ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lost into the Legend of Light (L.L.L.) 18+

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 16: สมกับเป็นผู้หญิง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 50
      3
      27 มิ.ย. 62

    ตอนที่ 16: สมกับเป็นผู้หญิง

                สามวันที่ผ่านมาเด็กชายและกลุ่มเพื่อนได้เริ่มฝึกวิชาการรบอย่างทุ่มเทควบคู่ไปกับการเป็นสไควร์ผู้รับใช้อัศวิน แต่เช้าจนค่ำไกแบกหามข้าวของให้กับบรรดาขุนนาง เช็ดล้างขัดถูชุดเกราะให้เป็นเงา ทุกๆ ครั้งที่ได้สัมผัสอุปกรณ์เหล่านั้น เขาก็อดเพ้อพร่ำถึงภาพตัวเองเป็นผู้สวมใส่ไม่ได้

                ค่ำนี้เป็นคืนก่อนฤดูกาลแห่งแสง พวกเขาจะไม่เห็นพระจันทร์ไปอีกสองราตรี เด็กชายอยากจดจำและซึมซับอากาศหนาวให้เต็มอิ่ม เขาจึงออกมานั่งรับลมเหนือกองฟางในคฤหาสน์ ขณะมองดวงดาวก็พลันคิดถึงเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพี่สาว ตั้งแต่ตนฟื้นขึ้นมาดูเธอจะเกาะติดมากเป็นพิเศษ ราวกับเป็นด้านตรงข้ามของพี่สาวที่ตนรู้จัก  วิธีเดียวที่จะหลีกพ้นมีแค่การฝึกเพื่อเป็นอัศวินเท่านั้น

                   ใช่ เพื่อลืมเรื่องน่าขนลุกเหล่านั้นไปเสีย มีแต่ต้องหนีออกจากหล่อนเท่านั้น  

                    “บรึ๋ย!” เด็กชายกอดอกไว้แน่นเมื่อหนาวสันหลัง นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

     

     

    ผมลืมตาตื่นขึ้นในวันที่สองของฤดูกาลแห่งแสง มันไม่ง่ายเลยที่จะนอนเต็มอิ่มท่ามกลางแดดจ้าเช่นนี้ ถึงช่วงเวลา(ซึ่งปกติเป็น)กลางคืนจะไร้ดวงอาทิตย์ก็ตาม แต่มันก็สว่างจนต้องเอาผ้ามัดตานอน

    หลังจากคลายปมผ้าออกจึงเห็นร่างเด็กสาวในชุดวันพีชผ้าฝ้ายสีขาวราวหิมะ เธอนอนหลับปุ๋ยขดตัวอยู่ข้างๆ ผิวกายดูนุ่มนิ่มอย่างกับปุยนุ่น ดูเหมือนหมอนข้างที่ใช้คั่นไว้จะถูกถีบตกเตียงไปแล้ว อึก! ให้ตายสิแบบนี้สักวันมันจะห้ามกามอารมณ์ไม่ไหวเอานะ

    ต...ตื่นได้แล้ว โซเซเฟียไม่รู้ทำไมถึงเผลอกดเสียงต่ำโดยไม่รู้ตัว อะแฮ่ม! แค่ก! แค่ก! น่าจะเช้าแล้ว มั้งนะ

    อืม งืม....เพคะเธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาออกใช้นิ้วเรียวบางถูไถเบาๆ ขณะเอนขึ้นท่าตะแคง เส้นผ้าบางๆ ที่ยึดวันพีชไว้กับบ่าเลื่อนหลุดเล็กน้อย มองผมตาปริบๆ ท่านผู้กล้า

                ว...ว่าไง

                เลือดค่ะ

                ฮะ!?”

                เธอยื่นหัวแม่มือเข้ามาสัมผัสเหนือริมฝีปากบนของผม ปาดออกเบาๆ เป็นโลหิตแดงก่ำติดไป เธอพินิจมันเอียงคอไปทางซ้ายปล่อยปอยผมสีเขียวตกลงมา ให้เรียกหมอหลวงไหม

    รึว่าจะ กำเดาเดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่ากำเดาออกตอนคิดเรื่องลามกเนี่ยมันมีแต่ในการ์ตูนหรอกเรอะ!!

                ไม่ต้อง

                ทำไมล่ะ เดี๋ยวอาการจะแย่เอานะก็รู้หรอกนะว่าเป็นห่วงแต่...

                ผมเผลอกดเสียงต่ำลงอีกไม่ได้เด็ดขาด!” ถ้าถูกบอกว่าใจเต้นแรงสูบฉีดจนกำเดาแตก มีหวังอายประชาชีไปถึงไหน 

                หาวววเธอบิดขี้เกียจต่อหน้าผมอย่างไม่อาย อืม แต่รักแร้นั่นขาวสะอาดมากเลยแฮะ ....นี่ตูคิดอะไรฟระ

                ไม่ไหว ไม่ไหวแล้วจริงๆ สักวันผมต้องกู่ไม่กลับแน่ ในยุคกลางแบบนี้ไม่มีห้องน้ำซะด้วย การจะปลดปล่อยความรู้สึกอย่างว่าแบบชายหนุ่มทั่วไปคงทำไมได้ สมกับฉายายุคมืดจริงๆ ขนาดคนละโลกกันแท้ๆ ยังเกือบจะถอดแบบมาเป๊ะๆ

                ฮึก! พอนึกถึงห้องน้ำแล้วน้ำตาจะไหล รู้ไหมว่าต้องทำยังไงจึงจะสามารถทำธุระลำไส้ได้ในยุคนี้ ผมจะบอกให้ว่ามันฝันร้ายเลยแหละ คุณจะมีกระโถนมาให้บางครั้งก็ถัง ไม่มีน้ำราด ไม่มีทิชชู ชายรึหญิงก็ไม่เว้น คุณต้องถ่ายมันลงในนั้นแล้วคนใช้จะมาเก็บไปล้าง นั่นล่ะที่ผมเจอมาตลอดหลายวัน ไม่แปลกใจว่าทำไมในหนังถึงไม่เคยเห็นอัศวินหรือขุนนางเข้าห้องน้ำ

                ท่านผู้กล้า ร้องไห้ทำไมคะ         

                ป...เปล่าผมใช้แขนเสื้อซับน้ำตาแห่งความขมขื่น

                เธอดีดหน้าผากผมดัง เป๊าะ! แล้วหัวเราะคิกคักวันนี้เราจะไปดูพวกเด็กๆ ฝึกดาบ ท่านจะไปด้วยรึไม่

                เด็กๆ ที่ว่าคงจะเป็นพวกไกสินะ หลังจากเมื่อวานมันวุ่นวายจนต้องขอยกเลิกเทศกาลกะทันหัน วันนี้พวกเขาก็คงได้ฝึกกันตามปรกตินั่นล่ะ จะว่าไปตั้งแต่เกิดเรื่องที่คฤหาสน์เราก็แทบไม่ได้เจอกับไลน์และไกเลย เป็นอย่างไรกันบ้างนะ

     

               

                การจะฟันดาบให้ฉับไว และเชือดเฉือนศัตรูได้นั้น ใช่จะพึ่งแต่คมเหล็ก พวกเจ้าต้องมีข้อมือและกำลังแขนที่แข็งแรงมั่นคง เข้าใจไหมเสียงครูฝึกอัศวินสาวดังมาแต่ไกลขณะที่ผมเดินตามโซเซเฟียต้อยๆ

                แสงอาทิตย์สาดเข้าจากทางออกฝั่งเหนือของราชวัง เผยสนามหญ้าเขียวชอุ่มติดกับคอกม้าทำจากอิฐ ได้ยินเสียงดาบหวดลมดัง ฟึบฟับ  ตามด้วยการตอบรับจากนักเรียน ครับ/ค่ะ

                ขยันกันจังนะผมเอ่ยอย่างแพ้พ่ายเมื่อคิดว่าพวกเขาช่างทุ่มเทกับความใฝ่ฝัน แดดร้อนขนาดนี้ก็ยังไม่หวั่น แต่ทั้งหมดต้องยกความดีความชอบให้กับโซเซเฟียล่ะนะ ก็เธออุตส่าห์ยอมให้โอกาสนี่นา เพราะเธอแท้ๆ พวกเขาถึงได้ทำตามฝัน ฉันยังอยากขอบคุณแทนเลย

                ความจริงท่านก็มีส่วนนะน้ำเสียงสดชื่นเปล่งดังมาจากแผ่นหลังที่ผมมองอยู่ถ้าไม่ได้ท่าน เราก็คงไม่รู้ว่ามีเด็กๆ เหล่านี้อยู่ พวกเขามีใจบริสุทธิ์ มีอุดมการณ์ มีความซื่อตรงต่อตัวเอง เพราะแบบนั้นเราถึงรักเด็กๆ ไงล่ะ

                อึก! อย่าจู่ๆ ก็หันมายิ้มแบบนี้สิโว้ย พักหลังจะแยกไม่ออกระหว่างรักกับหลงแล้ว และกับยัยนี่ด้วยยิ่งลำบากใหญ่

                ว่าแต่ท่านเถอะจู่ๆ น้ำเสียงเธอก็แผ่วเบาลงไปราวกระซิบ เขยิบเข้ามาใกล้ใบหู

                อ...อะไร

                ไม่อยากมีโอรสบ้างเหรอพรวด!!!!

                พูดอะไรของเธอ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะคบกันแบบเพื่...จู่ๆ เธอก็เอานิ้วแตะริมฝีปากผมไว้

    ไม่ได้บอกเลยนะว่ากับเรา

    ย...ยัยนี่เดี๋ยวปั๊ดจับกดเป็นละครหลังข่าวเลยโว้ย  

    จากนั้นเธอก็หัวเราะ โฮะ โฮะ โฮะ ดั่งสะใจที่แกล้งผมให้หน้าร้อนผ่าวได้ ก่อนออกสู่นอกเคหะ

                 อ...องค์หญิง!” ผมยังไม่ทันได้ตามออกไปเสียงจากพวกเด็กๆ ก็ดังพร้อมเพรียงอย่างที่คิด หลังจากชะโงกหน้าปรับตาให้เข้ากับแสงแล้วจึงเห็นไก เดรก และคนอื่นๆ คุกเข่ากันอยู่

                เจเน็ตเงยใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาจ้องผมตากลมโต ท่านผู้กล้า!”

                เดรกใช้ศอกสะกิดเธอเบาๆ แล้วทำเสียงดุเล็กน้อย เฮ้ย! ต้องเรียกว่าองค์ชายสิ

                อ...อ๊ะ! จริงด้วยเด็กสาวตกใจเสียงสั่นพร่า ข...ขออภัยเพคะ ฝ...ฝ่าบาท

                 .... ผมได้แต่ยืนอึ้งแข็งเป็นท่อนไม้ จะเอาไงดีวะ นี่ตรูต้องแสดงอาการแบบไหน นี่มันประหม่ายิ่งกว่ารายงานหน้าชั้นเรียนเลยนะ อ...อันตัวเรา...

                ฮุบ! จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะดังมาจากยัยเจ้าหญิงที่อยู่ข้างๆ ชวนให้หงุดหงิดชะมัด

                พวกเจ้ายืนได้แล้วล่ะ ก่อนที่พระสวามีเราจะเป็นลมเป็นแล้งไป

                เสียงหัวเราะดังครึกครื้น ทำให้สวนที่บรรยากาศอบอ้าวดูสดใสมากขึ้น แต่ทำไมผมไม่รู้สึกมีความสุขกับมันก็ไม่รู้

                พักยกถัดจากคุยบางอย่างกับโซเซเฟีย เจ้าของเสียงครูฝึกห้าวๆ เมื่อครู่ก็ก้าวออกมาบอกกลุ่มลูกศิษย์ เรือนผมสีเงินของหล่อนช่างดูคุ้นตาเหมือนผมเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง อืม... แต่มันที่ไหนกันนะ

                เธอใช้สองมือขยี้หัวไกกับสวีฟเสียจนผมยุ่งอย่างเอ็นดู แล้วเดินมาหาผมด้วยรอยยิ้ม ปล่อยพวกเด็กๆ วิ่งไปชักถังน้ำจากบ่อขึ้นมาดื่มกิน 

    ไม่ได้เจอกันนานนะเพคะ

    ฮะ!?” น้ำเสียงทักทายอย่างเป็นกันเองทำให้ผมคิดฉงน เราเคยพบกันมาก่อนงั้นเหรอ

    ดวงตาสีเงินของเธอเบิกกว้างประหนึ่งตกใจ จากนั้นจึงตั้งสติแล้วตอบกลับมา อาจเพราะกะทันหัน ท่านจึงไม่ทันจำข้าได้ แต่เราพบกันในสนามรบเพคะ

    ....

    สนามรบ...ตอนไหนวะ? ผมมองหน้าเธออย่างพินิจ ผมสีเงิน ตาสีเงิน ใบหน้ารูปกลม จมูกคมสวย รึว่า!

    เธอใช้เมจิกสโตนธาตุอะไร

    ธันเดอร์สโตนเพคะ

    “….”

    เราจ้องหน้ากันนิ่งๆ ครู่หนึ่ง

    เธอเองเรอะ!!!” ผมจำได้แล้ว หล่อนคือยัยบ้าที่มาสอนให้ผมร่ายเวทย์ใส่ดาบตอนรบ ปากบอกจะช่วยเปิดทางให้เข้าปราสาทแต่พอเจอไอ้ตูดบานก็เผ่นแนบทิ้งผมไว้คนเดียว ยัยบ้าคนนั้นนั่นเอง

    พวกท่านเคยพบกันด้วยเหรอโซเซเฟียหันซ้ายขวามองเราทั้งคู่ ถึงจะถามอะไรมาแต่บรรยากาศมืดมนของผมปกคลุมจนแทบไม่ได้ยินเสียงใดๆ

    ....ทำไมผมยื่นมือเข้าไปจับบ่ายัยครูฝึกผมเงิน

    เพคะ

    ทำไมหล่อนถึงทิ้งให้ฉันไปสู้กับไอ้บ้านั่นเองฟระ!” โป๊ก!!!! เพราะโมโหจนขาดสติรู้ตัวอีกทีผมก็โหม่งใส่หัวหล่อนเต็มๆ ไปแล้ว แต่ก็นะ โอย ปวดหน้าผากตุบๆ สั่นไปยันฟันเลย

    อูย! ท่านโหม่งข้าทำไม

    ท่านผู้กล้าท่านทำอะไรหนะ!” โซเซเฟียผงะถอยออกไป คงจะตกใจพอสมควร แต่เรื่องนั้นช่างก่อนถ้าไม่เคลียร์กับยัยนี่ผมไม่หายเคืองจริงๆ ด้วย

    ตูดบาน...ไอ้ตูดบานนั่นผมกัดฟันกำหมัดแน่น ดุจจะบดขยี้บางสิ่งในอุ้งมือ

     ตูดบาน??” ครูฝึกกับโซเซเฟียพูดเป็นเสียงเดียวกัน

    จู่ๆ ความรู้สึกเจ็บแค้นตอนที่ต้องไปสู้เองจนฟันหักมันก็แล่นผ่านเข้ามา นำตาคลออยู่จวนจะเทเป็นน้ำตก ฮึก! ฮึก ฮือ เพราะเธอ ไอ้ตูดบาน ฉันถึงต้องสู้กับตูดบาน

    และแล้วก็กลายเป็นว่าทั้งสองคนต้องมาปลอบผมแทน

     

               

                เวลาพักผ่านไปพวกเด็กๆ จึงเริ่มการฝึกซ้อมหวดดาบกับอาจารย์ โดยเธอให้พวกเขาสวมชุดเกราะขนาดพอเหมาะเข้าสู้กับตนเองเพื่อจดจำกระบวนท่าและไหวพริบในการหลบหลีก อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาวุธที่ใช้เป็นดาบจริงผมเลยอดเป็นห่วงไม่ได้

                เราเคลียร์กันแล้วจึงได้รู้ว่าหล่อนชื่อลิเกล เพราะในตอนนั้นเธอรับหน้าที่เป็นอัศวินใต้การปกครองของชาล็อตจึงไม่อาจออกห่างจากเขาได้ และด้วยเหตุนั้นผมจึงได้เข้าใจว่าในระบบการปกครองในยุคนี้ มีสิ่งทีเรียกว่าระบบฟิลแดล (Feudalism) อยู่ด้วยนั่นเอง ถึงจะเคยเรียนมาบ้างในภาคประวัติศาสตร์เกี่ยวกับศักดินา แต่ก็เพิ่งรู้นี่แหละ ว่าข้ารับใช้มีสองแบบ คือ ข้าทาส กับ ข้าไท

                ในกรณีข้าทาสก็คงไม่ต่างกับสิ่งของที่ซื้อได้ด้วยเงินตรา อาจมาทั้งจากหนี้พนันและการเป็นเชลยศึก แต่ข้าไทนั้นต่างออกไป พวกเขานำที่ดินของตนมามอบให้แก่ขุนนาง ทำงานรับใช้อย่างอิสระไม่ได้เป็นทาสใคร แลกกับการปกครองดูแลจากขุนนางผู้นั้นตลอดจนเรื่องเสื้อผ้าอาหาร เพราะแบบนี้จึงมีทั้งขุนนางที่รับใช้ขุนนางด้วยกัน ดั่งที่ลิเกลเป็นต่อชาล็อต

                ข้าไท หรือขุนนางผู้น้อยนั้น เมื่อผู้เป็นนายออกรบจับศึกก็จำต้องสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เฉกเช่นทหารส่วนตัว เพราะแบบนี้เธอจึงไม่อาจห่างจากเขามากเกินไป

                แต่ทั้งอย่างนั้นชาล็อตก็.... ผมไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจริงๆ แล้วเธอรู้สึกอย่างไร

                ท่านผู้กล้า อ...เอ่อ องค์ชายเสียงแจ้วๆ ดังเพรียกขึ้นขณะผมเหม่อลอย

                เมื่อสายตาของผมจรดลงที่คู่สนทนาจึงรู้ว่าเป็นไกที่เพิ่งฝึกดาบเสร็จมาเมื่อครู่ ตอนนี้เป็นคิวของเดรกซึ่งกำลังทุ่มสุดตัวประดาบกับครูสาว

                เรียกตามที่สะดวกเถอะ ฉันก็ยังเป็นฉันล่ะนะผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ จากสถานะเด็กนักเรียนเตรียมสอบผันมาเป็นผู้กล้า แล้วก็โดนจับมาเป็นเจ้าชาย นี่มันนิทานยุคดึกดำบรรพ์รึไงนะ

                ขอบคุณมากนะครับ ที่มาช่วยผมไว้เขาใช้มือขวากุมอกซ้ายแล้วโค้งคำนับ ผมที่เลิ่กลั่กจึงเผลอโค้งตอบ เด็กชายเห็นดังนั้นจึงชะงักเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบาๆ

                ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าเขาดูโตขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอกันมาก มันบอกไม่ถูก ไม่ใช่แค่ไก แต่เดรกก็เช่นกัน

                ช่วยนายก็เท่ากับช่วยพวกเขาอีกห้าคนด้วยล่ะนะผมมองกลุ่มเด็กๆ ที่จ้องการต่อสู้ของเดรกตาเป็นมัน นายนี่ดีนะ มีคนให้ความสำคัญขนาดนี้

                ไกเกาศีรษะท่าทีเคอะเขินเล็กน้อยก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ

                หึ แล้วพี่สาวนายล่ะเป็นไงมั่งผมขำสั้นๆ ให้กับใบหน้าแดงก่ำของเขา

                เอ่อ...คือเรื่องนั้น...เอ่อทันทีที่ถามเด็กชายก็อ้ำอึ้ง เหงื่อตกจนจับพิรุธได้ง่ายๆ ประมาณว่ามันต้องมีอะไรแน่นอน

                จะอ้ำอึ้งทำไม ไลน์ไม่สบายรึไงผมแตะบ่าเขาเบาๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับสะดุ้งโหยงถอยไป ใบหน้าถอดสีอย่างกับผีเข้า ไก! เกิดอะไรขึ้นกับไลน์ผมยืนขึ้นถามซ้ำ เพราะมันชักน่าเป็นห่วงขึ้นทุกที

                ป...เปล่าครับ จะว่าเปล่าก็ไม่ใช่แต่...มันก็น่าจะเปล่า มั้งครับ

                อะไรของนายฟระ แล้วมันเปล่ารึไม่เปล่า!!” ผมเริ่มหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโอเวอร์รีแอคชั่นขนาดนั้น

                พ...พี่เขา...เป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงไปแล้วครับ

                “???”

    แล้วที่ผ่านมายัยนั่นไม่ใช่ผู้หญิงเรอะ!!!

                นี่มันช็อคสุดๆ รึว่าตลอดมาเราคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแต่ที่แท้ หมายความว่า ล...ไลน์เป็นผู้ชายมาโดยตลอดงั้นเหรอ!!!!!!!!!!!!!!!!!” จะว่าไปหน้าอกของยัยนั่นก็เหมือนจะไม่มีด้วยนี่นะ แถมยังใส่แต่ชุดเกราะตลอดเวลา จะว่ามันหลอกตาก็...

    ไม่ใช่ครับคือพี่เขาเป็นผู้หญิง แบบ...โอยท่านไปที่คฤหาสน์นะครับ แล้วจะเข้าใจทุกอย่างเองไกส่ายหัวอย่างกับจะสะบัดเอาความคิดออกไป เขาเดินกลับไปสมทบกับคนอื่นๆ เหมือนว่าเดรกจะส่งดาบต่อให้อังเดรแล้ว

                เฮ้อ ช่วยไม่ได้แฮะ ยิ่งมาทำท่าทีแบบนั้นผมก็ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่

                ด้วยเหตุนี้จึงได้ขอตัวออกมาจากโซเซเฟียและเด็กๆ เพื่อไปดูให้เห็นกับตา ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้ไกหน้าซีดเผือดขนาดนั้น          

     

                 

                ผ่านมาสี่ห้าวันแล้ว แต่มันก็เหมือนกับเมื่อวานเลยแฮะถึงจะมาตอนกลางวันแต่ภาพคฤหาสน์ของไลน์ก็ยังสีแดงสดสูงตระหง่านชวนขนลุกเช่นเคย ไลน์!” ผมตะโกนดังๆ เพื่อให้คนจากด้านในออกมาต้อนรับ แต่ก็แน่ล่ะทั้งพ่อบ้านและญาติพี่น้องต่างก็เข้าซังเตไปหมดแล้วข้อหาผลิตและใช้งานเมจิกสโตนดัดแปลง ที่เดินมาเปิดประตูจึงมีแค่เด็กสาวผมยาวสลวยในชุดเชอร์โคทสีเขียว (Surcoat) ลักษณะแม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น

                เอ่อสวัสดีครับ ผมมาหาไลน์ครับ เธออยู่ไหมเราสบตากันครู่หนึ่ง หล่อนยิ้มเผยใบหน้าหวานๆ ภายใต้เรือนผม

                ท่านแม่ทัพไลน์อยู่เพคะ เชิญพระองค์รอที่ห้องอาหาร ประเดี๋ยวหม่อมฉันไปตามมาให้เธอกล่าวอย่างนุ่มนวลพลางโค้งคำนับก่อนจะเปิดรั้วนำผมเข้าไป จะว่าไงดีล่ะ บรรยากาศมันต่างกับครั้งแรกที่มาเลย

                ภายในโถงคฤหาสน์ถูกประดับตกแต่งใหม่ด้วยโคมระย้าแบบจุดเทียนประดับด้วยคริสตัล โต๊ะไม้ยาวขนาดใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะกลมห้าโต๊ะแทน ประตูห้องใต้ดินถูกรื้อออกประหนึ่งจะไม่ให้ใครใช้มันอย่างลับๆ ล่อๆ อีก

                นั่งรอตรงนี้สักครู่นะเพคะ สาวชุดเขียวโค้งคำนับซ้ำอีกครั้งก่อนจะหายขึ้นไปบนบันได

                อืม เพราะถ้าไลน์จะอยู่กับไกแค่สองคนก็คงลำบาก หล่อนเลยต้องจ้างแม่บ้านมาดูแลคฤหาสน์สินะ หากตัวเองไม่อยู่ก็จะได้มีคนดูแลด้วย แต่ให้ตายเถอะ เล่นเอาแม่บ้านสวยใสน่ารักแบบนี้มาทำงาน จะไม่ให้แขกใจเต้นก็ยากหน่อยล่ะ

                ผ่านไปห้านาทีเห็นจะได้แม่บ้านจึงกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำสองใบและเหยือกเหล้า เธอวางถาดลงบนโต๊ะรินน้ำสีอำพันใส่แก้วโลหะให้ผมใบหนึ่ง และอีกใบหนึ่งวางไว้บนฝั่งตรงข้าม

                เอ่อผมไม่กินเหล้านะครับ ไม่ใช่เพราะว่าอายุไม่ถึงหรอกนะ แต่มันขม และผมไม่ชอบเลยสักนิด ไม่รู้ทำไมคนถึงยอมเสียเงินให้ไอ้ของรสห่วยพรรณนี้ด้วย

                “…” แต่เธอยิ้มไม่ตอบอะไร แถมยังนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามอีกด้วย

                สายตาเราจ้องประสานกันชวนอึดอัดทำให้สังหรณ์ใจบางอย่าง

                เอ่อ…ผมอ้าปากหวอ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป รอยยิ้มของเธอทำผมปวดท้อง คุณ...”

                “เพคะเธอยิ้มและจิบเหล้าจากแก้วอย่างประณีตพอให้น้ำแตะริมฝีปาก

                แล้วไลน์ล่ะ

                อยู่ตรงหน้าท่านไงเพคะ ฝ่าบาท

                หึหึรู้สึกได้ว่าตัวเองคิ้วกระตุก จู่ๆ มือผมก็คว้าแก้วเหล้าซดเข้าคอไปรวดเดียวหมด ดั่งว่าเป็นการตอบสนองโดยอัตโนมัติ ฉันเมา ฉันเมา ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นเฮือก ขมชะมัด

                ฉันก็แค่ปล่อยผมแท้ๆ นะคะเธอถอนหายใจ

                นี่อากาศมันร้อนมากจนทำให้อยากวางชุดเกราะมาเปลี่ยนลุครึไง 

                ไลน์เงียบไปเหมือนครุ่นคิด สักพักจึงถามกลับมา แล้วมีอะไรหรือคะ ถึงได้ถ่อมาถึงเพียงนี้” ถ้าให้เทียบมันเหมือนกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว เธอที่อยู่ในสายตาของผมตอนนี้ น่ารักซะจนไม่เหลือภาพของนักรบเลยแม้แต่น้อย

                ได้ข่าวจากน้องชายว่าเธอกลายเป็นผู้หญิง ก็เลยอยากมาดูเหมือนเหล้าจะทำให้หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมา แต่จะเมาตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด

                เธอหันมาจ้องผมรูม่านตาขยาย ก่อนจะก้มมองแก้วในมือ ก็ฉันเป็นผู้หญิงนี่คะ

                 อ...อืม พอเห็นเธอในชุดนี้แล้วมันก็ เชื่อได้จริงๆ แหละ

                หมายความว่าไงคะคราวนี้เธอแก้มป่องมองผมแบบงอนๆ ว่าแต่ คะงั้นเหรอ

                นี่เธอ คงไม่ใช่ว่าพยายามทำตัวให้สมกับเป็นหญิงอยู่หรอกนะ

                ป...เปล่าซักหน่อยนะคะ

                ฮึ่มถึงจะปฏิเสธแต่สีหน้าเธอที่เหงื่อตกนี่มันเหมือนกับไกจนสมเป็นพี่น้องกันเลยจริงๆ

    ผมคงจ้องจนหล่อนอึดอัด เธอจึงเผลอจิบเหล้าไปหมดแก้วในลักษณะเดียวกัน

    ที่จริงแล้วฉันหลังจากความเงียบกลืนกินไปพักหนึ่ง หญิงสาวก็เริ่มประโยคสนทนาด้วยใบหน้าสีเลือดฝาด ไม่รู้ว่าเพราะเหล้ามันแรงหรือเขินอายกันแน่ ก็แค่อยากกลับไปเป็นพี่ที่ดีของเขาเท่านั้นแหละค่ะ

      หา!? เธอก็ดีอยู่แล้วนี่นา

    ทว่าถึงจะพูดแบบนั้นหล่อนก็เพียงส่ายหน้ากลับมา ไม่หรอกเธอหันข้างยกขาขึ้นมากอดเข่า สายตาจ้องมองจรดปลายเท้า พี่อย่างฉันที่มัวแต่ปล่อยให้ความแค้นครอบงำจนไม่คิดถึงน้องชาย ไม่ใช่พี่ที่ดีหรอกค่ะ

                แล้วมันเกี่ยวอะไรที่ต้องมาทำตัวอ่อนหวาน พูดจา คะ ค่ะ ด้วยล่ะ นี่ไม่ใช่เธอซักหน่อย

                ไม่ได้หรอก!” ไลน์ส่ายหน้าอย่างรุนแรง ก็ฉันเคยเป็นแบบนี้มาก่อนที่จะเปลี่ยนไป เป็นพี่ที่ใจดีและอ่อนหวาน เหมือนก่อนที่สงครามนั้นจะเกิดขึ้น

                เข้าใจล่ะ มันเป็นอย่างนี้เอง เพราะเธอเชื่อว่าถ้ากลับไปเป็นคนอ่อนหวานเหมือนเมื่อก่อน จะพอชดเชยในสิ่งที่เธอพลาดไปได้สินะ อยากกลับไปเป็นพี่สาวที่ดีคงเป็นสิ่งหวังไว้ แต่ว่านะ

                ไลน์ต่อให้เธอจะเคยเป็นแบบนั้น แต่ในตอนนี้น่ะ นั่นมันไม่ใช่เธออีกแล้วนะผมเอนตัวเข้าหาอีกฝ่าย พยายามส่งความรู้สึกไปให้ถึง ไม่มีทางที่จะเป็นเธอคนนั้นได้อีกแล้วล่ะ

                “ท่านจะมาเข้าใจอะไร!เสียงจากความเจ็บปวดกลืนกินไปทั่วห้องโถง ดังกึกก้องประหนึ่งสะท้อนอยู่ในหัว ทั้งที่ท่านยังเป็นคนพูดเองแท้ๆ

                “ฉัน!?” ผมชี้หน้าตัวเองแบบงุนงง

                “ท่านบอกว่าอยากให้ข้าเป็นหญิงสาวธรรมดาไม่ใช่หรือไง จะทั้งสวย และใจดี ไม่ได้โหดเหี้ยม สมใจท่านด้วยมิใช่เหรอเพคะ หงะ! ไหงโยงมาเกี่ยวกับฉันเฉยเลยวะ

                อ...เอ่อ ก็ตอนนั้นมันฉุกละหุกนี่นาเพราะถ้าไม่พูดอย่างนั้นในตอนนั้น เธอจะต้องฝืนทำเรื่องโหดร้ายอย่างการฆ่าพวกชาวบ้านปีศาจที่ไร้ทางสู้....จริงด้วย! ไลน์

                ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะไม่กลับไปเป็นปีศาจแบบนั้นอีกแล้วค่ะ

                ฟังฉันก่อนไลน์!” ด้วยความที่จริงจังมากๆ รู้ตัวอีกทีผมก็พุ่งเข้าจับไหล่ทั้งสองของเธอแล้ว เธอไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ เธอไม่ได้โหดร้ายสักหน่อย

                เมื่อเราสบตากันผมจึงรู้ว่าเธอร้องไห้อยู่ เนื่องจากไม่ใช่ภาพที่เคยเห็นมาก่อนเลยทำให้ใจหายพอสมควร น้ำเสียงสะอื้นเอ่ยจากฝีปากสีทับทิม “ไม่จริงค่ะ ข้าฆ่าพวกปีศาจด้วยความเกลียดชัง เป็นอัศวินเพื่อล้างแค้นเท่านั้น และตอนนี้มันควรจะจบได้แล้ว” 

                อย่างที่คิด คะ’ ‘ค่ะ ไม่เหมาะกับยัยนี่เลยจริงๆ

                เธอจำได้ไหม ตอนที่ฉันห้ามเธอไม่ให้ฆ่าพวกชาวบ้านปีศาจ เธอมือสั่นอยู่นะ เธอตื่นกลัว เธอไม่ได้เต็มใจจะทำซักหน่อย ความโกรธแค้นไม่ได้ทำให้ความใจดีเธอหายไปไหน เธอก็แค่ไม่เห็นมันเท่านั้นเอง

                แต่...แต่ว่าข้าน้ำทะเลหม่นเอ่อล้นจนร่วงโรย เปรอะเปื้อนใบหน้าที่ดูบอบบางกัดผิวจนแดงเรื่อ ข้าไม่ได้ดูแลน้อง

                ช่างสิ่งที่เธอยังไม่ได้ทำมันซะ แล้วลงมือทำ!” แย่ล่ะเพราะเหล้าแท้ๆ ทำให้คุมระดับอารมณ์ไม่อยู่ ดันเผลอตะคอกซะได้ อ...เอ่อ เธอเป็นเธอมันดีอยู่แล้วล่ะนะผมเสียงทำค่อยด้วยความรู้สึกผิดที่ตวาดใส่ไลน์เมื่อครู่

                ใบหน้าที่โอบอุ้มความเจ็บปวดนั้นคลายลงแล้ว ถึงผิวพรรณจะบาดเจ็บจากน้ำตาแต่ภายใต้เรือนผมนั้นช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน อะไรกันเล่า จ้องข้าอยู่ได้เธอเบี่ยงสายตาหลบไปทางอื่น รู้แล้วน่ะ ข้าจะเป็นข้า แค่นี้ก็พอใจแล้วใช่มั้ย

                อืม นี่แหละเธอล่ะ

                ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ไลน์ในเวอร์ชั่นสาวแตกนี่มันช่าง...ให้ตายสิแบบนี้มันยิ่งลำบากใจมากไปอีกแฮะ ทำไมเรามันใจง่ายขนาดนี้เนี่ย ห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ไหน!!!

                “แต่ว่านะไลท์

                ฮะ!” ตกใจหมด คนกำลังคุมสติอยู่นะเฟร้ย

                คือว่าความจริงแล้ว ข้ายังมีอีกเรื่องล่ะนะ

                อะไรเหรอดูเธอจะเกร็งๆ อยู่สักหน่อย ก่อนจะสูดลมหายใจเสียเฮือกใหญ่ เสมือนมันหนักหนามากที่จะเอ่ยออกมา ย...อย่าบอกนะว่าจะสารภาพรัก เฮ้ย นี่คงไม่ใช่อย่างนั้นใช่ม…

                “ข้าจะเลิกเป็นอัศวิน

                ม..มั้ย? อ..เอ๊ะ!”

    จบตอน

    โปรดติดตามตอนที่ 17


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×