ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิวาห์ร้าย ใต้เงารัก

    ลำดับตอนที่ #10 : >>Chapter8

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 52


     

    วิวาห์ร้าย...ใต้เงารัก

    Chapter 8

     

                อัศวินเดินวนไปเวียนมาอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านเงียบๆ เขาโทรไปลางานที่กรมเรียบร้อยแล้วเมื่อตัดสินใจว่าจะรอคอยลูกชายของเขา และรอเวลาเมื่อพิมลดาพร้อมจะคุยกับเขาอีกครั้ง

                ภวังค์ของอัศวินถูกทำลายลงด้วยน้ำเสียงเรียบๆของหญิงสูงวัยที่เข้ามาภายในห้องรับแขกเมื่อไร ไม่มีใครรู้

                “คุณวินใช่ไหมค่ะ... จำป้ามิเชลคนนี้ได้รึเปล่าจ๊ะ”

                คุณวินกระพริบตาปริบๆ หยุดพักความคิดเรื่องพิมลดากับลูกไว้ก่อน เมื่อสบดวงตาอ่อนโยนหากเจนโลกของผู้เข้ามาใหม่ ชายหนุ่มจำได้ทันที

                “สวัสดีครับ ป้ามิเชล” เขากล่าวได้เพียงเท่านั้น ความละอายใจวิ่งขึ้นมาจุกลำคอจนพูดไม่ออก

                “สบายดีเหรอคะ...คุณวินยังหล่อเหมือนเดิม นี่คุณวินพบคุณพิมรึยังคะ”หญิงสูงวัยถาม

                “ครับ...พบแล้ว”ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้น หากดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมองด้านบนของห้องอย่างนึกถึงคนที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน

                “งั้นคุณคงรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว...จากปากคุณพิม”

                ประโยคนั้นทำเอาอารมณ์ที่เริ่มจะเย็นลงมามากแล้วของอัศวินเริ่มคุขึ้นมาอีก

                “จากปากพิมเหรอครับป้า...เปล่าเลย ผมรู้เรื่องนี้จากเพื่อนของผม นี่ถ้าวันนี้ผมไม่มาที่นี่ ชาตินี้จะมีโอกาสได้พบหน้าลูกรึเปล่าก็ไม่รู้ คุณพิมของป้าเขามีหัวใจรึเปล่าครับ ถึงได้ปล่อยให้ลูกชายไม่รู้จักพ่อของแกแบบนี้”หางเสียงเข้มนั้นตัดพ้ออย่างชัดเจน

                หญิงสูงวัยมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างคนเจนโลกและไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีของอัศวินที่คนฟังเป็นเธอ ไม่ใช่คุณลินดา ไม่เช่นนั้นไม่รู้คุณวินจะโดนอะไรบ้าง

                “ต้องมีสิคะ คุณวินคิดว่าคุณพิมดั้นด้นจากลอนดอนมากรุงเทพเพื่ออะไร...ถ้าไม่ใช่เพื่อมาหาคุณวิน เพื่อให้ออกัสได้รู้จักพ่อของแกบ้าง คุณพิมยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาที่นี่ ทิ้งเพื่อน ทิ้งบ้าน และมองผ่านใครหลายๆคนที่เขามาในชีวิตเพื่อจะรักคุณวิน...คุณวินยังคิดว่าคุณพิมของป้าไม่มีหัวใจอีกเหรอคะ”

                “...ป้ามิเชลครับ ผม...”อัศวินอึ้งกับคำพูดของหญิงสูงวัย เขารู้สึกเหมือนถูกไล่จนหลังชนฝา

                “คุณวินมองและคิดเพียงด้านเดียว ทำไมคุณวินไม่ลองเปิดใจมองบ้างอย่ามัวแต่ปิดหูปิดตาปฏิเสธทุกอย่างอยู่แบบนี้เลยค่ะ...ลองเปิดใจ ลดทิฐิและกำแพงที่คุณวินเป็นคนก่อขึ้นมาเอง ก่อนที่คุณวินจะสูญเสียทั้งคุณพิมและลูกชายที่คุณวินไม่มีโอกาสได้แม้แต่กอดแกสักครั้ง...”

                แววตาของหญิงสูงวัยที่เจนโลกมองชายหนุ่มอย่างทะลุปรุโปร่ง มองด้วยความเชื่อมั่นว่าหัวใจสักดวง ลองเมื่อมันรักใครเขาแล้ว มันยากที่จะเลิกรักหากเพียงแต่เราใช้ความเข้าใจและให้โอกาสความรักทำหน้าที่ของมัน...อย่าให้กำแพงที่ก่อขึ้นเป็นเหมือนฉากกระจกใสกั้นกลางระหว่างกัน ...มองเห็น รับรู้ แต่มิอาจข้ามผ่านไปได้

                “ป้าจะไปตลาด ซื้อของมาเตรียมอาหารเช้า คุณวินจะรับอะไรไหมคะ”

                “ไม่ครับ...ขอบคุณป้ามิเชลมากนะครับ”อัศวินไม่ได้ขอบคุณความห่วงใยปากท้องของเขา หากชายหนุ่มขอบคุณที่หญิงสูงวัยเข้ามาทำให้จิตใจของเขาเปิดกว่างและสงบขึ้น เมฆหมอกหนาๆที่เคยปกคลุมอยู่กลางใจเริ่มสลายตัวไปอย่างช้าๆ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

                มิเชลยิ้มรับคำขอบคุณจากใจ เธอหวังเพียงให้สิ่งที่เธอกล่าวออกไป เป็นเหมือนเครื่องนำทาง ในยามที่มืดมิดและยากที่จะมองเห็นหนทาง เธอรู้ว่าอัศวินต้องการมัน...

                ไม่ใช่ทุกคนจะไขหัวใจตัวเองออก...บางคนอาจจะใช่เวลาเพียงเสี้ยววินาที หากบางคนกลับต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อไขหัวใจตัวเอง

     

                อัศวินมองกรอบรูปฉลุลายไม้งดงามที่ประดับอยู่บนพนังห้องรับแขกแห่งนี้ เขาไม่เคยคิดจะยอมรับความรู้สึกนี้มาก่อน...เขาคิดถึงพิมลดา คิดถึงผมยาวสยายที่มักจะพลิ้วไหวไปตามกระแสลม คิดถึงดวงตาคู่โตสีน้ำตาลที่มักจะฉายแววแห่งความเข้มแข็งและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน เขาคิดถึงริมฝีปากหวานๆที่ถึงแม้จะได้ลิ่มรสเพียงช่วงสั้นๆ หากเขาก็ไม่เคยลืมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพิมลดา ทุกอย่างยังคงชัดเจนเหมือนเวลาสี่ปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น...

                หากตัวเขารู้ดีว่ามันจริงแท้แค่ไหน สี่ปีที่ผ่านมากับความทรมานของพิมลดา ของลูกที่ต้องขาดพ่อ และของไอ้โง่อย่าเขาที่ทำลายหัวใจตัวเอง...

                พิมลดาอาจจะทำสิ่งเธอเห็นว่าสมควร ถ้าเธอบอกเขาเรื่องลูกตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน เขาคงจะจดทะเบียนสมรส แต่งงานและทรมานเธอไปกับไฟนรกในใจเขา เรื่องมันคงจะแย่ยิ่งกว่านี้ พิมลดาที่เขารู้จักเป็นคนอดทน แต่เธอทนให้คนที่เธอรักแสดงออกอย่างเกลียดชังเธอไม่ได้...

                ทำไมเขาถึงเพิ่งคิดได้ตอนนี้ นี้คือบทลงโทษผู้ชายเลวๆที่เหยียบย้ำหัวใจคนอื่นมานับสิบๆดวงใช่ไหม

                หากเมื่อเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ นับจากวินาทีนี่มีอีกหลายเรื่องที่เขาต้องจัดการก่อนที่มันจะสายเกินไป

                พิมลดาบอกว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศในชีวิตเขา...ให้ตายสิ เธอคงไม่รู้สินะ...ว่ามนุษย์ขาดอากาศไม่ได้!!’

                เธอเรียกตัวเองว่าสารเลวในขณะที่เลี้ยงตัวเองและลูกของเขาคนเดียวมาตลอดสี่ปี โดยปล่อยให้เขาทำตัวเป็นผู้ชายสารเลวที่ไม่สมควรได้รับความเคารพนับถือจากใคร แม้กระทั้งตัวตนของเขาเองเขาต่างหากที่เป็นคนสารเลว

                เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองสูญเสียอะไรไป จนกระทั่งสิ่งนั้นยืนอยู่อีกฝากเพียงแค่เอื้อม แต่ก็ไขว่คว้าเอามาเชยชมไม่ได้ !! ...เพียงเพราะเขาเป็นคนผลักไสมันไปเอง

                เขาตอบแทนความรักและภักดีที่พิมลดามีให้เขาด้วยการตอกกลับสิ่งล้ำค่าของลูกผู้หญิงที่เธอหยิบยื่นให้ว่า ร่านเพียงเพราะเขาตัดสินเธออย่างคนโง่ว่าผู้หญิงดีๆ ควรจะรักนวลสงวนตัวมากกว่ายอมพลีกายให้คนที่รักอย่างที่พิมลดาทำและเขาเลือกที่จะตอบโต้ความผิดหวังในตัวพิมลดาด้วยการทำร้ายเธอ...ไม่เลวก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร

                 ยิ่งกว่านั้น เขายังพยายามปฏิเสธความเลวของตัวเองด้วยการตอกย้ำเข้าไปในสมองว่าพิมลดาเป็นผู้หญิงร่านผู้ชาย ไม่คู่ควรกับเขามาตลอดเวลา เพราะเขาไม่อยากจะยอมรับว่าเขา ผิดทำผิดมาตลอด...

                เขาหลอกสมองตัวเองได้ แต่หลอกหัวใจตัวเองไม่ได้...

                ตุบ ตุบ ตุบ’!! พิมลดาอยากให้หมอนใบนี้เป็นหน้าของเขานักเชียวเธอจะได้ระบายความเจ็บปวดเสียใจลงไปกับมันบ้าง เธอมันโง่งี่เง่า ยอมเป็นนังผู้หญิงไร้ค่าในสายตาเขามาตลอด เธอรักผู้ชายอย่างเขาขนาดนี้ได้อย่างไร เขาทำกับเธอร้ายกาจแบบนี้ เธอยังไปพูดว่ารักกับเขาทำไม... ยัยคนโง่!!!’

                “ฮือๆ” ร่างเล็กของพิมลดาสั่นไหวไปตามแรงสะอื้นอย่างน่าสงสาร หญิงสาวร้องไห้เสียดังอย่างไม่สนใจสิ่งใดในโลกนี่อีกแล้ว ไม่สนว่าอัศวินจะกลับออกไปจากบ้านของเธอหรือจะตามขึ้นมาต่อว่าเธออีกไหม

                ช่วงเวลานี้ สิ่งเดียวที่เธอรับรู้มันคือความทรมานจากหัวใจที่ได้แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว...

                เธอมาที่นี่เพื่อให้เขาเหยียบย้ำเธออีกครั้งใช่ไหม เธออยากจะเกลียดเขา อยากจะทำร้ายเขาใจตายคามือ แต่สิ่งเดียวที่วันนี้เธอได้ทำลงไปคือการ สารภาพว่าเธอยังคงรักเขาหมดหัวใจ...

                นิ้วมือเรียวสวยของพิมลดาไล้ไปตามผิวแก้มด้านซ้ายที่บวมและขึ้นริ้วเป็นรอยฝ่ามืออย่างซึมเศร้า

                พี่วิน ของพิม... ในสายตาคนอื่นสิ่งที่อัศวินกระทำอาจจะเป็นเรื่องรับไม่ได้ ที่ผู้ชายจะทำร้ายผู้หญิง หากพิมลดารู้ดีแก่ใจ ว่าสำหรับเขา นี่มันอาจจะยังน้อยเกินไป...เธอทำให้เขารู้จักกับสิ่งที่เขาไม่เคยพบมันมาก่อน ความกลัวและการเป็นคน ผิด

                เพราะเธอรู้ดีว่าในวันที่เมฆหมอกแห่งความกลัวของเขาหมดไป...เขาจะมองเห็นเธอ เห็นลูกด้วยหัวใจของเขา        

                หากเวลานี้ เธอขอร้องไห้ให้สาแก่ใจ ให้สมกับความเจ็บปวดของเธอหน่อยแล้วกัน

     

                อัศวินยืนนิ่ง มองประตูห้องพิมลดาอย่างมึนงง เขาได้ยินเสียงพิมลดาร้องไห้คร่ำครวญอยู่อีกอีกฝากของประตู ตอนแรกเขาคิดจะรออยู่ข้างล่าง หากความรู้สึกบางอย่างในใจนำพาเขามายืนอยู่ตรงนี้มีเพียงบานประตูไม้เนื้อดีกั้นเขาเท่านั้น ...

                เสียงร้องไห้ที่ดังลอดออกมา เสมือนมีดกรีดผ่านหัวใจอันกร้าวกระด้างของเขา ชายหนุ่มรู้สึกว่ามือเขายังคงสั่นอยู่เลย ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากอารมณ์โกรธที่ไร้การควบคุมตัวเองของเขา และดูเหมือนพิมลดาจะมีความสามารถด้านนี้มากเป็นพิเศษ... เธอเก่งจริงๆเรื่องทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลว

                เมื่อวานความรู้สึกนี่อาจจะได้รับการเพิกเฉย หากนับแต่นี้ไป...มันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว

                อัศวินมองลูกบิดประตูอีกครั้งก่อนตัดสินใจเอื้อมมือไปจับมันหมุนเปิดบานประตูก่อนแทรกตัวผ่านเข้าไปพร้อมปิดประตูตามหลังอย่างแผ่วเบา ร่างสูงในชุดกางเกงยีนส์เนื้อดีกับเสื้อยืดสีขาวคอกลม ที่อกสกรีนสัญลักษณ์กรมตำรวจแห่งชาติเด่นชัด เดินตัดผ่านโซฟาหลังใหญ่ก่อนหยุดยืนเท้าสะเอวหน้าเตียงนอนขนาดคิงไซต์ มองดูร่างบอบบางที่ซุกหน้าร้องไห้เหมือนกับจะขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่เคยเผยมันออกมา

                ความรู้สึกที่เขาคิดว่ามันจะไม่มีวันหวนคืนกลับมาสู่หัวใจของเขาอีกแล้ว... ความห่วงหาอาทร

                อัศวินเดินไปนั่งบนเตียงใกล้ร่างบางที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด เอื้อมมือไปแตะไหล่เล็กๆที่ยังคงสั่นไหวจากแรงสะอื้น ไม่รู้ตัวว่าสัมผัสนั้นยิ่งทำให้พิมลดาเหมือนกับจะละลายหายไป

                “...พิม.....”เขาพูดได้เพียงเท่านั้น เมื่อสบกับดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำ และเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ขนตายาวงอนเปียกชุ่มไปหมด ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวเต็มไปด้วยแววตัดพ้อ

                “คุณเข้ามาทำไม...ยังไม่สาแก่ใจอีกใช่ไหม ต้องให้พิมทรมานจนตายลงต่อหน้าคุณเลยรึไง คุณถึงจะดีใจ! คุณต้องการแบบนั้นใช่ไหม!!”เสียงสั่นเครือที่ดังลอดไรฟันออกมาของพิมลดา ทำให้มือหนาที่แตะอยู่กับไหล่นวลเนียนตกลงข้างกายชายหนุ่มทันที ก่อนร่างสูงจะลุกจากเตียงเหมือนมันเป็นกองเพลิงร้อนๆ ริมฝีปากอิ่มสวยเกินชายหนุ่มทั่วไปก็พ่นวาจาโต้ตอบพร้อมหันหลังเมินหน้าหนี แววตาเจ็บปวดของร่างบาง

                “เธอคิดว่าตัวเองทรมานเป็นคนเดียวรึไง”

                พิมลดาได้ยินแบบนั้นก็เหมือนกับฟางเส้นบางๆที่ถูกขึงจนตึงและขาดผึงออกจากกันในที่สุด ร่างบอบบางลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วก่อนพุ่งเข้าใส่ร่างของอัศวินที่ยืนหันหลังให้เธออยู่ข้างเตียงเหมือนคนบ้า ฝ่ามืออูมสวยกำแน่นเป็นหมัดระดมทุบใส่ร่างชายหนุ่มไม่ยั้ง

                “คุณมันเลว คุณมันไอ้คนสารเลว ฮือๆ คุณกล่าวหาพิมมาตลอดสี่ปี และวันนี้คุณก็กำลังฆ่าพิมทั้งเป็น คุณทำได้ยังไงคุณอัศวิน!!!!”หมัดเล็กๆ ยังคงระดมทุบร่างหนาของอัศวินที่หันหลังให้เธอไม่หยุด น้ำตาและเสียสะอื้นดังไปทั่วทั้งห้อง

                “คุณทำแบบนี้กับพิมได้ยังไง คุณยังมีหัวใจอยู่ไหม ฮือๆ”ในนาทีนี้การหายใจเป็นเรื่องที่สุดแสนจะลำบาก พิมลดาคิดว่าเธอคงใกล้จะขาดใจเต็มที หากกำปั้นเล็กๆ ยังคงระดมเข้าใส่แผ่นหลังแกร่งเหมือนหน้าผาหินนั้นไม่หยุด เธออยากจะทำร้ายเขาให้เจ็บปวดบ้าง อยากจะให้เขารู้สึกเพียงเศษเสี้ยวของที่เธอกำลังรู้สึกเวลานี้ก็ยังดี

                “คุณมันเป็นไอ้สารเลว ขี้ขลาด!!”พิมลดาร้องไห้และทุบตีเขาจนเริ่มอ่อนกำลัง ฝ่ามือคลายออกจากกัน เธอทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บปวดที่หัวใจไม่รู้ว่าหมัดนับสิบๆที่ระดมใส่หลังของเขามันทำให้อะไรเจ็บปวดกันแน่ ระหว่างร่างกายของเขาหรือหัวใจของเธอ

                หญิงสาวโอบแขนทั้งสองไปรอบสะโพกแกร่งของร่างสูง ซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตากับแผ่นหลังกว้าง เปล่งคำที่เธอเองอยากจะร้องถามคนบนฟ้ามาตลอดสี่ปีแห่งความทุกข์ทรมาน

                “ทำไมพิมต้องมารักคุณด้วย...ฮือ ฮึก...ทำไมต้องเป็นคุณ”

                และในวินาทีนั้นเอง ที่พิมลดารู้สึกถึงหยดน้ำตาตกกระทบนิ้วมือ น้ำตาจากผู้ชายที่หันหลังให้เธอมาตลอดสี่ปีเวลาที่นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์

                ใครเล่าจะรับรู้มันได้ดีไปกว่าเธอ...ภายใต้หน้ากากแห่งความเห็นแก่ตัว ไร้หัวใจอย่างที่เขาแสดงออก วินาทีนี้หัวใจของเขาก็ร่ำไห้ไม่ต่างไปจากเธอ...

                พิมลดายืนกอดร่างสูงของชายผู้เป็นที่รักร้องไห้อยู่ตรงนั้น เหมือนเวลาและสรรพสิ่งรวบตัวหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นระรัวประสานเป็นจังหวะเดียวกันของเขาและเธอ

                อีกนานต่อมา เมื่อร่างสูงหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ พิมลดามองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เหมือนเมื่อครั้งเก่าก่อน ไม่มีม่านหมอกแห่งทิฐิ มีเพียงชายหนุ่มที่เปิดหัวใจและยอมรับในความโหยหา และปลดปล่อยตัวเองจากความหวาดกลัว ตรงหน้าเธอคือ พี่วินคนเดิม คนที่เธอรักมาตลอด...

                “พิม...ที่ผ่านมาพี่คงเลวมากเลยใช่ไหม โง่มากด้วยที่ปฏิเสธหัวใจตัวเองแล้วเลือกที่จะโยนความรักและหัวใจของตัวเองทิ้ง คงจะเพราะอย่างที่พิมว่า...พี่มันเป็นแค่ไอ้สารเลวขี้ขลาด”ชายหนุ่มกล่าวเสียงสั่นเครือ นิ้วมือเรียวยาวหากแข็งอย่างผู้ชาย ค่อยๆปาดเช็ดน้ำตาที่ยังคงรินไหลจากดวงตาคู่สวยไม่หยุด ไล้เบาๆเมื่อปลายนิ้วสากลากผ่านรอยแดงเป็นริ้วบนผิวแก้มบวมแดง

                แม้นิ้วมือนั่นจะเริ่มสั้นอย่างห้ามไม่อยู่ หากริมฝีปากสวยของเขาก็ยังเอื้อนเอ่ยถ่อยคำจากจากหัวใจต่อไป

                “พี่กลัวมาตลอดสี่ปี กลัวว่าวันหนึ่งพิมจะกลับเข้ามาในชีวิตพี่และทำให้พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นไอ้ขี้ขลาดที่ได้ผู้หญิงดีๆคนที่ทำให้หัวใจพี่หวั่นไหว แต่พี่กลับทำให้เขาเสียใจ...”

                พิมลดากระพริบตาขับไล่น้ำตาที่ไหลริน หัวใจเหมือนจะอ่อนยวบไปกับคำสารภาพนั้น หากเธอเลือกที่จะขอซึมซับช่วงเวลานี้อย่างเงียบๆ อะไรที่มันคั่งค้างอยู่ในหัวใจของเขา เธอยินดีที่จะรับฟังมัน...

                “แล้ววันนี้พิมก็หวนกลับมาจริงๆ ความรู้สึกที่พี่ไม่อยากจะยอมรับว่าพี่ได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่าไปแล้ว เพราะความเห็นแก่ตัว ความกลัว ความขี้ขลาดของพี่ มันทำให้ผู้หญิงที่น่ารักและสมควรแก่การถูกรักต้องเจ็บปวดและทรมานมาตลอด...คำขอโทษมันคงไม่มีความหมายหรอกใช่ไหม”

                คำสารภาพง่ายๆ หากเสมือนกับน้ำทิพย์ชโลมหัวใจที่แหลกสลายเป็นเสี่ยงๆของพิมลดา ถอยคำของเขา แววตาและสัมผัสของเขาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนของพี่วินคนเดิมของเธออีกครั้ง

                “พี่วินคะ...เปิดหัวใจและอภัยให้กับตัวเองสิคะ สี่ปีก่อนพี่วินไม่ผิด พิมก็ไม่ผิด...เราต่างไม่มีใครผิด พิมแค่รักและอยากจะให้สิ่งมีค่าที่พิมมีติดตัวเพียงอยากเดียวในตอนนั้นกับผู้ชายที่พิมรักเขามากที่สุด”

                หัวใจ ร่างกาย และความรู้สึกของพิมลดาคือสิ่งที่เขารับรู้มาตลอด หากเขาเลือกที่จะทำร้ายมันอย่างเห็นแก่ตัว เพราะเขาเคยกลัวว่ามันจะมีอิทธิพลต่อตัวเขามากกว่าที่เขาอยากให้เป็น

                หากในที่สุดเขาก็วิ่งหนีมันต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาอยากจะแก้ตัวและชดใช้ทั้งชีวิตเพื่อผู้หญิงคนนี้ เพื่อลูก เพื่อสิ่งที่เขาไม่อยากจะสูญเสียไปอีกแล้ว เขาทนใส่หน้ากากเย็นชาไร้หัวใจเพื่อปกป้องตัวเองต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

                “...พี่คงไม่หวังให้พิมยกโทษให้ แต่นับจากวันนี้ ตอนนี้...พี่จะทำทุกอย่างเพื่อพิม เพื่อออกัสไม่ใช่เพื่อจะแก้ตัวเพียงเท่านั้น หากพี่อยากจะทำให้พิมยอมรับพี่ในฐานะพ่อของลูก พิมไม่ต้องยกโทษให้พี่ตอนนี้ก็ได้ ความเจ็บปวดตลอดสี่ปีที่พี่ทำกับพิม มันคงไม่หายไปง่ายๆกับคำขอโทษ แต่พี่สัญญาจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลือทำให้พิมกับลูกมีความสุขให้ได้...พิมพร้อมจะรอคอยวันนั้นไหม”

                ไม่มีเสียงตอบรับจากพิมลดา หญิงสาวเพียงพยักหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุขสม ปิติยินดีกับการสลายหายไปของม่านหมอกที่ปิดกั้นความรู้สึกของเขามานานแสนนาน

                หากลึกลงไปในใจเธอรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นจริง...เขาสัญญาว่าจะเป็นพ่อที่ดีได้ แต่เขาไม่มีทางเป็นสามีที่ดีของเธอ เขากำลังจะแต่งงานกับใครสักคนที่เหมาะสม คนที่เขาเลือกแล้วว่าคู่ควรกับครอบครัวและควรค่าแก่การแบ่งพื้นที่ในใจให้ ซึ่งมันคงไม่ใช่เธอ...แม้จะต้องเจ็บปวด หากเธอจะไม่ทำลายความรักของใคร โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างคู่หมั้นของเขา

                ขอเพียงแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น ที่เธอจะไม่ต้องคิดถึงสิ่งอื่นใดบนโลกนี้ นอกจากเด็กชายตัวน้อยที่เปรียบเสมือนโซ่ทองครองใจและความสุขของสิ่งที่วาดฝันเอาไว้ แค่เพียงได้ฝันก็เพียงพอแล้ว ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายดายอย่างที่พี่วินบอกแน่ๆหากตอนนี้ ขอเธอเก็บเกี่ยวความสุขที่พบพานเพราะเมื่อวันที่ต้องลาจาก เธอจะจดจำมันไว้เป็นเหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ..

    โปรดติดตามตอนต่อไปนะค่ะ

    ปล.มุมคุยกับผู้อ่าน
          สวัสดีค่ะ อันนาหายไปหลายวันเลย หลายๆคนอ่านตอนนี้แล้วอาจจะ แปลกใจ ว่าทำไมเสือร้าย กลายเป็นดี แต่อันนาว่าเขาดีอย่างที่ควร คนเราเวลาทำสิ่งผิดมันอยากที่จะยอมรับ จนกระทั้งวันหนึ่งความผิดนั้นพุ่งเข้าใส่คุณเต็มๆนั้นแหละ คุณถึงจะสำนึกได้ เรามารอดูกันนะค่ะ ว่าเขาจะแก้ไขและรักษาดวงใจที่เขาเคยโยนทิ้งไป ให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้ไหม
          อันนาเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของความรัก แต่ก็ไม่งมงาย คนเราไม่ใช่พระเจ้า เราตัดกิเลส ตัดตัณหา และละทิ้งความคิดด้านมืดไม่ได้ง่ายๆ อัศวินเองก็เป็นแบบนั้น... จนกระทั้งมีคนมาชี้นำเขา (มิเชล) แต่ทั้งนี่ทั้งนั้นก็เพราะเขามีตัวตนที่รักพิมลดาเป็นทุนอยู่แล้ว
           มาติดตามกันดีกว่า ว่านายอัศวินจะทำอย่างไร...
           ต้องมีคนเกร็งเรื่องพลาด...เอ๊ะ ความจริงก็ไม่พลาด เกือบถูก แรกๆ อันนาจะให้นางเอกกับพระเอกโกรธกับไปอีกหน่อย หากทนไม่ไหว555+
    แม้ที่ทุกคนต่อว่ามามันจะเป็นจริง... แต่ต่อจากนี่ อันนาจะโมดิฟายความคิดของทุกคนให้ได้ ใครจะรู้พอจบเรื่องนี้ พันตำรวจโทอัศวิน  สินธุพรรณ อาจจะเป็นหนึ่งในตัวละครในนิยาย ที่คุณจะทั้งรัก ทั้งเกลียด คุณจะมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ และทุกข์ไปกับเขาก็เป็นได้

           ปล.อยากอ่านตอนหน้ากันไหมจ๊ะ อิอิ ไม่ช้าแล้วล่ะค่ะ เสาร์อาทิตย์ อันนามีเรื่องให้คิดหัวหมุนเลย นิสัยเลยไม่ค่อยแล่น วันนี้หัวใสกว่าเมื่อวานมาก เลยโล่ง แต่ตอนนี้ออกมาให้ทุกคนได้อ่านกัน หวังว่าจะเริ่มรู้สึกดีกับนายอัศวินขึ้น
    มา ไม่มากก็น้อย...จริงๆนะ เขาไม่ได้เลวขนาดนั้น !!


    "อันนาอยากจะให้ทุกคน ทำอย่างที่มิเชลว่า เปิดใจลดทิฐิ เพื่อที่จะมองในสิ่งที่บดบังหัวใจตัวเองอยู่...ไม่ใช่สำหรับเพียงความรู้สึกที่มีต่ออัศวินเท่านั้น หากอันนายังหมายรวมไปถึงคนใกล้ๆตัวคุณ บางเรื่อง บางอย่าง จุดกำเนิดมีเพียงจุดเดียว หากตัวเราเองที่ทำให้มันใหญ่กว่าความเป็นจริง เวลามันเดินผ่านไปเร็ว เราไม่มีทางรู้เลยจริงๆ ว่าเราสูญเสียอะไรไป...จนกระทั้งวันที่เราไม่มีสิทธิจะเรียกมันกลับคืนมาได้อีก"


    อย่าลืมคอมเมนท์ + โหวตให้นิยายเรื่องนี้นะค่ะ
    ถ้าชอบเมนท์มาบ่อยๆ  อันนาไม่ว่าค่ะ 5555+
    ขนาดเข้ามาทวงนิยาย จนอันนาเกือบคิดว่าเป็นจำหนี้ อันนายังดีใจเลยค่ะ
    อิอิ (ล้อเล่นนะค่ะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×