ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lost into the Legend of Light (L.L.L.) 18+

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 : บุกปราสาทจอมมาร 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 209
      1
      13 มิ.ย. 61

    ตอนที่ 4 : บุกปราสาทจอมมาร 3 

                เหล่าพลทหารเริ่มเหน็ดเหนื่อยจากการแบกชุดเกราะวิ่งหนี ทำให้การก้าวขาแต่ละก้าวสั้นและเชื่องช้าลงเรื่อยๆ ขณะที่กาการ่าใกล้เข้ามา บนฟากฟ้าที่มืดครึ้มการโจมตีจากฝูงค้างคาวยักษ์ยังไม่สิ้นสุด จำนวนทหารภายใต้การนำทัพของอาชลินลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกฝีก้าว

                กาการ่าก้าวเหยียบซากศพตามหลังกองทัพพลางจับศีรษะของทหารแต่ละนายที่มันตามทันบดกะโหลกทิ้งด้วยมือทีละคน ไล่เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเงาฝูงค้างคาวที่บดบังดวงจันทร์จนมิด

                ให้ตายสิเจ้านั่นยังไม่เลิกตามมาอีก เขาพึมพำออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ในที่สุดก็หยุดลงเมื่อเห็นท่าจะหนีไม่พ้น 

                 แม้กาการ่าจะเดินมาอย่างเชื่องช้าแต่ก็ตามมาทันทหารที่หมดกำลังลง หากเขายังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ก็มีแต่จะเสียกำลังและในที่สุดก็จะถูกกำจัดอย่างง่ายดาย

                เขาหันหลังกลับไปพร้อมกับขวานในกำมือ แฮ่กๆ ท่าจะไปไม่รอดจริงๆ สินะ

                ห่างจากอาชลินไปไม่ถึง 50 ก้าวกาการ่าจ้องมองตรงมาสังเกตได้ว่าแม่ทัพเตรียมใจจะสู้แล้วจึงแสยะยิ้ม มันปล่อยศีรษะของทหารนายหนึ่งที่กำลังบดอยู่ในมือทิ้ง พลางสลัดเศษเนื้อและมันสมองที่ติดมือออกแล้วใช้ลิ้นเลีย 

                แววตาของมันเรืองแสงสีแดงหม่นๆ ดุจทับทิม น่าเบื่อ มันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา ขณะหยุดเลียแล้ววางมือลงเดินก้าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

                ผ่าแผ่นดิน!” อาชลินยกขวานขึ้นสูงก่อนจะฟาดกระแทกลงมายังพื้นทราย สั่นสะเทือนเป็นคลื่นวงกว้าง แผ่นดินเริ่มแยกออกจากกันเป็นเส้นตรงไปจนถึงตัวของกาการ่า ในขณะที่เหล่าทหารและซากศพร่วงลงไปในหลุมจำนวนหนึ่งเขาก็สังเกตไปยังร่างของอีกฝ่าย

                รอยยิ้มบนใบหน้าของมันมิได้จางหายไปไหน ปีกสีแดงประหลาดและน่าขยะแขยงขนาดเท่าใบเรือสยายออก สะบัดดังมาแต่ไกลอัดลมกระแทกจนถึงระยะใกล้ตัวอาชลิน เขานั่งย่อเข่าลงยึดตนเองไว้กับขวานที่ปักอยู่ต้านแรงลม

                หัวใจสั่นระรัวไปด้วยความตื่นกลัวขณะประจัญหน้ากันอยู่ เขายืนขึ้นพร้อมกับถือขวานวางบนบ่า เอาละนะ!”

                ...กาการ่าบินตรงเข้าหาอาชลินอย่างรวดเร็วโดยไม่รอช้า

                เจ้าพวกบ้ารอข้าด้วยเซ่!!!” และแล้วเขาก็วิ่งหนีต่อไปด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ดี

     

     

                ปีศาจร่างสีฟ้ากระโจนขึ้นเหนือเวหาพุ่งตรงไปยังมากาเร็ต สองกรงเล็บจู่โจมอย่างรวดเร็วทะลุเปลวไฟเข้าเฉือนต้นแขนของแม่มดสาวจุดแล้วจุดเล่า ทว่าทางด้านของเธอเองก็เลี่ยงจุดสำคัญไปได้หลายหน

                การโจมตีของมันราวกับว่าลอยอยู่บนฟ้าไม่ยอมตกลงไปตามแรงดึงดูดโลกสักที เปลวไฟที่รายล้อมการต่อสู้นี้ไว้ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเท่าไหร่นัก

                ข้าขอวิงวอนต่อเทพแห่งความตาย จงสาปแช่งมันผู้ใดซึ่งข้าเกลียดชัง กวาดล้างสารทิศด้วยเพลิงพยาบาท แผดเผาใจหยาบด้วยไฟนับอนันต์ มากาเร็ตร่ายคาถาขณะขี่ไม้กวาดหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่าย

               เปลวไฟรอบกายของหญิงสาวหมุนเกลียวกลายเป็นวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ครอบคลุมเหนือน่านฟ้า “ข้าขอสังเวยจิตหยาบทั้งมวลเพื่อมนต์ดำแห่งเพลิงนรก” 

              วงแหวนเวทย์หดตัวลงเข้าหามากาเร็ตแล้วระเบิดเป็นเปลวเพลิงแดงและฟ้า เกิดแสงสว่างชั่วขณะทำให้เหล่าทหารตาพร่ามัว

                ควันจากการเผาไหม้ยังคงลอยคลุ้งอยู่บนนภา มันกระโจนหลบห่างออกมาสามเมตร สังเกตเห็นกลุ่มควันเป็นใบหน้าของคนนับร้อยนับพันพร้อมกับเสียงโหยหวนชวนผวา เสียงกรีดร้องของดวงวิญญาณคนใจบาปที่ถูกจองจำในยมโลกรายล้อมแม่มดสาว

                บาดแผลที่มากาเร็ตได้รับลอยระเหยหายไปกับควันสีดำ เสื้อผ้าของเธอยังคงลุกเป็นเปลวเพลิงสีแดงพร้อมๆ กับดวงตาท่ามกลางกลุ่มควัน 

                “เจ้าจะเสียใจที่ทำให้ข้าโกรธถึงขั้นใช้เวทย์บทนี้ เสียงของเธอเปลี่ยนไป เหมือนเสียงของชายและหญิงพูดพร้อมกัน กลุ่มควันที่เต็มไปด้วยใบหน้าคนผิดแหวกทางออกเผยให้เห็นร่างของมากาเร็ตชัดเจนขึ้น 

                เธอยังคงนั่งอยู่บนไม้กวาดที่ลุกเป็นไฟ ทุกๆ อย่างเหมือนเดิม เว้นแต่ใบหน้าของเธอที่กลายเป็นหน้ากากยิ้มสีนิลกับบรรยากาศชวนสยอง

                ปีศาจสีฟ้าจ้องมองรูปลักษณ์นั้นของแม่มดสาวแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ นั่นนะเหรอ โฉมหน้าที่แท้จริงของแม่มด มันฉีกยิ้มอย่างกล้าๆ กลัวๆ พุ่งตรงเข้าหามากาเร็ตอย่างว่องไวก่อนจะหายวับไปโผล่ด้านหลังจ้วงแทงบริเวณช่วงท้องของเธอ 

                ส่วนที่มันจู่โจมไปนั้นสลายกลายเป็นควัน มากาเร็ตหันมองไปที่หน้าของอีกฝ่าย จับแขนข้างที่ทะลวงเข้ามาจนแน่น พวกปีศาจอย่างเจ้านี่ไร้สมองเสียจริง เสียงประสานนั้นพูดก่อนที่ใบหน้านับร้อยจะแห่กรูกันเข้าไปในร่างของปีศาจตนนั้น 

                “ข้าก็บอกเจ้าแล้วแท้ๆ ว่าจะทรมานไปจนถึงดวงวิญญาณ กลุ่มควันดำไหลผ่านจากมือที่มากาเร็ตจับตรงเข้าไปยังปาก หู และจมูก

                ปีศาจร่างสีฟ้ายังคงฉีกยิ้มออกมา เจ้าพวกมนุษย์และแม่มดอย่างพวกแกต่างหากที่สมควรถูกกำจัด อั่ก!” กลุ่มควันยังไหลเข้าไปในลำคอของมันอย่างต่อเนื่อง พวกเจ้าต่างหากที่โง่เขลาเจ้ามนุษย์ คิดว่าข้าจะโง่โจมตีอย่างไร้เหตุผลงั้นรึ

                ว่าไงนะ มากาเร็ตเอ่ยขึ้นอย่างฉงนใจ ก้มลงสังเกตบางสิ่งที่มองข้ามไป ในอุ้งมือของมันที่ทะลวงเข้ามานั้นมีก้อนหินสีดำอยู่ด้วย

                มนุษย์ที่สัมผัสดาร์กสโตนจะเป็นอย่างไร ที่ต้องทรมานมันคือเจ้าต่างหากนางแม่มด มันมองด้วยแววตาเยาะเย้ย งานของข้าคือสิ่งนี้ต่างหาก ฮ่าฮ่าฮ่า

                เสียงแผดร้องของเธอสั่นสะเทือนชั้นบรรยากาศรอบข้างไปจนทั่ว เปลวเพลิงสีแดงเริ่มแปรเป็นสีดำพร้อมๆ กับเสื้อผ้า มือที่จับปีศาจไว้คลายออก พลัดตกจากไม้กวาดร่วงลงสู่เบื้องล่าง เสียงกรีดร้องยังคงดังไม่หยุดจนกระทั่งร่างของเธอกระแทกเข้ากับผืนทราย

                แม้มือของปีศาจตัวนั้นจะถูกปล่อยไปแล้วแต่กลุ่มควันก็ยังคงไหลเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่อง คำสาปของแม่มดยังคงอยู่และไม่อาจหลุดพ้น ในไม่กี่อึดใจต่อมาร่างของมันก็ร่วงลงตามๆ กัน 

                “ฮิฮิฮิ ฮือฮือ ช่วยข้าด้วยข้ายังไม่อยากตาย กรี๊ด!” อ้าก!” “ฮือ...เสียงวิญญาณเหล่านั้นยังคงวนเวียนอยู่ กายสีฟ้าจางเลือนลงไปสลายเป็นควัน ถึงอย่างนั้นใบหน้าของมันก็จะไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย ตราบใดที่ยังคงมีใบหน้าต่างๆ เหล่านั้นอยู่ร่วมด้วยเป็นเพื่อน

               มากาเร็ตชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวด จิตด้านมืดจำนวนมหาศาลกำลังชักจูงเธอเข้าสู่อีกกระแสความคิดหนึ่ง ดาร์กสโตนยังคงฝังอยู่ภายในร่างของเธอบริเวณที่ถูกทะลวงเข้าไป 

              “ท่านมากาเร็ต!” เหล่าทหารมองด้วยความเป็นห่วงขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งคอยต้านทัพปีศาจซึ่งได้โอกาสโจมตี

               “พวกเจ้าอย่าเข้าไปยุ่งเชียวนะ ออกไปต้านทัพซะข้าจัดการเอง ทหารวัยกลางคนดูมีภูมิตะโกนขึ้นสั่ง เขาเดินเข้ามายังร่างของแม่มดสาวซึ่งกำลังต่อต้านจิตมืดอยู่ นั่งยองลงใช้มือลูบคลำบริเวณช่วงท้องแล้วหยุดวางไว้บริเวณใต้กระเพาะ

                “จุดนี้สินะ” 

                เขาใช้มีดพกกรีดเข้าไปบริเวณที่คาดการณ์ไว้เพื่อผ่าตัด ทว่ากลุ่มควันยังคงรักษาแผลนั้นอย่างต่อเนื่องทำให้เขาต้องปักมีดเปิดปากแผลเอาไว้ ใช้มือแหวกล้วงเข้าไปข้างใน คลำหาดาร์กสโตนจนเจอแล้วกระชากออกมาจากร่างหญิงสาว

                แน่นอน ในไม่กี่เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็โดนครอบงำด้วยเช่นกัน ก่อนที่การตัดสินใจใดๆ จะเกิดขึ้น ฉับทหารมากภูมิใช้ดาบฟันมือข้างที่จับหินนั้นอยู่ขาดสะบั้นก่อนจะหมดสติ 

     

     

                ความทรงจำเเล่นผ่านพาให้นึกย้อนถึงความเจ็บปวด

                ทุกคนมักจะหัวเราะเยาะผมอยู่เสมอราวกับเป็นตัวตลก สายตาที่หวาดกลัวทุกครั้งเมื่อผมเข้าใกล้ราวกับพวกเขารังเกียจผม ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ก็ทำเหมือนผมไม่ปกติทั้งนั้น ผมก็แค่...

                ไอ้ปอดแหก!” พวกไอ้ไวน์นักเลงโตประจำห้องหกทับสิบ มันชอบหาเรื่องคนที่อ่อนแออยู่เสมอซึ่งในกรณีนี้เองผมก็เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนอ่อนแอที่ต้องยอมให้มันตบหัวใช้มาตลอดหกปีที่เข้าเรียนมัธยม และตอนนี้มันก็ยืนอยู่หน้าโต๊ะเรียนของผม

                “อย่างมึงเนี่ยนะจะไปจีบน้องเนยของกู หัดเจียมตัวซะบ้าง

                ในกรณีทั่วๆ ไปถ้ามันจะทำร้ายผมก็คงหนีไม่พ้นเรื่องผู้หญิงที่มันชอบมาตกหลุมรักผมเอานั่นละ 

               “ก็บอกไปแล้วว่ากูไม่ได้จีบ น้องเขามาเอง ผมก็เตรียมใจจะโดนอยู่แล้วละ เพราะพูดแบบนั้นทีไรมันก็จะหาเรื่องชกต่อยกับผมให้ได้

                ว่าไงวะไอ้นี่ มึงจะต่อยกับกูมั้ย

               นั่นไงเป๊ะเลย แต่เรื่องความรุนแรงก็ไม่ใช่ความถนัดของผมเลยซักนิด พอๆ กับเรื่องเรียนนั่นละ

                กูยอมแพ้ ประโยคเดิมๆ ที่พูดกี่ครั้งก็เอาตัวรอดมาได้

                สามร้อยบาทสำหรับคราวนี้

                อยากจะแจ้งความเสียจริงไอ้เจ้านี่ แต่เรื่องแบบนั้นก็คงจะยากหน่อย พวกคนมีเงินนี่นะ ทำอะไรก็ไม่ผิดมิหนำซ้ำอาจจะส่งผลถึงครอบครัวผมก็ได้ ทำไมนะเหรอก็พ่อของผมทำงานที่บริษัทของพ่อมันนะสิ แต่ยังอดสงสัยไม่ได้ว่ามันรวยแล้วจะเอาเงินผมไปทำไมอีก

                ผมถอนหายใจพร้อมกับเปิดกระเป๋าเงินที่ว่างเปล่า มึงเพิ่งไถกูไปเมื่อเช้าเองนะ

                พวกเพื่อนของมันต่างหัวเราะจะด้วยสมเพชหรืออะไรก็ไม่รู้ละนะ แต่ผมก็ต้องฝืนทนเงียบไว้ทั้งๆ ที่ไม่ชอบใจสุดๆ อยู่ดี ก็แน่ละถ้าไปสู้กับมันนอกจากจะแพ้แล้วยังจะเจอเรื่องยุ่งยากอีก หนีซะตัดปัญหาได้ดีที่สุด

                “ชิ ถุย!” 

                น้ำสกปรกจากปากของมันถูกบ้วนลงมาใส่หัวผมเป็นรอบที่สี่ของวันนี้

                “อย่างนั้นมึงก็ติดกูเพิ่มเป็นหกพันห้าอย่าลืมคืนกูด้วยนะ

                มันพูดแล้วหันไปยิ้มหัวเราะกับเพื่อนๆ ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองไป

                ผมหันไปมองดูเพื่อนๆ รอบตัว พวกเขาบางคนแอบหัวเราะเยาะผม บ้างทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หรือเลวร้ายกว่านั้นผมรู้ว่าพวกเขากำลังนินทาอยู่

                เพื่อตัดความคิดที่ชวนให้ผมเครียดเจียนเป็นโรคประสาทสิ่งเดียวที่เยียวยาใจมาถึงทุกวันนี้คงมีแต่มันเท่านั้น ผมรูดซิบกระเป๋าที่วางอยู่ใต้โต๊ะเปิดออก คว้าหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งบนโต๊ะ

                หนังสือโป๊สิ่งนี้เองที่สวรรค์ส่งมาให้คนลามกจกเปรตทั้งหลายได้ผ่อนคลายอะไรหลายๆ อย่างโดยเฉพาะความเครียดในชีวิตประจำวัน 

                 ถ้าถามว่าทำแบบนี้ไม่อายเหรอ ขอตอบเลยว่าไม่ มันมีอะไรน่าอายไปกว่าคนที่สะดุดล้มตั้งแต่ก้าวแรกในงานแข่งกีฬาสีต่อหน้าสาวๆ ทั้งโรงเรียน การยอมเป็นขี้ข้าให้พวกนักเลงใช้สอย หรือแม้แต่คนที่ถูกอาจารย์นำมาใช้ล้อเลียนเล่นเป็นมุขว่าโง่นักโง่หนาเทือกนั้นอีกมั้ย ผมว่าไม่เลย แค่หื่นอย่างเปิดเผยมันเป็นเรื่องเบสิคมากๆ สำหรับคนที่ไม่มีอะไรจะให้เสียแล้ว

                 แต่ละหน้าเหมือนแฝงไปด้วยพลัง ในทุกครั้งที่พลิกเหมือนกับมันจะกระชากจิตของผมให้ลอยล่องไปในจินตนาการ หนังสือโป๊นี่ละความโรแมนติกเพียงหนึ่งเดียวของผม หนังสือโป๊นี่ละ

                ครูยึดนะ เสียงของหญิงสาววัยกลางคนดังขึ้นขณะที่จิตของผมยังล่องไปไม่ไกลเท่าไหร่นัก เสียงหัวเราะของพวกเพื่อนร่วมห้องก็เช่นกัน

                ไม่นะครับครู ผมจะเก็บเดี๋ยวนี้แหละครับ ครูยึดไปตั้งสิบห้าเล่มแล้วยังไม่พอใจอีกหรือครับ ผมใช้สองมือยื้อหนังสืออย่างสุดกำลัง

                ก็มันตั้งสิบห้าเล่มแล้วนี่สิ เธอยังไม่เข็ดอีกเหรอ เพราะในสมองมีแต่เรื่องแบบนี้ไงเธอถึงโง่ซ้ำๆ ซากๆ คำพูดนั้นจี้เข้ามาในอกของผม กระแทกสี่ห้องหัวใจจนป่นไม่เหลือชิ้นดี 

                “หัดเอาหนังสือเรียนมาอ่านซะบ้างนะ ครูไม่แจ้งผู้อำนวยการก็ดีแค่ไหนแล้ว” 

                พวกเพื่อนๆ สวะมันก็ดีแต่จะหัวเราะ ใครมันจะมาเข้าใจอะไรลึกซึ้งกัน

                ผมกัดฟันทนจนกระทั่งโรงเรียนเลิกและสิ้นสุดวันนรกไปอีกวัน ก้าวขาออกจากโรงเรียนท่ามกลางเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจไม่ต่างกับตัวตนของผม ผู้หญิงบางคนชอบผู้ชายแบบนี้ก็มีอยู่ แต่บางคนนั้นแค่ผมมอง เธอก็วิ่งหนีหรือทำท่าทางรังเกียจเสียแล้ว

                จากผลโหวตที่ผ่านมาผมก็ยังคงติดอันดับสี่ของคนหน้าตาดีที่สุดในโรงเรียนเช่นเคย แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย กลับโดนรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นที่น่าหมั่นไส้มาโดยตลอด พวกเขาคงสะใจไม่น้อยที่ทำให้ผมตกต่ำอยู่แทบเท้าได้ เป็นเช่นนั้นตลอดมาและตลอดไป

                 กระทั่งผมได้พบกับเธอ แม้จะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม เธอจะไม่มองผมเป็นคนน่ารังเกียจอย่างแน่นอน ผมคิดเช่นนั้น แววตาที่มองผมชวนใจเต้นกระตุกดังตุบๆ อยู่ตลอด ผมชอบเธอในหลายๆ อย่างตั้งแต่เริ่มแอบเฝ้าดูในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง 

               เธอมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรกับทุกคน ให้ความรู้สึกไม่เสแสร้งเพราะยิ้มไปพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกายความสุข ราวกับความทุกข์ทั้งหมดของผมพลันสลายไปเมื่อเห็นใบหน้านั้น และหน้าอกที่ไม่อาจระบุขนาดได้แน่ชัด

              มันเริ่มขึ้นตั้งแต่คืนหนึ่งในฤดูฝนที่ผ่านมา ผมวิ่งหลบฝนเข้าไปในร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เธอกำลังจะออกจากเวลางานพอดี เนื้อตัวของผมเปียกโชกจนเริ่มหนาวสั่น เงินของผมในตอนนั้นก็ไม่พอที่จะซื้อร่มหรือแม้แต่เสื้อกันฝน ผมไม่คิดว่าจะมีใครช่วยผมได้ในเวลานั้นเว้นแต่รออยู่ในร้าน

              เธอไม่เหมือนใครที่มักจะมองผ่านคนที่มีความทุกข์ไปเสียเฉยๆ นั่นคือจุดแรกที่ผมทำตัวไม่ถูก เพราะเธอเดินมาหาพร้อมกับยื่นร่มให้คันหนึ่งแล้วบอกว่า รับไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับด้วยรถของพี่ชายอยู่แล้ว

               ความหวังดีที่ในร้อยคนจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น ผมรับมาอย่างปฏิเสธไม่ออกพูดไม่เป็นภาษา เธอยิ้มแล้วเดินออกไปท่ามกลางสายฝน

              ผมประหลาดใจที่ว่าพี่ชายของเธอจะมารับแท้ๆ จะออกไปเปียกปอนทำไมจึงแอบตามไปโดยมีม่านฝนกำบัง แทบไม่เชื่อว่าเธอเดินต่อไปเรื่อยๆ ราวกับจะกลับบ้านเองเสียมากกว่า ในคืนนั้นผมเลยวิ่งตัดหน้า ทิ้งร่มคืนไว้

              ผมเอาเรื่องของเธอเก็บมาคิดอยู่ตลอดคืน ไม่เคยเจอใครที่คิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองมาก่อน เธออาจไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยที่สุดหรือดีที่สุด แต่ผมชอบเธอเพราะเธออกโตที่สุดผมคิดเช่นนั้น จะชอบส่วนไหนอย่างไรก็คือชอบเหมือนกันนั่นแหละ   

                 ผมเรียกเธอว่านางฟ้าร้านสะดวกซื้อ ในทุกเย็นหลังเลิกเรียนผมมักจะแวะเวียนไปซื้อของที่ร้านนั้นเสมอจนเธอเองก็คงจะจำหน้าผมได้แล้วกระมัง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมแอบซ่อนเงินไว้ภายใต้กางเกงในเพื่อหลีกเลี่ยงหากถูกพวกไอ้ไวน์ไถเงิน ผมต้องแวะเข้าห้องน้ำปั๊มเพื่อเอามันออกมาคืนใส่กระเป๋าสตางค์อยู่เสมอถึงจะน่าเบื่อไปหน่อยก็ตาม เฉกเช่นเดียวกับความชอบเพราะเงินอย่างไรมันก็คือเงิน 

                ผมไม่รู้ว่าคนอย่างผมมันผิดแปลกอย่างไร แต่ถ้ายังมีคนคิดว่าผมปกติอยู่แม้แต่สักคนละก็ เลิกคิดซะเถอะก่อนที่คุณจะเป็นไปกับผมด้วย ว่าไปนั่น เพราะที่ผมคิดกับตัวเองจริงๆ แล้วคือผมปกติดีเพียงแต่ปรับตัวตามสภาพก็เท่านั้น ในสภาพแบบนี้ ใครกันล่ะจะทนไหวหากไม่ปรับตัว

               “นรกส่งมาใช้กรรมชัดๆ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนนอกจากเธอคนนั้นแล้วก็มีแต่สวะทั้งนั้น ลมหายใจแผ่วๆ คืนสติให้ผมฟื้นขึ้น ดันฝันถึงเรื่องที่ไม่อยากจะเจอมันอีกแล้วจนได้สิน่า

                ไลท์ เสียงของไลน์

                ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นหน้าของเธอชัดเจนจนเต็มใบ ตอนนี้ผมคงกำลังนอนบนตักของเธออยู่  เสียงระเบิดดังโครมครามและเสียงการฆ่าฟันยังดังอยู่ต่อเนื่องไม่ขาดหาย ความทรงจำต่างๆ ไหลกลับเข้ามาในหัวจากฝันที่ย้อนความเมื่อปลายปีก่อน

                “ให้ตายสิ ดันตื่นขึ้นมาเจอฝันที่ร้ายยิ่งกว่าซะได้

                ว่าไงนะยะ!” ไลน์ลุกขึ้นปล่อยหัวผมตกลงพื้นดัง โป้ก!

                โอ้ย!”

                 ผมลุกขึ้นคลำศีรษะบริเวณที่กระแทกลงไป ยังระบมจากแผลไม่หาย นอกจากปวดกรามและขากรรไกรแล้วมันยังลามไปถึงส่วนหัวด้วย 

                “ฉันไม่ได้หมายถึงเธอซักหน่อย หมายถึงการรบนี่ต่างหากเล่า” 

                ก็เจ้าไม่พูดให้มันชัดเจนนี่เธอส่ายหน้าหลบไปด้วยท่าทีหงุดหงิด

                สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สนามรบแต่เป็นบ้านเล็กๆ หลังหนึ่ง บางทีผมคงถูกอุ้มเข้ามาในกำแพงเมืองขณะสลบอยู่ และคนที่เปิดทางพาผมกับไลน์เข้ามาคงเป็นมูมู่ซึ่งผมไม่เห็นเธออยู่ร่วมด้วยในตอนนี้

                “นี่ไลน์แล้วมูมู่ล่ะ

                เธอกำลังรบสกัดพวกมันรอเจ้าตื่นอยู่นั่นแหละ ไลน์อธิบาย ขณะที่เธอสร้างความชุลมุน ข้าก็แอบแยกพาเจ้ามาหลบในหมู่บ้านของพวกปีศาจนี่ไง”          

                ขอบใจนะ ฉันต้องพึ่งพวกเธอจริงๆ นั่นแหละ

                คนที่ต้องถูกพึ่งนะมันเจ้าต่างหาก ไปกำจัดจอมมารทิ้งซะ ชดใช้ที่ข้าต้องแบกร่างหนักๆ ของเจ้ามาหลบทั้งๆ ที่ซี่โครงของข้าก็หักเนี่ย” 

                ทวงบุญคุณกันทันทีเลยแฮะ อุตส่าห์กำลังซึ้งใจอยู่หมาดๆ

                ฟันกรามฉันก็หลุดไปตั้งสี่ซี่เลยนะ สี่ซี่ แบบนี้ถ้าจะทานข้าวก็เคี้ยวได้ข้างเดียวนะสิ ผมลุกขึ้นใช้สองมือจับบ่าเขย่าตัวเธอ เอาคืนมาเลยนะ เอาฟันฉันคืนมา

                ชิ น่ารำคาญชะมัด เธอแบมือข้างหนึ่งออกมีฟันของผมอยู่ในนั้น เอานี่ฟันของเจ้า แต่มันหลุดแล้วจะเอาไปทำไมรึ

                ฉันหมายถึงเอามันกลับไปอยู่ในที่เดิมของมันโว้ย!!” อ้าก ทรมาน ทรมานเกินไปแล้ว

     

     

                มากาเร็ตฟื้นตัวขึ้นโดยมีเหล่าทหารช่วยกันพยุง พลังเวทย์ของเธอกำลังจะหมดลงทำให้ต่อจากนี้ไปต้องพึ่งกำลังของทหารที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเปิดทางไปสู่ปราสาท

                ทัพเสริม เราต้องการทัพเสริม ทหารนายหนึ่งตะโกนขึ้นบอกมากาเร็ตขณะฟาดฟันคมดาบใส่ศัตรู จำนวนมันมากเกินไป

                 ดาบน้ำแข็ง และสายฟ้าฟาดฟันสลับกันไปมาปกป้องแม่มดสาว แต่ด้วยความสามารถของพวกเขาเหล่านั้นยังไม่มากพอจะทำลายทัพศัตรูได้จึงถูกต้อนถอยร่นมาเรื่อยๆ 

                มากาเร็ตพยายามทรงตัวด้วยตนเองเดินโซเซออกจากทหารที่พยุงอยู่ ทัพเสริมที่เจ้าพูดถึงน่ะ ก็ต้องการทัพของพวกเราอยู่เช่นกันไม่ใช่หรือไง เธอสูดหายใจเข้าก่อนจะตะโกนออกมา ถ้าต้องการทัพเสริมก็ฆ่าๆ ฆ่าพวกมันให้หมดแล้วไปสมทบกับพวกเขาที่ประตูเมือง เข้าใจมั้ย

                “โอ้!”

                 ทหารเมื่อฟังเช่นนั้นก็ไม่อาจขัดคำสั่ง เมจิกสโตนต่างๆ ถูกนำออกมาใช้ไม่ซ้ำกัน ถึงแม้พลังในการโจมตีจะไม่อาจเทียบกับเหล่าแม่ทัพของพวกเขาได้ แต่ก็มีอำนาจพอที่จะฆ่าอีกฝ่ายเช่นกัน ทหารต่างร่วมมือฟาดฟันสุดกำลังต้านกันอยู่เกือบสูสี

                ในชั่วครู่หนึ่งเสียงควบม้านับพันดังกระหึ่มขึ้นมาจากทางด้านหลังพาให้ทุกคนสงสัยและประหลาดใจ 

                “เสียงนี่มัน ไม่น่าเชื่อ ข่าวของเราไปถึงพวกนั้นแล้วเหรอ ทหารต่างเผยรอยยิ้ม “เอาละงานนี้ถึงตายก็สู้”           

                 มากาเร็ตหันมองไป สักห้าร้อยเมตรเห็นเงาทะมึนของกองทัพเรียงกันสุดสายตาพร้อมเสียงแตรและกลองมโหระทึกดังสนั่น ตึงๆ ตึงๆ ตึง ตึง ตึง ตึงๆ 

                “ทัพเสริมของจริงอย่างนั้นรึ ม้าใช้ส่งข่าวได้ไวจริงๆ เสียงกลองจังหวะแบบนั้นไม่ผิดแน่ ทัพจากพันธมิตร อาณาจักรออสติน มาได้จังหวะพอดีเลยเชียว” 

                เสียงเฮของทหารไม่กี่สิบชีวิตที่เหลือรอดดังสนั่นขึ้นพร้อมๆ กับม้าที่ควบตรงเข้ามาแต่ไกล การรบในศึกทางฝั่งทิศเหนือจึงจบลงอย่างสวยงาม

     

     

                ผมจับดาบขึ้นมาไว้ในมือก่อนจะพยักหน้าให้สัญญาณกับไลน์ถีบประตูออกไปนอกตัวบ้าน เป็นไปตามที่คาดว่ามีพวกทหารปีศาจเต็มไปหมด พวกมันเมื่อเห็นเราสองคนเดินถือดาบออกมาก็เป็นธรรมดาที่จะกรูกันเข้ามานับไม่ถ้วน 

               “เจ้าพวกนี้มันมีกันเท่าไหร่เนี่ย ผมเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจขณะไล่ฟันพวกมันเพื่อเปิดทางไปยังปราสาทสูงตระหง่านเบื้องหน้า

                ไลท์ข้าจะเปิดทางให้ ในอึดใจนี้เจ้ารีบวิ่งไปให้สุดทางเลยนะ จู่ๆ ไลน์ก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางวงล้อมศัตรู

                หมายความว่าไง แล้วเธอล่ะ จะให้ฉันทิ้งเธออย่างนั้นเหรอ ยัยนี่ตั้งใจจะทำอะไรกัน จะเปิดทางให้เหมือนกับที่อาชลินทำอย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นปกติก็จะไปอยู่หรอกแต่ว่า 

                “ตอนนี้เธอกำลังบาดเจ็บอยู่นะ

                “ที่นี่คือหมู่บ้านนะ ไลน์มองมาทางผมด้วยสายตาที่ดูจริงจังสมกับเป็นเธอในครั้งแรกที่ผมเจอ สายตาแข็งกร้าวนั้นทำให้ใจของผมรู้สึกเสียวแปร๊บๆ ขึ้นมา

                “แล้วเจ้าเองจะทำได้ลงอย่างนั้นรึ แววตานั้นไม่ผิดแน่

                แววตาของคนที่พร้อมจะฆ่าผู้อื่น

                ทำได้ลง...หมายถึงสู้กับพวกนี้น่ะเหรอ ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

                ฆ่าเด็กๆ และปีศาจทุกตัวทั้งหมดที่นี่ เจ้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดได้งั้นรึไลท์ ข้าไม่เห็นสายตานั้นจากตัวของเจ้าเลยสักนิด ไลน์พูดขึ้นขณะใช้ดาบฟาดฟันปีศาจที่พุ่งเข้ามาทีละตัว

                “เจ้าพวกนี้ไม่ใช่ทหารแต่เป็นชาวบ้านต่างหาก

                ว่าไงนะ!” ผมเหลือบหันไปเห็นปีศาจเด็กสาวตัวหนึ่งวิ่งหลบเข้าไปในบ้าน อย่าบอกนะว่าเธอ...

                ปีศาจทั้งหมดต้องถูกกำจัด แม้แต่เด็กก็ต้องฆ่าทิ้งอย่าให้มันโตขึ้นมาเป็นปรปักษ์นี่แหละหน้าที่ของเรา” ไลน์ตอบขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเลือดเย็นชวนสยองนั่น เธอสะบัดดาบตัดหัวพวกมันอย่างไม่ไยดี ดาบนั้นชโลมไปด้วยโลหิตเฉกเช่นเดียวกับของผม

              “เราเองก็ฆ่าไปแล้วนี่นะ

              ถ้านับตั้งแต่เดินทางมาวันนี้แค่เพียงวันเดียวผมสังหารชีวิตไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ จำหน้าของพวกมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้านรกมีจริงยมบาลคงรอเอาผมลงกระทะทองแดงอยู่เป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ

              “จะให้ฆ่าเด็กนี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ!”

              ไลน์หันกลับไปทางศัตรูก่อนจะชักดาบอีกเล่มขึ้นมา ดาบคู่!

              “หยุดนะ เปลวไฟเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ ดาบทั้งสอง

              “...

              “หยุด

              “...เปลวเพลิงเริ่มเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อัญมณีสีแดงที่ด้ามดาบของเธอส่องประกาย

              “ฉันบอกว่าให้หยุดไงเล่า!” ผมกระโจนเข้าไปเพื่อหยุดเธอทว่า..

              “ฟีนิกซ์

              สิ้นเสียงคำพูดเพียงสั้นๆ เปลวไฟนกยักษ์ขนาดมหึมาก็ออกมาจากดาบทั้งสองขยายกว้างขึ้นโบกปีกโบยบินแผดเผาหมู่บ้านไปพร้อมๆ กับร่างของพวกปีศาจทั้งเป็น พวกมันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด บ้านทุกหลังถูกนกนั่นเผาจนมอดไหม้ไร้ซึ่งความเมตตา

              ผมวิ่งตรงไปยังบ้านหลังที่เด็กสาวหลบเข้าไป บ้าเอ้ย! บ้าที่สุด!” ผมถีบประตูอย่างสุดกำลังในขณะที่ได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมาจากด้านใน ปังๆ !! ประตูบ้านี่ถีบเท่าไหร่ก็ไม่พังสักที เปลวไฟโดยรอบร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่ผิวของผมเองก็เจียนจะสุกไปอยู่รอมร่อ เธอถูกขังอยู่ในนั้นคงทรมานมากเป็นแน่

              ไลน์เดินตรงเข้ามาใช้ดาบของเธอไล่ฟันแขนขาของพวกปีศาจที่ขวางทางขาดสะบั้น แม้ตัวใดไร้ทางสู้เธอก็ไม่ไว้หน้า พลางเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวมาจนถึงตัวผมที่พยายามพังประตูเข้าไป

              “ถ้าเจ้าคิดว่าการช่วยเจ้าเด็กนั่นคือความถูกต้องละก็ การมีชีวิตอยู่ของเจ้านั่นละที่ผิด

               เธอชี้ดาบไปยังตัวบ้าน

              “อย่านะไลน์!” ผมตะคอกใส่เธอสุดเสียง จับบ่าทั้งสองข้างเขย่า ผมไม่อาจหยุดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างบอกอารมณ์ไม่ถูกได้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเจ็บจี้ลงไปลึกถึงเพียงนี้ 

              “อย่าทำร้ายเธอนะ

              “เด็กๆ พวกนี้ตายไปเป็นหมื่นเป็นแสนในสงครามเพิ่มอีกสักตัวจะเป็นไร ก็แค่เดรัจฉานเท่านั้น แววตาที่แข็งกร้าวแบบนั้นไม่ใช่ไลน์ในแบบที่ผมชอบเลยสักนิด กลับทำให้กลัวจนเสียวเข้าไส้ 

              “ฟี...

              “หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย!!”

              “นิกซ์

               ฟู่ม! ตู้ม! เปลวเพลิงปีศาจนั่นเผาบ้านหลังนั้นซ้ำอีกครั้งจนเกิดเป็นเเรงระเบิด เสียงร้องทรมานของเด็กสาวได้หายไปอย่างถาวรพร้อมๆ กับบ้านที่กลายเป็นจุล

              ผมเดินถอยห่างออกจากตัวเธอ ก่อนจะจับดาบชี้ไปเบื้องหน้า ใช่ ผมชี้ดาบไปหาเธอ ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้นในจิตใจของผมอย่างมหาศาล 

             “ถ้าเธอคิดว่าสิ่งเลวทรามที่ทำนี่มันถูกต้องแล้วละก็ฉันคิดว่า” 

             ผมกัดฟันซี่ที่เหลือดัง กรอด! มองไปยังใบหน้าที่ไร้ความเป็นมนุษย์ของเธอ รอยยิ้มและสายตาแบบนั้นทำให้ผมกลัวก็จริง แต่ว่าความโกรธของผมในตอนนี้มันเกินขีดที่ความกลัวจะหยุดได้เสียแล้ว

               “เธอนั่นแหละที่เป็นปีศาจ

               “ฮุบ! ฮ่าฮ่าฮ่า เสียงหัวเราะดุจดั่งคนไร้สตินั้นหลุดออกมาจากปากเธอ “ข้าละอยากจะขำเสียให้ตาย ข้าก็แค่ทำอย่างเดียวกันเฉกเช่นที่มันทำไว้กับพวกเราเท่านั้นเอง” 

                ไลน์เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน 

                “ปีศาจมันก็ต้องเจอกับปีศาจสิถึงจะถูก

                 ผมพยายามจะสงบอารมณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบากเพียงใดแต่ถ้าเพื่อนเป็นเเบบนี้ผมก็ต้องหยุดเธอให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนกระทั่งผมสังเกตได้ถึงบางสิ่ง

              “ไลน์ เธอน่ะสวยนะ

               หลุดคำพูดสิ้นคิดออกมาซะเเล้วสิเรา

              “หือ!?” เธอทำหน้าประหลาดใจหลังจากฟังผมพูดประโยคนั้น

              “เธอน่ะเป็นหญิงสาวธรรมดาเถอะ ถ้าการจับดาบฟาดฟันนั่นจะทำให้เธอเป็นแบบนี้ ผมมองเธอด้วยความรู้สึกสงสาร ถ้าเธอเป็นปีศาจไปแบบนี้ จะไม่สวยนะ

               “เจ้าพูดอะไร เพี้ยนไปแล้วรึ เธอลดดาบลงขณะมองมาทางผม

              “มือเธอ” ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตะโกนออกไป “สั่นอยู่ไม่ใช่หรือไง

               มันได้ผลแววตาเมื่อก่อนหน้านี้กลับมาแล้ว รอยยิ้มของเธอหุบลง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากไม่ยอมหยุด

              “ฝืนอยู่ใช่มั้ยล่ะ

              “ข...ข้า

              ผมเดินเข้าไปใกล้เธอก่อนจะลูบหัวเบาๆ 

             “เปิดทางให้ก็ขอบใจนะ แต่ขอร้องละ ขณะที่ฉันเข้าไปในปราสาทนั่นเธอห้ามฆ่าคนที่ไม่มีทางสู้เป็นอันขาด

              เธอมองผมด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย หรือบางทีเธออาจจะกำลังสงสัยอยู่ก็เป็นได้ว่าไอ้ผู้กล้าหน้าหล่อนี่มันพูดอะไรของมัน แต่ก็เอาเถอะเหมือนผมจะสยบอารมณ์ประหลาดเมื่อครู่นั้นของเธอไว้ได้ทันละนะ

              “มันอยู่นั่น!!” เสียงของปีศาจตนหนึ่งดังขึ้น แล้วกรูกันเข้ามาเสริมอีกเป็นกองทัพ

              “ข้าจะเปิดทางไว้ให้ ครั้งนี้เจ้าต้องวิ่งนะ!” เธอตะโกนสั่งผมอีกครั้ง “ฟีนิกซ์” เปลวเพลิงเช่นเดิมกวาดล้างสรรพสิ่ง เปิดเป็นทางผ่านให้ผมก้าวไป ความร้อนที่สัมผัสอยู่นี้แผดเผาไปถึงหัวใจของผม

              ภายใต้แสงจันทร์บนเส้นทางสุดท้ายที่ทอดยาวไปถึงตัวปราสาท ผมก้าววิ่งออกไปด้วยแรงฮึดอย่างสุดกำลัง

              หากเรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกกำหนดไว้แล้วละก็ บางทีพรหมลิขิตอาจต้องการให้ผมหยุดมันก็เป็นได้ หยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้และทำให้มันจบสิ้นสักที เช่นเดียวกับโอกาสที่จะทำให้ผมได้สู้เพื่ออะไรสักอย่าง ซึ่งแม้แต่ผมเองนั้นก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    จบตอน

    โปรดติดตามตอนที่ 5

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×