ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซาตานที่รัก (ชื่อเดิม-คุณซาตานสุดที่รัก)

    ลำดับตอนที่ #2 : ไม่ใช่เจ้าหญิง 100%

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 54


    ภาพในอดีตเมื่อ 10 ปีก่อนผ่านเข้ามาในห้วงความคิดเหมือนฟิล์มภาพยนต์ที่ฉายผ่านลงบนจอผ้าใบสีขาวอย่างรวดเร็วเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

    ปานพิมพ์แอบลอบมองใบหน้าคมคายของพายุตอนทีเผลอแล้วอมยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะรีบขอตัวหันไปล้างแก้วกาแฟที่ยังค้างคาอยู่เต็มอ่างล้าง เธอต้องรีบเร่งสปีดมากขึ้นเมื่อเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังร้านเห็นว่าอีกเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงจะเป็นเวลาที่เจ้าของร้านใกล้จะเอาของมาส่งแล้ว

    ร่างสูงของพายุเดินถือถาดเก็บแก้วกาแฟและจานเค้กบนโต๊ะเดินมาช่วยล้างอีกแรงหนึ่ง

    “ดูจากแก้วกาแฟในอ่างแล้วลูกค้าเยอะเหมือนกันนี่”

    “อือ เยอะมากจนบางวันเราแทบไม่มีเวลาพักกินข้าวเลยนะ”

    คิ้วเข้มเลิกสูงด้วยความแปลกใจ “เหนื่อยขนาดนั้นทำไมไม่จ้างพนักงานสักคนล่ะ”

    “ถ้าเป็นร้านของเราเองก็ไม่แน่อาจจะจ้างก็ได้...แต่พอดีมันไม่ใช่น่ะซี” มุ่ยหน้าตอบเสียงอ่อย

    “อ้าว เราก็นึกว่าเป็นร้านของอุ้มเองเสียอีก ทำงานหนักแบบนี้ทุกวันไม่เหนื่อยแย่หรืออุ้ม” พายุถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาแสดงถึงความห่วงใยจากใจจริง ปานพิมพ์สบตาคมเข้มนิ่งรู้สึกเหมือนกำลังโดนสะกดให้ตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง แล้วพูดยิ้มๆ
          “เหนื่อยมากๆเลยล่ะเล็ก ทำยังไงได้เราเป็นลูกจ้างเขามันก็ต้องอดทน” แต่ในแววตาของดวงคู่สวยนั้นไม่สามารถปิดความอ่อนล้าที่สะสมมาเนิ่นนานออกไปได้เลย

    พลันก็ต้องสะดุ้งเมื่อสองมือเรียวเล็กถูกมือหนาเย็นเฉียบของพายุที่ละจากการล้างแก้วกาแฟในอ่างดึงมากุมแน่นโดยไม่ทันตั้งตัว

    “คุณลาออกจากงานที่นี่วันนี้เลยนะไม่ต้องทำมันแล้ว ผมเลี้ยงคุณได้ไปเป็นภรรยาของผมอยู่ที่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรทำแค่รอผมกลับมาจากทำงานก็พอนะครับ”

    พายุพูดน้ำเสียงจริงจัง มัดมือชกจนคนฟังตกใจ “ผมจะโทร.ไปบอกให้นายอำเภอที่รู้จักกันรีบเอาใบจดทะเบียนสมรสของเรามาให้ที่บ้านวันนี้เลย”

    ปานพิมพ์อ้าปากค้าง กะพริบตาปริบๆ มันกระทันหันเกินไปแต่มือที่บีบแน่นขึ้นและแววตาจริงจังของพายุที่มองมาเหมือนบังคับให้ตกลงทำให้เธออดที่จะตื่นตะหนกไม่ได้!!

    “เล็ก...ทำไมพูดเล่นแบบนี้เราไม่ตลกด้วย...เราเคยบอกแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้เราสองคนเป็นเพื่อนกันจะดีกว่านะ...”

    “อุ้มคุณสัญญากับผมไว้เมื่อสิบปีก่อนลืมแล้วหรือแต่ผมไม่เคยลืมมันสักวินาทีเดียวเลยนะครับ”

    พายุทวงสัญญาด้วยสีหน้าเว้าวอน เขารู้ว่าปานพิมพ์ปากไม่ตรงกับใจเพราะคำปฏิเสธมันค้านกับแววตาของเธอที่เปล่งประกายด้วยความสุขล้นเมื่อสบสายตาที่มุ่งมั่นของเขา

    เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่มีคำว่าไม่หรือคำว่ารออีกต่อไปแล้ว

    ทันใดนั้นปากช่างเจรจาก็ถูกริมฝีปากอุ่นทาบลงมาแนบแน่น สร้างความตกตะลึงให้กับปานพิมพ์เป็นอย่างมากจนเผลอเผยปากเพื่อจะร้องประท้วง จังหวะเดียวกันที่รอโอกาสอยู่แล้วทำให้ปลายลิ้นของพายุซอกไซ้รุกรานเข้ามาดูดชิมความหวานของปากอิ่มได้อย่างนุ่มนวล

    จากนั้นจึงค่อยๆ เลื่อนไล้ลงมาจูบพรมตามลำคอหอมกรุ่นซึ่งเขาสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านของผิวสาวที่ไม่เคยมือชายคนใดมาก่อน

    “ละ เล็ก...ทำไม...” ถามเสียงเบาหวิว    

    “เพราะ...คุณเป็นผู้หญิงที่ผมรักไงครับ” 

    เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะใช้แขนแข็งแรงอีกข้างโอบกระชับเอวบางเข้ามากอดแนบแน่น ด้วยความตกใจร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดออกก็ไม่อาจจะสู้กับความแข็งแรงดุจปลอกเหล็กได้เลย สัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากอบอุ่นของชายหนุ่มที่ประทับลงมาใหม่มันแตกต่างจากครั้งแรก ครั้งนี้มันแสดงถึงความโหยหา ดุดันผสมผสานความปรารถนาอันแรงกล้าที่ตัวเขานั้นเฝ้ารอมานานแสนนาน เขาจะไม่ทนรอเวลาอีกต่อไปแล้ว

    อย่าค่ะที่นี่ไม่ได้นะคะ

    ผมรู้

    เสียงห้าวทุ้มพูดกระซิบชิดริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา

    “แต่ผมทนไม่ไหวแล้วตอนนี้ในอกของผมมันกำลังจะระเบิดเพราะต้องการคุณนะอุ้ม...ตอนนี้ผมแค่จะขอชิมความหวานของคุณให้ชื่นใจหลังจากที่เราไม่ได้พบกันมานานก่อนนะครับ เชื่อใจผมนะอุ้มว่าผมจะไม่ทำเลยเถิดไปมากกว่านี้ในสถานที่ไม่เหมาะสมแห่งนี้แน่นอน แต่ถ้าที่บ้านละก็ไม่แน่นะครับที่รักเพราะผมไม่ปล่อยให้คุณหลุดมือไปอีกแน่ๆ  พายุคิดอย่างหมายมาดในใจ

    ดวงหน้าหวานเอียงหน้าด้วยความเขินอาย
          “ถ้าเล็กรับปากอย่างนั้นอุ้มก็เต็มใจค่ะ” เมื่อประตูตอบรับเปิดออกมีหรือที่ซาตานหนุ่มร้อนรักอย่างเขาจะรอช้ารีบสนองตอบความต้องการอย่างไม่ลังเลทันที

    ปานพิมพ์เริ่มลืมตัวหลงมึนเมากับความอ่อนหวานที่เขาเพียรมอบให้ มันเป็นภาษากายที่เพิ่งจะเคยได้รับเป็นครั้งแรก ในชีวิตหลังจากที่เคยยอมให้เขาหอมแก้มไปแล้วในครั้งนั้นก็ไม่เคยมีชายใดได้เคยสัมผัสเธออีกแม้กระทั่งการจับมือ เธอเก็บความบริสุทธิ์ไว้รอเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

    บัดนี้คนที่คิดถึงทุกลมหายใจยืนอยู่ตรงนี้แล้ว สองแขนบอบบางเผลอยกโอบรอบคอของพายุให้โน้มตัวลงมาหาสนองตอบรับริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาอย่างเร่าร้อนโดยอัตโนมัติด้วยความลืมตัว พายุก็ไม่ต่างกัน เขาเผยอปากรับเรียวลิ้นเล็กฉ่ำหวานให้เข้ามาค้นหาความอบอุ่นของเรียวลิ้นร้อนภายในโพรงปากของเขาด้วยความยินดี

    ด้วยเรื่องราวต่างๆมากมายที่ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกันไปยาวนานถึงเกือบ 10 ปี

    จนได้กลับมาพบกันอีกครั้งในเช้าวันเสาร์นี้โดยบังเอิญ...

    ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งจะคาดคิดมาก่อนเลยว่าหัวใจอีกครึ่งหนึ่งที่ตามหาจะอยู่ไม่ไกลกันนี้เอง เมื่อได้มาพบทั้งคู่จึงไม่อาจจะหักห้ามความปรารถนาของหัวใจตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว มือเรียวเล็กข้างหนึ่งสอดผ่านชายเสื้อโปโลสีส้มสดอย่างช้าๆ ค่อยๆ เลื่อนลูบไล้ผิวตึงแน่นความร้อนระอุปนความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจนอยากจะลูบไล้อยู่อย่างนี้ตลอดไป เธออยากสัมผัสให้แน่ใจว่าเป็นตัวตนของเขาจริงๆ ไม่ใช่ความฝันเหมือนเช่นทุกครั้ง

    อุ้ม…” พายุครางปร่าอย่างยินดีจากภาษากายที่เปิดรับของเธอ ปานพิมพ์สะดุ้งรีบชักมือกลับเอียงหน้าหลบสายตากรุ้มกริ่มด้วยความเขินอาย  

    ดึงมือหนีทำไมล่ะครับ หืม...”

    “กะ ก็...” เริ่มรู้สึกประม่าจนสองแก้มเริ่มร้อนผ่าว

    “ก็อะไรครับ” พายุเค้นถามยิ้มๆ แล้วจุมพิตลงบนหน้าผากนวลอย่างอ่อนโยน “ผมรู้สึกดีใจมากเลยนะที่คุณไม่รังเกียจผม”

    “ไม่นะ...อุ้มไม่เคยรังเกียจเล็ก...” คนอายหน้าแดงรีบปฏิเสธกำลังจะอ้าปากพูดว่าเธอรอเขาอยู่ตลอดเวลาและรอเขาเสมอแต่ยังไมทันได้เอ่ยออกไปริมฝีปากนุ่มก็โดนเขาเอาเปรียบอีกเสียแล้ว “อื้อ...”

       


          “เดี๋ยวก่อนกลับบ้านพวกเราช่วยเจ๊ยกลังน้ำพวกนี้เข้าไปเก็บข้างในก่อนนะ”

    เจ๊วรรณเจ้าของปั๊มออกปากขอแรงลูกน้องที่ทำท่าว่าจะเตรียมตัวเปลี่ยนกะหลังจากเช็คยอดเงินของกะกลางคืนว่าครบถ้วนเรียบร้อยดีแล้ว

    แก้วและเพื่อนกะเดียวกันกำลังรีบกุลีกุจอจะช่วยยกถังน้ำอยู่หน้าออฟฟิคไปไว้ข้างในเพราะจะได้รีบกลับไปอาบน้ำนอนเสียทีด้วยทำงานกันเพลียมาตลอดทั้งคืน

    ขณะกำลังก้มตัวลงยกลังน้ำเปล่า เด็กสาวหยุดชะงักค้างทันทีทำตาโตด้วยความตกใจเพราะเห็นรถฮอนด้าซีวิคสีขาวป้ายแดงคันคุ้นตาแล่นเข้ามาในปั๊ม หันซ้ายมองขวาเริ่มลังเลแต่เห็นดูท่าไม่ดีแน่จึงตัดสินใจยอมโดนเจ๊วรรณด่าโดยปล่อยลังน้ำทิ้งลงกับพื้นแล้วรีบวิ่งหน้าตื่นเพื่อจะรีบมาเตือนภัยคนในร้านให้ทันก่อนที่ กมลรัตน์ นายจ้างของปานพิมพ์จะเดินเข้าไปในร้านแล้วเห็นภาพอันแสนหวานนั้น

    “ว้ายตายแล้ว!

    คุณพระช่วยเธอวิ่งไปไม่ทัน...

    สาวใหญ่ทำท่าผลักประตูกระจกและกำลังเดินเข้าไปในร้านแล้วซึ่งน่าจะทันเห็นเหตุการณ์อันน่าระทึกนั้นพอดีเธอถึงได้ยินเสียงกล่องใส่ของที่หล่อนเดินยกเข้าไปด้วยไปตกดังโครมครามเล็ดลอดออกมานอกร้าน

    “โธ่พี่อุ้ม!

    แก้วยกสองมือทาบอกด้วยใจระทึก แอบชะเง้อมองคนสามคนที่กำลังประจันหน้ากันผ่านกระจกใสบานใหญ่เข้าไปในร้านด้วยความร้อนใจ สองมือบีบเข้าหากันแน่นเดินงุ่นง่านไปมาด้วยความสงสารสาวรุ่นพี่จับใจจึงคอยดูท่าทีห่างๆ อยู่ด้านนอกโชคดีที่ประตูร้านเปิดจึงทำให้ได้ยินบทสนทนาได้ทั้งหมด

    ขณะนั้นจอมที่ช่วยขนของให้เจ๊วรรณเสร็จพอดีวิ่งตามมาสมทบด้วยก็มีอาการตื่นตกใจกับภาพที่เห็นไม่แพ้กันทั้งสองคนหันมามองกันด้วยสีหน้าแสดงความวิตกกังวล

    “พี่อุ้มตายแน่...ทำไงดีวะแก้ว”

    คนถูกถามถอนหายใจ ส่ายหน้าไปมา “ฉันก็ไม่รู้...”

    “ฉันทนไม่ไหวแล้ว...ถ้านังแม่มดมันตบพี่อุ้มอีกคราวนี้ฉันจะวิ่งเข้าไปชกหน้ามัน” จอมขู่ฟ่อ

    “แกไม่กลัวเจ๊วรรณเล่นงานเอาเหรอจอม”

    “เจ๊ไม่ใช่คนไร้เหตุผลนะแก้ว มันเคยทำอะไรพี่สาวของพวกเราบ้างแก้วก็เห็นนี่”

    “เอาไงเอากันวะ ฉันก็เต็มทนเหมือนกันแต่เรารอดูท่าทีก่อนนะจอม”

    แก้วรีบดึงมือจอมที่ทำท่าใจร้อนเหมือนจะปาดเข้าไปในร้านให้ซุ่มรออยู่ด้านข้าง หันไปยกมือไหว้ขอโทษเจ๊วรรณที่ยืนท้าวสะเอวมองตาเขียวอยู่หน้าออฟฟิค




          โครม
    ! ตึ้ง!

    เสียงกล่องใส่ของหล่นลงพื้นดังลั่นจนของกระจัดกระจายไปทั่วพื้นร้านทำเอาสองร่างที่กำลังกอดกันแนบแน่นอยู่หลังเคาร์เตอร์ หลุดออกจากภวังค์อันแสนหวานในทันที

    ดวงตาคู่สวยของปานพิมพ์เบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นที่มาของเสียง!!

    “พี่มล...”

    บาริสต้าสาวอุทานเสียงหลง สองแก้มร้อนผ่าวด้วยความอับอาย

    “งามหน้า งามหน้าจริงๆ”

    นายจ้างสาวกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นระริก หล่อนโกรธมากจนพูดไม่ออกไม่คิดเลยว่าจะเจอเรื่องบัดสีบัดเถลิงในร้านของตัวเองในเวลาเช้าแบบนี้ ถ้าวันนี้หล่อนไม่เอาของมาส่งก่อนเวลาคงจะโง่ดักดานไปอีกนานและคงจะไม่รู้เลยว่าแม่บาริสต้าสาวคนงามของใครหลายๆ คนทำอะไรกันลับหลังในร้านกาแฟของหล่อน 

    “มันไม่ใช่แบบที่พี่มลคิดนะคะ”

    ปานพิมพ์พยายามจะพูดชี้แจงอย่างใจเย็นที่สุด

    “แกทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วเฮอะนังอุ้ม! บอกมาสิทำมากี่ครั้งแล้วตอนที่ฉันไม่อยู่ ที่บอกว่าต้องมาคอยรอลูกค้าปิดร้านสามสี่ทุ่มนี่ไม่ใช่ว่าแกเปิดร้านฉันเป็นซ่องไว้นัดแขกมาขายตัวหรอกเรอะคงจะได้เงินค่าตัวมากโขเลยสินะ ไม่ต้องเสียค่าโรงแรมม่านรูดรับแขกเลยนี่เพราะแกเลือกมาใช้ร้านของฉันเป็นสถานที่เสพสมกันแทนน่ะ”

    กมลรัตน์พูดวาจาเผ็ดร้อนเหยียดสะแยะปากอย่างดูถูกยืนกอดอกมองตั้งแต่ศีรษะจดเท้าของลูกจ้างสาวและพายุที่กำลังใช้แขนโอบกอดร่างบางอย่างปกป้อง

    วันนี้พายุแค่คิดเพียงว่าจะออกมาซื้อโจ๊กให้กับคนเป็นย่าจึงสวมเพียงเสื้อโปโลสีส้มสดและกางเกงสามส่วนสีครีมตามสมัยนิยมของผู้ชายเท่านั้นแต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังดูดีมากและเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ก็ไม่ได้มีราคาถูกอย่างที่โดนสาวใหญ่มองประเมินราคาด้วยสายตาเลยสักนิดเดียว

    ดูจากสีหน้า คำพูดและสายตาคนตรงหน้าแล้ว พายุคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนมองคนแต่เพียงฐานะภายนอกและดูถูกคนที่มีฐานะต่ำกว่ามากมิใช่น้อยเลย

    กมลรัตน์เอาสองมือท้าวสะเอวมองหน้าคนทั้งคู่สลับกันไปมาแล้วยิ้มหยันหล่อนเชื่อในสิ่งที่เห็นและคิดว่ามันถูกต้องผู้ชายคนนี้ก็คงจะเป็นลูกค้าปลายแถวคนหนึ่งของแม่ลูกจ้างสาวจอมร่านของหล่อนและคงจะนัดแนะกันไว้ล่วงหน้าแล้วถึงได้มาพลอดรักกันในร้านแต่เช้าแบบนี้

    “ออกไป! แกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้ฉันไล่แกออกปานพิมพ์”

    หล่อนไม่พยายามจะฟังคำชี้แจง พร้อมชี้นิ้วกราดไปทางประตูทางออกให้เด็กลูกจ้างที่ทำงานมาด้วยความขยันขันแข็งและซื่อสัตย์มาเกือบปีออกจากงานทันที

    “นี่เป็นเงินค่าแรงตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงเมื่อวานแล้วก็รีบไสหัวแกออกไปซะก่อนที่เสนียดความร่านของแกมันจะติดร้านของฉันมากไปกว่านี้” กมลรัตน์พูดพร้อมรีบหยิบเงินในกระเป๋ายื่นให้ด้วยมือสั่นระริกด้วยความโกรธจัด ความจริงหล่อนอยากจะดึงแม่ลูกจ้างสาวมาตบให้คว่ำเหมือนทุกครั้งเป็นการส่งท้ายโทษฐานที่บังอาจมาทำตัวงามหน้าในร้านของหล่อนถ้าไม่มีคู่ขาของมันเป็นมารคอยกอดกันท่าไว้

    วันนี้แกรอดตัวไปนะนังอุ้ม! แต่ถ้าเจอกันครั้งหน้าล่ะก็ไม่แน่!

    อดีตบาริสต้าสาวไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้ามองเงินในมือของอดีตเจ้านายแต่ก้มหน้านิ่งน้ำตาเริ่มเอ่อคลอหมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างอนาคตที่อยากจะเก็บเงินไว้เป็นทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยเปิดตามที่ใจคาดหวัง เธอพยายามดึงมือที่ถูกชายหนุ่มต้นเรื่องกุมไว้แน่นออกแต่ก็ไม่เป็นผล

    ร่างสูงโมโหจนตัวสั่นพยายามนับหนึ่งถึงร้อยในใจเพื่อระงับสติอารมณ์ไม่ให้ขาดสะบั้นเผลอตัวไปชกปากคนให้แตกด้วยความอดทน เขากำลังโกรธนังผู้หญิงปากร้ายคนนี้ที่มาพูดดูถูกคนรักของเขา ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือแต่กับดึงร่างบางที่กำลังเริ่มสะอื้นฮึกเข้าไปกอดแนบอกแน่นแล้วลูบผมเหมือนกำลังปลอบขวัญเด็กน้อยเหมือนสมัยครั้งวัยเยาว์ที่อยู่ด้วยกัน

    “อุ้ม...ขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้”

    พายุพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเขาสงสารเธอจับใจรู้สึกเจ็บปวดที่เป็นคนก่อเรื่องเองทั้งหมดด้วยไม่สามารถระงับอารมณ์ปรารถนาที่รุ่มร้อนอยากสัมผัสร่างนุ่มนี้ไว้ได้เพราะหัวใจของเขามันโหยหาเธอมาตลอดเวลาสิบปีเต็มไม่มีเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงเธอเลยนะปานพิมพ์

    เมื่อได้มาพบเจอด้วยความบังเอิญโดยไม่คาดฝัน มันเหมือนหัวใจที่แห้งเหี่ยวพองฟูขึ้นมาเหมือนลูกบอลลูนทันทีจึงเก็บอาการสุภาพบุรุษไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้วไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าถ้าอยู่ในที่ลับตาเพียงลำพังสองคนเขาคงจะต้องทำอะไรฝืนใจเธอมากกว่านี้อย่างแน่นอน

    “ปล่อยนะปล่อย เราตกงานแล้วทำไมเล็กต้องทำกับเราแบบนี้...แล้วต่อไปนี้เราจะทำยังไง ฮือๆ” ร่างบางสะอื้นจนตัวโยนพร้อมกับตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

    พายุกอดคนรักแนบแน่นมากขึ้นเพื่อให้เธอร้องไห้แนบอกกว้างของเขา “ผมขอโทษอุ้ม ผมขอโทษคุณอย่าโกรธผมนะครับผมไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้”

    “นี่พ่อคุณแม่คุณ...ร้านของฉันไม่ใช่ห้องนอนนะจ้ะ จะได้มามัวพร่ำรำพันรักหรือมาออเซาะบีบน้ำตากันน่ะ เชิญแกสองคนออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่ฉันจะโทร.ไปแจ้งให้ตำรวจมาลากแกสองคนออกไปโทษฐานทำอนาจารในร้านของฉัน” อดีตนายจ้างตะคอกใส่ด้วยความฉุนเฉียวหล่อนหมั่นไส้กับบทพร่ำรำพันเหมือนจะขาดใจตายนั้นเต็มทน

    พายุขมวดคิ้วเข้มมองกมลรัตน์ด้วยความไม่เข้าใจ ยังคิดภาพไม่ออกเลยว่าทำไมคนรักของเขาถึงทนทำงานกับผู้หญิงใจยักษ์พูดจาต่ำทรามไร้มารยาทแบบนี้มาได้เป็นเวลาตั้งเกือบปีและไม่รู้ว่าเธอโดนผู้หญิงคนนี้ทำร้ายบ้างหรือเปล่า

    ถ้าหล่อนทำอย่างที่เขาคิดล่ะก็ แน่นอนเขาจะตามมาเอาคืนและทบต้นทบดอกให้อย่างสาแก่ใจทีเดียว!

    ในขณะที่กำลังครุ่นคิดจึงเผลอคลายอ้อมกอดหลวมลงโดยไม่ตั้งใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ปานพิมพ์ได้โอกาสทีเผลอสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มสุดแรงทันทีแล้วรีบหันไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ ก่อนจะวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว

    ด้วยความอับอายทำให้เธอไม่อาจจะสามารถทนอยู่สู้หน้าผู้คนได้อีกแล้วตอนนี้แม้สักวินาทีเดียวเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเรื่องคาวโลกีย์ของเธอคงจะต้องถูกแต่งเติมสีสันให้เผ็ดร้อนเกินความจริงจนกลายเป็นข่าวเม้าท์อย่างสนุกสนานกันไปทั่วทั้งปั๊มน้ำมันและทั่วทั้งย่านนี้อย่างแน่นอนโดยฝีมือของอดีตนายจ้างของเธอคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

    “โอ๊ะ...อุ้ม! หยุดก่อนรอผมด้วย”

    ร่างสูงของพายุรีบวิ่งตามออกไปทันทีแต่ไม่ทัน

    ปานพิมพ์อาศัยที่เป็นคนตัวเล็กและชำนาญพื้นที่แถบนั้นวิ่งหนีหลบหลีกเข้าซอยไปได้อย่างว่องไว

    โธ่โว้ย! มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน”

    ชายหนุ่มกำหมัดแน่นสบถออกมาสุดเสียง ยกสองมือปิดหน้าแนบแน่นน้ำตาของลูกผู้ชายแทบจะไหลรินออกมาพร้อมด้วยความสิ้นหวัง

    “อุ้มครับ...คุณรู้ไหมว่าผมพยายามตามหาตัวคุณมาตั้งหลายปีแต่พอเจอกันเพียงแค่แปบเดียวผมยังไม่ทันกอดคุณให้หายคิดถึงเลยคุณก็หนีผมไปเสียแล้ว” 

    เจ้าของร้านกาแฟเดินตรงเข้ามาหาร่างสูงที่เดินกลับเข้ามาในปั๊มพร้อมยื่นเงินค่าแรงที่ค้างอยู่ของปานพิมพ์ให้ด้วยสีหน้าเย้ยหยันและยังพูดกัดจิกไม่เลิก

    “เอ้านี่...ฝากเอาเงินค่าแรงไปให้คู่ขาของแกด้วยฉันหวังว่ามันคงจะพอเป็นค่าเปิดห้องของโรงแรมม่านรูด...อืม...น่าจะซื้อชั่วโมงได้นานพอให้พวกแกมีเวลาระเริงรักกันได้จนหายอยากหรอกนะ”

    “เอาเศษเงินเก็บไว้เป็นค่าเย็บปากเน่าๆของแกดีกว่ามั้ง ห๊ะ!”

    พายุสุดกั้นพอกันทีความอดทน ระเบิดอารมณ์ใส่เสียงดังลั่นจนคนในปั๊มที่กำลังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างเผ็ดร้อนหันมามองด้วยความสนใจ เขาหมดความอดทนแล้วอยากจะยกหมัดตะบันหน้าใส่คนพูดให้หายแค้นทันทีที่ทำได้ถ้าแก้วและจอมที่คอยแอบดูอยู่ไม่รีบวิ่งมาล็อคแขนทั้งสองข้างของพายุไว้เสียก่อน

    “พี่จ้ะพอเถอะ หนูว่าพี่อุ้มคงจะไม่ชอบใจนัก ถ้าพี่ไปชกหน้าคนอื่นแบบที่กำลังจะทำนี้”

    แก้วรีบใช้น้ำเย็นเข้าลูบโดนใช้ชื่อของสาวรุ่นพี่เป็นข้ออ้าง ได้ผลพายุสะดุดนิ่งทันทีเหมือนมีมนต์สะกด

    “ใช่ครับพี่ชาย...ถึงปากยัยเจ๊นี่มันจะน่าต่อยมากขนาดไหนก็ตามแต่เขาก็ยังเป็นผู้หญิงนะพี่อย่าเอามือของเราไปแตะให้เสียของเลยนะครับ” จอมรีบเสริมแล้วยิ้มแห้งๆ เมื่อโดนแก้วด่าด้วยสายตาว่าแทนที่จะช่วยกันห้ามให้ใจเย็นลงกลับดันจะไปสุมไฟให้มันโหมขึ้นมาอีก

    เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมาเขาก็ไม่รู้วิธีปลอบคนให้ใจเย็นลงมาก่อนเหมือนกันสิ่งที่ทำตอนนี้คือทำได้ดีที่สุดแล้ว

    “แทนที่เราจะมามัวเสียเวลาหนูว่าพี่รีบตามไปง้อพี่อุ้มดีกว่านะจ้ะ”

    “แต่พี่ไม่รู้ว่าพี่อุ้มเขาพักอยู่ที่ไหนนะครับ”

    “พี่ไม่รู้แต่หนูรู้ เดี๋ยวพวกหนูพาไปก็ได้เราสองคนเพิ่งออกกะกันพอดี”

    ถึงสีหน้าของแก้วจะออกอาการงุนงงว่าพี่ทั้งสองคนนี้เป็นแฟนกันยังไงพี่ผู้ชายสุดหล่อคนนี้ถึงไม่รู้จักบ้านของสาวรุ่นพี่ของพวกเธอแต่แก้วก็ไม่สนใจเวลานี้เธอต้องพยายามห้ามศึกให้สงบโดยเร็วที่สุด หันไปหาจอมที่รีบพยักหน้าเห็นด้วย

    “จริงหรือครับ!” พายุสีหน้าเริ่มออกอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดรีบพูดด้วยความกระตือรือร้น “งั้นพวกเรารีบไปกันเลยดีกว่า”

    เด็กสองคนรีบพยักหน้าทันที เมื่อเห็นว่าเริ่มอารมณ์เย็นลงมากจึงกล้าปล่อยมือออกจากแขนแต่ก็คอยดูเชิงอยู่ในทีเพราะคู่อริของพายุยังยืนกอดอกมองอย่างหยามเหยียดอยู่หน้าร้านของตน

    ด้วยความเกรงใจเด็กทั้งสองที่จะเป็นคนนำทางให้พาไปคนรักแต่ถึงยังไงด้วยอารมณ์ที่ยังครุกรุ่นภายในมันยังไม่ได้ถูกระบายออกมาให้หายแค้น พายุจึงยังอยากจะเอาคืนบ้างเพียงเล็กน้อยก็ยังดี จากที่คิดอยากจะตั้นหน้านังผู้หญิงปากร้ายให้หายโมโหจึงเปลี่ยนเป็นชี้นิ้วใส่พร้อมพูดเสียงกร้าวหน้าตาเอาจริงจนคนเพิ่งพูดดูถูกใส่เขาก่อนเริ่มหน้าเสียเพราะเริ่มมีคนมามุงดูมากขึ้น

    “ทีหน้าทีหลังอย่ามาพูดจาดูถูกฉันกับอุ้มแบบนี้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้ร้านกาแฟสดของแกเจ๊งแน่จำเอาไว้...และจำใส่หัวสมองต่ำทรามของแกเอาไว้ด้วยนะว่าถ้าฉันจะพาอุ้มซึ่งเป็นภรรยาของฉันไปนอนหาความสุขกันในโรงแรมจริงๆ แล้วละก็จะต้องเป็นโรงแรมห้าดาวห้องสวีทสุดหรูเท่านั้น...ส่วนเงินหกร้อยบาทนั่นน่ะฉันยกให้แกเอาไว้พาพวกเด็กผู้ชายเอ๊าะๆ ที่ขายตัวแถวนี้ไปนอนโรงแรมจิ้งหรีดระบายความใคร่ตามที่ออกมาจากความคิดต่ำๆ จากกำพืดของแกเองเถอะ...ฉันอนุเคราะห์ให้หรือถ้ามันไม่พอก็บอกนะฉันจะได้สงเคราะห์เพิ่มให้อีก”

              มุมปากของพายุเหยียดยิ้มอย่างนึกรังเกียจหลังจากพูดด่าออกไปแบบผู้ดี

              ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงตบมือกันเกรียวกราวของเด็กปั๊ม เจ๊วรรณและลูกค้าประจำของร้านกาแฟที่คอยเป็นกองเชียร์อยู่ห่างๆ ทุกคนไม่เชื่อเรื่องที่หญิงสาวโดนกล่าวหาเพราะรู้ดีว่าปานพิมพ์เป็นคนมีนิสัยอย่างไรและก็รู้ว่าสาวใหญ่เจ้าของร้านมีนิสัยอย่างไรเช่นกัน

              ชายหนุ่มหันไปโค้งตัวและยิ้มขอบคุณให้กับทุกคน หันกลับมาพูดกับเด็กสองคนพร้อมชายหางตามองกมลรัตน์ที่แทบจะเต้นเร่าด้วยความเสียหน้าแล้วยกยิ้ม                     

              “แต่ว่าปากแบบนี้เหรอ...” พูดอย่างยียวน

              “...สุนัขข้างทางแถวบ้านผมยังปากน่ารักกว่าคุณเลยนะครับ”

              พายุทิ้งท้ายอย่างเจ็บปวดแล้วหันมาเรียกเด็กทั้งสองคนให้เดินตามมาขึ้นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรีย์ 5 สีเทาดำรุ่นใหม่ล่าสุดป้ายแดงที่จอดอยู่ข้างกันกับรถซีวิคสีขาวป้ายแดง     

              “พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะครับเด็กๆ ก่อนที่พี่จะเปลี่ยนใจอยากไปเสียค่าปรับห้าร้อยบาทที่โรงพักเพราะระงับอารมณ์ที่จะบันดาลโทสะต่อยคนปากมอมไว้ไม่อยู่”

              แก้วและจอมออกอาการตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิดมันเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้มีโอกาสได้นั่งรถสุดหรูที่ชาตินี้จะได้มีโอกาสนั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้

              รถยุโรปคันหรูของพายุเคลื่อนตัวออกไปจากปั๊มน้ำมันอย่างสง่างามสร้างความตื่นตะลึงให้กับคนที่เพิ่งไล่ลูกจ้างออกจากงานเพราะก่อนหน้านั้นหล่อนได้พูดเป็นเชิงดูถูกว่าพายุคงไม่มีปัญญาจ่ายเงินค่าโรงแรมม่านรูดเพื่อจะพาคู่ขาคืออดีตลูกจ้างของหล่อนไประเริงรักกันแน่นอนถึงได้มาทำบัดสีบัดเถลิงกันในร้าน

              พร้อมหันไปมองรถของตัวเองที่จอดนิ่งอยู่ถึงมันจะได้มาจากเงินของคนอื่นที่หล่อนให้ลูกสาวหลอกอ้อนซื้อมาให้ขับแต่ยังไงก็จะต้องทำให้มันเป็นรถของหล่อนโดยสมบูรณ์ให้ได้

              คำพูดด่าแบบผู้ดีจากปากของผู้ชายที่ไม่รู้จักที่สำคัญอายุน้อยกว่ามากเป็นสิบปี ทำให้กมลรัตน์เหมือนถูกโดนตบหน้าอย่างแรงสร้างความอาฆาตแค้นให้กับหล่อนเกินจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้

              “แกยังรู้จักฉันน้อยไปไอ้หน้าอ่อน”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×