ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The wings of seven colors ตำนานปีก7สี

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำที่2: พันธสัญญาของเทพตกสวรรค์ กับ ปีกสีเขียว

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 61


    The wings of seven colors ตำนานปีก7สี

    บทนำที่2: พันธะสัญญาของเทพตกสวรรค์  กับ ปีกสีเขียว

                    กริ๊ง!!!!!! เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้นเมื่อหมดเวลาอันแสนน่าเบื่อ ผมคว้ากระเป๋าเป้ที่พาดไว้กับเก้าอี้ขึ้นสะพายบนบ่าก่อนจะเกาหัวแกรกๆ ! เดินตามหลังฝูงเพื่อนออกจากห้อง

                    ผมชื่อมิคาเมะ คาซึยะ มิคาเมะคือชื่อจริง ส่วนคาซึยะคือนามสกุล ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนซึ่งย้ายมาเรียนในประเทศไทยเมื่อราวๆ สองเดือนก่อน ถึงจะคุ้นตาบ้างแล้วกับเส้นทางไปกลับระหว่างบ้านและโรงเรียน แต่ก็ยังจำเส้นทางในตัวเมืองไม่ค่อยได้ ว่าไงดีล่ะ! ถ้าจะไปในเมืองก็คงต้องพึ่งคุณลุงคุณป้าที่มาอาศัยด้วย ซึ่งมันค่อนข้างเกรงใจอยู่ไม่น้อย และถึงแม้ที่บ้านพักจะมีน้องสาวแสนสวยอยู่ด้วยอีกคน แต่สองเดือนที่ย้ายเข้ามาเธอกับผมก็ไม่เคยคุยกันเลยสักนิด ทางผมเองก็ไม่รู้ด้วยสิว่าควรจะทักไปแบบไหน จึงลงเอยว่าต้องอยู่เหมือนเราต่างไร้ตัวตน ส่วนเพื่อนๆ ในโรงเรียนนี้นิสัยดีมาก วันแรกที่เข้ามาก็แห่มุงดูผมกันเหมือนกับที่ญี่ปุ่นไม่มีผิด แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังหาเพื่อนสนิทได้ไม่มากเท่าไหร่

                    “หาว...ภาษาไทยนี่มันยุ่งยากกว่าตัวคันจิของญี่ปุ่นอีกแฮะ!!” ผมสบถออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น พลางเดินตรงไปตามระเบียงทางเดินก่อนจะก้าวขาลงบันได ตลอดทางมีเสียงทักทายไม่ขาดสาย ดูเหมือนการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในที่นี่จะดูเป็นเรื่องพิเศษไปเลยสินะ! ผมคิดในใจ

                    เมื่อเดินออกจากโรงเรียนมาเรื่อยๆ จนถึงทางคดเคี้ยวในซอยเล็กๆ ซึ่งเป็นทางกลับบ้านพัก ทุกอย่างมันควรจะราบรื่นเหมือนตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เช้ามาเรียนเย็นกลับบ้านหัวค่ำนอน วันหยุดท่องเที่ยว ชีวิตที่วางแผนไว้มันกำลังไปได้สวยเลยทีเดียวจนกระทั่ง!

                    ตุบ! เสียงของชายคนหนึ่งเลือดอาบไปทั่วทั้งตัวกำลังแบกสาวสวยบนแผ่นหลัง เขาเดินเซไปเซมาพิงผนังในซอยแคบๆ แล้วก็มาล้มลง ณ เบื้องหน้าของผม ดูจากลักษณะการแต่งกายและสีผมแล้ว น่าจะไม่ใช่คนไทยแฮะ เอ่อ...เป็นอะไรรึเปล่าครับผมถามเป็นภาษาอังกฤษ

                    คงมาได้แค่นี้สินะ!” ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทีเจ็บใจเป็นภาษาบางอย่าง ซึ่งน่าแปลกใจว่าทั้งที่เป็นภาษาที่ผมไม่รู้จักแต่กลับเข้าใจว่าเขาพูดอะไรได้ในทันที ม..มนุษย์งั้นเหรอ!”

                    อ..เอ่อ...ให้ช่วยรึเปล่าครับ!” ถึงจะเป็นคำถามที่ไม่เห็นน่าจะต้องถาม ตามหลักมนุษย์ที่ดีแล้วก็ต้องช่วยทุกคนที่กำลังลำบากต่อหน้าต่อตาอยู่แล้ว แต่ผมไม่ใช่คนของที่นี่ทั้งโรงพยาบาลบริเวณใกล้ๆ และเบอร์รถพยาบาลผมก็ไม่ทราบ เลยได้แค่หันซ้ายหันขวาพยายามมองหาใครบางคนรอบๆ ตัว

                    ม..ไม่ต้อง! พวกเรากำลังถูกตามล่าอยู่...น..นายช่วยพายัยนี่หนีไปทีใบหน้าจริงจังแบบนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแค่ขำๆ แน่ ยัยนี่ที่ว่าคงจะเป็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดคอสเพลย์ที่อยู่บนหลังนั่นสินะ

                    เอ๋...ถูกตามล่าหรอกเหรอ!” ผมกุมขมับพลางจับใจความที่เขาจะสื่อ เอ้ยมัวใจเย็นไม่ได้ดิ ถูกตามล่า! มาเฟีย ยากูซ่า นักเลง หรือว่าแก๊งค้ายาน..นี่เราเข้ามาพัวพันกับเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายเหรอเนี่ย

    ในขณะที่ผมกำลังสับสนกับชีวิตอยู่นั้น เขาก็พยายามฝืนสังขารลุกขึ้นแบกผู้หญิงมาทางผมฝากเธอด้วยล่ะ

    ผมรับอุ้มตัวเธอต่อจากเขา  ต..ตัวเบากว่าที่คิดไว้แฮะ เข้าใจแล้วไว้ใจได้เลย!” ผมรับปาก ว่าแต่คุณจะไปไหนครับเนี่ยผมถามดักเขาที่เดินย้อนกลับไปทางเดิม

    รีบออกจากที่นี่ไปซะ อีกไม่นานมันจะกลายเป็นอาณาเขตกักกันของเทพ นายจะอยู่ที่นี่ไม่ได้เขาพูดเรื่องที่เข้าใจยาก แต่ก็พอรู้ว่าขืนอยู่ต่อไปคงเป็นอันตรายกับตัวผมไม่มากก็น้อย เอาวะ! ถึงจะช่วยหมอนี่ไม่ได้แต่ก็ช่วยให้สาวน้อยคนนี้รอดได้ล่ะนะ ผมรีบออกตัววิ่งจากบริเวณนั้นในทันที ก่อนที่จะได้ยินเสียง ตูม!! จากทางด้านหลัง

    ม...มีระเบิดด้วยเรอะ!!! เหวอ......!” แรงอัดอากาศผลักผมที่อุ้มเธออยู่พุ่งกระเด็นลอยออกนอกซอยไป อั่ก! แรงกระแทกจากเสาไฟที่อัดปะทะกับแผ่นหลังนั้นช่างรุนแรงเหลือเกิน

    ผมรีบลุกขึ้นอุ้มเธอหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ม..หมอนั่นไปก่อเรื่องอะไรไว้ฟระ...ม..ไม่รอดแหงแซะ

    แม้เธอจะตัวเบาก็เถอะนะ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะวิ่งได้ไวขนาดสามารถใช้หนีพวกแก๊งยากูซ่า หรือมาเฟียได้หรอก อย่างไรก็ตามที่ทำได้ในตอนนี้คือวิ่งหนีสุดชีวิต เพื่อช่วยให้เธอคนนี้รอดอย่างที่เขาขอไว้ล่ะ

    บริเวณโดยรอบพอออกมาจากซอย ถึงแม้จะเป็นถนนใหญ่แล้วก็ตามแต่กลับไม่มีคนหรือรถยนต์เลยอย่างน่าประหลาด เสียงหัวใจผมเต้นดังไม่ยอมหยุด สั่นสะท้านไปทั้งตัว แขนทั้งสองข้างที่ใช้อุ้มเธอไว้ก็เริ่มชา เพิ่งเคยประสบกับเหตุการณ์เฉียดตายจริงๆ จังๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก ประเทศนี้นี่โหดกว่าที่คิดไว้เยอะจริงๆ จะว่าไปแล้ว.... ตำรวจอยู่ไหนกันแรงระเบิดขนาดเมื่อกี้ก็น่าจะรู้ตัวกันบ้างแล้วนี่นา มันควรจะมีเสียงหวอรถดังไปมารอบๆ บ้างสิฟระ

                    วิ่งมาจนถึงสามแยกซึ่งเป็นจุดที่ผมไม่รู้ทางไปต่ออีกแล้ว มันทำให้ใจผมหวั่นว่าจะหลงเส้นทางแต่ให้มาถึงจุดนี้แล้ววิ่งกลับไปหาลูกระเบิดคงต้องขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด คิดได้แล้วก็รีบวิ่งไปซักทาง ผมวิ่งไปทางขวามือโดยไม่พิธีรีตอง ทุกอย่างต้องมีดวงเป็นตัวกำหนด ไหนๆ ก็ไหนๆ ดวงผมมันก็คงจะไม่ซวยไปกว่านี้อีกแล้ว

                    ผมวิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลจนกระทั่งได้ยินเสียงแปลกๆ ชวนให้ผวา จ๋อม! เสียงเหมือนผมตกน้ำ แต่เอ๊ะ! เราก็วิ่งอยู่บนถนนนี่นา และวินาทีที่ผมลืมตา ก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นเขาเสียแล้ว...'ราวกับถูกเชื่อมมิติ'

                    น..นายกลับมาทำไมชายผู้เลือดอาบทั่วตัว มีปีกคล้ายมังกรสีเขียวงอกออกมาจากแผ่นหลังข้างหนึ่งจากท่าทางคงกำลังต่อสู้อยู่ เขาตกใจที่ผมโผล่ออกมาจากทางด้านหลัง

                    ป...ปีก!!” ด..ดวงของเราวันนี้ซวยชะมัดเลยเฟ้ย... จะหลงทางก็ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ ให้ตายเซ่!!!!

                    “ร...หรือว่า...โดนกลืนเข้ามาในเขตของเทพแล้ว!!”  ชายคนนั้นทำสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก เขาหันขวับกลับไปยังทางเข้าซอยอีกด้านหนึ่ง เห็นชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะยุคโรมันสีเทามีปีกคู่ราวกับหงขาวสยายกว้างอยู่กลางแผ่นหลัง

                    ในนามของผู้รักษาความสงบของอาณาจักรแห่งแสง ข้าเชอร์บราขอจับกุมเทพตกสวรรค์อามีนผู้ถูกตั้งข้อหาปลงพระชนม์ชีพมหาเทพชายผู้อ้างตนเป็นผู้รักษาความสงบยกมือขวาขึ้นชูรวมรวมสสารพลังงานสีขาวเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเล็กเท่าลูกแอปเปิ้ลไว้เหนือฝ่ามือข้างขวา 

                    ที่ว่าถูกกลืนเข้ามาเนี่ยอย่าบอกนะว่าไอ้แรงระเบิดเมื่อตะกี้นี้... นี่ฉันเขามาพัวพันกับเรื่องอะไรวะเนี่ย!!!! ถ้าเป็นมาเฟียยังพอว่า แต่กับเทพนี่ไม่เอานะเฟ้ย!!”

                    “ช่วยไม่ได้แฮะชายผู้โชกเลือดตวัดหน้ายิ้มมาทางผม ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้แล้วรวบปีกเอาไว้กับตัว

                    ....ผมพูดอะไรไม่ออก สมองไม่สั่งการกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ถ้าอีกฝั่งหนึ่งเป็นเทพงั้นสาวน้อยที่ผมอุ้มอยู่นี้ กับผู้ชายเลือดโชกก็เป็นภูตผีปีศาจนะสิ

                    ทำพันธสัญญากัน ฉันจะส่งนายออกไปจากที่นี่พร้อมกับยัยนั่นเขามองด้วยสายตาจริงจังจนผมสั่นไปทั้งตัว ถ้านายยังไม่อยากตายก็มีแค่วิธีเดียวเท่านั้น

                    “ม..หมายความว่าไง?”

                    “เรื่องทั้งหมดลิลิธจะเล่าให้ฟังเอง

                    “ลิลิธนี่...หมายถึงผู้หญิงคนนี้เหรอ!” ผมก้มลงมองเธอที่อุ้มอยู่

                    ไม่ยอมให้ทำหรอกน่า ตูม!! ระเบิดแสงแรงสูงถูกปาจากมือของผู้รักษาความสงบมาทางนี้ ทว่าชายผู้ร่างโชกเลือดใช้ปีกมังกรสีเขียวป้องกันพวกเราไว้

                    อ้าก!!” เขาร้องอย่างทรมาน

                    ฮ...เฮ้ เป็นอะไรมั้ย

                    “ใช้มือของนายแตะที่กลางอกของฉันซะเขากัดฟันออกคำสั่ง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มท่องบางอย่าง ปีกแห่งเทพเอ๋ย ข้าขอสาบานต่อโลกทั้ง 7 ขอจงสถิตบนผืนนภาทั้งโลกา สั่นไหวปฐพีผืนพิภพ แหวกผืนวารีด้วยวจีแห่งพันธสัญญา ปีกแห่ง 7 มหาโลก จงสถิต ณ มหาเทพองค์ใหม่ ขานนามของเจ้าเด็กหนุ่มบริเวณพื้นเกิดอักขระ 7 สีสายรุ้ง ไหลออกมาจากเงาของชายคนนั้น แผ่นดินสั่นไหว คลืนๆ อย่างรุ่นแรง เมื่อแหงนมองบนฟ้าเกิดฝนตกบริเวณโดยรอบเป็นรูปวงแหวน ท้องฟ้ายามเย็นมืดราวกับราตรีอย่างฉับพลัน

                    ...อ..อื้มผมค่อยๆ วางเธอลงแล้วใช้มือแตะที่อกของเขาตามที่สั่งอย่างเบาๆ ผ..ผมชื่อ มิคาเมะ คาซึยะ!” เมื่อผมขานนามก็เกิดสายลมรุนแรงราวกับพายุไซโคลนหมุนปกคลุมตัวของเราทั้งสามเอาไว้ น...นี่มัน

                    “ในนามพันธะสัญญาแห่งปีกข้าอามีนขอส่งต่อพลังแห่งราชันของ โลกทั้ง 7 ให้แก่มิคาเมะ คาซึยะ จงพาเขาหนีห่างออกจากที่แห่งนี้โดยไวที่สุดเมื่อจบประโยคแสงสีรุ้งไหลผ่านส่งต่อเข้ามายังรอบๆ ตัวของผม

                    ด..เดี๋ยวสิ นี่นายทำอะไร!!”

                    “ผู้รักษาความสงบเชอร์บลาเจ้านั่นมีพลังเหนือกว่าฉันในตอนนี้ เพราะกฎของการใช้ปีกทำให้สู้ไม่ได้อย่างเต็มที่ ถ้าโดนจัดการที่นี่ทั้งยัยนั่นทั้งนายจะถูกกำจัดไปด้วย ฉันมีพลังไม่มากพอที่จะพาพวกนายหนี....ดังนั้นจึงต้องขอส่งต่อทั้งหมดไว้ให้นายใช้มันหนีไป

                    “อ...เอ๋!! ม...ไม่ได้อยากได้เลยเฟ้ย!!!”

                    “โทษทีนะเจ้ามนุษย์ แต่ขอฝากลิลิธด้วย ยัยนั่นน่ะตัวคนเดียว! อั่กเขากระอักเลือดต่อหน้าต่อตาผม ก่อนที่สายลมจะพาเจ้าลอยไปไกล ข้าขอบอกเกี่ยวกับกฎให้เจ้าฟังไว้สักหน่อย

                    ตัวของผมค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น ผมรีบก้มลงอุ้มเธอเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จะลอยไปไหนเสียก่อน กฎ?”

                    ปีกที่ฉันมอบให้นายมีทั้งหมด 7 ข้าง 7 แบบ ปีกเหล่านั้นมีคู่ของมันอยู่ แต่ว่ามันไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ พลังของปีกจึงยังไม่สมบูรณ์นัก ปีกแต่ละสีจะมีกฎในการอัญเชิญที่ต่างกันอยู่ เมื่อใดที่นายได้คู่ของมันแล้วนายจะใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้ดั่งใจนึก จงตามหาอีก 7 ข้างที่เหลือ มีเวลาไม่มากแล้วเจ้าไปศึกษากฎเองแล้วกัน!” นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่พายุจะพัดพาตัวของผมลอยออกไปจากที่แห่งนั้น สติของผมเริ่มเรือนลาง ทิ้งไว้แค่ความเป็นห่วงว่าชายคนนั้นจะปลอดภัยหรือไม่อยู่ในอก

    …………………………………………………………………………………………………………………………………

     

    จบบทนำที่2: พันธะสัญญาของเทพตกสวรรค์  กับ ปีกสีเขียว
     

                            

                   

     

                     

                   

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×