฮื้อ...ไม่ใช่จ๊ะ วันนี้พี่มีธุระจะมาคุยกับรามเขาหน่อย

    สำคัญมากไหมคะ เดี๋ยวเกดจะโทรเร่งพี่รามให้เกษวดีอาสา

    หากอัศวินรีบโบกมือห้ามเป็นพัวพัน ไม่จ๊ะ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ความจริงคุยกับเกดก็ได้เหมือนกัน เพราะยังไงรามก็ต้องมาบอกเกดอีกทีอยู่แล้ว

    อัศวินพูดหน้าตาเฉย เพราะเขารู้ดีว่านคราไม่เคยมีความลับกับภรรยาสาว หากความจริงมันมีมากกว่านั้น วันนี้เขาพบพาเรื่องไม่สบายใจและต้องการจะปรึกษาเพื่อนรักเป็นการส่วนตัว

    เอ...เกดรู้ได้ด้วยเหรอคะ เรื่องอะไรกันเอ่ยเกี่ยวกับสาวๆของพี่รามรึเปล่าท้ายประโยคนั้น เสียงเขียวขึ้นมาเชียวล่ะ แบบนี้ไงเจ้ารามถึงเชื่องเป็นแมว ชนิดทิ้งลายเสือไม่เห็นลอย

    ไม่ใช่หรอก...เจ้ารามไม่ไปยุ่งกับใครแน่ๆพี่สาบานแทนมันเลย วันนี้พี่แค่มีเรื่องจะมาปรึกษามัน...อัศวินคิดว่าควรจะพูดสิ่งที่ดูเข้าท่าเข้าไว้ เรื่องสถานที่จัดเลี้ยงสละโสดก่อนวันแต่งงานของพี่กับปรางดาวน่ะ

    เกษวดียิ้มออกกล่าวเสียงร่าเริง อ้อ...จะจัดที่โรงแรมของเราใช่ไหมคะ เรื่องนี้คุยกับเกดก็ได้ค่ะ โรงแรมของเรายินดีบริการเต็มที่ฟรีตลอดงานด้วยค่ะ

    นั่นไง! สิ่งที่เขากลัวนคราหรือรามเพื่อนของเขา เป็นเจ้าของโรงแรมอัครนาราโรงแรมดังระดับหกดาวและถ้าหากเขาจะจัดเลี้ยงสละโสดก็คงไม่มีที่ไหนดีไปกว่า โรงแรมของเพื่อนตัวเอง หากจะให้สิทธิประโยชน์ชนิดฟรีตลอดงานก็ดูจะมากเกินไปหน่อย ไม่ใช่ว่าเขาหยิ่งหรือคิดว่าเป็นการดูหมิ่น หากการเป็นเพื่อนกันสำหรับเขา ยิ่งต้องซื่อตรงและจริงใจต่อเพื่อน ไม่ใช่คิดแต่จะหาผลประโยชน์อย่างคนโลภโมโทสัน

    อย่าให้ถึงขั้นฟรีเลย แค่เจ้ารามบอกว่าจะบริการให้เต็มที่ก็พอแล้ว ยังไงก็ต้องคิดเรื่องเงินบ้าง อย่างน้อยถือเป็นค่าอาหารกับเงินพิเศษให้พวกพนักงานที่จะมาบริการในงานก็ยังดี เกดก็รู้ว่าพวกพี่คงจะมากันเยอะแค่ไหน

    แน่นอนว่าเกษวดีรู้ดีเชียวล่ะ เพราะเมื่องานเลี้ยงสละโสดของนคราเมื่อสองปีก่อน พวกบริกรวิ่งวุ่นกันแค่ไหน เธอไม่มีทางลืมแน่ หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ก่อนจะตีสีหน้าล้อเลียนชายหนุ่มหน้าตาเฉย

    ทำไมคะพี่วิน งานนี้จะมีแม่สาวฝรั่งที่ไหนตามมาตั้งม็อบประท้วงหน้างานรึไงเกษวดีพูดยิ้มๆ อย่างขบขันเอาจริงๆ นึกภาพสาวสวยหลายรายมาตีอกชกหัวหน้างานได้เป็นฉากๆ เกดยังจำได้เลยค่ะ เมื่องามเลี้ยงสละโสดพี่ราม พนักงานวิ่งกันทั่วโรงแรม เกือบจะโทรเรียกตำรวจมาคอยคุ้มกันพี่รามแล้วเชียว กลัวสาวๆที่ใจสลายจะคิดสั้นถึงขนาดตามมายิงทิ้งกัน งานนี้คิดว่าจะมีแขกพิเศษที่ไหนมาไหมคะ เดี๋ยวเกดจะจัด รปภ.ให้แน่นเป็นพิเศษเลย

    พูดจบเกษวดียิ่งขำ เมื่ออัศวินทำหน้าทบทวนจริงจัง เหมือนกลัวว่าจะมีสาวที่ไหนโผล่มาจริงๆ แบบงานของนครา ที่คู่ควงคู่ขาตามมา วีน จนโรงแรมแทบแตก

     “แหม...หากมีก็คงไม่ถึงขนาดไอ้เสือของเกดหรอก แต่มี รปภ. ก็ดีนะ บอกเขาด้วยว่าถ้ามีผู้หญิงมาให้สั่งห้ามเข้าไปเลยอัศวิน พูดสีหน้าจริงจัง ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง จนเกษวดีก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย เพราะทั้งสองต่างคิดถึงวันคืนเก่าๆของ เพื่อนรักและคนรักอย่างนครา ที่จะจัดงานแต่งทั้งที สาวๆถึงกับต้องรวมตัวกันมาประท้วง

    ทั้งสองยิ่งหัวเราะดังขึ้นไปอีก เมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลสีเข้มเปิดประตูเข้ามา และมีสีหน้ามึนงงเมื่อพบเพื่อนรักและภรรยาสาวกำลังหัวเราะกันอยู่ ในอ้อมกอดนครามีเด็กชายตัวป้อมหน้าคมเข็ม แต่งชุดสูทสีเทาขนาดสำหรับเด็กอย่างน่ารัก ที่กำลังยิ้มจนเห็นฟันหน้าซี่เล็กๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย

    นี่กำลังคุยอะไรกัน หัวเราะดังไปถึงหน้าห้องนคราถามเสียงขรึมดวงตาคมเข้มล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนจับจ้องเพื่อนรักอย่างจับผิด แน่นอนว่าเขาไม่ได้กลัวเพื่อนรักจะมาตีท้ายครัวจีบภรรยาของเขา หากเขาเชื่อว่าประเด็นสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างสนุกสนานนี้ไม่ใช่ใครอื่นหากเป็นเขาเอง

    ว่าไงเกด ไอ้วินมันนินทาอะไรพี่เสียๆหายๆรึเปล่า

    อ้าว! ไอ้นี่...นายเห็นข้าเป็นคนปากมากเหรอวะ เดี๋ยวพ่อก็แฉตีแผ่ลายเสือของแกเสียเลยนี่อัศวินโวยวายไม่จริงจังนัก

    เกษวดีตีหน้าขรึมมองสามีสุดที่รัก เอ๊ะ! พี่รามมีความลับกับเกดเหรอคะ ถึงได้ดูร้อนตัวนักเกษวดีแหย่สามี เพราะเธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาดียิ่งกว่าใคร หากก็ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีโอกาสได้ เอาคืนเขาบ้าง

    หรือว่าแอบไปกิ๊กกับแม่สาวที่ไหนมา ประโยคท้ายนี้ถึงแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้รู้ว่าคนพูดเพียงล้อเล่น หากสีหน้ากลับแสดงให้เห็นว่า ถ้าเป็นจริงล่ะก็  แม่เอาตาย!!’

    เฮ้ย! พี่เปล่านะ...พี่รักเมีย หลงเมียคนเดียว นคราร้องครางบอกก่อนจะหอมแก้มนวลเปล่งปลั่งของภรรยาสาวต่อหน้าเพื่อนสนิทอย่าง ไม่คิดอาย พร้อมทรุดตัวลงนั่งข้างลูกชายที่กำลังมองผู้ใหญ่ที่เขาคุ้นเคยทั้งสามคนด้วย ความหงุดหงิดเพราะเริ่มไม่ได้รับความสนใจ

    ร่างป้อมๆจึงเริ่มอยู่ไม่สุข ขยุกขยิกตัวไปมา ก่อนปีนขึ้นตักคุณแม่คนสวย แขนเล็กๆกอดคอผู้เป็นแม่แน่นอย่างเรียกร้องความสนใจ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อกำลังคุยอยู่กับคุณลุงอีกคนอย่างออกรสออกชาติ และในที่สุดก็เหมือนทุกอย่างจะได้ผลเมื่อเกษวดีหันมาหยอกล้อกับลูกรักอย่างตั้งใจ

     

    เมื่อภรรยาสาวแยกตัวออกไปเล่นกับลูกที่ห้องพักผ่อนส่วนตัวของเขาเรียบร้อยแล้ว นคราจึงเริ่มเปิดประเด็นสำคัญกันทันที เมื่อเห็นชัดว่าเพื่อนรักมีบางอย่างในใจ เวลาที่เป็นเพื่อนกันมานานทำให้บางครั้งแค่มองตามันก็เหมือนกับสื่อถึงกันได้ หนักใจเรื่องอะไรวะ หน้านายไม่เหมือนคนใกล้แต่งงานเลยนะ ไอ้วิน

    กลุ้มว่ะ!”อัศวินว่า ก่อนระบายลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด ทำไมข้าไม่มีความสุขวะราม ตอนนายจะแต่งงาน นายเป็นไหม รู้สึกเหมือนมีเรื่องที่ตัวเองต้องจัดการบางอย่าง เหมือนนายกำลังเลี้ยวผิดทาง...มันไม่สบายใจ นายเคยเป็นเหมือนข้าไหมวะ

    เรื่องอะไรล่ะ นายทำงานมากไปรึเปล่า หรือไม่นายก็กำลังเสียดายชีวิตโสดนคราถามกลับด้วยความมึนงง

    หากนายตำรวจหนุ่มส่ายหน้าทันทีอย่างไว้ท่า “ทำไมข้าต้องเสียดาย ถึงแต่งงานไปข้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะถอดเขี้ยวเล็บเหมือนนายอยู่แล้ว”

    นครากลอกตาขึ้นมองเพดานห้องอย่างให้รู้ว่าแสร้งทำ ก่อนประชดเพื่อนรักกลับอย่างเจ็บแสบพอกัน “แล้วเป็นอะไร ประจำเดือนไม่มารึไง”

    หากอีกฝ่ายไม่นึกขำ นายไม่เข้าใจ ข้าไม่สบายใจจริงๆ มีบางอย่างที่กวนใจจะเรียกว่าสัญชาตญาณของตำรวจสืบสวนก็ได้ แต่มีบางอย่างที่ข้าอาจจะพลาดไปว่ะ

    นครานิ่งมองเพื่อนสนิทตรงหน้าด้วยสายตาสงบอย่างคนที่กำลังปลงตก พยายามใช้ความคิดว่าจะพาเพื่อนรักไปหาจิตแพทย์คนไหนดี และดูเหมือนคนถูกมองจะเดาได้ ใบหน้ามนงดงามที่ออกจากขาวสะอาดไม่เขียวขรึมไปด้วยไรหนวด ไรเคราอย่างนครา จึงเกิดเป็นริ้วแดงๆขึ้นมาที่สองข้างแก้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    พอเลยไอ้ราม ข้าไม่ได้เป็นบ้านะ! แต่แค่มีบางอย่างที่มันสะกิดใจข้าอัศวินย้ำ และอาจจะเป็นเพราะนิสัยของตำรวจสืบสวนสอบสวนนี้ก็เป็นได้ ที่ทำให้เขาวิตกกังวลในสิ่งที่เขาได้รู้มาและเขาเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง ซึ่งมันกำลังบอกว่าเขาจะต้องเผชิญกับเรื่องบางอย่างที่ยุ่งยาก

    ...ยุ่งยาก มากๆด้วย

    เอาล่ะๆ นายช่วยบอกข้าทีเถอะ ว่าอะไรที่ทำให้นายสะกิดใจ จนมีท่าทางเหมือนคนบ้าแบบนี้นครายังคงไม่เข้าใจอยู่ดี และยิ่งงงหนักกับคำตอบที่ได้ยิน

    อร...อัศวินพูดข้างไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะนิ่งไปจนนคราต้องถามย้ำ

    อรอินทร์น้องสาวนายเป็นอะไรล่ะ นายจะเล่าให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหมนคราเริ่มอยากรู้เต็มที

    อรยังติดต่อกับเพื่อนคนหนึ่ง คนที่ข้าเคยบอกให้เลิกคบไปตั้งแต่สมัยกลับจากอเมริกาแล้วหางเสียแฝงแววกังวลชัดเจน

    เพื่อน!? โธ่ไอ้บ้าเอ๊ย...นคราถอนใจอย่างระอา อรอินทร์เขาโตแล้วนะ แกจะหวงน้องไปทำไม โตๆกันแล้ว ข้าว่าเขาดูแลตัวเองได้ดีกว่าแกด้วยซ้ำ

    นคราเข้าใจเป็นว่า อรอินทร์น้องสาวเพื่อนรักติดต่อกับเพื่อนชายที่อเมริกา หากในนาทีต่อมาเขาก็ต้องแปลกใจ

    ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ข้ากำลังพูดถึงเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งของอร

    นครามองเพื่อนอย่างตกใจยิ่งไปกว่าเดิม นายกำลังจะบอกข้าว่า อรอินทร์น้องนายเป็นเลสเบี้ยนเหรอวะ ทำไมข้าไม่รู้สึกมาก่อนเลย

    อัศวินจ้องตาเพื่อนรักอย่างค้นคว้าหาแววล้อเลียน หากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าใจแบบที่พูดมาจริงๆ เขาก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความเอือมระอา...หมอนี่มันกลัวเมียจนบ้าหรือมันบ้ามาแต่เกิดกันแน่นะ

    ไม่ใช่โว้ย...ข้ากำลังพูดถึงเพื่อนคนหนึ่งของอรสมัยเรียนที่สแตนฟอร์ด แม่คนนี้ต่อหน้าก็ใสๆ ลับหลังเน่าเฟะ ข้าเคยบอกให้อรเลิกคบตั้งนานแล้ว ไม่รู้ทำไมยังติดต่อกันอยู่อีกน้ำเสียงอัศวินบ่งบอกว่าหงุดหงิดและหัวเสียกับเรื่องนี้จริงๆ

    นครามึนงงพยายามจะจับต้นให้มาขนปลาย หากในนาทีต่อมาเข้าก็สงบขึ้นและคิดไตร่ตรองอย่างเป็นเหตุเป็นผล อัศวินไม่ใช่ผู้ชายที่จะพูดถึงผู้หญิงในแบบเสียๆหายๆ แม้แต่หญิงสาวขายบริการทางเพศ อัศวินก็ยังไม่เคยถึงขนาดดูถูกดูแคลน หากน้ำเสียและสีหน้าในยามที่เอ่ยถึงเพื่อนสาวของอรอินทร์คนนี้ มันยิ่งกว่าดูถูก มันเต็มไปด้วยความดูหมิ่น เหยียดหยาม และความโกรธในน้ำเสียงที่ตัวเขาเองยังรับรู้ได้ หากที่เขาไม่เข้าใจก็คือ แววตาที่แสดงถึงความผูกพันและความผิดหวังอย่างลึกซึ้ง

    แล้วนายรู้จักผู้หญิงคนนี้ดีไหมนคราถามและความนิ่งเงียบของเพื่อนรักนั่นเอง ที่ตอบคำถามของเขาได้

    อ่อนายเคยรู้จัก...อาจจะถึงขั้นเคยรัก...หากยังไม่ทันที่นคราจะพูดต่อจนจบประโยคน้ำเสียงกระด้างแบบที่เพื่อนรักใช้กับเขาไม่บ่อยนักก็ดังแทรกขึ้นมา

    ข้าไม่เคยรักเขา...ไม่เคย!! ไม่เคยอยากเห็น ไม่เคยอยากได้ยินเรื่องของเขาอีก นายเข้าใจไหม!!

    ไม่ นคราบอกกับตัวเองในใจ หากไม่ได้เป็นการตอบคำถามที่ว่าเขาเข้าใจรึเปล่า หากเป็นประโยคที่ว่า ข้าไม่เคยรักเขาของเพื่อนรักต่างหากที่ยังน่าสงสัย

    ...คนไม่รัก ใยจึงทุรนทุรายยิ่งกว่าจะเป็นจะตาย ยามพูดถึงผู้หญิงที่ตัวไม่รักเล่า

     เรื่องรักไม่รัก เอาไว้ค่อยมาหาคำตอบที่หลัง ตอนนี้นายบอกข้ามาสิ ว่าทำไมนายต้องตั้งท่ารังเกลียดเขาขนาดนั้น ถึงจะเป็นผู้หญิงเสเพลขนาดไหนนายก็ไม่เคยแคร์นี่ถ้าเขาไม่ได้มีความสำคัญกับนายนครามองเพื่อนรัก ที่นั่งกุมขมับอยู่ตรงหน้าอย่างเป็นห่วง หากในเมื่อเขายังไม่เข้าใจตื้นลึกหนาบางของเรื่องก็ยากที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือได้

    ก่อนที่ข้าจะกลับเมืองไทยเมื่อสี่ปีก่อน ข้ากับเขามีอะไรกันอัศวินหลับตาลงอย่างคนที่กำลังเจ็บปวดอย่างที่สุด ก่อนจะรวบรวมกำลังใจบอกเล่าทุกอย่างให้เพื่อนรักฟัง

    เขาเป็นเพื่อนชาวไทยคนเดียวของอรที่สนิทกันมาก ตอนที่ข้าไปเรียนต่อโทเขาก็เรียนปีสามแล้ว ตอนนั้นพวกเราสนิทกันมาก...มากจนข้าคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นผู้หญิงที่ข้าคิดว่าน่ารักที่สุดคนหนึ่ง ข้าคิดว่าเขาอ่อนหวาน อ่อนโยน ใจดีแตกต่างจากเด็กสาวในสังคมตะวันตกทั่วไป”

    คนพูดกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เมื่อความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาตีบตันทั่วทั้งลำคอ

    น่ารักจนข้าเกือบหลงกล เพราะความจริงเขาก็ไม่ต่างจากผู้หญิงส่วนมาก ที่จ้องแต่จะจับผู้ชายสักคนที่ผ่านเข้ามา คิดดูสิไอ้รามว่าข้าโง่แค่ไหน ที่คิดว่าผู้หญิงคนนี้แสนดีเกือบสองปี ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ใกล้เขา

    ‘…เฝ้ามองและคอยทะนุถนอมหวังจะให้เธอคนนั้นเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่มีค่าสำหรับเขา

    เมื่อเห็นว่าอัศวินนิ่งเงียบไป หากนคราเชื่อว่าทุกอย่างยังไม่จบเขาจึงยังนิ่งรอฟังอย่างตั้งใจ

    คืนสุดท้ายก่อนที่ข้าจะกลับเมืองไทย พวกเราจัดงานเลี้ยงอำลากันข้าตั้งใจว่าจะสารภาพความรู้สึกดีๆที่ข้ามีให้เขา...อยากบอกเขาว่าเขามีค่ามีความหมายกับข้ามากแค่ไหนอัศวินเล่าน้ำเสียงเจือแววขื่นขมที่ตัวคนพูดเองก็ไม่แน่ใจ ว่ามีให้ใครระหว่างตัวเขาเองกับเธอคนนั้น

    แต่ข้าโชคดีที่ไม่ได้บอก ไม่อย่างนั้นเรื่องคงน่าขำกว่านี้เยอะ

    ชายหนุ่มเค้นเสียงหัวเราะ อย่างไม่น่าขันเลยสักนิด สบดวงตาสีน้ำตาลคมเข้มของเพื่อนรัก ก่อนจะเล่าสิ่งที่อยู่ในใจเขามาตลอดเวลาที่ผ่านมา...ไม่เคยลืม แม้จะอยากลืม

    เขาขอให้ข้ามีอะไรกับเขา...เป็นไง ทุเรศพอไหม แต่เชื่อเถอะไอ้ราม ไม่เท่าที่ข้ารู้สึกทุเรศตัวเองหรอก

    นคราไม่แปลกใจในข้อนั้นนัก เขาทราบดีกว่าสำหรับผู้ชายที่ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนและไร้หัวใจอย่างอัศวิน หรือแม้แต่ตัวเขาเอง ลองว่าได้มีความรู้สึกอ่อนไหวกับผู้หญิงคนไหนนั้นหมายความว่าพวกเขาคิดที่จะปกป้องดูแลและทะนุถนอมผู้เป็นที่รัก

    หากที่เขาไม่เข้าใจก็คืออัศวินรู้สึกอ่อนไหวไปกับเธอคนนี้มากน้อยเพียงใด ทำไมเรื่องของเธอคนนี้จึงมีผลกับอารมณ์ของเพื่อนรักของเขานัก

    อัศวินสบตาเพื่อนก็รู้ทันที ว่านครากำลังสงสัยในความรู้สึกของเขา ความรู้สึกที่เขาภาวนา เป็นร้อยเป็นพันขอเพียงให้มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น หากสวรรค์คงลงโทษเขาเมื่อมันไม่เคยสัมฤทธิ์ผลเลยสักครั้ง

    มันโง่ใช่ไหม...ข้าแอบหลงบูชาผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หากข้ากระดิกนิ้วนิดเดียวก็ตามมาขึ้นเตียงด้วย น่าขำไหมล่ะ ที่ไปเฝ้าทะนุถนอมเขาอยู่ตั้งนานสองนานใบหน้าที่พยายามฝืนยิ้มหากปิดความขมขื่นในใจไม่มิด อัศวินไม่กลัวว่าเรื่องพวกนี้จะเผยแผ่ออกไป นคราเป็นหนึ่งในผู้ชายที่ปากหนักที่สุดคนหนึ่ง เพื่อนรักคนนี้ไม่มีทางเอาเรื่องที่เขาพูดไปเล่าให้คนอื่นๆฟังอีกเป็นแน่ ...ไม่มีทางที่จะเสื่อมเสียไปถึงใคร

    คิดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ถึงกับต้องแสยะยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาได้คำตอบบางอย่างแล้ว คำตอบที่ว่าทำไมเวลาที่น้องสาวสุดที่รักของเขาถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับพิมลดา เขาไม่เคยให้คำตอบอรอินทร์ได้เลย เพราะเขายังปกป้องผู้หญิงคนนั้นอยู่

    ปกป้องทั้งๆที่เธอคนนั้นไม่สมควรได้รับมันแม้แต่น้อย

    เมื่อได้ฟังทุกอย่างที่อัศวินอยากจะเล่าจนจบ นคราก็ถึงกับต้องถอนหายใจ เมื่อหลายปีก่อนเขามัวแต่ยุ่งเรื่องของตัวเองจนไม่มีเวลามาสนใจเรื่องราวรอบ ข้างมากนัก หากเขาก็คิดว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของอัศวินดี เวลาที่เรารักใครสักคนมากๆ คาดหวังกับเขามากๆ เมื่อทุกอย่างไม่ได้ดีวิเศษอย่างที่เราหวัง ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเจ็บปวด และผิดหวังอย่างที่สุด

    แต่เรื่องมันผ่านมานานมากแล้วนะไอ้วิน และตัวนายเองก็กำลังจะแต่งงานกับคนที่นายพอใจในตัวเขาที่สุดในตอนนี้...นายจะคิดมากไปทำไมวะนคราไม่พูดถึงความรักเพราะเขารู้จักเพื่อนคนนี้ดี อัศวินไม่ได้แต่งงานกับสาวน้อยที่ชื่อปรางดาวเพราะความรักอย่างที่มันควรจะเป็น หากเป็นความเหมาะสมที่ถูกคัดสรรแล้วต่างหาก

    ไม่รู้สิ แต่ทุกอย่างมันคาใจข้าไปหมด มันเหมือนมีบางอย่างที่ข้ายังไม่รู้ นายจะคิดว่าข้าบ้า กังวลหรืออะไรก็ตาม แต่นายจะช่วยอะไรข้าหน่อยได้ไหม

    นครานิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ หากคนมองรู้ดีว่า นั้นมั่นคงดุจแทนคำสัญญา

    ให้คนไปสืบเรื่องของผู้หญิงคนนี้ให้ข้าทีสืบมาให้หมด ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร ก่อนข้าจะแต่งกับดาว ข้าอยากรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อ พิมลดา ภัคติรกุล

    เที่ยงวันนั้น อัศวินบอกลาเพื่อนสนิทด้วยหัวใจหนักอึ้ง เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่

    หากเพียงแต่ชายหนุ่มยอมรับเสียงในใจตนเองเท่านั้น เขาก็จะรู้... ว่าลึกๆในใจเข้าโหยหาช่วงเวลานี้มาเนิ่นนานแค่ไหน ช่วงเวลาที่อย่างน้อย เขาก็จะได้รู้ว่าเธอดำเนินชีวิตไปในทางเหลวแหลกอย่างไร เลวร้ายเหมือนที่เขาคิดมาตลอดสี่ปีนับจากวันที่เขาทิ้งเธอเอาไว้บนที่นอนยับยุ่งและน้ำตาอยู่เพียงลำพังรึเปล่า

     

    ร่างสูงเพรียวหากอุดมด้วยกล้ามเนื้อสวยงามในชุดเครื่องแบบอันศักดิ์สิทธิ์ของสารวัตรสืบสวนประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติของพันตำรวจโทอัศวิน สินธุพรรณ กำลังนั่งมองออกไปนอกกระจกใสบานใหญ่ภายในห้างสรรพสินค้าดังไม่ไกลจากที่ทำงานของเขานัก

                บ่ายนี้เขามีนัดกับคู่หมั้นสาว ผู้หญิงที่เขาคิดว่าคู่ควรกับครอบครัวและตำแหน่งแม่ที่ดีในอนาคต ปรางดาว ผู้หญิงที่คุณแม่ของเขาแนะนำให้รู้จักและเริ่มคบหาดูใจกันมาเกือบปี เวลานี้ในวัยใกล้สามสิบสี่ปีก็สมควรแล้วที่เขาจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวกับใครสักคนที่คู่ควรกับชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลของเขา

    ความรักไม่ใช่เหตุผลเดียวที่สำคัญสำหรับการแต่งงานอีกต่อไปแล้ว ฐานะทางสังคมที่เท่าเทียมและนิสัยใจคอที่ยอมรับกันได้ บวกกับการกระทำที่ดีงามต่างหากที่สำคัญ

    เมื่อวานนี้เขาได้กระทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำเลย ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา นั่นคือการติดตามเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้น ด้วยหน้าที่การงานเขาจะลงมือเองก็ไม่ยาก จะเรียกว่าทั้งง่ายทั้งสะดวกก็ไม่ผิด เพราะเขารู้จักนักสืบดังๆที่หลายครั้งเคยร่วมมือกันทั้งภายในประเทศและระดับสากล

    หากเขาไม่คิดจะพึ่งใคร นอกจากเพื่อนรักของเขาเอง ชายหนุ่มยังจดจำถึงคำถามของนคราก่อนลากลับจากโรงแรมของเพื่อนรักได้เป็นอย่างดี ไอ้วินข้ารับปากว่าภายในสองอาทิตย์ นายจะรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อพิมลดาแน่นอน แต่ถ้าข้าจะขอถามอะไรสักข้อสองข้อ ก่อนจะสั่งลูกน้องให้ทำงานนี้ให้นายต้องตอบข้าตามตรงนะ

    ข้าไม่เคยมีความลับกับเพื่อนที่ดีที่สุด นายน่าจะรู้ข้อนี้ดียิ่งกว่าใครเขาจำได้ว่าพูดออกไปแบบนั้น หากนคราก็ถามในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนจริงๆ

    ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด หรือทุกอย่างมันเป็นการเข้าใจผิดของนายเพียงฝ่ายเดียว เป็นแค่ความผิดหวังชั่ววูบ นายจะยังรังเกียจเธอแบบนี้ไหมวะ

    ชายหนุ่มจำได้ว่าเขาตกใจกับคำถามนี้มากจนพูดอะไรไม่ออกไปเลย

    แล้ว...ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไหมในตอนนั้นเขาถามหัวใจตัวเองว่าถ้าพิมลดาไม่ได้เป็นผู้หญิงใจง่าย ที่พร้อมจะกระโดดขึ้นเตียงกับผู้ชายอย่างที่เขาคิด ถ้าเขาเลือกที่จะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่า พิมลดาคือพิมลดาที่อ่อนโยน ร่าเริงและมีแต่รอยยิ้มสดใสให้เขาด้วยใจบริสุทธิ์ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไหม เขารู้คำตอบดียิ่งกว่าใคร

    แต่มีอย่างหนึ่งที่ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยสงสัยเลย... เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ

    หากคำตอบที่เขาเลือกบอกเพื่อนรักกลับเป็นเพียง บางทีนะราม...บางที

    แต่การจะย้อนคิดถึงสิ่งที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้นั้นไม่มีความหมายอะไรเลย ทุกอย่างผ่านมาสี่ปีแล้ว และพิมลดาไม่เคยติดต่อมาหาเขา แต่หากเขาแน่ใจว่าหญิงสาวยังคงไม่ลืมเขา ในเมื่อพิมลดายังคงติดต่อกับอรอินทร์น้องสาวของเขาอยู่และหลายๆครั้งที่อรอินทร์มักจะมาเล่าให้เขาฟังเสมอๆว่าพิมลดาเขียนจดหมายมาเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง พร้อมฝากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเขาผ่านมาทางจดหมายอีกด้วย

    ร่างบอบบางในชุดเสื้อแขนตุ๊กตาสีฟ้าอ่อนละมุนกับกระโปร่งผ้าฝ้ายสีขาวปักรวดลายกระจุ๋มกระจิ๋มของคู่หมั้นสาวผ่านเข้ามาทางหางตา ก่อนที่ร่างเล็กๆจะทรุดตัวลงอย่างเชื่องช้าที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา

    สวัสดีค่ะพี่วิน ดาวคงไม่ได้มาสายใช่ไหมคะเสียงหวานใสเอ่ยถามเขาทันทีที่ทอดร่างนั่งลงตรงข้าม

    ไม่หรอกครับ พี่ก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันชายหนุ่มตอบก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องทั่วๆไปแทน แล้วที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างล่ะ เด็กๆซนกับครูดาวไหม

    ปรางดาวอมยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขครอบครัว วรธรรม ของเธอทำธุรกิจโรงเรียนนานาชาติมาเป็นเวลานาน จนโรงเรียนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแผ่หลายและในปีนี้เองที่เธอเริ่มเปิดชั้นเรียนที่สอนเฉพาะเด็กอนุบาล เพราะปกติจะมีตั้งแต่เกรด1 จนถึงเกรด12 นับเป็นประสบการณ์ที่เหนื่อย หากเธอก็มีความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางเด็กๆที่น่ารัก

    ก็ไม่ซนมากกว่าลิงเท่าไรหรอกค่ะ แต่เทอมนี้มีเด็กโอนมาเข้าเรียนค่อนข้างมาก เลยยุ่งอยู่เหมือนกัน

    หญิงสาวยิ้มขำๆ เมื่อนึกถึงเด็กคนหนึ่ง อย่างวันนี้นะค่ะ มีเด็กเพิ่งย้ายมาใหม่จากอังกฤษเชียวนะคะ ดาวก็คิดว่าคงจะต้องเหนื่อยแน่ๆ เพราะถึงแม้จะเป็นโรงเรียนนานาชาติ หากในระดับอนุบาลที่เราเพิ่งเปิด การจะมีเด็กฝรั่งที่พูดไทยไม่ได้เลยมาเข้าเรียน ดาวก็กลัวแกจะไม่มีเพื่อนสิคะ

    ปรางดาวพูดพร้อมระบายรอยยิ้มหวานออกมาอย่างมีความสุข ก่อนหยุดจะเล่าเมื่อเด็กเสิร์ฟนำอาหารที่อัศวินสั่งไว้ตั้งแต่มาถึงเข้ามาเสิร์ฟ แล้วพี่วินรู้อะไรไหมคะ แกเป็นเด็กอังกฤษที่หน้าตาน่ารักมากๆเลยค่ะ ออกจะมีหน้าตามาทางเอเชียด้วยนะคะ แรกเห็นก็คิดเลยค่ะว่าคงจะเป็นลูกครึ่ง ก็ค่อยใจชื่นขึ้นมาหน่อย แต่พอทักแกเข้าคำเดียวเท่านั้นแหละค่ะ ดาวโล่งใจขึ้นมาเลย

    ปรางดาวหัวเราะออกมาอย่างน่าเอ็นดู แววตาอัศวินอ่อนโยนลงเหมือนมองน้องสาวของเขาเองไม่มีผิด

    ทำไมรู้ไหมคะ...แกพูดภาษาไทยคล่องเชียวล่ะค่ะ ถามกันไปถามกันมาก็รู้ว่า คุณแม่ของแกเป็นคนไทยค่ะ แล้วก็สอนภาษาไทยให้ลูกมาตั้งแต่เด็กเพิ่งตั้งไข่น่ารักเชียวค่ะ

    อืม...สงสัยจะน่ารักมากแน่ๆ ก็ดาวเล่นเล่าเสียอาหารจะเย็นหมดแบบนี้ชายหนุ่มแซวยิ้ม ไม่ได้นึกสนใจใคร่รู้ในสิ่งที่หญิงสาวเล่านัก เพราะเคยชินเสียแล้วกับอาการ เห่อลูกศิษย์ ของคู่หมั้นสาว

    ปรางดาวหน้าแดงก่ำก่อนอ้อมแอ้มพูดกับเขาด้วยท่าทีเขินอาย แหม...ไม่ได้ตั้งใจจะจ้อไม่หยุดเลยนะคะ ดาวเห็นว่าเด็กเขาน่ารักมากๆ หน้าตาเหมือนตุ๊กตาเลยล่ะค่ะ ปากแดง ตาคมโต ขนตายาวงอน ผิวขาวอมชมพู ผมนี้ดกดำทั้งหัวเลยค่ะ คุณแม่เขาก็สวยมากๆ ดูเป็นผู้หญิงทันสมัยเพียงแต่ดูเด็กไปหน่อย ...เห็นแม่แล้วดาวล่ะอยากเห็นคุณพ่อของน้องออกัสจริงๆเลย ปรางดาวปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะเบาๆอย่างเคย อัศวินอมยิ้ม กล่าวบอกไปเพียงว่า

    ลองลูกน่ารักน่าชัง จนดาวเก็บมาพ้อได้ถึงขนาดนี้ พี่ก็คิดว่าคุณพ่อเขาคงจะต้องหล่อเหมือนเทพบุตร กันเลยล่ะห่างเสียงไม่วายติดแววล้อเลียน

    หากปรางดาวไม่รับมุข ตีสีหน้าขบคิดจริงจังก่อนจะพูดกับอัศวินอีกครั้ง เป็นไปได้นะคะ ดาวว่าคงหล่อเหมือนเทพบุตรแน่ๆ

    และอาจจะหล่อเหมือนพี่อัศวินก็เป็นได้หญิงสาวคิดต่ออย่างมีความสุข ด้วยทั้งชื่นชมและบูชาคู่หมายคนนี้อย่างจริงใจ เขาเป็นเหมือนพี่ชายที่น่ารักที่เธอไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตและหากจะมีสิ่งใดที่เธอทำได้เพื่อความสุขของพี่ชายคนนี้...เธอก็เต็มใจ

     

                ราล์ฟแบรทเวลกำลังมองยานยนต์นับพันที่ขันเคลื่อนไปบนท้องถนนผ่านกระจกบานใหญ่ภายในห้องทำงาน ที่เขาต้องจ่ายเงินนับหลายสิบล้านบาท เพื่อให้ได้เปิดบริษัทในอาคารแห่งนี้ อาคารที่เขาจะสามารถมองออกไปเห็นบรรยากาศของกรุงเทพมหานครได้ทั่วสุดสายตา

                เขาเคยมาเมืองไทยเมื่อสิบปีก่อนและยังคงจดจำได้ว่าในความไม่เจริญด้วยนานาวัตถุนั้นมันสวยงามเพียงใด ยังไม่มีตึกสูงเทียมฟ้าขึ้นเป็นดอกเห็ดอย่างสมัยนี้ ยวดยานพาหนะยังไม่มากมายจนดูเหมือนกองทัพรถที่วิ่งติดๆกันเป็นขบวนเช่นปัจจุบัน

                ทุกๆอย่างดูจะปรับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามกาลเวลาของมันเอง จากจุดๆหนึ่งมนุษย์ทุกคนต้องการก้าวขึ้นไปยังจุดที่สูงกว่าเสมอ ...สูงกว่า มากกว่า ใหญ่โตกว่า มันอาจจะฟังดูน่ารังเกียจที่ความทะเยอทะยานเหล่านั้นต้องแลกมาด้วยการเหยียบย่ำใครบางคน หากทุกวันนี้มันคือวิธีแห่งการเอาตัวรอดในปัจจุบัน

                ...เพราะน้อยคนนักที่จะประจักษ์รู้แจ้งกับคำว่า เพียงพอมีหนึ่งอยากได้ถึงร้อย มีร้อยจะเอาพัน มีพันจะเอาหมื่น มากขึ้นๆ จนกลายเป็นมากเท่าไรก็ไม่เคยพอ เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ตกหล่นสู่ก้นบึ้งของมัน

                เกือบเดือนแล้วที่เขาเข้ามาบุกเบิกตลาดไอทีของที่นี่และนับว่าน่าสนุกพอสมควร หากกลับไม่ใช่งานยากอย่างที่เข้าใจ สมัยนี้คนไทยมีความต้องการบริโภคสินค้าด้านไอทีหรือแม้แต่การให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น

                นับว่าเขาเก็งเอาไว้ไม่ผิดเพราะผลตอบรับที่ได้กลับมาดีกว่าที่คิดไว้หรืออาจจะเป็นเพราะว่าบริษัทของเขามีชื่อเสียงอยู่แล้วก็เป็นได้ จะอย่างไรก็แล้วแต่ความเจริญที่ผู้ค้นไขว่คว้าหามันนั้นสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้เขา และเขาก็ตอบแทนผู้คนเหล่านั้นด้วยการให้บริการอันดีเยี่ยมก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยงามที่เดียว

                หากเขามีเวลาเหลืออยู่ที่เมืองไทยไม่มากเท่าที่ตั้งใจไว้ทุกอย่างดูจะราบรื่นไปหมดและบริษัทแม่ที่อังกฤษก็ต้องการประธานบริษัทกลับไปสะสางงานที่คั่งค้างอยู่เต็มโต๊ะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะใช้อ้างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้หญิงสาวอีกแล้ว พิมลดาตัดสินใจอยู่ที่เมืองไทย เพื่อมองหาตลาดใหม่ๆในการขยายตลาดธุรกิจจัดการงานแต่งงานที่เธอทำอยู่

                    แต่เขารู้ดีกว่านั้นเป็นเพียงหนึ่งในข้ออ้างร้อยพันที่เธอเตรียมไว้รับมือกับคำถามของเขาและทุกคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าเธอจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไร

                    ก๊อกๆ ก๊อกๆเสียงเคาะประตูที่ไม่เบานักของเลขาชาวไทยที่เขาเพิ่งได้ทำความรู้จักเมื่อไม่นานมานี้ ดังแทรกเข้ามาในโสตการรับรู้

                มิสเตอร์แบรทเวลค่ะ คุณพิมลดาขอพบค่ะหญิงสาวท่าทางคล่องแคล่วในชุดผ้าไหมสีน้ำตาล ผมรวบตึงยกสูงรัดด้วยโบสีน้ำตาลเข้าชุด ใบหน้าอูมสวมแว่นหน้าเตอะของเธอ ทำให้ชายหนุ่มอ่อนใจพร้อมปลอบใจตัวเองว่า ถึงแม้เธอจะไม่เจริญตา หากสมองเธอก็ทำให้เขาสบายใจ

                ให้เข้ามาได้เลย คุณคันนี่คะราล์ฟ แกล้งแหย่เลขาสาวจอมเฮี้ยบเล่นอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่ภาษาไทยของเขาก็ชัดเจนพอสมควร เลขาสาวหน้าแดงด้วยความโมโหหากทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าก้มหน้างุดๆหนีไป มันกลายเป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับเขาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

                ค่ะร่างท้วมของกรรณิกาหมุนกลับออกไปทางเดิมทันที หากด้วยนิสัยไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครนั่นเองที่ทำให้เธอหยุดปลายเท้าไว้ที่หน้าประตูบานใหญ่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ที่เธอตั้งใจให้เขาได้ยิน “ดิฉันชื่อกรรณิกาค่ะ”

                    ชายหนุ่มหัวเราะไล่หลังอย่างอารมณ์ดี เขาจำได้ว่าตอนมาสัมภาษณ์งานเธอทำให้เขาประทับใจถึงขนาดบอกตัวเองว่าคงจำจนวันตาย เพราะเธอดันคิดว่าเขาเป็นไอ้โรคจิตแอบมองใต้กระโปรงเธอ เขาไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย แค่บังเอิญนิดเดียวเท่านั้นแหละ

               

                    ด้านนอกเลขาสาวเข้าไปบอกพิมลดาอย่างสุภาพด้วยใบหน้าเค้นยิ้มสุดๆ พิมลดาเดินตามเลขาหน้าห้องของราล์ฟ มาอย่างมึนงงไม่ทราบว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน หากไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เธอมาหาราล์ฟวันนี้เธอมีเรื่องที่สำคัญกว่านั้น

                อมยิ้มอะไรอยู่คนเดียวคะ ราล์ฟประโยคคำถามภาษาอังกฤษที่จะใช้สนทนาเมื่อเวลาคุยกันเองของเธอกับชายหนุ่มถูกใช้อย่างคุ้นเคย

                คุณแกล้งเธออีกแล้วล่ะสิ

                ราล์ฟยิ้มกว้างก่อนตอบรับ ใช่ เผลอเรียกเขาว่าคันนี่คะ นิดเดี๋ยวเสียงเขียวใส่ผมเลย

                โธ่ราล์ฟ! คุณก็ชอบแหย่เธอจังเลย เดี๋ยวเถอะ...ถ้าเธอโกรธจนลาออกเมื่อไรล่ะก็ ฉันจะสมน้ำหน้าคุณ

                ไม่มีทาง เก่งขนาดนี้ไม่ให้ไปไหนหรอกราล์ฟพูดถึงเรื่องงาน เพราะหญิงสาวได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ทำงานเก่งพอๆกับความถือดีของเธอ

                หากพิมลดาตาวาว หวังจะให้ราล์ฟรู้สึกตกหลุมรักเลขาสาวคนนี้ขึ้นมาทันที เธอน่ารักดีนะคะ

                คุณหึงใช่ไหมล่ะถามออกไปแล้วเขาก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง ไม่น่าถามให้เจ็บใจตัวเองเลยจริงๆ เพราะคำตอบนั้นคาดเดาได้ไม่ยากเลย และเขาก็ต้องปลงตกเมื่อเสียงหวานสดใสตอบกลับมาจริงๆ

                ไม่เลยค่ะ...พี่ชาย

                ราล์ฟนิ่งไม่แน่ใจว่าเข้าหวังอะไรมากเกินกว่าที่ควรรึเปล่า เขาหวังให้พิมลดาพูดจาต่อว่าเขาที่มีท่าทีหยอกล้อเลขาส่วนตัวอย่างนั้นเหรอ เขาควรจะรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีทาง เมื่อไม่รักก็ไม่หึงเพราะเมื่อเรารู้สึกหึง แปลว่ามีความรู้สึกบางอย่างบ้าง หากพิมลดาไม่เคยมีทั้งหวงหึงหรือแม้แต่จิตใจที่จะโอนเอียงมาทางเขาด้วยซ้ำ

                พิมมีเรื่องสำคัญเป็นข่าวแจ้งจากจอร์ช เขาอยากให้คุณกลับไปดูแลตลาดที่อังกฤษได้แล้ว ทางนี้เขาขอให้พิมช่วยบริหารงานให้ก่อนชั่วคราว จนกว่าจะแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการสาขามาประจำที่นี่ได้พิมลดากล่าวน้ำเสียงจริงจัง อย่างตั้งใจให้ฟังเป็นการเป็นงาน และไม่ต่างกับถ่อยแถลงการณ์จากบอสใหญ่ของบริษัทไม่ใช่จากผู้เป็นพ่อ

                ผมก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน แต่ผมเป็นห่วงคุณนะ แม้เราจะเริ่มต้นได้ดี แต่ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยและที่สำคัญจะอยู่กันได้ยังไงผู้หญิงตัวเล็กๆสองคนกับเด็กหนึ่งคน แม่คุณกับพ่อผมกลับอังกฤษไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วไม่ใช่เหรอท้ายประโยคนั่นแสดงความห่วงใยชัดเจน

                ชายหนุ่มรู้ดีว่าพิมลดาเก่งพอตัวและเธอสามารถดูแลบริษัทในระหว่างที่เขาหาคนมาดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างราบรื่น เขาภูมิใจในตัวพิมลดาอย่างที่ไม่คิดสงสัย เขาหวังจะใช้ความรักและความเอาใจใส่ ทำให้พิมลดาเปิดใจรับเขาเข้าไปแทนที่ใครบางใครให้ได้

                ขอบคุณที่ห่วงค่ะ แต่พิมกับมิเชลและออกัสดูแลตัวเองได้ค่ะ อย่าลืมสิค่ะว่าเมืองไทยเป็นบ้านของพิม ถึงจะจากไปนานแล้วก็เถอะ

                ผมรู้ว่าพิมเก่ง พิมดูแลทุกอย่างได้ แต่ผมเป็นห่วง” ‘...และหวงกลัวจะเสียคุณไปราล์ฟคิดต่อในใจ เขาไม่ใช่คนโง่และฉลาดพอที่จะรู้ว่าพิมลดากำลังมีเหตุผลแอบแฝง ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาจะไล่เขาออกไปจากชีวิตเธอและลูกขนาดนี้ มันต้องเป็นเพราะไอ้ผู้ชายสันดานเลวคนนั้นแน่ๆ ชายหนุ่มไม่รีรอเลยที่จะกล่าวในสิ่งที่คิด

                 “หรือว่าพิมอยากจะกลับไปหามัน...ไอ้ผู้ชายสารเลวที่ไม่เคยนึกถึงพิมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้

                หญิงสาวตกใจที่ราล์ฟใช้คำพูดหยาบคายในแบบที่ไม่เคยใช้พูดให้เธอได้ยินมาก่อน หากในนาทีต่อมาเธอก็คิดว่าพอจะเข้าใจ และไม่พยายามทำร้ายจิตใจพี่ชายแสนดีคนนี่ด้วยการทำเป็นลืมไปว่า...เขารักเธอ

                ราล์ฟคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขานะคะ และถึงพิมจะอยากพบเขาอีกสักครั้งแต่เหตุผลที่พิมอยู่ที่นี่ก็เพราะพิม อยากจะอยู่ที่นี่และทำหน้าที่ของพิมให้ดีที่สุด ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยพึ่งใบบุญแม่และจอร์ชเหมือนเวลาอยู่ที่อังกฤษพิมลดาเอ่ยอย่างจริงจัง หากก็รู้ตัวดีว่าที่กล่าวไปนั้นยังไม่หมดเสียทีเดียว

                เพราะสำหรับเธอแล้วแม้จะรับรู้ความรู้สึกมากมายที่คนตรงหน้ามีให้และยินดีอย่างยิ่ง หากเมื่อเธอไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกใดๆของเขาได้ การพูดและปฏิบัติต่อเขาอย่างตรงไปตรงมาคือวิธีการที่ดีที่สุด เพราะเธอจะยังคงได้ทั้งความรักและนับถือ ซึ่งเธอหวังว่าวันหนึ่งราล์ฟ แบรทเวลคนนี้ จะสำนึกได้ว่าเขาพิเศษเกินกว่าที่จะรักคนที่ไม่มีทางรักเขา

                คุณก็รู้ว่าพิมดูแลตัวเองได้...ใช่ไหมคะ

                    ตามใจคุณนะ เพราะไม่ว่าผมจะพูดอะไรมันก็คงเปลี่ยนใจคุณไม่ได้เสียงเข้มแฝงแววเศร้าและน้อยใจอย่างชัดเจนจนคนฟังยังอดสงสารไม่ได้ หากก็รู้ดีว่าไม่ควรพูดอะไรมากไปกว่านี้ คำตอบขอเธอจึงเป็นเพียงประโยคแบ่งรับแบ่งสู้ที่เล่นที่จริงที่ใช้กับเขามานับครั้งไม่ถ้วน

                ไม่จริงหรอกค่ะ ถ้ามีเหตุผลพอก็คุยกันได้พิมลดายังยิ้ม หากราล์ฟไม่เห็นขำด้วย

                ผมจะเดินทางวันมะรืนนี้แล้วนะ พิมลดาพยักหน้ารับรู้

                สัญญากับผมอย่างได้ไหมชายหนุ่มถามร่างบางตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้วี่แววของชายหนุ่มขี้เล่นอยากที่เขาแสดงออกเสมอๆและนั้นยิ่งทำให้พิมลดาลำบากใจ

                สัญญาเรื่องอะไรคะ เกิดคุณขอเพชร ขอพลอยฉันจะเอาปัญญาที่ไหนไปหามาให้ ...บอกมาก่อนสิคะหญิงสาวล้อเลียนด้วยใจสั่นไหว เธอกลัวเหลือเกินว่าชายหนุ่มจะขอให้เธอสัญญาในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

                ผมจริงจังนะ พีแม้ชายหนุ่มจะเรียกพิมลดาด้วยชื่อเล่นๆที่ใช้เรียกกันในครอบครัว หากน้ำเสียงนั้นบ่งบอกให้รู้ว่า คนพูดไม่ได้กำลังอยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นกับใคร

                ตกลงค่ะ พิมจะตั้งใจฟังหญิงสาวรับปาก

                สัญญากับผมว่าเมื่อไรที่คุณลำบากใจที่จะอยู่ที่นี่ คุณจะกลับอังกฤษทันทีและเมื่อมีบางอย่างเปลี่ยนไป คุณจะบอกผม...และหากคุณเปลี่ยนใจ ผมจะใช้อำนาจทั้งหมดทั้งมวลที่มีบันดาลตั๋วเครื่องบินที่นั่งติดกับผมให้คุณทันที

                พิมลดานิ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราล์ฟร้องขอโอกาสแบบนี้กับเธอและเธอรู้ดีว่าความหมายของมันในครั้งนี้ มีมากกว่าทุกครั้ง เพราะเมื่อไรที่เธอกลับไปอังกฤษ นั่นหมายความว่าราล์ฟจะไม่รออีกต่อไปแล้วและสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป เขาหมายถึงหัวใจของเธอ

                นี่คือโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้ทดสอบหัวใจตนเอง “...ฉันสัญญาค่ะ

                    พิมลดาสบดวงตาที่มีแววหวั่นไหวของชายตรงหน้าด้วยความจริงใจ สิ่งใดที่เธอบอกกับเขาในวันนี้ เป็นดั่งสัญญา หากแต่เธอรู้ดี...ว่ามันจะเป็นเช่นไร

                ขอบคุณ...โชคดีนะ...ผมคงต้องกลับโรงแรมไปเก็บของแล้วล่ะ ถือว่าเราลากันตรงนี้เลยก็แล้วกัน ชายหนุ่มตัดสินใจ เขาจะลากลับอังกฤษเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยเพราะเขาอยากจะหวัง...หวังว่าเขาจะได้พบเธออีกครั้งในเร็ววันนี้ หากเมื่อหันหลังกลับและนิ้วเรียวแข็งแรงของเขา แตะที่บานจับประตูทองเหลือ ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นขึ้นมาตีบตันแถวลำคอแกร่ง

                ชายหนุ่มหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอีกครั้ง เปล่งเสียงสั่นๆที่เขาแทบจำไม่ได้ว่ามันคือเสียงของเขา

                จูบผมหน่อยได้ไหม...

                พิมลดานิ่งอึ้งด้วยหัวใจที่แทบอยากจะกรีดร้อง ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ

                ร่างเพรียวระหงเดินไปหยุดยืนไม่ห่างจากเรือนร่างสูงของราล์ฟนัก พิมลดาโอมแขนขึ้นไปรอบลำคอแกร่งของชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล เธอแทบรู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นระริกของเขาเมื่อ ริมฝีปากทั้งคู่ประกบเข้าหากันแผ่วเบา ไม่นานนักร่างสูงก็ขยับออกห่างเธอช้าๆ เหมือนกับว่าถ้าเร็วกว่านี้อีกนิด ความรู้สึกตรงหน้าเขามันจะสูญสลายไป

                พิม...สมมุตินะชายหนุ่มถามทั้งๆที่ยังมองริมฝีปากเธออยู่อย่างแสนเสียดาย

                    หากเมื่อหกปีก่อน คุณพบผมก่อนเขา...คุณจะรักผมไหมถ้ามีเข็มสักเล่มตกลงในห้องนี้ก็คงได้ยิน หากครั้งนี้ความเงียบไม่ใช่สิ่งที่พิมลดาจะเลือกทำ เธอรู้ว่าเธอจะต้องบอกเขา

                ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่มีทางรักใคร...นอกจากคุณ หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านั้นก่อนเสียงประตูจะค่อยๆปิดลงลับหลังร่างสูงใหญ่ของราล์ฟ แบรทเวล

                ‘เราพบกันช้าไปค่ะ ราล์ฟ...คุณจึงเป็นได้เพียงพี่ชาย

                เพราะเธอย้อนเวลาไม่ได้และเธอยังไม่เคยอยากกลับไปแก้ไขสิ่งใดๆในอดีตมาก่อน เพราะถ้าเธอย้อนกลับไปแก้ไขมันจริงๆ เธอก็จะไม่ได้รักเขา...ผู้ชายที่ชื่ออัศวิน และลูกชายที่เธอจะมีก็คงจะไม่ใช่ออกัส

                เมื่อนึกถึงลูกชายจอมซน ดวงหน้าคมอมเศร้าก็แจ่มใสขึ้นอย่างชัดเจน ลูกคือทุกอย่างสำหรับเธอเสมอมา เธอยังคงจดจำทุกช่วงเวลาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นวันที่ฟันซี่แรกของแกขึ้น หรือวันแรกที่แกพูดคำว่า แม่

                พิมลดาจำได้ว่าในนาทีนั้นเธอรักร่างเล็กๆในอ้อมกอดเทียบเท่าชีวิตและไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงคนเดียวตั้งแต่ยังสาว ไม่สำคัญเลยว่าเธอจะต้องถูกตราหน้าเป็นผู้หญิงท้องไม่มีพ่อในสังคมชั้นสูง ที่เรื่องซุบซิบนินทาเป็นเหมือนของหวานที่ขาดไปไม่ได้ ไม่สำคัญเลยว่าเธอจะต้องถูกเหยียบย่ำว่าเป็นหญิงเสเพลชั้นต่ำสิ้นคิด

                    ขอแค่ลูกของเธอมีความสุขและได้เติบโตด้วยความรักที่เขาสมควรจะได้รับยิ่งกว่าใครก็พอ
                พิมลดามองไปรอบๆห้องทำงานใหญ่ที่เธอจะย้ายเข้ามาทำงานแทนราล์ฟชั่วคราวในวันพรุ่งนี้อย่างสนใจ เธอรู้ดีว่าในเรื่องของการทำงาน แม้มันไม่ง่ายแต่เธอก็สามารถดูแลจัดการและสั่งงานต่างๆแทนราล์ฟมาหลายครั้งและนั่นพิสูจน์ว่าเธอเก่งและมีความสามารถพอตัว โลกแห่งความจริงสอนให้เธอเรียนรู้ที่จะต่อสู้เพื่อปากท้อง ดวงตาคมโตสีน้ำตาลอ่อนใสของหญิงสาวเหลือบเห็นตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลเรือนใหญ่ที่แขวนติดพนังด้านหนึ่งของห้อง

                ‘...บ่ายสองโมงครึ่งได้เวลาที่เธอจะต้องรีบไปรับลูกชายตัวดีจากโรงเรียน หญิงสาวเดินออกจากห้องทำงานชั่วคราวของเธอ เพียงเพื่อบอกเลขาสาวร่างท้วมหน้าห้องว่าเธอจะไปรับลูกชายและอาจจะไม่กลับเข้ามาอีกแล้ว ให้กรรณิกาปิดห้องได้เลย สาวร่างท้วมเพียงยิ้มรับก่อนพนมมือไหว้เธออย่างนอบน้อม

                เมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่พิมลดาส่งลูกไปโรงเรียน ใครที่ยังไม่มีลูกคงจะไม่รู้เลยว่ามันทรมานหัวใจแค่ไหน ช่วงเวลาที่ต้องส่งให้ลูกเล็กเข้าโรงเรียน โดยเฉพาะช่วงกลางเทอมแบบนี้

                    หญิงสาวกังวลไปต่างๆนานาว่า ‘เขาจะมีเพื่อนไหม จะเข้ากับเพื่อนได้ไหม จะร้องไห้เพราะคิดถึงแม่คนนี้รึเปล่า

                หากไม่นานเธอก็วางใจ...ออกัสเป็นเด็กปรับตัวเก่ง น่ารักและมั่นใจในตัวเอง จะพูดให้ถูกก็คือ ลูกชายของเธอทั้งแสนซน เป็นจอมเจ้าเล่ห์ ช่างออดอ้อน ใครเห็นใครก็รักที่สำคัญแกยังพูดภาษาไทยได้คล่องกว่าเด็กๆวัยเดียวกันเสียอีก


    ~~~~~~~~~~~~~~~
    โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป

    ขอคอมเมนท์ + โหวตให้ด้วยนะค่ะ
    ขอบคุณค่ะทุกคน


    ปล.มุมคุยกับผู้อ่าน

    อันนาหวังว่าทุกท่าจะเป็นกำลังใจ พิมลดานางเอกของเรานะค่ะ อันนาแต่งไปและรู้สึกรักตัวละครตัวนี้มากๆ เพราะอันนาคิดว่าเธอดูเป็น แม่ ในแบบที่อันนา คงต้องนับถือแน่ๆ หวังว่าจะติดตามกันต่อไปนะค่ะ กับนิยายเรื่องนี้ วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×