คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความประทับใจแรกพบ 80%
ฮะจิเมะมาชิเตะ(Hajimemashite) ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
ฉันนางสาว
วันนี้เป็นวันปีใหม่ คนญี่ปุ่นจะนิยมจะเริ่มต้นปีด้วยการไปขอพรที่วัดหรือศาลเจ้า ซึ่งเรียกว่า ฮัตสุโมเดะ และการไปเยี่ยมเยียนกันก็ใช้โอกาสวันหยุดตอนปีใหม่นี่ล่ะ ในญี่ปุ่นสมัยก่อนเชื่อกันว่าท้องที่ทุกแห่งจะมีเทพเจ้าที่เป็นที่ดูแลและคุ้มครอง ผู้ที่อยู่ในแถบนั้นจะไปไหว้เทพเจ้านั้นๆในวันปีใหม่ เพื่อขอพรให้มีโชคและอยู่อย่างสันติ นี่เป็นความหมายดั้งเดิมจริงๆของ ฮัตสุโมเดะ แต่เดี๋ยวนี้ประเพณีเปลี่ยนไปแล้วค่ะ ใครจะไปไหว้ศาลเจ้าที่ไหนก็ได้ คนส่วนใหญ่จึงนิยมไปศาลเจ้าที่มีชื่อเสียง ในโตเกียวนี่ก็มีอยู่หลายที่เหมือนกัน
ฉันเลือกมาที่ศาลเจ้าเมจิ ซึ่งอยู่ในโตเกียวที่สำคัญมันใกล้บ้าน จะเป็นศาลแบบชินโต สร้างขึ้นเมื่อสมัยปีค.ศ.1920 เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงจักรพรรดิและมเหสีโชเคน ในสมัยราชวงศ์เมจิ วันนี้เป็นวันพิเศษผู้หญิงส่วนใหญ่จะแต่งชุดกิโมโนกันสีสันสวยงามประชันกันเลยทีเดียว เรื่องราวชีวิตฉันเป็นอย่างไรอยากรู้ตามมาค่ะ
“โซระ”
“โซระจัง !”
สาวน้อยหน้าใสในชุดกิโมโนสีชมพูสลับขาวลายดอกซากุระหวาน สะกิดเรียกเพื่อนสาวที่กำลังยืนอธิษฐานอยู่นานมากแล้วและดูท่าทางว่าถ้าไม่เรียกเธอคงจะยังไม่กระดุกกระดิกตัวแน่ๆจึงใช้สองมือป้องหูเรียกเสียงดัง
“โหย ชิโยริเรียกเบาๆก็ได้ทำเอาตกอกตกใจหมดเลยแก้วหูแตกแล้ว”
“ตอนแรกฉันก็เรียกเธอเบาๆแล้ว แต่ไม่รู้ตัวเองนี่น่า แล้วอธิษฐานอะไรนานจังเลยล่ะ”
“ก็นิดหนึง”
“เน้ รู้นะหน้าแดงแบบนี้ อธิษฐานขอกามเทพให้ยิงศรรักมาปักอกล่ะซี๊”
“บ้า” สาวไทยผิวสีน้ำผึ้งแก้มเปลี่ยนเป็นสีชมพูสุกปลั่งเพราะเพื่อนสาวดันรู้ทัน
“บ้าเพราะรู้ทันชิมิ” เธอเย้า
“เดี๋ยวเถอะชิโยริจัง”
“ทีอย่างนี้ทำอาย ฮ่า ฮ่า”
“เดี๋ยวเราไปโยนเหรียญอธิษฐานกันดีกว่า”
“แม่คุณอธิษฐานนานขนาดนี้แล้วยังไม่พออีกเหรอจ้ะ เดี๋ยวหนุ่มๆก็มาหลงกันจนโงหัวไม่ขึ้นหรอกย่ะ”
“จะไปหรือเปล่า ไม่ไปฉันไปคนเดียวก็ได้”
“โอ๋ๆ แซวแค่นี้ทำเป็นน้อยใจไปได้” ชิโยริจังวิ่งตามร่างบางระหงของฟ้าใสที่เดินหนีไปอย่างงอนๆ
สองสาวฟ้าใส สายธารา หรือ โซระจัง และมาเอดะ ชิโยริ เป็นเพื่อนรัก เป็นคู่หู ทั้งคู่เรียนมหาวิทยาลัยโตเกียวมาด้วยกันตั้งแต่ปี 1 ด้วยบุคลิกที่ร่าเริง เป็นกันเองยิ้มเก่งของสาวไทยคนนี้สะดุดตาน่าคบหาจึงทำให้เธอเข้าไปทักก่อน พอได้พูดคุยจึงได้รู้ว่าชอบอะไรเหมือนๆกัน
ชิโยริมักจะพูดเสมอว่าโซระจังเห็นเรียบร้อยแบบนี้แอบร้อนแรงไม่เบาเพราะหุ่นซ่อนรูปอวบอึ๋ม ผิวสีน้ำผึ้ง ใครเห็นก็อยากเข้ามาผูกสัมพันธ์ด้วย ก็ดูชุดกิโมโนที่เธอใส่วันนี้สิลายดอกซากุระจุ๋มจิ๋ม พื้นสีแดงสดร้อนแรงขับผิวสีน้ำผึ้งให้ผิวยิ่งผ่อง ชิโอริยอมรับว่าเพื่อนของเธอเป็นคนที่ใส่ชุดกิโมโนได้ขึ้นมากที่สุดเลยทีเดียว
หนุ่มๆเดินผ่านทีนี้มองกันเหลียวหลัง จนเธอรู้สึกว่าตัวเองด้อยลงทันตาแต่เธอไม่เคยอิจฉาเพื่อน ออกจะภูมิใจด้วยซ้ำที่มีเพื่อนเสน่ห์แรงแต่นิสัยดี ยิ้มเก่งไม่หยิ่งเลย โซระจังเคยบอกว่าเมืองไทยมีฉายาว่า ยิ้มสยาม คนที่นั่นอัธยาศัยดี น่ารัก และเป็นมิตรกับคนทุกคน
แต่เธอก็เคยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่เห็นโซระจังสนใจชายหนุ่มคนใดเลยสักคน
แต่ก็อาจจะเป็นเพราะแม่ของเธอที่เป็นญาติคนไทยคนเดียวในญี่ปุ่น เพิ่งจากเพื่อนเธอไปแบบไม่มีวันกลับได้ครึ่งปีแล้ว เธอเลยอยากจะทุ่มให้กับการเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายเต็มที่เป็นของขวัญให้แม่ที่จากไปอยู่บนสวรรค์แล้วก็เป็นได้ ดังคาดทุกอย่างก็ประสบความสำเร็จที่ทั้งคู่ได้เป็นบัณฑิตโทไดสมใจ
ร่างบางระหงของฟ้าใสหลับตามือเรียวนุ่มกำเหรียญหลวมๆกำลังยืนตั้งท่าจะโยนเหรียญอธิษฐานขอพรก่อนจะโยนเหรียญออกไปข้างหน้า
“อึ๊บ”
“ทำไมต้องทำเสียงแบบนั้นด้วยน่าเกลียดจริงๆเลย” ชิโยริเบ้หน้า
“กรี๊ดๆๆลงด้วยล่ะเหรียญเดียวเอง” ฟ้าใสกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ
“อ่ะนะ”
สาวยุ่นส่ายหน้าไปมาใครจะรู้ล่ะว่าเพื่อนเห็นเธอดูร้อนแรงแต่นิสัยจริงๆไม่รู้จักโตเสียที
“ที่ออกเสียงเพราะมันเป็นการส่งกำลังย่ะเพื่อจะได้ส่งให้เหรียญตกลงในถาดนั้นไง”
“สุดยอดทำไปได้ แล้วอธิษฐานว่ายังไง”
สาวชุดกิโมโนสีชมพูมองตามมือเรียวของเพื่อนที่ชี้ไปในถาดโยนเหรียญ
“ก็อธิษฐานว่าขอให้เจอคนที่หล่อ รวย รักฉันจริง แล้วก็หลงฉันหัวปักหัวปำเลยน่ะสิ ฮะ ฮะ”
“ไม่นึกว่าเพื่อนฉันจะต๊องขนาดนี้ สาวไทยเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย”
ชิโยริส่ายหน้าไปมาในความกระล่อนของเพื่อนสาวของเธออีกครั้ง
“เขาเรียกว่าเป็นบุคลิกเฉพาะตัวจ้าชิโยริจัง โอ๊ะ!”
เสียงหวานอุทานร่างบางของฟ้าใสทำท่าจะเอนส้มลงไปนั่งกับพื้นเพราะรองเท้าไม้เจ้ากรรมดันพลิก
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณ”
แขนแข็งแรงของบุรุษหนุ่มนิรนามวิ่งมาคว้าร่างบางที่กำลังจะล้มไปไว้ในอ้อมกอดได้ทัน
“มะ ไม่เป็นอะไรค่ะ” เสียงหวานระล่ำระลักตอบหน้าแดงก่ำด้วยความอาย เพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จัก
“ถ้าล้มลงไปล่ะแย่เลยข้อเท้าอาจจะแพลงได้” เขาพูดเตือนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะค่อยๆปล่อยแขนออกอย่างนุ่มนวล
“โอ แม่เจ้าได้ผลทันตาจริงๆ” ชิโยริที่ยืนดูเหตุการณ์โดยตลอดอุทาน
ฉับพลันเสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังขึ้นเขายกขึ้นมารับก่อนจะเอ่ยลาด้วยความเสียดาย ความจริงเขายืนแอบมองสาวน้อยคนนี้อยู่ด้านหลังนานแล้วล่ะ และคิดว่าเธอคงจะไม่ใช่คนญี่ปุ่นแน่ๆดูจากผิวพรรณที่เป็นสีน้ำผึ้งเนียนสวย อาจจะเป็นคนเอเชียแต่ก็ไม่แน่ใจว่าประเทศอะไร ที่แน่ๆเธอพูดภาษาญี่ปุ่นคล่องอย่างกับเจ้าของภาษาเลยทีเดียว
ในระหว่างที่แอบมองอย่างชื่นชมโดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัว เขาเห็นแล้วว่าเธอกำลังกระโดดด้วยความดีใจในชุดกิโมโนที่ดูไม่สะดวกแบบนั้น จะต้องสะดุดหินก้อนเล็กที่ตกอยู่ตรงนั้นแน่นอนและก็จริงดังคาด เขาถึงได้วิ่งเข้ามาเอาแขนกำยำรับร่างเธอก่อนจะล้มลงพื้นได้ทัน กลิ่นหอมละมุนของกลิ่นกายสาวทำเอาเขาเผลอกอดเธอแทบไม่ปล่อยถ้าไม่ติดว่ามีเพื่อนมาด้วยเขาคงเผลอจูบเธอตรงนั้นแน่นอน
“โอเค เดี๋ยวจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขาพูดก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า
“ผมต้องรีบไปก่อนแล้วครับพอดีเพื่อนรออยู่ที่รถ ผมต้องไปฮารุมิวันนี้มีแห่ขบวนนักรบโบราณยิ่งใหญ่กว่าทุกปีเสียด้วย”
เขาพูดลาด้วยความเสียดาย ตาสีน้ำตาลเข้มเผลอมองดวงหน้าหวานตากลมโตอย่างหวานซึ้ง
“น่าไปจังเลยค่ะ” ดวงตาเป็นประกายแวววาวของฟ้าใสสนใจอยากไปงานแห่ขบวนนักรบโบราณอย่างปิดไม่มิด
“ไปด้วยกันไหมครับ” เขาแกล้งชวนเธอด้วยหัวใจที่กำลังเต้นเป็นกลองรัว
“เอ่อ ไว้โอกาสหน้านะคะ” ชิโยริรีบพูดปัดทันทีหันไปมองหน้าเพื่อสาวเขม็งอย่างตำหนิ
“อย่างนั้นหรือครับ”
เสียงทุ้มอ่อยลงบ่งบอกพูดด้วยความเสียดายก่อนจะยื่นนามบัตรให้ อย่างน้อยเผื่อฟลุ๊คว่าเธออาจจะโทร.มาหาเขาวันใดก็วันหนึ่งมีความหวังยังดีกว่าไม่มีจะให้หวัง “นี่เป็นนามบัตรผมโทร.หาได้”
“วาตาเบะ ต้นหนาว” ฟ้าใสทวนชื่อในนามบัตรที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของแผ่นกระดาษใบจิ๋วนั้นด้วยแววตาสงสัย
“ชื่ออ่านเหมือนภาษาไทยเลยนะคะ”
“ครับผมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย ทำไร่ชาเขียวอยู่ที่ชิซุโอกะ” เขาเลิกคิ้วตอบด้วยความงง
“ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เจอคนไทยที่นี่ถึงจะเป็นลูกครึ่งก็เถอะ”
เธอยิ้มกว้างอย่างยินดีและดีใจที่รู้สึกว่าเธอไม่โดดเดี่ยวในเมืองใหญ่แบบนี้อีกแล้ว อย่างน้อยเขาคนนี้ก็มีเลือดคนไทยอยู่ตั้งครึ่งหนึ่ง
“ฉันชื่อฟ้าใส สายธาราและนี่ มาเอดะ ชิโยริ เราสองคนเป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน” สาวไทยไร้ญาติแนะนำตัวทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักครับฟ้าใส แล้วก็ชิโยริซังด้วย” เขายิ้มกว้างไม่หุบ
“เรียกชิโยริจังก็ได้ค่ะฉันไม่ถือ” น้ำเสียงเธอเริ่มเป็นมิตร
“คนที่นี่เรียกฉันว่าโซระถ้าชื่อภาษาไทยเรียกยากคุณจะเรียกชื่อนี้ก็ได้นะคะ”
“ไม่ดีกว่าผมอ่านภาษาไทยพอได้ เรียกฟ้าใสน่ารักกว่า” ต้นหนาวพูดยิ้มๆอย่างน้อยถ้าเขาเรียกต่างจากคนอื่นจะได้มีความรู้สึกว่าเธอเป็นคนพิเศษ
“ค่ะ” สาวไทยยิ้มกว้างอย่างยินดีที่เขาเรียกชื่อเธอเป็นภาษาไทย
“แล้วเรียนที่ไหนกันหรือครับ”
“โทไดค่ะ” สองสาวตอบพร้อมกันก่อนจะหันมายิ้มและหัวเราะให้กัน
“มีไรน่าขำหรือครับ” ต้นหนาวขมวดคิ้วถามอย่างงงๆ
“เปล่าค่ะวาตาเบะคุง เราแค่หัวเราะที่ตอบพร้อมกันคือเรามักจะมีความคิดตรงกันน่ะค่ะ” สาวญี่ปุ่นหน้าใสชุดกิโมโนสีชมพูตอบแทน
“ดูห่างเหินจังเลยครับเรียกผมว่าพี่ต้นดีกว่ากระมัง ผมน่าจะแก่กว่าหลายปี” คนกลัวแก่และกลัวห่างเหินรีบกล่าวท้วงทันที
“ถ้าอนุญาตแบบนี้เราก็จะเรียกวาตาเบะคุงว่าพี่ต้นก็ได้ค่ะ” สาวชุดกิโมโนสีแดงตอบ
“ครับน้องฟ้า และชิโยริจัง” เขาได้ทีรีบตีสนิทเหมือนกัน
“เมื่อกี้บอกพี่ว่าเรียนที่ไหนนะครับ”
“โทไดค่ะ” ชิโยริจังตอบ
“บังเอิญจังเลยครับพี่ก็จบที่นี่เหมือนกันแต่คงจะห่างกันหลายปี ฮ่า ฮ่า”
“พวกเราเพิ่งเรียนจบกำลังคิดว่าจะหางานทำหรือช่วยงานที่ร้าน ส่วนชิโยริที่บ้านจะให้ทุนเปิดร้านขนมเพราะอยากทำมานานแล้ว”
“ไว้พี่จะไปอุดหนุนว่าแต่อยู่...”
ยังไม่ทันที่ต้นหนาวจะได้ถามที่อยู่สองสาวมือถือเครื่องจิ๋วของเขาก็ดังระรัวขึ้นอีกครั้ง
“ตกลงว่ายังไงจะมาไหมถ้าไม่มาฉันจะไม่รอแล้วนะ”
ปลายสายถามด้วยอาการหงุดหงิดเต็มทีที่เห็นเพื่อนรักบอกว่าเสร็จธุระแล้วกำลังจะมา เขาจอดรถรออยู่หน้าศาลเจ้านานแล้วและกว่าจะไปถึงอ่าวโตเกียวรถคงจะติดน่าดูวันนี้มีเทศการแห่ฉลองต้อนรับปีใหม่ และขบวนพาเหรดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปีถ้าลูกน้องเขาไม่แจ้งมาว่า มีเบาะแสจากพวกป่วนเมืองอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายวันนี้เขาก็นอนอยู่ที่บ้านแล้ว สถานที่มีคนเยอะอย่างงานแบบนี้เขาเบื่อนัก
“เออๆ ไปแล้วไปแล้วพอดีฉันเจอรุ่นน้องที่โทไดเลยแวะคุยกันนิดหน่อย”
“จบมาตั้งหลายปีรุ่นน้องคนไหนเขาจะมารู้จักแกวะไอ้ต้นหนาว” ปลายสายเริ่มหงุดหงิด
“แหมเรื่องบังเอิญมันก็เกิดขึ้นได้ วันหลังฉันจะแนะนำให้รู้จัก เดี๋ยวอีกห้านาทีเจอกัน” เขาพูดตัดบท
“พี่ไปก่อนนะครับเพื่อนพี่ตอนนี้มันจะกินพี่ได้ทั้งตัวแล้วแล้วเจอกัน”
“ไปเถอะค่ะก่อนที่เพื่อนพี่ต้นจะกระสวกไส้ไปกิน ฮ่า ฮ่า” สองสาวหัวเราะขึ้นพร้อมกันด้วยความชอบใจ
ต้นหนาวพับมือถือเก็บใส่กระเป๋าแล้วจึงหันมาร่ำลาก่อนจะรีบก้าวเดินจากไป เขารู้ดีว่าเวลาเพื่อนเขาคนนี้โมโหระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิม่าดีๆนี่เอง จนเขาคิดว่าถ้าหาสาวๆมาเป็นคนรักให้สักคน โซจิคุงน่าจะเป็นคนอารมณ์เย็นกว่านี้
เอาไป 80% ก่อนนะจ้ะพี่ๆน้องๆและเพื่อนๆนักอ่านที่น่ารัก
เรื่องนี้อัพช้า เพราะจะขอใช้เวลาเขียนต้นฉบับให้จบหรือเยอะที่สุดก่อน
สนพ.รอนานมากแล้วเพราะมัวไปเขียนแต่ต้นฉบับน้าวีร์จอมหื่น..ได้อ่านจนจบแน่นอนค่ะรักแต่รักนานๆนะจ้ะ ..=^^=..
ขอให้อ่านนิยายอย่างมีความสุขนะคะ...ชลรดา
ความคิดเห็น