ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

    ลำดับตอนที่ #3 : คาบเรียนที่1.5 :ห้องพระเคลื่อนที่และชมรม (บันได ยันต์ พี่ชาย และชมรม บทสรุป)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 60


    คาบเรียนที่1.5 : ห้องพระเคลื่อนที่และชมรม (บันได ยันต์ พี่ชาย และชมรม บทสรุป)

    เด็กหนุ่มที่เหนื่อยหอบต้องขวัญผวาเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในชั้นเก่าอย่างที่ควรจะเป็น เขามองรอบตัวด้วยความหวาดระแวง ในใจคิดโทษกับดวงชะตาที่อับโชคของตน

    คิกๆ เสียงหัวเราะปริศนาของเด็กผู้หญิง

    ใครน่ะ”  ไคที่กำลังหวาดระแวง ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากชั้นบน เขาจึงมองขึ้นไปพร้อมขานเรียก

    ทันทีที่เด็กสาวโดนไคถามเช่นนั้น จากกำลังนั่งยองๆ แอบมองเด็กหนุ่มตรงหัวบันได เธอก็วิ่งหนีไปเสมือนหนึ่งกำลังเล่นสนุก ผมหางม้าที่สั้นปรกคอสะบัดเมื่อเธอกลับหันหลัง

    ไคเมื่อเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงกำลังวิ่งหนีจึงคิดว่าไม่น่าจะใช่ผีปีศาจ เขาคว้ากล่องที่ได้มาจากห้องพระ พลางตะโกนเรียกเธอในขณะกำลังขึ้นบันไดตามไป รอเดี๋ยวสิเธอจะไปไหน ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า

    แน่จริงก็จับเราให้ได้สิเสียงเชิญชวนของเด็กหญิงดังมาจากชั้น 9 เหมือนเธอจะขึ้นบันไดไปอีกชั้น

    (‘ทำไมเราต้องมาไล่ตามผู้หญิงเหมือนเป็นพวกโรคจิตด้วยวะนี่’) เด็กหนุ่มเดินขึ้นบันไดทั้งที่ยังไม่หายเหนื่อย อาการปวดหัวของเขากำเริบขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มีความทรมานมากขึ้น

    สรุปตึกนี้มีแค่ 9 ชั้นสินะเด็กหนุ่มหยุดยืนเบื้องหน้าประตูดาดฟ้าชั้น 9 เขาพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นจากการเหนื่อยหอบ

    นี่เธอขึ้นไปทำอะไรข้างบนน่ะเสียงเด็กหญิงดังมาจากข้างล่างซึ่งเป็นชั้น 8

    (‘เอ๊ะยัยนั่นลงไปข้างล่างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’) เขาหันกลับลงมามองที่บันได ลางสังหรณ์ของเด็กหนุ่มบอกว่าเธอเริ่มมีบางอย่างผิดแปลก

    ไคเดินลงบันไดไปชั้น 8 อย่างช้าๆ คราวนี้เด็กผู้หญิง รูปหน้าเรียวสวย หน้าตาน่ารัก มีรอยยิ้มมุมปากที่งดงาม ผมหางม้าสีดำผสมน้ำตาลของเธอผูกด้วยโบสีแดง เธอตัวสูง 168 เซนติเมตร อกไม่ถึงกับแบน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลแดง มีเข็มระดับ ม.4 บ่งบอกว่าอยู่ชั้นปีเดียวกับไค เธอกำลังยืนไขว้ขาอยู่เยื้องเชิงบันได เด็กหนุ่มได้พบว่าเธอน่ารักมากกว่าเด็กผู้หญิงคนใดที่เขาเคยพบเจอ ก็ถึงกับลืมเรื่องที่เคยสงสัยในตัวเธอเสียทั้งหมดโดยปริยาย

    น่ารักจังเลยเด็กหนุ่มเผลอพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมาเบาๆ ขณะเดินลงบันได

    ฮิฮิ เธอนี่ตลกดีนะหญิงสาวหัวเราะไคที่เดินลงบันไดด้วยท่าทางเหม่อมองมาหาเธอ จนทำให้ท่าเดินของเขาเหมือนซอมบี้ในหนังต่างประเทศที่เธอเคยดู

     โครม! เด็กหนุ่มตกบันไดล้มไปนอนคว่ำหน้าข้างๆ หญิงสาวเพราะการเดินที่ไม่ระมัดระวัง           

    โอย อีกแล้วหรือเนี่ยไคโอดครวญขณะที่กำลังใช้มือทั้งสองข้างยันตัวเองลุกขึ้น

    คิกๆ เธอนี่ซุ่มซ่ามจังเลยนะ เธอยื่นมือมาหาเด็กหนุ่ม

    เมื่อเขาลุกขึ้นได้สำเร็จก็มองหน้าหญิงสาวผู้แสนจะชวนหลงใหล นี่เธอมาทำอะไรที่นี่ตอนดึกๆ งั้นหรอ เด็กนักเรียนน่าจะกลับกันไปหมดแล้วนี่

                “เราชื่อว่าแอนนา เราก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ เธอนั่นแหละที่มาทำอะไรดึกๆ

                “ก็อ่านะ แหะๆ เราชื่อกริยา ยินดีที่ได้รู้จักนะ ส่วนเรื่องที่มาทำอะไรตอนดึก ถ้าให้เล่าผมเกรงว่า   มันคงจะยาวเด็กหนุ่มเกาศีรษะตามบุคลิกอีกเช่นเคย

                “ ฮ่าฮ่าฮ่า ชื่อทำไมดูเห่ยจัง เด็กหญิงนำมือไปไขว้กันไว้ด้านหลัง ถามด้วยหน้าตาอันใสซื่อ

                “พูดตรงจังเลยนะ ความจริงแม่เราเป็นคนตั้งให้น่ะ ท่านบอกว่าจะได้เป็นข้อเตือนใจในสิ่งที่จะทำทุกอย่างว่าให้ระวังกิริยามารยาทไว้อย่างสมชื่อ แต่เพราะเวลาเรียกกิริยา มันจะไม่ลื่นหูเท่าไหร่ เลยตัด สระอิ ออกให้เป็นกริยาแทนเด็กหนุ่มแถลงไข

                “ไคโว้ยไคแกอยู่ไหนเสียงของโตตะโกนดังขึ้นมาจากชั้นล่างก้องกังวานไปทั่วบริเวณบันได

                “ผมอยู่นี่ครับพี่โต บนชั้น 8 นี่เด็กหนุ่มหันหน้าไปที่ทางลงบันได ตะโกนลงไปข้างล่าง

                “โอ้ รออยู่ตรงนั้นนะ พี่จะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ โตตะโกนกลับมา

                 ไคหันกลับมาหาเด็กสาวแต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เด็กหนุ่มเดินถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ       

                พี่โตขึ้นบันไดมาจนถึงชั้น 8 โดยมี อีฟ แทงค์ และ โจที่เหมือนจะได้สติแล้วตามหลังมา ให้ตายสิ ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่เป็นห่วงแทบแย่ พอแกเข้าไป ประตูห้องพระก็ปิดแถมยังล็อคอีก พอตอนประตูห้องพระเปิด แกก็หายไปไหนไม่รู้ พวกพี่ช่วยกันตามหาซะทั่วห้องพระก็ไม่เจอโตพูดด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้อง เอามือปาดน้ำตาที่ซึมไหล

                เขาหันไปเห็นประตูที่เขียนว่าห้องพระอย่างเด่นชัดเปิดโล่งอยู่ตรงหัวบันได โตหันกลับมาหาไค พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ประตู แล้วพูดเสียงดังด้วยความตกใจ เฮ่ย นี่มัน มีจริงๆ ด้วยหรือเนี่ย ไคแล้วตอนอยู่ในห้องพระเป็นไงบ้าง

                “ถ้าให้เล่าเรื่องในห้องมันยาวครับ เอาเป็นว่าผมโดนผีหลอกละกันนะครับ เรื่องนั้นช่างเถอะ แต่พอผมเปิดประตูห้องพระได้ จู่ๆ  ก็ถูกส่งมาที่ชั้น 7 มันหมายความว่ายังไงนี่สิ”  ไคทำท่าทีครุ่นคิด เขาใช้มือเกาศีรษะตามความเคยชินอีกครั้ง

                “เป็นผีจริงๆ สินะ โตถามเพื่อความมั่นใจ

                “ครับไคพยักหน้า

                “ฮิฮิฮิ ถ้าขอแค่ให้อีกฝ่ายเป็นผีแน่ๆ แล้วละก็ที่เหลือง่ายมากเลย ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ถึงสาเหตุของเรื่องที่เกิด แต่ถ้าทำตามแผนที่พี่วางได้ถูกต้อง เดี๋ยวก็รู้เอง

                “แผน..แผนอะไรหรือครับเด็กหนุ่มถามรุ่นพี่ด้วยความสงสัย

                “ย..อย่าบอกนะว่าแผนนั้นที่เคยใช้กันโจทำท่าทางเหมือนจะรู้ถึงแผนการของรุ่นพี่

                “แม่นแท้ โตหันไปหาโจแล้วพยักหน้าหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะหันกลับมาหาไค

                “ผ..แผนอะไรกันแน่ครับเนี่ยเด็กหนุ่มรับรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีภัยด้วยสัญชาตญาณ

                “ไคนายจะต้องกลับเข้าไปในห้องพระอีกครั้งโตพูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้หน้าออกคำสั่ง        

                “ว่าไงนะครับ

                “ถ้านายไม่เข้าห้องพระอีกครั้ง เราก็ไม่สามารถไขปริศนาได้นะ

                “แต่ถ้าผมเข้าไปอาจจะไม่ได้กลับมาอีกนะพี่ไครู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น เสียงของวิญญาณเมื่อสักครู่ยังหลอกหลอนเขาอยู่ 

                “พอทีเถอะค่ะพี่โต หนูจะเข้าไปแทนเอง ถ้าให้ไคเข้าไปตอนนี้อาจจะเป็นข้อผิดพลาดไปตลอดชีวิตเลยก็ได้นะ วันนี้วันเดียวไคก็เจอเรื่องมากมายพอแล้วอีฟออกหน้ารับแทนรุ่นน้อง

                “จะเอางั้นก็ได้โตมองไปที่ไคซึ่งกำลังสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

                (‘บ้าเอ้ย ทำไมเราถึงไม่ห้ามพี่อีฟไว้นี่เรากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะปกป้องผู้หญิงเลยงั้นหรือเนี่ย’) เด็กหนุ่มควบคุมอาการหวาดกลัวของตัวเองด้วยความเจ็บใจ

                “อีฟ..นี่เธอเอาจริงหรือโจถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง

                “แน่นอนอีฟยืนยัน เธอเดินไปหาไคแล้วเอามือลูบหัวเพื่อปลอบขวัญเด็กหนุ่ม

                “ถ้างั้นไค นายก็กลับบ้านไปซะได้แล้วล่ะ เพราะถ้าอยู่ต่อนายจะเจอมากกว่านี้แน่ นายน่ะมันอ่อนแอเกินไปโตยืนกอดอกหันหลังให้ไค

                “พี่โตอีฟพูดด้วยน้ำเสียงดุรุ่นพี่

                “เข้าใจแล้วครับไคพูดด้วยเสียงเหมือนเด็กที่กำลังจะร้องไห้แล้ววิ่งลงบันไดหนีไป

                “ไคอีฟตะโกนเรียกเด็กหนุ่ม แต่เขาไม่หันกลับมามองเธอแม้แต่น้อย

                “เห็นมั้ยพี่โตสิ่งที่พี่ทำลงไป ถ้าไคเขาไม่กลับมาเข้าชมรมอีกจะทำยังไง ชมรมของเราถ้าสมาชิกไม่ครบ 5 คนก็จะถูกยุบนะ พี่ก็รู้แล้วทำไมพี่ไม่ห่วงความรู้สึกของไคบ้างเลยล่ะอีฟร้องไห้ และพูดเสียงดังด้วยความโกรธ  

                โตค่อยๆ เดินมาหาอีฟ ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวคิดว่าไคน่ะ จะกลับบ้านไปง่ายๆ อย่างงั้นแน่เหรอ อย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย ถ้าเธอไม่ได้สบตากันตรงๆ ก็อ่านจิตใจไม่ได้สินะ

                “หมายความว่าไงครับรุ่นพี่โจที่ยืนเงียบๆ อยู่ตรงทางลงบันไดเอ่ยถามขึ้น 

                อีฟมองหน้าของรุ่นพี่ เธอสบสายตาเขาแล้วก็รู้ว่าคำพูดนั้นมาจากใจจริง 

                โตเช็ดน้ำตาให้อีฟแล้วเปลี่ยนมาลูบศีรษะของเธอเบาๆ  ไคน่ะนะ หมอนั่นจากที่พี่สังเกตดูแล้ว ไม่ใช่คนที่จะทิ้งความรับผิดชอบของตัวเองไว้แน่ ลูกผู้ชายน่ะถ้าถึงเวลาที่ต้องรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองแล้วละก็ ต่อให้ความตายจะมาพรากก็ฉุดไม่อยู่หรอกเขาพูดด้วยความมั่นใจในตัวไค

                “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมไคถึงไม่เข้าไปทางประตูห้องที่อยู่ตรงชั้น 7 นี่ล่ะ ใกล้กว่าเยอะโจพูดพร้อมเอานิ้วชี้ไปทางห้องพระ

                “ไม่รู้มัน สงสัยอยากจะดราม่ามั้งโตยักไหล่ เอาล่ะ รีบลงไปชั้น 3 เถอะ ถ้าเราตามไคไปในห้องพระไม่ทันแล้วล่ะก็ หากแผนผิดพลาดขึ้นมา เราอาจจะต้องเสียไคไปอีกคนก็ได้โตปล่อยมือจากศีรษะของอีฟ แล้ววิ่งกระโดดลงบันไดอย่างผาดโผน

    “เอ่อ..ว่าแต่ทำไมเราไม่รอตรงนี้ล่ะครับ” โจชี้ไปยังประตูห้องพระชั้น 7

    “ถ้าเป็นบนนั้น จะหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้น่ะสิ” โตตะโกนตอบ

    โจพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจแล้วหันไปทางอีฟ มัวรอทำไมล่ะอีฟ รีบไปกันเถอะว่าแล้วเขาก็แบกแทงค์ขึ้นหลังวิ่งลงบันได

    อื้มอีฟเอามือปาดน้ำตาตัวเองก่อนเธอจะวิ่งตามลงไป

    ทุกคนเมื่อมาถึงที่ชั้น 3 ก็หยุดอยู่เบื้องหน้าประตูห้องพระเช่นเคย

    โอเค ป่านนี้หมอนั่นคงเข้าไปอยู่ในห้องพระเรียบร้อยแล้วล่ะ โจตามแผนเลยนะโตสั่งรุ่นน้อง

    อีกทางฝากหนึ่งของประตู

    ('ให้ตายสิ แล้วเราจะเอาไงต่อล่ะเนี่ยเข้ามาในห้องผีแล้วก็จริง แต่ดันไม่รู้แผนการอะไรเลยนี่สิ มืดก็มืด แต่ไอ้เจ้าผีนั่นคงจะไม่อยู่แล้วมั้ง เงียบหายไปเลย’) ไคยืนถือกล่องคิดอยู่อย่างเงียบๆ ในห้องมืด โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่ตัวเองกำลังทำอยู่ตอนนี้นี่แหละคือแผนของรุ่นพี่

    เฮ่ย ม..มาแล้วคราวนี้เด็กหนุ่มเห็นวิญญาณร้ายชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นผู้ชายผิวขาวซีด อายุราวๆ 20 ปี ตัวสูงจนเกือบเท่ากับเอาโต๊ะเรียน 4 ตัวมาวางซ้อนกัน สวมชุดสีดำ ดวงตาของเขามีสีขาวหม่นหมองไร้ซึ่งชีวิตชีวา มีกลุ่มไอคล้ายหมอกสีดำปกคลุมทั่วห้อง วิญญาณปริศนายืนอยู่บริเวณหลังห้องเช่นเคย

    (‘หนาววุ้ย สงสัยจะแค้นเราซะด้วย เอาไงดีเนี่ย’) อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ ไคใช้มือทั้งสองข้างกอดกล่องไว้กับอกอย่างแนบแน่น

    นี่ๆ คุณผีเห็นแก่ผมหน่อยเถอะนะ ปล่อยผมไปเถอะกลัวจนจะฉี่ราดแล้วเด็กหนุ่มพนมมือไหว้

    ช่วยด้วย ขอหน่อย ช่วยด้วย ขอเถอะ ขอร้องล่ะ ขอชีวิตของแกที ขอหน่อยนะ ช่วยด้วยเสียงของวิญญาณดังก้องกังวานเช่นเคย

    ไม่ให้โว้ย แม่งหลอกตูอยู่ได้ อยากได้ชีวิตก็ไปเกิดสิไปไคตะโกนไปด้วยความกลัวและหงุดหงิดสติของเขาขาดผึง

                “ฮึกจู่ๆ เสียงของเด็กหนุ่มหายไป เขาล้มตึงลงกับพื้นรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังชักดิ้นชักงอโดยที่ร่างกายขยับไม่ได้ตามใจสั่ง เด็กหนุ่มเริ่มแน่ใจแล้วว่าเขากำลังถูกผีเข้า หากเป็นแบบนี้เขาคงต้องตายอยู่ในห้องพระนี่เป็นแน่

                สติเด็กหนุ่มเริ่มเลือนรางจนทุกอย่างในความคิดมืดสนิท           

                หลังจากเวลาผ่านไป เด็กหนุ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนซึ่งอยู่ชั้นสองบริเวณส่วนกลางของอาคาร เขานอนอยู่บนเตียง ค่อยๆ ปรับสายตาที่พร่ามัวของตนเอง แล้วมองไปรอบๆ ห้อง

    เขาพบว่าอีฟกำลังนั่งหลับบนเก้าอี้เฝ้าไข้ตรงปลายเท้าของตน

    ว่าไงตื่นแล้วหรือ ประธานชมรมหนุ่มทักทายในขณะที่ถือแก้วกาแฟอยู่ในมือ

               “พี่โต นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเด็กหนุ่มตกใจเป็นอย่างมาก

               “อืม.. อาจารย์ที่ห้องพยาบาลเหมือนจะบอกว่านายอาการดีขึ้นแล้ว แต่ฉันเห็นนายยังไม่ตื่นขึ้นมาเลยเป็นห่วงแทบแย่ แต่คงจะไม่เป็นไรอย่างที่เขาบอกจริงๆ นายน่ะโดนผีเข้ายังไงล่ะ

    แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ อ๊ะ! ในห้องพระก็น่าจะล็อคนี่แล้วทำไมพี่ถึงเข้าไปช่วยผมได้ล่ะ

               “นายนี่ความจำดีนะ นึกว่าพอตื่นมาจะจำไม่ได้ซะอีกว่าตัวเองอยู่ในห้องพระ เอาเป็นว่าพี่จะเล่าไปทีละเรื่องนะ อย่างแรกคือพี่เดาถูกว่าแกไปอยู่ในห้องพระตามแผน ก็นะนายมันเดาง่ายจะตาย ต่อมาพี่ก็ให้โจที่อยู่หน้าประตูอ่านความทรงจำของวิญญาณในห้องพระ จนได้รู้เรื่องราวและปะติดปะต่อได้ ต่อจากนั้นเมื่อผีเข้าสิงตัวนาย วิญญาณจะขับดันกันเองจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแพ้ ขณะนั้นวิญญาณจึงเสียพลังไปบางส่วน ทำให้ทุกสิ่งบริเวณรอบข้างห้องพระหลุดจากการควบคุม ดังนั้นประตูจึงเปิดออกได้ไงล่ะงงมั้ยโตลากเก้าอี้จากโต๊ะตรวจคนไข้ของอาจารย์มานั่งข้างไค

                “ไม่หรอกครับ แล้วช่วยผมที่ถูกผีเข้าได้ยังไงหรือครับไคถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                “งั้นพี่จะขอเล่าตั้งแต่เรื่องเล่าของโรงเรียนเลยนะ ก่อนอื่นสิ่งที่อยากจะสอนไว้สำหรับรุ่นน้องในชมรมก็คือ เรื่องเล่านั้นอาจจะเป็นแค่เรื่องราวงมงายแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโกหกไปทั้งหมดซะทีเดียวโตสอนรุ่นน้องก่อนที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมด เขาหยิบไดอารี่ เปิดหน้าที่บันทึกเรื่องราวของโจออกมาอ่าน

                “เอาล่ะนะ จะเข้าเรื่องล่ะ จากความทรงจำที่โจอ่านได้ ที่ห้องพระแห่งนั้นเมื่อ 10 ปีก่อนในช่วงที่กำลังก่อสร้าง มีขโมยคนหนึ่งหรือก็คือวิญญาณที่นายเห็นนั่นเอง เขาได้ขโมยเงินจาก ผอ.คนเก่า โดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินก้อนโตที่ขโมยไปเป็นเงินสำหรับการก่อสร้างห้องพระเพื่อให้นักเรียนได้ใช้กัน

                  เมื่อข่าวที่เงินทุนในการสร้างห้องพระถูกขโมยแพร่กระจายไปจนถึงหู เขาก็เกิดอาการสำนึกผิด แต่พอจะนำเงินไปคืนก็ดันใช้ไปจนหมด ทำให้มันกลายเป็นบาปที่เขาต้องจดจำไปชั่วชีวิต ต่อมาวันหนึ่งชะตาของเขาก็ขาด ขณะที่กำลังข้ามถนนเขาโดนรถชน เคยมีคนพูดไว้ว่าเมื่อคนเราตายแล้วจะได้ไปอยู่ในสถานที่ที่นึกถึงตอนลมหายใจเฮือกสุดท้าย หรือตามเวรตามกรรม เขาถูกเวรกรรมลากมาอยู่ที่ห้องพระชั้น 3 ของโรงเรียนเรานั่นเอง

                   เพราะงั้นพระอาจารย์ที่มรณภาพไปถึงได้คอยอยู่ในห้องซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่อยู่เพื่อสะกดวิญญาณร้าย แต่เป็นการแผ่เมตตาต่างหาก แต่ทว่าก็มีอยู่วันหนึ่งที่พระอาจารย์ ถูกทำพิธีให้ย้ายไปอยู่ที่ศาลเจ้ากลางแจ้ง จึงทำให้การแผ่เมตตาขาดช่วงไป เขายังคงต้องอยู่ใช้กรรมต่อไป เดิมทีแล้วเขาควรจะเป็นวิญญาณที่อยู่อย่างสันติโดยที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร จนกระทั่ง มีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ได้มาลองของจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีถ้วยแก้ว

                มีการเขียนเป็นภาษาบาลี ว่า คนตายมีชีวิต คนมีชีวิตตายลงในกระดาษ ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นยันต์ที่นายเหยียบลื่นล้มหัวคะมำตกบันไดนั่นแหละ เนื่องจากการเล่นครั้งนั้นได้ดึงวิญญาณของชายหนุ่มลงไปร่วมด้วยทำให้เมื่อเล่นจบวิญญาณไม่สามารถหาทางไปเกิดใหม่ได้ และหลงทางระหว่างโลกความเป็นกับโลกความตาย เขาทั้งสับสนและทรมาน จนเกิดเป็นแรงอาฆาตขึ้นมาแทน เพราะงั้นวิญญาณถึงมีอำนาจขนาดที่ควบคุมห้องพระได้ไงล่ะ และเนื่องจากเขาหลงทางอยู่จึงเป็นเหตุให้พลังของเขาพาห้องพระทั้งห้องย้ายสถานที่ไปอยู่จุดอื่นได้ สรุปความจริงก็คือที่ห้องพระถูกย้ายมาอยู่ชั้น 7 ก็เพราะเขาหลงทางนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ต่อให้เขาจะตามหาหนทางไปเกิดสักแค่ไหนก็หาไม่พบจนกว่ากระดาษที่ถูกเขียนคาถา คนตายมีชีวิต คนมีชีวิตตายจะถูกเผาหรือถูกทำลาย

                ในขณะที่นายกำลังชักดิ้นชักงออยู่นั้น ฉันเห็นกล่องใบหนึ่งอยู่ข้างๆ เห็นนายพกมันติดตัวตลอด พอคิดว่าน่าสงสัยก็เลยเปิดดูน่ะ ข้างในกล่องก็เห็นกระดาษที่เขียนภาษาบาลีไว้อยู่คิดว่าน่าจะใช่ พี่เลยใช้ไม้ขีดไฟเผาทิ้งซะ แล้วนายก็หยุดชักแต่ก็สลบไม่ยอมตื่นซักทีก็เลยให้โจแบกมาไว้ห้องพยาบาลนี่แหละ อ้อใช่ นายต้องขอบคุณอีฟเขานะ เธอเฝ้านายอยู่ที่ห้องนี้คนเดียวทั้งคืน ไม่ยอมกลับบ้านเลยล่ะ ทั้งที่คนอื่นๆ เขากลับกันไปหมดแล้วแท้ๆ

                งั้นเหรอครับ ไคหันกลับไปมองหน้าอีฟที่นอนหลับอยู่ปลายเตียงแล้วพูดขอบคุณในใจ เดี๋ยวนะ ถ้างั้นยันต์ที่ผมเผลอเหยียบนั่นมันกลับเข้าไปอยู่ในกล่องได้ยังไงล่ะเด็กหนุ่มถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจ

                “จริงด้วยสิ ลืมไปสนิทเลย ฮิฮิฮิ สงสัยจะมีปริศนาให้ไขอีกแล้วล่ะ

                “แล้วนี่ผมต้องเจออะไรอีกครับเนี่ย


    จบตอน

    โปรดติดตาตอนต่อไป

     

     
    สำหรับตอนต่อไปจะเน้นเนื้อเรื่องไปที่ แอนนา นางเอกของเรากันนะครับ ^^
    ปล.รักนะ!! คนอ่าน


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×