ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Red sofa in the white room ❤
Still I… ❤
Red sofa in the white room
ผมถามตัวเองอยู่เสมอ ว่าผมยัง...รักเธออยู่ไหมนะ?
5.00 น.
ติ ติ๊ ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ให้ตายเหอะ...” ผมเอื้อมมือปัดป่ายสะเปะสะปะ ไปตามชั้นวางของข้างเตียง เพื่อปิดเสียงน่ารำคาญนั้น เจอแล้ว...ผมตบไปที่นาฬิกาปลุกแรงๆอย่างแค้นใจ ก่อนผงกหัวขึ้นจากหมอน ยีตามองเวลาบนหน้าจอมือถือ ตี 5?
ตื่นตี 5 ในวันอาทิตย์เนี่ยนะ ให้ตายเหอะ...ง่วงเป็นบ้า...ผมซุกตัวนอนอีกครั้ง
วันอาทิตย์...?
เวรเอ้ย! ผมเด้งตัวขึ้น หลังตรงตั้งฉากกับเตียงนอน วันนี้มีเข้าวอร์ดนิหว่า
ผมลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินทอดสังขารเปื่อยๆของตัวเองไปยังห้องน้ำ บีบยาสีฟันใส่แปรง
ก่อนยกขึ้นมา แล้วชะงัก มองแปรงสีฟันสีชมพูหวานในมือ เห็นตัวอักษร F ที่ปลายด้ามจับ “ฮะ ฮะ” ผมหัวเราะกับตัวเอง ผิดอีกแล้ว...
‘นี่! เห็นตัวอักษรนี่มั้ย? ตัว F คือ ฟาร์ แล้ว K คือ คีย์ ทำไมยังหยิบผิดอีกล่ะ!?’
‘ไม่เห็นเป็นไร ตอนเราคิสกัน ก็...’
‘คีย์ตา! อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้นะ คนบ้า ซกมกที่สุดเลย...’
ผมยิ้มให้กับแปรงสีฟันสีชมพูในมือของตัวเองอีกครั้ง เปิดก๊อกน้ำ ล้างยาสีฟันออกจากแปรง เผื่อเธอกลับมา ถ้ารู้ว่าผมใช้แปรงสีฟันของเธอ คงต้องโกรธมากแน่ๆ
ใช่...เผื่อเธอกลับมา
ผมเอื้อมมือไปหยิบแปรงสีฟันสีฟ้าของตัวเอง บีบยาสีฟันอีกครั้ง แปรงฟัน ล้างหน้า แล้วมองตัวเองในกระจก หยาดน้ำพราวที่เกาะตามเส้นผมสีน้ำตาลเข้มและใบหน้าเรียว ดวงตาสีเปลือกไม้ แม้ฉายแววอ่อนล้า แต่ก็ยังดูดีมากเหมือนรูปสลัก สง่างาม แข็งแกร่ง เย็นชา และไร้หัวใจ
ผมได้แต่แค่นยิ้มให้กับเงาของตัวเอง...
น่าสมเพชเป็นบ้า
- - - -
5.30 น.
ผมมองผ่าน แสงไฟสีส้มที่สะท้อนออกมาจากตู้เย็นที่เต็มไปด้วย...กระป๋องเบียร์
ผมหยิบจานสปาเก็ตตี้ที่อยู่ตรงชั้นวางล่างสุดออกมากินอย่างรีบร้อน พลิกข้อมือขวาดูนาฬิกา ต้องรีบแล้ว...ต้องรีบแล้ว...
- - - -
5.45 น.
ไม่ทันแล้ว...ไม่ทันแน่ๆ....
ผมหยิบเสื้อกราวด์ของตัวเองได้แล้วแทบจะวิ่งออกจากห้อง
ปึ่ก! โอ้ย! เชี่ย เจ็บ
ผมเตะลังกระดาษใหญ่ สามสี่ ลัง ที่แพ็คเรียบร้อย พร้อมเคลื่อนย้าย เดือนหน้า ผมจะย้ายออกจากห้องนี่แล้ว อดห้ามใจตัวเองไม่ได้ ให้หันกลับไปมองที่ห้องตัวเองอีกครั้ง ใจหายนะ
ห้องสีขาวขนาดไม่แคบไม่กว้าง ผมไล่สายตาไปตาม ชั้นหนังสือสีขาวที่ไม่มีหนังสือ โต๊ะสีขาวที่ไม่มีอะไรวางอยู่ ตู้เย็นสีขาวที่มีแต่กระป๋องเบียร์ ไม่เหลืออะไรนอกจากของใช้ที่จำเป็น มันดูสะอ้านแบบเหงาๆอย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างล้วนเป็นสีขาว... ยกเว้น โซฟาสีแดงตัวนั้น โซฟาสีแดง สิ่งเดียวที่เธอทิ้งเอาไว้ แลกกับหัวใจผมที่เธอเอาไป
ไม่คุ้มกันเลยจริงๆ ...
- - - -
5.50 น.
ผมเดินออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ ยิ้มให้ลุงคนดูแล “วันนี้ฝนคงตก อย่าลืมพกร่มไปล่ะ”
“ครับ ลุง” ฝนงั้นหรอ... ผมสูดลมหายใจ ได้กลิ่นอายฝนจางๆ
เดินลัดตัดผ่านสนามเด็กเล่น ผ่านร้านหนังสือที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก สายตาเหลือบมองที่ตู้กระจกของร้าน Physics for new life (edition) by Wilhelm Kirchhoff ตั้งโชว์อยู่ ยังคงครองอันดับหนังสือขายดี เห็นทีผมคงต้องหาเวลามาซื้อซะแล้ว
- - - -
6.00 น.
ผมยืนรอรถเมล์ประจำทาง
-33- มาแล้ว
ผมขึ้นรถเมล์ที่ยังไม่มีคน...มองหาที่หลังสุดริมหน้าต่าง ที่เดิม...
“มหา’ลัยทศบูรพาครับ”
“16 บาทครับ”
จากนี่ถึงมหา’ลัย ผ่าฟันรถติด ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเห็นจะได้ ผมคิดเอาหัวผิงหน้าต่าง หลับตา...โคตรง่วงเลย
- - - -
8.10 น.
“นี่...ถึงแล้วนะ ไม่ลงหรอ?”
ผมลืมตาขึ้น “เคลียร์...”
“ไม่รีบไปเดี๋ยวสายไม่รู้นะ” เธอยิ้ม
“ขอบใจ” ผมยิ้มตอบให้กับเพื่อนสมัยมัธยม เคลียร์... ผมรีบวิ่งลงจากรถเมล์ไป ไม่รู้เลยว่า สายตาของเคลียร์มองตามแผ่นหลังของผมอยู่ตลอดเวลา “ขอโทษนะ คีย์” คำขอโทษที่ผมไม่ได้ยิน
- - - -
8.30 น.
“นั้นไง มันมาแล้ว” ไอ้กายเพื่อนสนิทอีกคนสมัยมัธยม เอาเท้าเตะมาที่สีข้าง “ไม่มาตอน โรงบาลปิดเลยวะ สายแม่งทุกวัน”
“โทษเว้ย”
“อ่ะ กูดูเคสให้มึงแล้ว”
“แท้งกิ้ว” มันโยนแฟ้มเอกสารผู้ป่วยที่ต้องตรวจมาให้ นักศึกษาแพทย์ปีสาม ต้องเริ่มตรวจงานจริง ยิ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐด้วยแล้ว มีผู้ป่วยที่ให้เรียนรู้มากมายไม่เว้นแต่ละวัน มันทำให้ผมเข้าใจคุณค่าของชีวิตและเวลาไปโดยปริยาย
“ไง ไอ้คีย์ มาแล้วหรอ สายแม่งทุกวัน กูละสงสัยเมื่อไหร่มึงจะย้ายหอ...โอ๊ย!” ยังไม่ทันที่ไอ้ปลายเพื่อนสนิทผมอีกคนจะพูดจบ ไอ้กายก็ปาขวดน้ำโดนหัวมันเต็มๆ “ไอ้-ปาก-หมา” มันด่า แล้วชายสายตาปนความเป็นห่วงมาทางผม ไอ้ปลายเหมือนจะนึกได้
“ไอ้คีย์โทษทีวะ กู...”
“ไม่เป็นไร เดือนหน้ากูก็ย้ายออกแล้ว”
“...” เงียบ... ไอ้กาย ไอ้ปลายมองผมอย่างอึ้งๆ
“กูลืมได้แล้วน่า” ผมยิ้มมุมปาก
“เมื่อเช้ามึงกินไรเป็นอาหารวะ?”
“สปาเก็ตตี้”
“นั้นไง กูไม่เชื่อ...”
ไอ้กายแสยะยิ้มที่มุมปาก หล่อเลวได้ใจ ไม่น่าเชื่อนักเลงอย่างมันจะเรียนหมอได้ เอาเถอะผมก็ไม่ต่างจากมันเท่าไร่ ไอ้กายเดินหันออกไป ก่อนจะยกแฟ้มผู้ป่วยไว้เหนือหัว เชิงว่า บาย...
ผมอยากเตะมันจริงจัง
เมื่อเช้ามึงกินไรเป็นอาหารวะ?
สปาเก็ตตี้
อาหารอย่างเดียวที่ผมทำเป็นและกินมาตลอดสามปี ไอ้กายพูดถูก อย่างผมนะหรอ ลืมได้แล้ว ผมไม่เชื่อ...
- - - -
23.00 น.
มึนหัวเป็นบ้า
พรุ่งนี้ไม่มีคิวตรวจ ไม่มีเรียน ผมไปดื่มกับไอ้กายมา รื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ ที่เคยมีสมัยมัธยม ช่วงเวลาที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากเด็กไม่เอาไหน เก็บตัว พูดน้อย ต่อยหนัก ช่วงเวลาสั้นๆนั้น อะไรบ้างอย่างทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมพยายามทรงตัว หยิบกุญแจห้อง พยายามอยู่นานสองนานกว่าจะไขกุญแจเข้าได้ ผมเดินแบบมึนๆเข้าไปในห้อง เอามือคลำเปิดไฟ เดินโซซัดโซเซ แล้วล้มตัวลง
ปวดหัว
ผมยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก ว่ากันว่า คนเมามันทำอะไรที่ตัวเองไม่กล้าทำเวลาที่มีสติ เมื่ออยู่คนเดียวผมไม่สามารถทำตัวเข้มแข็งได้อีกต่อไป ผมเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน ผมเหนื่อยที่ต้องถามตัวเองทุกวัน ว่า ทำไม?
ทำไม เธอถึงจากผมไป?
ผมอยากเกลียดเธอ ความรู้สึกอยากไม่รักอัดแน่นอยู่เต็มอก เธอหายไป ไม่มีจดหมาย วีดีโอเหมือนในหนัง หรือแม้แต่โน้ตสั้นๆ ยังไม่มีเลย... ถ้าเธอบอก บอกผมสักคำ แต่นี่...หายไปแบบนี้ แล้วจะให้ผมลืมเธอได้ยังไง?
ผมคิดถึงเธอ...
ฟาร์...
‘ทำไม ดื่มหนักขนาดนี้ละ?’ ในฝันผมเห็น รอยยิ้มของเธอ รู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้า เธอกำลังเช็ดหน้าให้ผม เช็ดตัว ถอดรองเท้า ถุงเท้า ทำสีหน้ายุ่ง เมื่อเห็นว่าผมแทบไม่มีสติ ผมเอื้อมมือไปกอดเธอเอาไว้ กอดไว้ กอดไว้จนแน่น...
น้ำตาผมไหลจากหางตา ซึมลงบนโซฟาสีแดง ในห้องสีขาวอันเงียบงั้น
อย่าไป... คำพูดที่ผมมีโอกาสพูดได้แค่ในฝันเท่านั้น
- To be continue -
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น