ตอนที่ 4 : ปริศนาที่ 4 หมู่บ้านเนเจอร์
ปริศนาที่ 4
หมู่บ้านเนเจอร์
จิ๊บๆ จิ๊บๆ เสียงนกน้อยร้องแผ่วเบาคลอมากับสายลมที่พัดผ่าน เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นทีละน้อยก่อนมันจะกระพริบถี่ๆ แสงแดดที่ส่องเข้ามาทำให้รู้ว่าเวลานี้นั้นสายมากแล้ว นัยน์ตาสีนิลมองไปรอบๆอย่างแปลกใจ ที่ๆเธออยู่นั้นไม่คุ้นตาเลยแม้แต่น้อย รอบๆเป็นสีน้ำตาลของดิน เธออยู่ในที่ที่เหมือนกับโดมขนาดเล็ก รัศมีประมาณหนึ่งร้อยเมตรซึ่งแน่นอนว่าทำจากดินทั้งหมด มีเพียงเตียงที่เธอนอนอยู่ โต๊ะ และประตูเท่านั้นที่เป็นไม้ แต่ถึงอย่างนั้นเตียงของเธอก็ถูกปูรองด้วยหญ้าบางอย่างเพื่อไม่ให้แข็งกระด้างและไม่สบายต่อการนอนเช่นกัน
เซเวียร์เริ่มลุกขึ้นแล้วสังเกตบางสิ่งให้ชัดเจน เธอพึ่งจะรู้ว่าชุดที่เธอใส่อยู่มันไม่ใช่ชุดที่เธอใส่ก่อนเดินทางมา ตอนนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงหนังสีดำสนิท แต่มันก็มีสีน้ำตาลเข้มผสมมาจางๆ กระเป๋าของเธอตั้งอยู่บนเก้าอี้ที่ทำจากดินแล้วเอาไปเผาไฟ หรือก็คือเครื่องปั้นดินเผานั้นเอง เสื้อผ้าชุดเก่าของเธอวางอยู่ตรงข้างๆกระเป๋านั้น เซเวียร์ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูบ้านเพื่อที่จะออกไปข้างนอก
แอ๊ด! ทันทีที่เห็นด้านนอก นัยน์ตาสีดำเบิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ บ้านแต่ละหลังต่างถูกสร้างด้วยดิน ผู้คนต่างๆอยู่ในชุดหนังสัตว์สีโทนน้ำตาล และดำ ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ต่างๆ หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในป่านั้นเอง มีเพียงแค่ภูเขาหัวโล้นด้านหลังที่เป็นทางเปิดไปสู่ที่อื่น แต่นั้นก็เป็นทางที่มีแต่หิน หน้าผา และความมืดดูน่ากลัวเท่านั้นเอง เซเวียร์กลื้นน้ำลายอึกใหญ่ ที่นี่ถือเป็นหมู่บ้านที่มีที่ทำเลดีที่หนึ่งหากไม่ติดว่าบ้านดินที่เธอพึ่งเดินออกมานั้นตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าภูเขาหัวโล้นที่เธอพึ่งสังเกตความน่ากลัวเสร็จไปหยกๆน่ะสิ
อ้าวหนู! ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ?! เสียงอ่อนโยนของหญิงสาววัยกลางคนเจ้าของผมสีน้ำตาล ตาสีอำพันคนหนึ่งดังขึ้นทำให้เซเวียร์หันไปมอง หญิงสาวคนนั้นกำลังเด็ดใบอะไรสักอย่างอยู่ใส่ลงหม้อขนาดใหญ่ เซเวียร์เดินเข้าไปหา
ขอบคุณสำหรับการดูแลค่ะ...เอ่อ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหนค่ะ? เด็กสาวถามแล้วมองไปรอบๆอีกครั้ง หญิงสาวยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อมองเซเวียร์ที่ดูจะตื่นตาตื่นใจกับหมู่บ้านของเธอนี้
ที่นี่คือหมู่บ้านเนเจอร์จ๊ะ ฉันเป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านนี้ชื่อเซมาลีน เรียกป้าเซก็ได้นะ เด็กสาวพยักหน้ารับแล้วหันไปสนใจกับเจ้าพืชสีเขียวที่อยู่ในมือของเซมาลีน
แล้วนั้นคืออะไรเหรอค่ะ...ไม่สิ ต้องถามว่าจะให้หนูช่วยอะไรไหม? เซเวียร์ส่งสายตาวิบวับอย่างอยากทำเสียงเต็มประดาทำให้หญิงสาวหัวเราะเบาๆก่อนตวัดใบนี้เป็นวงกลมไปรอบๆ สายตาของเซเวียร์มองตาม เมื่อหญิงสาวหยุดเธอจึงมองอย่างงง หญิงสาวหัวเราะอีกครั้ง
สังเกตเห็นอะไรจากใบของพืชชนิดนี้บางจ๊ะ? หญิงสาวถามอย่างขบขัน เซเวียร์ขมวดคิ้ว
ใบมีลักษณะเรียวยาว และเส้นใบเป็นแบบร่างแหทำให้เดาได้ว่าต้นของมันเป็นหญ้าต้นเล็กๆ ตัวใบมือขนอ่อนด้วยค่ะ ตอนนี้กลายเป็นหญิงสาวเอ๋อไปบ้างละ ต้นของต้นไม้ชนิดนี้เป็นเพียงแค่ต้นหญ้าจริง แต่ที่เธอไม่เข้าใจคือที่เด็กสาวคนนี้บอกว่าใบเป็นแบบร่างแห ร่างแหของเธอนี้มันหมายความว่ายังไงกันละเนี่ย?
สิ่งที่เซเวียร์ทำคือการตอบไปตามหลักของโลกวิทยาศาสตร์ แต่ทำไมเธอไม่คิดบ้างละว่าที่นี่มันไม่เหมือนโลกที่เธอเคยอยู่ก่อนหน้านี้นะ แค่เห็นบ้านที่สร้างจากดินก็น่าจะรู้ได้แล้วว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ที่แน่ๆมันจะต้องไม่ใช่โลกของเธอชัวร์เพราะโลกที่เธออยู่แค่คำว่า บ้านดิน บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคืออะไร
เอ่อ...ที่บอกว่าต้นมันเป็นต้นหญ้าน่ะถูกนะจ๊ะ แต่ที่บอกว่าใบมันเป็นแบบร่างแหเนี่ยหมายความว่าอย่างไรเหรอ? คราวนี้หญิงสาวเป็นฝ่ายถามบ้าง เซเวียร์ขมวดคิ้วอีกครั้งก่อนมองไปรอบๆตัว แต่แล้วเธอก็หันกลับมาหาหญิงสาวด้วยสีหน้าตื่นๆ
ขอโทษนะคะ ฉัน...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงค่ะ? พึ่งจะรู้สึกตัวเหรอแม่คุณ.... หญิงสาวเอียงคออย่างสงสัย ก่อนเอานิ้วชี้ขวาแตะริมฝีปากแล้วทำท่านึก
ถ้าจำไม่ผิดนะ มีคนเห็นเธอสลบอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ก็หุบเขามรณะที่บ้านเธอตั้งอยู่ด้านหน้านั้นแหละ พูดจบหญิงสาวผมน้ำตาลก็หันมายิ้มให้ แต่เซเวียร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วหน้าซีด อ๋อ! ไอ้ภูเขาหัวโล้นด้านหลังบ้านดินที่เราอยู่นั้นมันเรียกว่าหุบเขามรณะเหรอ?
ละ...แล้ว...ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงค่ะ? คราวนี้เซเวียร์ถามเสียงสั่น หญิงสาวผู้ถูกถามทำหน้างงก่อนเอามือมาอังหน้าผากของเซเวียร์แล้วขมวดคิ้ว
...ตัวก็ไม่ได้ร้อน...อย่าบอกนะว่าหนูความจำเสื่อมน่ะ? ชื่อของหนูชื่ออะไรจำได้รึเปล่า? หญิงสาวถามเธออย่างร้อนรนและห่วงใย
เซะ...เซเวียร์ เด็กสาวตอบแค่นั้น หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย คิ้วเรียวสีน้ำตาลขมวดกันจนจะเป็นเส้นตรง หญิงสาวถามเธออีกครั้ง
เอาละหนูเซเวียร์ หนูจำอะไรได้บ้างก่อนหนูจะมาอยู่ที่นี่ เสียงของหญิงสาวเริ่มเรียบทำให้เธอใจสั่นเล็กน้อย ตอนนี้เธอเริ่มเดาอะไรคราวๆได้แล้วละ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ตามแต่เธอก็คงต้องหาเรื่องยืนยันก่อน
...นะ...หนู หนูจำไม่ได้คะ เด็กสาวโกหกคำโต หญิงสาวฟังแล้วทำเพียงแค่พยักหน้าก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงสงสาร
งั้นหนูคงความจำเสื่อมแล้วละ...ไม่เป็นไร อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้จ๊ะ หมู่บ้านเนเจอร์ยินดีต้อนรับนะ ตอนหลังหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสดใสทำให้เซเวียร์แอบถอนหายใจด้วยความโล่ง ตอนนี้สิ่งที่เธอพอจะเดาได้อยู่ในหัวคือ...ที่นี่ไม่ใช่โลกที่เธออยู่!!!
ตอนเย็นเธออยู่ทำกับข้าวกับเซมาลีน แต่ดูเหมือนวัตถุดิบจะไม่พอเธอจึงต้องออกไปหามาเพิ่ม แน่นอนว่าเซมาลีนจะต้องไปกับเธอด้วย และมีผู้ร่วมออกไปหากับเธออีกสองคน คือ เซรัน ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของเซมาลีน อายุ18 ปี และ เซเน่ ลูกสาวคนเล็กอายุ 11 ปี สองคนนี้มีพี่ชายคนโตอีกหนึ่งคนชื่อ เซลัส อายุ20 ปี
หมู่บ้านนี้จะแบ่งระหว่างชายหญิง หากเป็นหญิงให้อยู่ทำอาหารกับข้าวให้ผู้ชายคนอื่นๆในหมู่บ้าน และผู้ชายจะเป็นคนคอยทำงานที่ใช้กำลัง เช่น ผ่าฟืน ล่าสัตว์เป็นต้น ในขณะที่ของผู้หญิงจะทำเพียงเก็บหญ้าสมุนไพรที่เป็นอาหารและใช้เป็นยาได้เท่านั้น
เวลารับประทานอาหารของที่นี่จะทานกันทั้งหมู่บ้าน ก่อกองไฟขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางแล้วนั้นล้อมรอบ หมู่บ้านนี้มีคนโดยประมาณเพียงแค่เกือบ300คนเท่านั้น ไม่มีการใช้เงินตราอย่างโลกที่เธอเคยใช้ และเมื่อทุกคนทานอาหารกันเสร็จก็จะเข้าบ้านดินของแต่ละคนนอนทันที
เซเวียร์เดินถือตะกร้าเข้าป่าไปกับเซมาลีนและลูกสาวของเซมาลีน ตั้งแต่เข้าป่าไปเซเวียร์ถึงกับตะลึง พรรณไม้แปลกๆมากมายที่เธอไม่เคยเห็น ตั้งแต่เถาวัลย์สีแดงลายจุดสีน้ำเงิน ไปจนถึงต้นไม้เดินได้เลยทีเดียว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต้นไม้นั้นจะเดินได้ เธอคิดว่ามันเคยมีแต่ในนิทานปรัมปราที่ว่าต้นไม้มีหน้าคนและสามารถพูดคุยได้ ตอนนี้เธอคิดว่าถ้าหากเจอต้นไม้แบบนั้นที่นี่มันคงจะไม่แปลกเลยทีเดียว เซมาลีนสอนเซเวียร์แยกแยะพืชประเภทต่างๆ ส่วนเซรันกับเซเน่เดินแยกตัวไปเก็บกันสองคน
โฮก!!! เสียงสัตว์ใหญ่คำรามดังขึ้น เซมาลีนสะดุ้งเฮือก ส่วนเซเวียร์ก็ทำหน้างง จะตกใจอะไรก็แค่เสียงตัวอะไรสักอย่างร้องเท่านั้นเอง ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของเซรันและเซเน่ ทั้งสองวิ่งหอบมาหาเซมาลีน
แม่คะแย่แล้ว!!! เมื่อกี้พวกหนูเจอ...เจอ... เซรันพูดรัว แต่เสียงสุดท้ายกลับสั่นๆแล้วเธอก็หน้าซีด
เสือค่ะ!!! เสือโครงตัวเบ่อเร่อเลยด้วยนะ...
กร๊อบ!
...คะ... เซเน่พูดต่อ แต่ยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงกิ่งไม้หักดังมาจากพุ่งไม่ข้างหลัง ทุกคนสะดุ้งเฮือกเซเวียร์เริ่มหน้าซีดตามคนอื่นๆ เธอพอจะเดาได้ลางๆแล้วละว่าตอนแรกเซมาลีนหน้าซีดเพราะอะไร
วิ่ง!!! ไม่ต้องให้พูดรอบสอง ฝีเท้าของทุกคนเริ่มทำงานทันทีโดยไม่ต้องสั่งการ สัตว์สี่เท้าเจ้าของร่างสีเหลืองสดลายทางสีดำกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ทันที เสียงของมันดังขึ้นอีกรอบทำให้ทุกคนยิ่งเร่งฝีเท้าเข้าไปอีก
โธ่~ ไอ้ป่าประหลาดๆอย่างนี้มันยังมีสัตว์แบบนี้อีกเหรอเนี่ย?! แถมพวกต้นไม้เดินได้แทนที่จะช่วยกันกันไม่ให้ไอ้เสือนี่มันมาวิ่งไล่อยู่อย่างนี้ กลับวิ่งหนีกันหมดไปคนละทาง ทางก็โล่งมันก็มาได้ง่ายนะสิ!!! เซเวียร์คิดในใจพร้อมกับมองไปรอบๆอย่างปลงๆไม่เข้ากับสถานการณ์ ดูถ้าทางคงจะมีแต่ต้องเอาตัวเข้าชนกับมันละมั้งเนี่ยอย่างนี่
จบความคิด เสือโคร่งตัวนั้นวิ่งแซงหน้าไปดักกลุ่มของเธอทำเอาแต่ละคนเบรกฝีเท้ากันแทบไม่ทัน ทุกคนถอยกรูกันไปติดต้นไม้เสือโคร่งตัวนั้นคำรามใส่หน้าของพวกเธอ ทำเอาเซรันและเซเน่แทบจะเข่าอ่อนลงไปกับพื้นเลยทีเดียว ส่วนเซมาลีนมายืนกันเด็กๆข้างหน้าพร้อมกับพูดเสียงเบา
อยู่นิ่งๆกันไว้นะเด็กๆ อย่ากระดุกกระดิกละ เราต้องทำตัวเราเหมือนต้นไม้มันจะได้เดินผ่านไป ทันทีที่จบคำพูด เสียงพ่นลมในลำคอของเสือโคร่งก็ดังขึ้นทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยง แต่เซเวียร์ขมวดคิ้วเพราะเธอได้ยินเจ้าเสือตัวนี้พูดว่า
พวกมนุษย์นี่โง่กันจริงๆ คิดหรือว่าแค่ทำตัวนิ่งๆจะทำให้ข้านึกว่าพวกเจ้าเป็นต้นไม้ได้
ภาษายุคไหนละเนี่ยถึงได้ใช้คำว่าข้า ใช้คำว่าเจ้า สงสัยเสือโคร่งตัวนี้มันจะอยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์เลยติดนิสัยคำพูดสมัยก่อน...ไม่ใช่!!! จะบ้าเหรอเรานี่ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรพิลึกๆอย่างนี้นะ เซเวียร์คิดนั้นใจ แต่ไปๆมาๆกลับว่าตัวเองซะอย่างนั้น เจ้าเสือโคร่งที่เธอพึ่งนินทาเสร็จไปหมาดๆค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาหาพวกเธออย่างช้าๆ เซเวียร์สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยละว่าตอนนี้สามแม่ลูกข้างหน้าเธอนี้กำลังสั่นกันอยู่
เอาเป็นว่า เราค่อยๆเจรจากันก่อนดีไหมคะ? เดี๋ยวป้าเซกับพี่เซรันแล้วก็เซเน่ไปยืนหลังต้นไม้ต้นนั้นก่อนนะ เซเวียร์อยากจะตบปากตัวเองหลังจะพูดจบ ทำไมเธอถึงพูดไม่คิดขนาดนี้เนี่ย คนบ้านไหนไปเจรจากับสัตว์กินเนื้อไม่ให้มันกินตนที่กำลังจะเป็นอาหารได้เล่า!!! ทุกคน(และทุกตัว)หันมามองอย่างกับเจอสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เด็กสาวเดินออกมายืนหน้าเจ้าเสือโคร่งตัวใหญ่ ทำให้คนที่เหลือไปลี้ภัยหลบอยู่ตรงต้นไม้ที่ถัดออกไปอีก 3-4 ต้นตามที่เธอสั่ง
ส่วนคุณเสือโคร่งค่ะ ช่วยปล่อยพวกเราไปดีไหมค่ะ? รู้ไหมถ้าพวกเราหนีไปได้ถึงชายแดนป่าคุณจะต้องกลายเป็นซากอาหารมื้อดึกของพวกเราแน่ๆ ดังนั้นปล่อยพวกเราไปตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่าไหม? มันยังไม่สายไปนะค่ะถ้าหากคุณยังรักชีวิตของตัวเองอยู่ เซเวียร์พยายามพูดกล่อม เพราะถ้ากล่อมไม่ได้ก็คงไม่แคล้วจะต้องสู้กับมัน ซึ่งเปอร์เซ็นชนะของเธอมีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานเสียงขรุกขรักที่ดูเหมือนจะดังขึ้นมาจากลำคอก็ทำให้เซเวียร์รู้อีกครั้งว่าเจ้าเสือโคร่งตัวนี้พูดว่าอะไร
เจ้ามนุษย์คนนี้นี่แปลกจริงๆ เอาเถอะที่พูดมาก็เข้าท่าอยู่ แต่ว่าไหนๆก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้ง 2 วันก็จัดการพวกเจ้ามันซะตรงนี้แหละ ถ้ารอให้พวกเจ้าวิ่งหนีเสร็จข้าก็ตายพอดี พูดออกมาไม่คิดจริงๆยัยเด็กนี่ ตายเพราะความคิดตัวเองแท้ๆ
...เอ๊ะ...รู้สึกเหมือนโดนด่าทางอ้อมนะ... หางคิ้วของเซเวียร์เริ่มกระตุกถี่ๆ แต่เพียงพริบตาเด็กเปลี่ยนเป็นใบหน้าของเด็กใสซื่อได้ไม่ยาก
ถึงพวกฉันจะฟังภาษาของคุณไม่ออกนะคะ แต่ฉันคิดว่าคุณฟังภาษาของฉันออกแน่ ดังนั้นช่วยถอยออกไปด้วยเถอะค่ะ เซเวียร์คิดว่าหากตนเองไปประกวดแสดงอะไรสักอย่าง เธอจะต้องได้รับรางวัลชนะเลิศแน่ โดยเฉพาะบทตีหน้าใสซื่อให้เจ้าเสือตัวข้างหน้าเธอมองว่าเธอฟังมันพูดไม่ออกเนี่ยแหละ รับรองบทนี้เธอชนะชัวร์ นัยน์ตาสีเหลืองสดเงยขึ้นมาจับจ้องเธอและพวกของเซมาลีน มันฉายแววความไม่เป็นมิตรและกระหายออกมาอย่างไม่ปิดบัง เซเวียร์ถอนหายใจเล็กน้อย ว่าแล้วว่าต้องไม่ได้ผล
เป็นมนุษย์ที่โง่ที่สุดเท่าที่เคยเจอเลย รู้ตัวว่าฟังไม่ออกแต่ยังจะดันทุรังอีก หากจะมีใครฆ่าเราเราก็ทำแค่ฆ่าซะก็สิ้นเรื่อง เสียงขรุกขรักดังขึ้นอีกครั้งก่อนนัยน์ตาสีเหลืองสดนั้นจะจับจ้องเป้าหมายแรกมาที่เซเวียร์ เซเวียร์เมื่อเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมคิดอย่างปลงตก ทำไมฉันต้องซวยอยู่คนเดียวทุกทีด้วยเนี่ย!!!
หนีเร็ว / โฮก!!! เมื่อเธอคิดจบเธอก็ไม่รอช้าที่จะตะโกนคำคำนี้ออกไป พร้อมกันกับที่เจ้าเสือโคร่งตัวนี้คำรามออกมาพอดี ทุกคนเริ่มวิ่งกันสุดฝีเท้าอีกครั้งซึ่งข้างหลังที่ตามมาก็ยังเป็นเจ้าตัวสีเหลืองๆลายทางสีดำอยู่เช่นเคย เซเวียร์ที่อยู่ใกล้กับเจ้าเสือโคร่งมากที่สุดในตอนแรกวิ่งแซงมาอยู่หน้าสุดได้อย่างรวดเร็ว
ตุบ! แต่แล้วโชคก็ไม่เข้าข้างเมื่อเซเน่ดันสะดุดกิ่งไม้หกล้ม เสือโคร่งตัวใหญ่วิ่งมาถึงเซเน่พอดีพร้อมกับคำรามใส่หน้าเด็กหญิง ดวงตาสีอำพันเหมือนผู้เป็นแม่เริ่มมีน้ำใสๆคลอเบ้าแต่นั้นไม่ได้ทำให้เจ้าเสือโคร่งสงสารอะไรเลยแต่อย่างใส
เซเน่!!! เซมาลีนและเซรันร้องออกมาอย่างตกใจ เซเวียร์ชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองตามเสียงอย่างรวดเร็ว เวรกรรมจริงๆ เซเวียร์ทำสีหน้าละเหี่ยใจน้อยๆ รู้สึกเรื่องๆซวยๆนี่ทำไมมันชอบเกิดกับเธอจังเลยนะ เซเวียร์มองไปแถวๆที่เซเน่ล้ม เห็นต้นไม้ที่มีกิ่งไม้เตี้ยๆกิ่งหนึ่งซึ่งขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากสำหรับเธอ ข้างๆกันนั้นมีต้นเห็ดยักษ์สีขาวเทาอยู่ เซเวียร์ไม่รอช้าเธอวิ่งไปที่ต้นเห็ดนั้นแล้วเหยียบตรงหมวกเห็ดเพื่อสปริงตัวไปหักกิ่งไม้ออกมา เมื่อหักได้เซเวียร์ก็กระโดดลงมาตรงกลางระหว่างปากของเจ้าเสือโคร่ง กับใบหน้าเล็กๆของเซเน่พอดี กิ่งไม้ที่หักได้นั้นถูกยัดใส่ปากเจ้าเสือโคร่งในแนวตัวฉากกับพื้น
โฮก!!! เสียงคำรามอย่างเจ็บปวดดังขึ้นแต่เซเวียร์ไม่สนใจ เธอพาเซเน่ไปหาแม่และพี่สาวของเธอทันที เซเน่ปล่อยโฮออกมาทำให้ผู้เป็นแม่และพี่สาวช่วยปลอบกันจ้าละหวั่น
ป้าเซรีบออกไปตามคนมาจัดการเจ้าตัวนี้ดีกว่าคะ เดี๋ยวหนูจะถ่วงเวลาให้เอง เซเวียร์พูด หญิงสาวทำท่าจะค้านแต่เซรันมาดึงชายเสื้อของหญิงสาวเอาไว้ก่อน
ไปกันเถอะแม่ อยู่ไปก็รั้งแต่จะลำบากเซเวียร์เขา เด็กสาวพูด ผู้เป็นแม่ขมวดคิ้ว
แต่เซรัน เซเวียร์เขาเป็นผู้หญิงนะ มันอันตรายถ้าจะให้เขาอยู่คนเดียวกับสัตว์แบบนั้น...เราไม่อาจรู้ได้เลยนะว่าจะเกิดอะไรต่อไปอีก เซรันฟังแล้วส่ายหน้าให้ผู้เป็นแม่
เมื่อกี้แม่ก็เห็นแล้วนี่นาว่าเซเวียร์เขาทำอะไร... แต่ถึงเซรันจะพูดออกมาอย่างนี้แต่คำหลังๆกลับพูดออกมาด้วยเสียงเบาหวิว เซเน่เริ่มหยุดร้องส่วนเซมาลีนหลับตาลงอย่างใช้ความคิด
..ก็...ได้.... น้ำเสียงที่ยังไม่ค่อยมั่นคงทำให้เซเวียร์เริ่มคิดว่าผู้หญิงที่มิตินี้เขาทำหน้าที่แค่พวกเย็บปักถักร้อยกันรึไงนะ เซเน่ลุกขึ้นทั้งๆที่ยังไม่หายสะอื้น เด็กหญิงเดินมากอดแขนเซเวียร์ไว้
พี่เซเวียร์...ฮึก...จะต้อง...อยู่รอจนกว่า...ฮึก...หนู...จะกลับมาอีกครั้ง...ฮึก...ด้วยนะคะ ว่าจบเธอก็เดินไปไปดึงพี่สาวกับแม่ของเธอให้ออกเดิน
เปราะ! กิ่งไม้ในปากของเจ้าเสือโคร่งหักลง ดวงตาสีเหลืองสดตวัดมองเซเวียร์ด้วยความอาฆาตแค้น เซเวียร์ส่ายหน้าน้อยๆ ช่วยไม่ได้อยากมาทำร้ายผู้มีพระคุณของเธอก่อนนี่นา อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกของผู้มีพระคุณเธอละนะ
รีบไปเร็วเข้า เซเวียร์เร่ง และทั้งสามก็ออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เสียงพ่นลมหายใจในลำคอของเสือโคร่งตรงหน้าดังขึ้นอีกครั้ง
น้ำเน่าชะมัด ทิ้งตัวเองไว้เพื่อให้คนอื่นหนี เจ้าเสือโคร่งร่างยักษ์กระโจนเข้ามาหาเซเวียร์ เซเวียร์หยิบท่อนไม้ข้างๆขึ้นมาแล้วฟาดไปที่ท้องของสัตว์สี่เท้าตรงหน้า
กรัซ!!! เสียงคำรามดังขึ้นในทันทีพร้อมๆกับตัวของเจ้าเสือโคร่งกระโดดออกห่างจากเซเวียร์ ท่อนไม้ผุๆที่ฟาดลงไปเต็มแรงหักออกเป็นสองท่อน เด็กสาวสะบัดมือเป็นพัลวันเพราะความเจ็บ
โธ่ ก็ป้าเซเขาอุตส่าห์ช่วยฉันไว้ ฉันก็แค่ตอบแทนอะไรเล็กๆน้อยๆก็เท่านั้นเอง ว่าแค่นายนี่ตัวเป็นเหล็กรึฉันฟาดลงไปปุ๊บไม้ก็หักลงปั๊บเลย เสือโคร่งที่กำลังจะพุ่งเข้าหาเซเวียร์หยุดชะงัก ตอนนี้มันเริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง แต่คงไม่จริงหรอกมั้ง?
...ช่างมันเถอะ ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้วนี่นา เสือโคร่งพึมพำในลำคอ ก่อนจะกระโจนเข้าหาเซเวียร์อีกครั้ง เซเวียร์มองไปรอบๆอย่างรวดเร็วเพื่อหาอะไรก็ได้ที่สามารถใช้เป็นอาวุธแล้ว และแล้วเธอก็หยิบท่อนไม้อีกท่อนหนึ่งขึ้นมากันเจ้าเสือโคร่งตัวนี้
เสือโคร่งกัดลงไปที่ท่อนไม้ที่เซเวียร์ยกขึ้นมากันได้ทัน แต่ก็เป็นเซเวียร์เองที่เป็นฝ่ายเจ็บตัว ท่อนไม้ที่อยู่คาปากของเสือโคร่งกดทับลงมาบนตัวของเด็กสาวที่ยกไม้ขึ้นมากัน เล็บสีขาวจิบลงมาที่ร่างบางทำให้มีเริ่มมีของเหลวสีแดงๆซึมออกมาตามเสื้อผ้า
อึก!!! เสียงเซเวียร์พยายามกลั้นเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดออกมา เพราะดูจากแค่เธอเลือดออกแรงกดของท่อนไม้ที่อยู่บนตัวเธอก็มีเพิ่มมากขึ้นจนเธอแทบจะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อ นี่ถ้าเธอร้องออกไปรับร้องเจ้าเสือนี่ได้ถึงคราวคลั่งจนอาละวาดออกมาแน่ๆ
โอ้ย!!! เราจะมาตายกับอีแค่ลูกแมวแค่นี้เหรอ?! ไม่นะพวกคุณป้าเซเขาก็รออยู่ คอยดูเถอะถ้าฉันมีไม้ถูพื้นที่บ้านอยู่ละก็ฉันจะฟาดแกให้น่วมเลยคอยดูสิไอ้แมวป่าบ้า!!! จบความคิดของเธอสร้อยรูปจันทร์เสี้ยวสีดำก็เปล่งแสงสีขาวตัดกับตัวมันออกมา ดวงตาสีเหลืองสดของเสือโคร่งตรงหน้าหรี่ลงก่อนมันจะกระโดดออกห่างจากตัวของเซเวียร์แล้วสะบัดท่อนไม้ทิ้งไปทางอื่น
ดวงตาสีนิลของเซเวียร์กระพริบๆถี่ๆอย่างงงเมื่อมีบางอย่างมาอยู่ในมือของเธอ เมื่อแสงสว่างหายไปสิ่งที่เธอเห็นก็ทำให้เธอเบิกตากว้าง นี่มันไม้ม็อบถูบ้านสีน้ำที่บ้านของเธอนี่นา!!! และแล้วคำพูดของแม่เธอก็กลับเข้ามาในหัว เซเวียร์จำไว้...เพียงแค่เจ้าคิดมันจะกลายเป็นสิ่งที่เจ้าคิด แต่นั้นเจ้าจะต้องเคยเห็นสิ่งนั้นมาแล้วด้วย ไม่ทันให้เซเวียร์ได้คิดอะไรต่อ ร่างสีเหลืองสดลายทางก็กระโจนเข้าหาอย่างไม่ให้ทันได้ตั้งตัวอีกครั้ง ไม้ม็อบสีน้ำเงินในมือถูกฟาดออกไปโดยอัตโนมัติตามทักษะเคนโด้*ที่เคยได้เรียนมา(และได้เป็นแชมป์รุ่นเยาว์เจ็ดปีซ้อน)
* เคนโด เป็นกีฬาที่เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวอย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น มีรากฐานมาจากการใช้ดาบของพวกซามูไรในสมัยก่อน เป็นวิชาที่ใช้ดาบไม้ไผ่ในการฝึก
ไม้ม็อบสีน้ำเงินฟาดเสยหน้าของเสือโคร่ง เซเวียร์เห็นท่าไม่ดีถึงจะมีไม้ม็อบที่ทำมาจากเหล็กก็เถอะนะ แต่อย่างน้อยมันก็คงดีกว่าท่อนไม้ผุๆแถวนี้ที่หักไปก็แล้วกัน ดวงตาสีนิลไล่สายตาไปรอบๆก่อนจะตวัดไม้ไปทางด้านข้างเมื่อเห็นเสือโคร่งวิ่งกระโจนเข้ามาหา
เซเวียร์เริ่มออกตัววิ่ง เสือโคร่งที่ค่อยๆลุกขึ้นมาสะบัดหัวของมันก่อนจะออกวิ่งตามเซเวียร์ไปอย่างรวดเร็ว ด้านหน้าของเซเวียร์เป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เสือโคร่งวิ่งตามมาติดๆแต่ก่อนจะถึงต้นไม้นั้นเซเวียร์ก็ปักไม้ม็อบลงกับพื้นดินแล้วใช้ไม้ม็อบเป็นตัวดันตนเองขึ้นไปบนต้นไม้ เสือโคร่งที่วิ่งตามหลังมาติดๆหยุดตัวเองไม่ทันทำให้ตัวของมันชนกับลำต้นของต้นไม้ดังโครม! เซเวียร์ที่ขึ้นไปยืนบนต้นไม้แล้วก็เกือบจะตกลงมาเพราะแรงสั่นไหว เสือโคร่งล้มลงไปตรงหน้าต้นไม้ต้นนั้น เซเวียร์กระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วพูดขึ้นมาอย่างระอาแต่ดูสนุกสนานในตอนหลัง
เขาบอกมาว่าถ้าหากตรงท้ายทอยโดนกระทบอย่างรุนแรงจะทำให้สลบ แต่ฉันไม่รู้ว่าท้ายทอยสัตว์อยู่แต่เคยเห็นโครงกระดูกของนายอยู่เหมือนกัน...ถ้าฉันตีผิดจุดก็อย่าว่ากันนะ
ปึก! ไม้ม็อบสีน้ำเงินถูกฟาดลงไปตรงกระดูกสันหลังแถบบริเวณลำคออย่างไม่ปราณี เซเวียร์เอามือไปอังตรงจมูกของเสือโคร่งแล้วถอนหายใจเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจแผ่วๆ
ฟุบ!!! ราวกับรับรู้ว่าหน้าที่ของมันได้สิ้นสุดลงแล้ว ไม้ม็อบสีน้ำเงินสลายหายไปราวกับอากาศธาตุ เซเวียร์ยกมือของตนเองข้างที่ถือไม้กวาดขึ้นมามองอย่างตื่นๆ ใบหน้าสวยฉายแววเหลอหลาจนดูหน้าขัน ไม่นานเสียงฝีเท้าของคนหลายคนก็ดังขึ้นก่อนตามด้วยร่างของชายร่างยักษ์(วัยทอง)สองคนและร่างของชายหนุ่มอายุราวๆยี่สิบอีกสองคน รวมทั้งหมดเป็นสี่คน ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลในกลุ่มเดินเข้ามาฉุดเธอออกจากพื้นที่อันตราย? ก่อนที่ร่างของชายอีกสามคนจะเดินเข้าไปหาเสือโคร่ง
ระวังนะคะ!!! มันแค่สลบไปเท่านั้น เซเวียร์ตะโกนเตือน ทุกคนหันมามองก่อนที่ชายร่างยักษ์คนหนึ่งจะเดินเข้าไปหาเสือโคร่งแล้วทำเหมือนกำลังตรวจดูอะไรบางอย่าง สักพักเขาก็เงยหน้าแล้วหันมาทางเซเวียร์พร้อมกับพึมพำเบาๆ
น่าสนใจ คำพูดนั้นทำให้ชายร่างยักษ์อีกคนหยิบมีดตรงที่คาดเอวของตนออกมา
รู้สึกว่าคืนนี้เราจะได้เนื้อรสเลิศเพราะสาวน้อยคนนี้นะท่านลัสเซล พูดจบเขาก็ตรงเข้าไปกรีดเนื้อบริเวณท้องของเสือโคร่งตัวนั้นออกมา ดวงตาสีเหลืองสดตื่นขึ้นมาโดยฉับพลัน มันคำรามก้องก่อนจะล้มลงไปแน่นิ่งกับพื้น ดวงตาสีนิลของเซเวียร์เบิกกว้างขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเบือนหน้าหนี ชายหนุ่มอีกคนเดินเข้าไปช่วยชายร่างยักษ์อีกแรง ส่วนชายร่างยักษ์ที่ชื่อลัสเซลเดินเข้ามาหาเซเวียร์ เซเวียร์สบตาคนๆนั้นโดยทันทีเพราะไม่อยากมองภาพนองเลือดตรงหน้า
ฉันได้ยินจากภรรยาฉันมาว่าหนูชื่อเซเวียร์ น้ำเสียงอ่อนโยนของชายร่างยักษ์ผมและตาสีน้ำตาลอ่อนดังขึ้น เซเวียร์คำกลืนน้ำลายลงคอ อยู่ๆมือบางก็เย็นเฉียบขึ้นมาเสียเฉยๆ
จะเป็นไรไหมหากฉันจะชวนหนูเข้ามาฝึกการใช้อาวุธเพื่อเป็นกำลังในการล่าสัตว์และการต่อสู้ให้แก่พวกเรา ชายร่างยักษ์พูดขึ้นอีกครั้ง เซเวียร์กะพริบตาเล็กน้อยก่อนเงยหน้ามองฟ้าแล้วหันมาสบตากับเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอย่างคนที่ตัดสินใจได้แล้ว
สิ่งที่หนูทำไปเมื่อกี้เป็นการตอบแทนบุญคุณคุณป้าเซที่ช่วยแนะนำหนูในเรื่องต่างๆของที่นี่.....ถ้าหากนั้นเป็นตอบแทนหมู่บ้านนี้ที่ช่วยหนูไว้ หนูก็จะรับคำชวนนั้นด้วยความเต็มใจเสียงใสพูดในระดับปกติ แต่มันกลับฟังดูก้องกังวานไปทั่วสำหรับผู้ฟังทั้งสี่ ชายร่างยักษ์นามลัสเซลพยักหน้าเบาๆ
หนูจะได้ตอบแทนบุญคุณหมู่บ้านนี้แน่นอน ลัสเซลพูด แต่คนอื่นๆยกเว้นเซเวียร์กลับขมวดคิ้วแล้วส่งสายตามาให้เป็นเชิงถาม ลัสเซลส่ายหน้าแล้วบอกเพียงสั้นๆแค่ว่า
...ลางสังหรณ์...
การรับประทานอาหารมื้อดึกนั้นได้ผ่านไปแล้ว ชาวบ้านต่างเข้าชื่นชมเซเวียร์กันใหญ่ที่เป็นผู้หญิงแต่กลับสามารถจัดการเสือโคร่งที่ดุร้ายลงได้ แถมยังตกลงรับปากเข้าเป็นกองกำลังของหมู่บ้านแห่งนี้อีกต่างหาก หลังจากที่เซเวียร์ทานอาหารเสร็จเธอก็กลับมาที่บ้านดินของเธอ ก่อนที่มือบางจะได้ทันผลักบานประตูดินเข้าบ้านนั้นดวงตาสีนิลกลับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเสียก่อน ดวงดาวต่างส่งแสงระยิบระยับมากมายต่างจากที่ที่เธอมาที่มีแต่เพียงเมฆหมอก เห็นดวงดาวเพียงบางวันเท่านั้นและไม่ได้เยอะอย่างตอนนี้ด้วย
เซเวียร์เป็นเด็กชอบอ่านหนังสือ แต่ถึงเธอจะชอบอ่านหนังสือเธอก็ไม่ได้เรียนเก่งอย่างที่หนอนหนังสือเขามักเป็นกัน บางทีเธอก็เคยอ่านหนังสือไร้สาระบางในบางครั้งเพราะพ่อของเธอนั้นชอบพูดเรื่องที่เธอคิดว่ามันไร้สาระให้เธอฟังอยู่เสมอ มักจะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นจริงแต่ตอนนี้เธอกลับคิดว่าเรื่องที่พ่อของเธอพูดนั้นมันก็น่าจะจริง คำพูดประโยคหนึ่งของพ่อเธอผ่านเข้ามาในหัว เป็นคำพูดที่ตอนนี้เธออาจจะจำไปจนวันตาย
เซเวียร์จำไว้นะ คนที่ตายไปแล้วไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม มันเป็นเรื่องเพ้อฝันที่ลูกควรจะจำเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้จะต้องมีสิ่งทดแทนที่เท่าเทียมเสมอ...
พ่อคะ พ่อบอกหนูว่าการฟื้นคืนชีพเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ทำไมพ่อถึงบอกเหมือนกับให้ความหวังหนูอย่างนั้นละคะ เซเวียร์ทอดสายตาไปรอบๆหมู่บ้าน สายลมที่พัดมาแผ่วๆทำให้เสียงใสเอ่ยขึ้นเบาๆอีกครั้งเหมือนต้องการให้สายลมนี้นำข้อความไปฝากคนๆนั้น
พ่อบอกให้หนูอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ และให้นึกถึงคำพูดไร้สาระเก่าๆของพ่อ แต่ที่พ่อเขียนในจดหมายนั้นพ่อเหมือนกับต้องการให้หนูมาเล่นเกมบ้าบอนี่...
...หนูจะทำเพื่อพ่อเป็นครั้งสุดท้าย แต่จุดบั้นปลายของทางนี้หนูจะทำเพื่อแม่ หนูจะลองเสี่ยงหากสิ่งนั้นจะทำให้หนูได้แม่กลับคืนมาอีกครั้ง... เด็กสาวเดินเข้าบ้านดินของตนเองไปโดยที่ไม่ได้เห็นทันสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น แสงสีฟ้าน้ำเงินอมแดงส้มพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าสีนิลกาฬไปตกแถวบริเวณชายแดนของป่าที่เธอพึ่งจะไปเสี่ยงตายมา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
