คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อุ่นไอรัก (130%)
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องแดดอ่อนๆผ่านม่านผ้าฝ้ายสีขาวโปร่ง ลมเย็นผะแผ่วพัดผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดกว้างรับลมปะทะผ้าม่านจนโบกสะบัดลู่ไหวตามแรงลมเบาๆ ปลุกให้ร่างเล็กที่กำลังนอนหลับตาพริ้มสบายบนเตียงกว้างเริ่มขยับตัว ลุกขึ้นชูสองแขนบิดตัวด้วยความเมื่อยขบ สองวันเต็มแล้วที่เธอต้องนอนซมด้วยพิษไข้และร่างกายที่ระบมเพราะความเอาเปรียบของคนข้างกาย ที่ถึงเธอจะป่วยเขาก็ยังมือเป็นปลาหมึกอุตส่าห์ขอตอดเล็กตอดน้อยไม่หยุด จนเธอเองก็อ่อนใจ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันนั้นที่เขารังแกทีไรแล้วจันทร์เจ้าก็อดอายตัวเองไม่ได้ซักที จนคิดไปว่าเธอใจง่ายไปไหมที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาง่ายๆแบบนี้แล้วถ้าวันหนึ่งเขาทิ้งเธอไปจะทำยังไง
มือเรียวบางยื่นไปสัมผัสลูบไล้ที่นอนข้างกาย ความรู้สึกเย็นเยียบแสดงว่าคนคนตัวใหญ่คงลุกขึ้นจากที่นอนไปนานแล้ว หญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าตอนนี้ตนเองกำลังสวมชุดนอนด้วยเสื้อกล้ามแนบตัวบางเบาซึ่งโนบราและกางเกงขาสั้นผ้านิ่มสีหวานตัวจิ๋วที่เธอชอบใส่แล้วใครล่ะที่เป็นคนเปลี่ยนให้เธอ
‘หนูจันทร์ใส่แบบนี้แหละดีแล้วค่ะ พี่ช้างชอบ’
ตั้งแต่คืนนั้นตะวันสามีทางพฤตินัยก็ไม่ยอมให้เธอกลับไปนอนที่ห้องอีกเลย แต่กลับให้พี่เอื้องและพี่อ้อยขนของใช้ส่วนตัวของเธอมาไว้ที่ห้องนอนใหญ่นี้ทั้งหมด ถึงป้าติ๋มจะแอบค้อนและโวยวายคนเอาแต่ใจว่าทำเธอติดไข้จนนอนซมก็เถอะ
“โธ่ ป้าติ๋มครับป้าติ๋มไม่อยากมีตะวันน้อยมาวิ่งเล่นในบ้านเร็วๆหรือครับ” คนเจ้าเล่ห์อ้อนแม่นมคนเก่าคนแก่ จนป้าติ๋มต้องตีคนอ้อนดังเพลี๊ยะ “ก็อยากได้อยู่หรอกค่ะ แต่ไม่ใช่ถึงขนาดโหมโรงจนหนูจันทร์ต้องติดไข้และนอนซมขนาดนี้” ตะวันเองก็ได้แต่ยิ้มแหยๆเพราะเค้าเองก็ทำผิดจริงซะด้วยสิ ตะวันเลยต้องเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็นคอยเช็ดตัวให้สาวเจ้าทั้งคืนด้วยเพราะหวงมากไม่อยากให้ใครมาแตะต้องแม่เนื้อนิ่มของเขา จนป้าติ๋มค่อนขอดว่า “ทำตัวเป็นจงอางหวงไข่ ระวังจะมีคนมาฉกไข่ไปกิน”
วันนี้ตั้งแต่เช้ามืดชายหนุ่มต้องออกไปดูแลความเรียบร้อยที่คอกวัวนมเพราะมีปัญหาต้องไปแก้ไข เขาจึงปล่อยให้พี่เอื้องดูแลคนป่วยแทนได้
ร่างเพรียวบางค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนที่อบอวนไปด้วยกลิ่นอายของความรัก ตะวันจะนอนกอดร่างนุ่มนิ่มคลอเคลียรำพันว่ารักเธอไม่หยุดจนเธอจะลำลักความสุขตายเสียแล้วกระมัง แต่ถ้ายังนอนอยู่แบบนี้คงจะเป็นง่อยตายแน่ คงต้องลุกขยับตัวบ้าง อาการปวดหัวและไข้ก็ลดลงจนหายดีแล้ว
ขาเรียวยาวเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่แล้วเดินตรง เข้าไปในห้องน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้องนอน จันทร์เจ้าชอบสไตส์การตกแต่งของมันมาก ห้องน้ำถูกตกแต่งแบ่งเป็นสองส่วน แบบพื้นที่แห้งใช้กระจกใสปิดฉาก มีอ่างอาบน้ำแบบถังไม้โอ๊คขนาดใหญ่ พื้นเป็นเซลามิกบล็อคสี่เหลี่ยมเคลือบสีเขียวใส แซมหินศิลาก้อนใหญ่ อีกส่วนภายนอกมีการจัดแต่งแบบเปิดโล่งรับธรรมชาติมีฝักบัวขนาดใหญ่เหมือนที่อาบน้ำกลางแจ้ง จัดแต่งสวนเล็กๆด้วยต้นไม้ใบเขียวสด มีหินศิลาเป็นพื้นเหยียบลงไปจึง ให้ความรู้สึกสัมผัสถึงธรรมชาติกลางแจ้ง
จันทร์เจ้าออกมาพร้อมกับความสดชื่น มือสวยเปิดตู้เลือกเสื้อผ้ามาแต่งตัว เตรียมลงไปช่วยป้าติ๋มเตรียมอาหารกลางวันรอคนตัวโตกลับมาจากทำงานที่ไร่ที่วันนี้เขาออกไปตั้งแต่เช้ามืด
เธอเลือกชุดผ้าฝ้ายสีขาวนิ่มใส่สบายมีปักดอกไม้เล็กๆสีเดียวกันรอบตัว กระโปรงพริ้วยาวสั้นแค่เข่า ช่วงแขนเปิดโชว์ไหล่ขาวเนียน ด้านหลังมีสายให้ผูกโบว์เล็กๆพอน่ารัก ผมดำยาวสลวยเกล้ามัดหางม้ายกสูงเผยหน้าผากโค้งละมุนเรียบเนียน จมูกโด่งเชิด ตากลมโตขนตาเป็นแพงอน ริมฝีปากอิ่มทากลอสใสสีพีชดูอ่อนหวาน สำรวจตัวเองหน้ากระจกเรียบร้อยแล้วจึงเปิดประตูลงไปด้านล่าง
กลิ่นอาหารหอมโชยมาแต่ไกลชวนให้น้ำย่อยในท้องร้องประท้วงด้วยความหิว ขาเรียวยาวก้าวเดินลงจากบันไดไม้สักขัดมันวาวลงมายังห้องโถงรับแขกใหญ่ พาร่างเพรียวเดินไปทางที่มาของกลิ่นโดยอัตโนมัติ
“ว้าย ตายแล้วคุณหนูจันทร์ขา ลงมาทำไมคะเดี๋ยวก็ไข้กลับหรอกค่ะ”
พี่เอื้องที่กำลังเดินถือตะกร้าผ้าเตรียมไปซัก ทิ้งตะกร้าผ้าในมือรีบมาประคองคนไม่สบายทันที
“พี่เอื้องจ๋า ถ้าให้หนูจันทร์นอนไม่ลุกเลยพาลจะเป็นหง่อยน่ะสิคะ”
จันทร์เจ้าพูดติดตลก “อีกอย่างหนูจันทร์เบื่อแล้ว นอนอยู่แต่ในห้องไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเลย”
เสียงใสเจื้อยแจ้ว ส่งยิ้มหน้าทะเล้นแกล้งสาวใหญ่ที่ทำหน้าตาตื่นตกใจเกินกว่าเหตุ
“แต่ว่าถ้านายน้อยกลับมาเห็นจะต้องไม่พอใจ ต้องดุพี่แน่ๆเลยนะคะ”
สาวใหญ่พูดสีหน้าแสดงความวิตกกังวลเกรงว่าตัวเองจะโดนดุที่ดูแลสาวน้อยตรงหน้านี้ไม่ดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าจะดุ จะว่าก็มาบอกหนูจันทร์เลยเดี๋ยวจัดการให้เอง”
จันทร์เจ้ายิ้มหวานจับมือพี่เอื้องเป็นการให้ความมั่นใจ
“เอางั้นเหรอคะ” น้ำเสียงยังไม่คลายกังวล
“ค่ะ แต่ตอนนี้หนูจันทร์หิว จนจะกินแม่วัวได้ทั้งตัวแล้วล่ะค่า” ก่อนจะรีบวิ่งตามกลิ่นหอมชวนหิว ไปห้องครัวทันที
“ป้าติ๋มทำอะไรอยู่เอ่ย” เสียงสดใสร่าเริงแตกต่างจากวันที่ซมไข้ เดินยิ้มร่าเริงเข้ามาในครัวเพื่อเตรียมเป็นลูกมือแม่ครัวใหญ่
“คุณหนูจันทร์! ตายแล้วลงมาทำไมคะยังไม่หายดีเลย”
“สบายใจหายห่วง ไม่มีไข้แล้วค่ะ”
“แต่ถ้านายน้อยมาเห็น เดี๋ยวก็ได้จะพาลพาโลลั่นทั้งบ้านแน่เลยล่ะสิคะ”
“เดี๋ยวหนูจันทร์รับหน้าเองจ้ะ ป้ารับรองว่าไม่มีคนโดนดุแน่นอน แล้วนี่ป้าติ๋มทำอะไรอยู่จ้ะหอมเชียว” เสียงหวานถามเมื่อเห็นคนสูงวัยกว่ากำลังเคี่ยวน้ำต้มกระดูกหมูในหม้อใบใหญ่บนเตา และมีของเตรียมมากมายรออยู่บนโต๊ะ
“ป้ากำลังทำ ข้าวต้มสามกษัตริย์จ้ะคุณหนู”
“กำลังเตรียมทำให้คนป่วยจอมเกเรทาน” ป้าติ๋มหันมายิ้ม พูดเย้าคนอ่อนวัยกว่า
“ข้าวต้มสามกษัตริย์มันเป็นยังไงคะป้าติ๋ม?” คนอยากรู้ถามทำหน้าตาสงสัยเต็มที่
“ข้าวต้มสามกษัตริย์เป็นสูตรของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง หรือรัชกาลที่ 5 ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถในเรื่องโภชนาการมากเลยนะ”
“ ครั้งที่ท่านเสด็จประพาสต้นไปยังแม่กลอง แล้วเช้าวันหนึ่งท่านแล่นเรือประภาสละมุ ที่เค้าจับปลาตามอ่าวแม่กลอง ท่านเห็นเค้ากำลังหาปลากันอยู่ จึงได้ช่วยอุดหนุนซื้อกุ้ง ปลาที่เค้าจับได้มาเตรียมอาหารเช้า”
“เมื่อมาถึงเรือฉลอมที่ประทับแล้วจึงคิดนำอาหารสดที่ได้ มาดัดแปลงใส่รวมกันจึงได้เป็นต้มข้าวต้มสามกษัตริย์นี่ล่ะค่ะ” หญิงสูงวัยพูดจบ หันมามองคนตัวเล็กที่เท้าคางนั่งฟังตาแป๋วอย่างสนใจจึงอธิบายต่อ
“ที่เราเรียกว่าข้าวต้มสามกษัตริย์ก็คือ เราจะต้มแบบที่เราต้มข้าวต้มหมูนี่ล่ะ แต่จะใส่กุ้ง ปลาทูสด และปลาหมึกสดแทนหมูนั่นเอง แล้วปลาทูแม่กลองนี่อร่อยมาก ปลาทูนึ่งเขาขึ้นชื่อมีฉายาเรียกว่า ปลาทูหน้างอคอหัก” ป้าติ๋มพูดพลางใส่ปลาทูสด กุ้ง และปลาหมึก เมื่อเห็นว่าน้ำซุปเดือดพล่านก่อนจะเบาไฟลงเล็กน้อย
คนอ่อนวัยกว่าถามอย่างสนใจ “แล้วทำไมต้องเรียกว่าปลาทูหน้างอคอหักด้วยล่ะคะป้า”
คนสูงวัยกว่าเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเข่งปลาทูออกมา แล้วส่งให้คนสงสัยดูพร้อมอธิบายพลางหัวเราะด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นคนถามดูสนใจเป็นพิเศษขนาดยกตัวปลามาเพ่งพินิจด้วยความสงสัย
“มันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ล่ะจ้ะ สังเกตดูว่าปลาทูในเข่งทุกตัว จะคอหักเค้าเลยแซวว่าปลาทูคอหักเลยหน้างอ” ป้าติ๋มพูดติดตลก
“ส่วนข้าวต้มเราจะใช้ปลาทูสดนะ”
“แล้วถ้าเราไม่มีปลาทูสดเราใช้ปลาอย่างอื่นไม่ได้เหรอจ้ะ” คนสงสัยยังถามต่อ
“ได้สิจ้ะ ถ้าไม่มีเราใช้ปลาอะไรก็ได้ตามใจชอบ เช่น ถ้าเราชอบปละกะพงก็ใช้ปลากะพง แต่ใช้ปลาเราต้องระวังเรื่องความคาวด้วย ถ้ามีกลิ่นคาวด้วยก็กินไม่ลงกันเลยนะ”
มืออวบพูดพลางตักข้าวต้มใส่ชามใบสวย แล้วโรยกระเทียมเจียวส่งกลิ่นหอมฉุย ส่งชามข้าวต้มให้คนขี้สงสัยที่มองตาแป๋ว แต่เตรียมอาวุธการกินในมือครบแล้ว
“อืม หอม หวาน กลมกล่อมอร่อยจังเลยค่ะ” จันทร์เจ้ายิ้มตาหยีด้วยความถูกใจ
“อร่อยก็ทานเยอะๆนะคะป้าทำไว้ให้หนูจันทร์เยอะเลย ทานเสร็จแล้วจะได้ทานยา” คนสูงวัยกว่าพูดยิ้มอย่างเอ็นดู
ตั้งแต่เช้ามืด จวบจนเวลาสายแสงแดดเริ่มแรง หลังจากตะวันดูแลความเรียบร้อยที่คอกวัวนมเสร็จก็ขี่ม้าหนุ่มสีดำสนิทขนกระทบแสงแดดเป็นมันวาว รูปร่างแข็งแรงสูงใหญ่ นามนิลกาฬตัวโปรดคู่ใจ ไปตรวจงานดูความเรียบร้อยต่อที่โรงข้าวเปลือกเพื่อเตรียมสีข้าวตามรายการสั่งซื้อของลูกค้าต่างชาติ
ข้าวของไร่แสงตะวันได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาก เพราะไม่มีการยัดสอดไส้ข้าวที่ไม่มีคุณภาพข้างใน จึงไม่มีผลกระทบต่อยอดสั่งซื้อที่น้อยลงเหมือนโรงสีที่อื่น ปัจจุบันข้าวส่งออกโดนตีกลับเป็นจำนวนมากเนื่องจากความเห็นแก่ตัวของบุคคลบางกลุ่มที่เอาข้าวจากเวียดนามที่คุณภาพด้อยกว่าสอดไส้แล้วระบุว่าเป็นข้าวเกรดเอ จึงมีผลให้ต่างชาติกลัวที่จะสั่งข้าวจากประเทศไทย หันไปสั่งซื้อจากประเทศอื่นแทน ผลครั้งนี้กระทบกับผู้ประกอบการอื่นๆที่บริสุทธิ์เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของเพียงบางกลุ่ม
วันนี้ชายหนุ่มเลือกที่จะใช้ม้าคู่ใจเพราะอากาศยามเช้าสดชื่นและเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ถึงงานยุ่งไม่มีเวลาออกกำลังมากแต่การขี่ม้าทุกวันจึงทำให้เขาแข็งแรงมากทีเดียว
ช่วงนี้ตะวันอารมณ์ดีเป็นพิเศษจนคนงานต่างพากันแปลกใจ ทั้งๆที่การขนส่งนมสดเมื่อเช้ามืดวันนี้มีปัญหาที่คนงาน เผลอเรอเลยต้องแก้ไขด่วนโดยโทร.เรียกรถของโรงงานนมมาบรรทุกเองแบบฉุกละหุก ค่าใช้จ่ายจึงสูงขึ้นเพราะหักลบค่าน้ำมันกันในใบเรียกเก็บเงินครั้งต่อไป เมื่อก่อนถ้าเป็นเช่นนี้คนงานที่รับผิดชอบในฟาร์มวัวนมคงจะโดนเทศน์เรียงตัวเผลอๆตัดเบี้ยเลี้ยงพิเศษเป็นการทำโทษอีกด้วย
“พี่สิงห์สองวันนี้ที่นายน้อยกลับมาจากกรุงเทพฯมีอะไรหรือเปล่า ปกติถ้าเป็นแบบนี้ต้องโวยวายจนคอกวัวแทบแตก” ขจรถามนายสิงห์หัวหน้าคนงานเมื่อเห็นเจ้านายตนควบนิลกาฬม้าหนุ่มคู่ใจออกไปไกลมากแล้ว
“เอ็งจะรู้ไปทำไมวะไอ้จร เรื่องของเจ้านายสู่รู้จริง” นายสิงห์ตำหนิลูกน้องเสียงแข็ง
“โธ่พี่ก็มันผิดปกติมากๆ ฉันเองก็อยากรู้บ้างสิ” ขจรตอบเสียงอ่อย แต่แววตาเป็นประกายบ่งบอกว่าอยากรู้มากมายเหลือเกินที่ปิดไม่มิด
“ข้าก็ไม่รู้ว่ะ รู้แต่ว่าอาการนี้เหมือนคนคนหนุ่มที่กำลังมีความรัก” นายสิงห์เดาจากคนอาบน้ำร้อนมาก่อนร่วมยี่สิบปี
“มีความรัก! นายน้อยน่ะนะ กับใครหรือพี่สิงห์ กับคุณรัญญาลูกสาวเสี่ยคมเจ้าของโรงสีฟากโน้นหรือเปล่า ฉันเห็นมาตามตื้อนายน้อยไม่เลิก” ขจรอุทาน
“เฮ่ย! เดาไปเรื่อยนะเอ็งถ้าเป็นคุณรัญญาจริง ไร่แสงตะวันเราคงจะกลายเป็นไร่พระเพลิงอยู่กันไม่สุขหรอกวะ” นายสิงห์หัวหน้าคนงานพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล
“นั่นสิพี่สิงห์ ผู้หญิงอะไรนิสัยก็เอาแต่ใจตัวเอง ตามตื้อผู้ชายอยู่ได้ จนนายน้อยต้องหลบมาอยู่บ้านไม้สักทองเรือนน้อยหลังนี้ เดี๋ยวก็ได้หนีเข้าป่าอีกหรอกฉันว่านะ” หนุ่มน้อยพูดด้วยความระอา
“ก็จริงของเอ็ง”
นายสิงห์เห็นด้วยก่อนจะไล่ คนงานที่ยืนฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นให้แยกย้ายกันไปทำงานอื่นตามหน้าที่ของตนก่อนที่จะโดนตัดเบี้ยเลี้ยงพิเศษของจริง
“รู้ลึกรู้จริงต้องถามพี่เอื้องกับพี่อ้อย หุหุ”
ขจรคิดถึงสายข่าวแบบไม่ต้องกรอง เพราะสองสาวทำงานที่บ้านไม้สักทองบนเนิน แต่ถ้าถามป้าติ๋ม เขาคงจะต้องหัวแตกก่อนรู้เรื่องแน่ๆโทษฐานเสือกเรื่องเจ้านายขจรคิดในใจ
แจ้งเปลี่ยนนามปากกาจากเดิม "ลลิตยา" เปลี่ยนเป็น "ชลรดา" และยังใช้ "ลลดา" อีกชื่อ(ซึ่งเป็นชื่อจริง)เหมือนเดิมค่ะ
ตะวันควบม้าหนุ่มนิลกาฬวิ่งเยาะๆอย่างไม่รีบร้อน วิ่งลัดเลาะรั้วไม้สีขาวเตี้ยๆที่กั้นเป็นทางยาวไปตามพื้นไร่ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ตาคมกริบมองไปที่รถเกรดดินคันใหญ่กำลังทำงาน คนงานหลายคนกำลังเตรียมหน้าดินใส่ปุ๋ยหมักชีวภาพเพื่อเป็นอาหารดิน รอการลงเมล็ดพันธุ์ทานตะวัน เมื่อพ้นฤดูฝนเข้าสู่ต้นหนาวที่จะมาถึงเวลานั้นจะมีดอกทานตะวันสีเหลืองอร่ามสวยงามบานเต็มพื้นดินที่กว้าง ยาวไปจนถึงเชิงชายเขาเลยทีเดียว ชายหนุ่มเงยหน้าสูดรับอากาศบริสุทธิ์แบบที่เมืองกรุงไม่มี ด้วยหน้าตาที่แช่มชื่น แต่กระนั้นใจเขาไปรออยู่ที่บ้านนานแล้ว
กว่ามาถึงบ้านไม้สักทองก็เกือบเที่ยง เขาเห็นคนตัวเล็กที่นั่งรอจนกลายเป็นนอนรอหลับตาพริ้มขนตางอนยาวเป็นแพร ริมฝีปากแดงดั่งลูกสตอเบอร์รี่สด ยิ้มระบายเหมือนจะกำลังฝันดี ในเปลญวนผ้านิ่มสีไข่ไก่ที่ผูกไว้ ใต้ต้นมะม่วงเขียวเสวยต้นใหญ่ออกลูกดกเต็มต้นหน้าบ้าน กำลังแผ่กิ่งก้านขยายกว้างปกคลุมบังแดดให้กับคนที่มาอาศัยพักใต้ร่มเงา ลมเย็นสบาย พลิ้ว แผ่วเบาๆพัดลอยมาจากชายทุ่งนาข้าวที่กำลังทำนาปังด้านเนินหลังบ้าน ที่ข้าวกำลังใกล้จะออกรวง ใกล้ๆมีแคร่ไม้ไผ่ตัวเล็กวางขนมนมเนยและกระติกน้ำหวานเย็นเจี๊ยบ ที่พี่อ้อยคนดีเตรียมมาไว้ให้เจ้านายสาวคนสวยก่อนจะขอตัวไปทำงานบ้านต่อ ในมือบางมีนิตยสารการเกษตรเล่มบาง ที่ถือค้างอยู่บนอก กำลังเคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงหายใจของจังหวะหัวใจ
“อือ”
จันทร์เจ้ารู้สึกขัดใจหันหน้าหนี มือปัดป่ายสิ่งที่มากวนใจ ริมฝีปากอิ่มเหมือนมีอะไรมาแตะ จากที่สัมผัสเบาๆ กลายเป็นกดคลึงเคล้าหนักขึ้น ชวนให้ริมฝีปากเผยเปิด รับสัมผัสนุ่มที่กำลังดูดกินความหวานจากปากอิ่มแดงฉ่ำ จนเผลอครางออกมา จันทร์เจ้ารู้สึกว่าสัมผัสหวานเย้ายวนมันเหมือนจริงมากเหลือเกิน ตากลมโตจึงค่อยๆปรือขึ้นมอง ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“พี่ช้าง! ทำอะ....”
ปากอุ่นหนากดลงปิดเสียงคนที่กำลังจะประท้วงอีกครั้ง กลืนเสียงประท้วงหายเข้าไปในลำคอ
“คิดถึงจังเลยจ้ะเมียจ๋า”
ริมฝีปากอุ่นหนากระซิบชิดคลอเคลียปากอิ่ม ตาคมมองเป็นประกายเจ้าเล่ห์ทำเอาคนตัวเล็กก้มหน้าอายหน้าม้วน
“มานอนตรงนี้แสดงว่าหายไข้แล้ว” คนตัวโตมองด้วยสายตาดุคาดโทษคนดื้อ ที่ออกมานอนตากลมทั้งๆที่บอกให้นอนพักผ่อนอยู่ในห้อง
เขายกฝ่ามืออุ่นหนาทาบหน้าฝากตรวจไข้ด้วยความเป็นห่วง “ทานอะไรหรือยัง หืม”
“อะ เอ่อทานแล้วค่ะ” จันทร์เจ้าก้มหน้างุดด้วยความอาย ไม่คิดว่าตนเองจะแอบโดนขโมยจูบตอนหลับกลางวันแบบนี้ เพราะอากาศดีมากจากที่คิดว่าจะนอนอ่านหนังสือเล่น แต่เธอเองก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“เข้าบ้านกันเถอะค่ะ หนูจันทร์แดดเริ่มแรงแล้วเดี๋ยวจะไข้กลับอีกนะ และพี่ช้างก็หิวข้าวมากเลย แต่ว่าเอ..หรือเราจะกินอย่างอื่นกันดีนะ”
ตะวันมองหน้าหวานทำสายตากรุ้มกริ่ม พร้อมส่งมือหนาให้จันทร์เจ้าจับแล้วดึงลุกขึ้นจากเปลญวนตัวใหญ่ ก่อนจะรั้งเอวบางเข้ามาโอบอย่าง ทะนุถนอมก้มลงจูบหน้าผากเนียนแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
“พี่ช้าง” มือบางหยิกลงที่เอวคนตัวโตด้วยความอาย
“โอ้ย พี่พูดผิดตรงไหนครับ แบบนี้ต้องทำโทษ” พูดจบคนตัวโตก็ก้มหน้า ใช้ริมฝีปากอุ่นฉกขโมยหอมแก้มเนียนอีกครั้ง ทำให้คนตัวเล็กต้องก้มหน้าลงซุกอกกว้างด้วยความอาย เกรงว่าจะมีคนมาเห็น ก็ในบ้านยังมีป้าติ๋ม พี่เอื้องและพี่อ้อยที่ยังอยู่กันครบในบ้านน่ะสิ แต่ยังไงก็ไม่พ้นสายตาบุคคลที่ถูกนึกถึง ที่แอบมองและต่างพากันอมยิ้มด้วยความชอบใจ
“หิวจังเลยป้าติ๋ม กลางวันนี้มีอะไรทานบ้างเอ่ย”
ตะวันแกล้งใช้แขนโอบกอดร่างท้วมจากด้านหลัง ที่ยังสาระวนเตรียมอาหารอยู่ในครัว
“ว้าย อกจะแตก ตกหมดแล้ว”
ป้าติ๋มอุทาน มือไม้ทำทัพพีหล่นดังโค้งเค้งลั่น ทำเอาคนแกล้งหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ
“น่าตีจริงนายน้อยเล่นอะไรกันคะเนี่ยทำเอาคนแก่หัวใจจะวาย”
คนสูงวัยกว่ายกมือท้วมทาบหน้าอกด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“แหม ผมก็ทำแบบนี้ออกจะบ่อยป้ายังไม่ชินอีกเหรอครับ” ชายหนุ่มยักคิ้วทำหน้าทะเล้นดีใจที่แกล้งคนสูงวัยกว่าที่กำลังเผลอสำเร็จ
“ไปเลยค่ะ ออกไปข้างนอกไปนั่งรอที่โต๊ะได้แล้วค่ะ ป้าจะให้นังเอื้องมันยกอาหารไปตั้งโต๊ะให้ แล้วเดี๋ยวป้าต้องรีบไปดูความเรียบร้อยที่โรงครัวต่อป่านนี้ทำอาหารกันเสร็จหรือยังไม่รู้ คนงานหิวแย่แล้วค่ะ” ป้าติ๋มพูด พร้อมใช้สองมือรุนหลังคนตัวโตให้รีบออกไปจากในครัว
“คร๊าบบผม ป้าติ๋มคนงาม” ตะวันพูดเย้าคนแก่ ก่อนจะออกไปรอที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี โดยมีป้าติ๋มส่งค้อนใส่วงใหญ่ในความทะเล้นของชายหนุ่มที่ตนเองเลี้ยงมากับมือ ตั้งแต่แบเบาะ
“นายน้อยนะ นายน้อยโตจนอายุขนาดนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลยเชียว” ป้าติ๋มส่ายหน้าบ่น มืออวบหันไปจัดความเรียบร้อยต่อ ก่อนที่จะไปดูความเรียบร้อยที่โรงครัว
“กลางวันนี้มีอะไรทานบ้างครับพี่เอื้อง” ตะวันถามพี่เอื้องที่กำลังเดินสวนเข้าครัว เพื่อไปยกอาหารไปตั้งโต๊ะให้เจ้านายสองหนุ่มสาว
“มีแกงพะแนงหมู ผัดผักรวมมิตร กับไข่เจียวปูก้อนค่ะนายน้อย”
“เอ่อ แล้วก็มีของหวาน เป็นสละลอยแก้วกำลังเป็นเกล็ดน้ำแข็งเชียวนะคะ” สาวใหญ่รายงานฉะฉาน
พี่เอื้องยกอาหารมาตรียมพร้อม ไข่เจียวปูก้อนร้อนๆส่งกลิ่นหอมฉุย ทานกับข้าวสวยร้อนๆน่าเจริญอาหารนัก
จันทร์เจ้านั่งมองพี่เอื้องตักข้าวใส่จานแก้วใบสวย พลางส่ายหน้าดิกไปมาว่าตักข้าวให้เยอะไป
“หนูจันทร์ต้องทานเยอะๆนะครับจะได้มีเนื้อมีหนังมากกว่านี้” คนตัวโตรู้ทันหันมาพูดแกมบังคับ
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่ช้าง พอดีเมื่อตอนสายหนูจันทร์ทานข้าวต้มของป้าติ๋ม ไปตั้งสองชามยังไม่ค่อยหิวเลย ไหนจะขนมที่พี่อ้อยยกไปให้ตั้งเยอะอีก ”
“ไม่ได้ครับนั่นมันมื้อสาย แต่ตอนนี้เที่ยงแล้วนะครับ” ตะวันทำเสียงดุ หันไปสั่งสาวใหญ่ที่ยืนรอเสียงเข้ม
“พี่เอื้องครับไม่ต้องตักข้าวออกนะครับ ถ้าตักออกผมจะตัดเงินเดือนพี่เดือนนี้” จันทร์เจ้าอยากจะร้องไห้เพราะเธอยังอิ่มตื้อ สาวเจ้าส่ายหัวดิกยืนกรานไม่ยอมเด็ดขาด
จนตะวันก้มลงมากระซิบแนบแก้มว่า “ถ้าหนูจันทร์ไม่ทาน ระวังจะไม่มีแรงนะครับ เพราะทานข้าวเสร็จหนูจันทร์ต้องเป็นของหวาน ให้พี่จนกว่าพี่จะอิ่ม โทษฐานที่ทำให้พี่ทรมานมาสองวันเต็มๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามื้อเย็นเราจะได้ทานเวลาไหนนะครับ” ตะวันพูดขู่ฟ่อ
“ยังไงบ่ายนี้ก็หนีพี่ไม่รอดหรอกครับ” จิ้งจอกหนุ่มจ้องกวางน้อยด้วยตาเป็นประกายแวววาว
หลังมื้ออาหารผ่านไป ชายหนุ่มจะขึ้นไปเคลียร์งานต่อ ที่ห้องทำงานชั้นบน แต่เขาต้องวิ่งไล่จับหญิงสาวจนเหนื่อยเพราะคนตัวเล็กแสนดื้อฝืนตัวไม่ยอมและวิ่งหนีท่าเดียว ด้วยกลัวที่จะกลายเป็นของหวานอันโอชะของจิ้งจอกหนุ่ม กว่าตะวันจะคว้าตัวจันทร์เจ้าได้เล่นเอาทั้งคู่เหนื่อยหอบ เขาใช้แขนกำยำยกร่างคนแสนดื้อขึ้นอุ้มแบบไม่ทันตั้งตัว จนสองแขนเล็กต้องรีบโอบคล้องคอหนาไว้เพราะกลัวตกบันได
“เดี๋ยวจะทำโทษไม่ให้หนีได้เชียว” เสียงเข้มรอดไรฟันหมายมาดมองร่างที่ดิ้นขลุกขลักยังไม่หมดฤทธิ์
“พี่ช้างขา” คนโดนอุ้มในอ้อมกอดเรียกเสียงหวาน
“อ้อนไม่ได้ผลหรอกค่ะเมียจ๋า ผัวจ๋าอดมาสองวันแล้ววันนี้ยังไงก็ไม่รอดหรอกค่ะ หึ หึ”
ตะวันวางคนตัวเล็กลงบนโซฟาผ้ากำมะหยี่เนื้อนิ่มสีครีมตัวใหญ่ที่ขนาดจันทร์เจ้านั่งแล้วยังมีที่เหลืออีกกว้าง ก่อนจะหันไปนั่งทำงานที่โต๊ะไม้สักฝังมุกตัวใหญ่ บนโต๊ะกว้างสะอาดตา มีเพียงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจอแบนขนาดใหญ่ มีโต๊ะมุกตัวเล็กด้านมุมที่วาง พริ้นเตอร์อเนกประสงค์ ที่เป็นได้ทั้งเครื่องถ่ายเอกสาร แฟกซ์
ในห้องทำงานกว้างขวาง แบ่งมุมเป็นสัดส่วน มุมหนึ่งจัดห้องสมุดมีตู้หนังสือทำจากไม้สักฝังมุกขนาดใหญ่เต็มพื้นที่สูงจรดเพดานห้อง มีหนังสืออัดแน่นทั้งหนังสือวิชาการต่างๆ และหนังสือนิยาย จัดวางอัดแน่นเต็มชั้น ดวงตากลมโตพิศมองด้วยความสงสัยพลางคิดไปว่าเจ้าของเป็นใครกันนะ เพราะมันเยอะมากจริงๆ
ตะวันที่นั่งทำงานเช็ค mail เอกสารที่ส่งมาจากสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯอยู่ แอบลอบมองร่างเพรียวบางเดินสำรวจห้องทำงาน แล้วหยุดยืนนิ่งนานหน้าหน้าตู้หนังสือ ซึ่งเขาไม่แปลกใจที่แม่กวางน้อยของเขาจะสงสัย
“สงสัยอะไรอยู่คะ หืม” เสียงทุ้มถาม สองแขนกำยำสอดเอวเข้ามาโอบกอดเอวบางจากด้านหลัง เขาพูดพลางกดริมฝีปากอุ่นเสียดสีไล้แผ่วลงบนไหล่บาง ทำเอาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งตกใจ
“อุ้ย พี่ช้าง”
ตะวันเงยหน้าขึ้นตอบ “นั่นเป็นหนังสือนิยายของหนูจันทร์ทั้งหมดค่ะ พี่ช้างซื้อเตรียมไว้ให้ว่า เผื่ออยู่ที่นี่แล้วจะเหงา หนูจันทร์ชอบอ่านนิยายไม่ใช่หรือคะ ใน Internet ก็อ่านได้นะคะพี่ช้างติดแบบความเร็วสูงไว้ให้แล้ว” ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความประหลาด
“พี่ช้างรู้ได้ยังไงคะว่าหนูจันทร์ชอบอ่านนิยาย แล้วก็ชอบอ่านนิยายใน Internet ด้วยแล้วเยอะขนาดนี้ไปเหมามาหมดทั้งร้านหรือเปล่าคะ” คำพูดของเขา ทำให้เสียงหวานกระตือรือร้น สาวน้อยยืนจ้องมองชั้นหนังสือใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยนิยายที่ชอบอย่างตื่นตาตื่นใจ จนยิ้มไม่หุบ
ตะวันกอดจันทร์เจ้าแน่นเลื่อนปากอุ่นไปหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่ ก่อนจะหันร่างเพรียวบางเข้ามาหา สายตาเจ้าเล่ห์วาววับมองกวางน้อยรสหวานตรงหน้านิ่ง “งั้น ขอรางวัลให้พี่ช้างหน่อยสิครับเมียจ๋า”
ชายหนุ่มโอบร่างนุ่มนิ่มแล้ววางลงบนโซฟากำมะหยี่เนื้อนิ่มสีครีมตัวใหญ่ที่ยุบตามแรงน้ำหนักตัว จนร่างเพรียวบางหงายหลังราบลงไปบนโซฟา แขนกำยำสองข้างยังกอดรอบตัว ตาคมมองหน้าหวานเป็นประกายวาววับ
“คิดถึงเหลือเกิน หนูจันทร์รู้ไหมคะสองวันที่พี่ได้แต่นอนกอด แต่ทำอะไรไม่ได้มันทรมานขนาดไหน”
ตะวันพร่ำพ้อก้มหน้าลงจุมพิตลงบนริมฝีปากแดงฉ่ำที่คิดถึง แรงกดแน่นแต่นุ่มนวลเว้าวอนให้เธอเผยปากรับ ลิ้นหนาสอดสอดใส่พัวพันหยอกเย้าลิ้นเรียวเล็ก ความหอมหวานของกลิ่นกุหลาบป่าบนผิวกายเนื้อนาง สร้างความปรารถนากระตุ้นความต้องการของเขาให้ยิ่งปวดร้าว
แขนเขาที่โอบรอบตัวเธอแน่นทำให้อกแกร่งกำยำบดเบียดกับทรวงอกอิ่ม จนศีรษะคนใต้ร่างแหงนงายด้วยความเสียวซ่านหยัดตัวเข้าหาอกกำยำ ตวัดแขนกอดคอร่างหนาแน่น
“หนูจันทร์ของพี่สวยเหลือเกิน”
ตะวันครางเสียงแหบพร่า ตะวันมองหน้าคนใต้ร่างยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะขยับตัวขึ้นลงช้าๆ
“พี่ขอเอาแต่ใจตัวเองก่อนนะคะ พี่ทนไม่ไหวแล้วสองวันที่อดทนมันทำพี่แทบระเบิด”
- เซ็นเซอร์-
“ไม่เป็นไรค่ะหนูจันทร์พร้อมแล้ว” จันทร์เจ้าตอบแบบอายๆ ตะวันยิ้มพรายก้มลงจูบปากอิ่มแรงๆ ก่อนจะร่างทั้งสองก็เคลื่อนตัวไปพร้อมกันบรรเลงเพลงตามครรลองธรรมชาติสร้าง ตะวันกอดจันทร์เจ้าแน่นปากอุ่นหนาจูบหน้าผากด้วยความรักใคร่
“ขอบคุณมากค่ะ เมียจ๋าพี่น่ารักเหลือเกิน เดี๋ยวพี่ค่อยแก้ตัวใหม่ให้นะคะ” ชายหนุ่มจูบหน้าผากเนียน มือเรียวลูบผมลื่นยาวสลวย สายตาเขาอ่อนโยนมองเมียรักด้วยความรักใคร่ แม่กวางน้อยเธอเป็นของเขา เขาจะไม่ปล่อยให้เธอหนีจากเขาไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม้ว่าจะต้องใช้กำลังกักขังไว้ในกรงทองเขาก็ทำ และแล้วดนตรีรักที่สอดประสานก็เริ่มต้นบรรเลงใหม่ความปรารถนาพิศวาสอบอวนไปทั่วห้องอีกครั้งเนิ่นนานจนตะวันลาลับขอบฟ้า
อัพครบแล้วนะคะ 130%
พี่ช้างก็ยังหื่นกันต่อไป ทำไงได้เนอะ..นอดกอดกวางน้อยมาสองคืน แต่ทำอะไรไม่ได้..คนมันเก็บกด..เลยตบะแตก อิอิ
แต่กวางน้อยท่าจะแย่เสียแล้ว...ถ้าพี่ช้างหึงนี่จะแรงขนาดไหนกันนะ?
ขอให้อ่านนิยายอย่างมีความสุขค่ะ...
ด้วยรัก...ชลรดา
ความคิดเห็น