ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOVE SHOTFIC TOPBOM

    ลำดับตอนที่ #17 : Devil of love >>Par 2.

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 56


    Devil of love 2



     


     
           ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย หญิงสาวร่างบางกำลังดิ้นรนอย่างทรมานบนระเบียงคอนโดหรูใจกลางเมื่อ เมื่อถูกชายร่างใหญ่กำยำแข็งแรงเกินกว่าคนทั่่วๆไป กำลังใช้มือที่แข็งแกร่งของเขาข้้างหนึ่งบีบคอเธอไว้จนร่างบางลอยขึ้นเหนือพื้น แน่นอนเขาไม่ใช่แค่คนธรรมาดา เพราะสิ่งที่ทำให้เค้าเหนืือกว่าก็คือปีกขนนกสีดำที่งอกออกมาจากหลังของเค้า ทั้งยังแววตาสองสี พละกำลังอันแข็งแกร่งที่ถึงแม้ว่าตอนนี้เค้าจะยังคงได้รับบาดเจ็บก็ตาม
           ตอนนี้บอมมี่ตกใจ และหวาดกลัวสิ่งที่เธอต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้มากยิ่งกว่าอะไร ความเจ็บปวดทรมานที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สองขายังคงแกว่งไปมา สองมือยังคงพยายามจับเอามือหนาแข็งแรงที่ล๊อคคอเธอไว้ในตอนนี้ออกไป ในขณะที่ชายร่างหนาแปลกประหลาด ยังคงจ้องมองมาที่บอมมี่อย่างดุดันน่ากลัว แต่ทว่าในความน่ากลัวนั้นกลับซ้อนความหวาดกลัว และหวาดระแวงไม่แพ้กันกับบอมมี่เลย เค้ามองคนตรงหน้าอย่างช่างใจ ก่อนที่จะได้ยินเสียงๆหนึ่งดังเข้ามาในหัว ตอนที่เค้าได้สบตากับเธอ
           ' อย่า! อย่านะ ฉัน..ฉัน..ฉันแค่จะช่วย..ได้โปรด..' เสียงร้องอ้อนวอนดังขึ้นในหัวของเค้าคล้ายกระแสจิต อ่อนๆจากบอมมี่ที่ส่งถึงเค้า เค้าจ้องมองบอมมี่อีกครั้งผ่านดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้มีน้ำตาคลออยู่มากมายก่อนที่น้ำตาแห่งความหวาดกลัวเหล่านั้นจะหยดลงบนผิวหน้าของเธอเอง ชายร่างใหญ่ยังคงจ้องมองเธออย่าไม่วางตาแต่ทว่าแรงที่บีบคอเล็กๆของบอมมี่เริ่มผ่อนลงพร้อมกับสีหน้าที่ดุดันเกรี้ยวกราดเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นความสงสัยเล็กๆ
           ด้วยเพราะบอมมี่ไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมาได้เพราะความเจ็บปวดมันจุดอยู่ที่คอ เธอได้แต่ส่งความคิดเสียงดังกลับไปหาเค้าบ้างโชคดีที่สติของเธอยังพอเหลือให้คิดได้ว่า เค้าเองที่เป็นร้องขอความช่วยเหลือจากเธอด้วยวิธีนี้ กระแสจิต ความคิด ความรู้สึกของเธอถูกส่งผ่านออกมาทางแววตาที่ตอนนี้น้ำตานองรวมกับน้ำฝนบนใบหน้าสวยของเธอแล้วด้วยเช่นกัน
           'ได้โปรด..ฉัน..ฉันแค่จะช่วยนาย..เท่านั้น..ขอร้อง..' บอมมี่แน่ใจแล้วว่าชายคนนี้รับรู้และได้ยินในสิ่งที่เธอคิดออกไป 
           " ช่วยเหรอ..?..มนุษย์อย่างเจ้าช่วยข้าได้อย่างมากก็แค่ตายเท่านั้น" เสียงทุ้มใหญ่ที่ได้ยินแล้วน่าเกรงขามพูดขึ้นบ้างคราวนี้เขาไม่ได้ส่งกระแสจิตอะไรเช่นเดิม แต่เค้ากลับเอ่ยเสียงที่เย็นดุจน้ำแข็งปลายแหลมที่มันเริ่มทิ่มแทงใจของบอมมี่ช้าๆ ตายหรอ?! ไม่นะ!? 
           ดวงตาของสาวน้อยเบิกโพล่งขึ้นหลังจากที่ได้ยินคำว่าตาย ก่อนที่ชายผู้มีปีกจะไม่เปิดโอกาสใดๆให้บอมมี่ได้ดิ้นรนทรมานอีกต่อไป เค้าค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาจนใกล้กับเธอเพียงแค่ปลายจมูกของทั้งเค้าและเธอสัมผัสกัน เค้าก็จ้องมองลึกลงไปในแววตาของบอมมี่อีกครั้ง จากนั้นก็มีกลุ่มควันประหลาดจางๆสีขาวเรืองแสงลอยออกจากใบหน้าของบอมมี่ไปสู่ชายคนนี้ คล้ายกับว่าเค้ากำลังดูดเอาพลังงานบางอย่างจากตัวของเธอไป ณ ตอนนี้บอมมี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเธอเริ่มไร้เรี่ยวแรง ร่างกายเริ่มไม่เป็นไปอย่างที่ใจสั่ง ลำพังแค่จะยกมือขึ้นยังยากลำบาก นี่เค้ากำลังทำอะไรกับเธอกันแน่ เรี่ยวแรงของเธอ มันหายไปไหนหมด เกิดอะไรขึ้น!? ใครก็ได้ช่วยเธอที 
           ร่างกายของชายมีปีกคนนี้จากที่มีรอยบาดแผลเล็กๆอยู่เต็มตัว อยู่บาดแผลเหล่านั้นก็สมานกันเองอย่างน่าประหลาดใจเมื่อเขาได้รับพลังงานบางอย่างจากตัวของบอมมี่เข้าไป ทุกแผลบนตัวเริ่มจางหายและกลับคืนสู่สภาพปกติกลายเป็น ผิวสีขาวซีดเรียบเนียนเช่นเดิม หากแต่แผลฉกรรณ์ตรงหน้าท้องของเค้านั้นกลับไม่จางหายไปง่ายๆ พลังแค่นี้คงไม่พอให้เค้าได้ฟื้นคืนสภาพร่างกายได้ดังเดิม เพียงแค่คิดได้เท่านี้เค้าก็ตัดสินใจโน้มใบหน้าลงไปใกล้บอมมี่มากกว่าเดิมจนกระทั่งริมฝีปากเค้าและเธอเริ่มสัมผัสกัน 
           "อภัยให้ข้า...ข้าไม่ได้อยากจะฆ่าเจ้า...แต่ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ.." เค้ากระซิบบอกเธอแผ่วเบา ก่อนที่เค้าจะประกบริมฝีปากที่เย็นจัดดุดน้ำแข็งลงไปบนรืมฝีปากของบอมมี่ที่คราวนี้ดวงตาเหลือกขึ้นหนักกว่าเดิม ทั้งตกใจและไม่ทันตั้งตัวที่เขาคนนี้ฝังจูบลงมา ทั้งยังรู้สึกเหมือนกับว่าตอนนี้อะไรบางอย่างในร่างกายของเธอมันกำลังถูกกระชากออกไปจากตัว เค้าจะฆ่าเธอจริงๆอย่างนั้นหรอ?..ทั้งๆที่เธอจะช่วยเค้าเนี่ยนะ..บอมมี่ได้แต่คิดถึงความโง่ของตัวเอง ซึ่งถ้าเธอยอมเดินเข้าห้องนอนไปซะตั้งแต่แรกก็คงไม่มา ถูกปีศาจที่น่ากลัวฆ่าตายทรมานเช่นนี้ 
           หลังจากที่ปีศาจตนนี้ที่บอมมี่ว่าประกบริมฝีปากลงมา เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็เหมือนค่อยๆจางหายไป บอมมี่หยุดดิ้นรนหาทางหนี หยุดเคลื่อนไหวใดๆ ดวงตาเริ่มปรือพร้อมจะปิดลงได้ในทันที กลุ่มควันเรืองแสงสีขาวยังคงลอยออกจากตัวเธอไปสู่ตัวเขาเรื่อยๆ สติของเธอก็เช่นกัน ทุกอย่างเริ่มพล่าเลือนลงไปทุกทีๆ นี่เธอกำลังจะตายจริงๆใช่มั๊ย? และก่อนที่สติของบอมมี่จะดับลงเธอก็รู้สึกได้ว่ามือหนาของปีศาจตนนี้ที่เปลี่ยนจากล๊อคคอเธอมันค่อยๆเลื่อนลงมาที่เอวบางของเธอแทน ทั้งสองมือของเค้าเริ่มเปลี่ยนมาประคองกอดร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเธอไว้ ก่อนที่เค้าจะค่อยๆละริมฝีปากออกไปช้าๆ กลุ่มควันเรืองแสงสีขาวก็เริ่มจะเบาบางและจางลงไปด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ใบหน้าของปีศาจค่อยๆถอยห่างออกจากใบหน้าของเธอช้าๆ ทำให้เธอสามารถมองเห็นใบหน้าเต็มๆของเค้าได้อีกครั้งแต่มันก็พล่ามัวเกินไป บอมมี่พยายามจ้องมองและก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะต่อจากนี้ทุกอย่างก็มืดสนิทและดับวูบลงไปทันทีในเวลาต่อมา 
           เมื่อร่างบางในอ้อมกอดทำท่าจะทรุดตัวลงเค้าก็รีบช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มไว้ทันที เค้าจ้อมมองใบหน้าของมนุษย์ตัวน้อยนี้ด้วยความสงสัยคาใจที่มีมากกว่าเดิมหลายเท่านัก ทว่าในตอนนี้ร่างกายของเค้ามันกลับมาเป็นปกติแล้ว ไม่มีบาดแผลใดๆหลงเหลืออยู่เลยน้อยจากรอยนูนจางๆที่หน้าท้องของเค้าตรงที่เคยมีบาดแผลฉกรรณ์เท่านั้นที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า และในระหว่างที่เค้ากำลังพิจารณาบอมมี่อยู่นั้น เสียงฟ้าร้องก็ดังคำรามออกมาอีกรอบอย่างหน้ากลัว เค้าหันควับมองกลับไปบนท้องฟ้าทันทีด้วยใบหน้าที่ดุดันและเคียดแค้น แล้วจากนั้นก็รีบหันกลับมาสนใจร่างเล็กไร้สติที่เค้ากำลังอุ้มไว้ ก่อนที่เค้าจะพาร่างของเธอเดินผ่านทะลุกระจกเข้ามาให้ห้องของเธอได้อย่างง่ายดาย ประตูกระจกบานใหญ่เลื่อนปิดเอง ผ้าม่านที่ปลิวอยู่ก็เลื่อนตัวเองปิดตามมา เป็นลำดับ หยดน้ำจากเม็ดฝนมากมายที่เคยสาดเข้ามาก็กลับจางหาย แห้งสนิทคล้ายกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในห้องแห่งนี้ และทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในห้องปีกขนนกสีดำขนาดใหญ่ของชายคนนี้ก็หายไป เค้าจึงกลายเป็นเหมือนคนปกติทั่วไปแล้วตอนนี้ เค้ายังคงอุ้มร่างบางของบอมมี่เดินมาเรื่อยๆ หยดน้ำตามตัวเธอและเค้าก็ค่อยๆแห้งสนิท ไร้ซึ่งหยดน้ำฝนใดๆ รวมไปถึงรอยเลืือดสีดำน่าประหลาดของเค้าที่นองเต็มพื้นระเบียงนั้นด้วยก็ตาม มันเริ่มเปลี่ยนสภาพตัวเองอีกครั้งสีดำค่อยๆเลือนลางและจางหายไปจนเหลือไว้แต่น้ำใสๆที่เจิ่งนองอยู่เต็มพื้นระเบียง เหมือนกับฝนธรรมดาทั่วๆ ไป
           ด้วยพลังวิเศษที่ปีศาจหรือชายคนนี้มีเค้ายังคงพาร่างไร้สติของบอมมี่ เดินผ่านทะลุประตูห้องนอนของเธอเข้าไปด้วยเช่นกัน ก่อนที่เค้าจะวางร่างของเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ และเพียงแค่เค้าโบกมือเบาๆ ผ้านวมผืนหนาก็เลือนขึ้นมาคุมร่างของบอมมี่ไว้จนถึงช่วงอกของเธอ ความจริงเค้ายังคงสงสัยในตัวของบอมมี่มากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น เค้ายังคงจ้องมองเธออย่างไม่วางตา เสียงฟ้าร้องยังคงดังคำราม ท้องฟ้าในยามนี้ยังคงน่ากลัวเช่นเคย ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่กวนสมาธิของเค้า ศัตรูของเค้าอยู่ไม่ไกลจากบนฟากฟ้าเช่นกัน เค้ารู้สึกได้ถึงมัน หากแต่พละกำลังและอำนาจของมันตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากเค้าเท่าไหร่นัก มันเองก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ต่างกัน และถ้าหากมันฟื้นตัวได้เช่นเดียวกับเค้าในตอนนี้เมื่อไหร่ ก็เท่ากับหายนะกำลังจะตามมาด้วยเท่านั้นและร่างบางของมนุษย์ตัวน้อยนี่ที่เพิ่งช่วยชีวิตเค้าไว้ก็ต้องดับสลายไปด้วยเช่นกัน
           ชายร่างใหญ่ถอยห่างออกจากเตียงของบอมมี่เป็นระยะพอประมาณ จากนั้นเค้าก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาหาบอมมี่ แล้วกลุ่มควันสีดำเรืองแสงระยิบระยับก็กระจายออกมาจากมือของเค้าปกคลุมร่างของเธอไว้ จากนั้นก็กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนทั่วห้อง มันพุ่งออกไปยังนอกประตููกระจกบานใหญ่ กลุ่มควันลอดผ่านตามช่องเล็ก ช่องน้อยตามบานประตูออกไปปกคลุมพื้นที่โดยรอบจนทั่วทั้งคอนโด ตึกสูงทั้งตึกถูกกลุ่มควันเรืองแสงนี่ปกคลุมจนทั่ว และไม่กี่อึดใจต่อมากลุ่มควันที่กำลังฟุ้งกระจายอยู่นี้ก็ พรึบ!! มันแตกคัวออกจากกันและจางหายไปพร้อมกับตึกสูงทั้งตึกที่หายไปพร้อมกับมันด้วย! หลังจากตึกทั้งตึกหายไปแล้วเค้าก็ลดมือลง ก่อนที่จะเดินมาใกล้ร่างที่ไร้สติของบอมมี่อีกครั้ง 
           สิ่งที่ชายคนนี้ทำคือการสร้างบาร์เรียและอำพรางสายตาศัตรูของเค้า เค้าพยายามจะปกป้องร่างของบอมมี่และทุกๆคนที่อยู่ในนี้ เพราะถ้าหากศัตรูของเค้านั้นรู้ว่าเค้าอยู่ที่ไหน มนุษย์ทุกคนกก็จะต้องเดือดร้อน ซึ่งเค้าไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น และที่สำคัญร่างกายของเค้าต้องได้รับการพักฟื้นเค้าจึงที่จะซ่อนตัวอยู่ในโลกมนุษย์แห่งนี้ก่อนสักพัก ซึ่งเค้าเองก็มั่นใจว่าศัตรูตัวร้ายของเค้าก็คงเลือกเช่นเดียวกัน เพราะบาดแผลที่เค้าสร้างให้มันนั้นสาหัสยิ่งกว่าที่เค้าได้รับเสียอีก แต่ทว่าตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่าเจ้าศัตรูวายร้ายตัวนั้น และเค้าเองก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าสิ่งที่เค้าตามหาจะเดินเข้ามาหาเค้าเองแบบนี้...
           "เจ้าเป็นใครกันแน่...? " เค้าถามคำถามที่ไร้คำตอบกับบอมมี่ก่อนที่จะนั่งลงบนเตียงที่ร่างของเธอนอนอยู่ เค้าจับมือบอมมี่ขึ้นมาวางบนมือหนาที่เย็นเฉียบของเค้า และสองมือของก็มาประกบมือบางของเธอไว้ เค้าหลับตาลงและพยายามค้นหาความจริงบางอย่างที่เค้าต้องการรู้ เพียงเค้าหลับตาลงสมาธิและอำนาจที่แข็งแกร่งของเค้าก็เริ่มสำแดงฤิทธิ์ ออร่าสีน้ำเงินจางๆกระจายอยู่รอบตัวของเค้าและบอมมี่ จากใบหน้าเรียบเฉยก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดสองคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันในนาทีต่อมา แล้วจากนั้นแสงออร่าที่ว่าก็หายวับไปทันที ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาจ้องมองใบหน้าสวยของบอมมี่อีกครั้งด้วยความตกใจที่มีมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังแฝงไปด้วยความวิตกกังวลที่ดูเหมือนเค้าจะไม่พร้อมรับมือกับมันเอาเสียเลย
           "เป็นเจ้าจริงๆหรอเนี่ย...ปาร์ค บอม?" ชายหนุ่มทิ้งคำพูดปริศนาไว้เพียงเท่านั้นเค้าก็ลุกจากเตียงและเดินออกจากห้องของบอมมี่ไปทิ้งให้ร่างบางยัังคงนอนไร้สติอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาต่อไป
           
            ...เช้าวันต่อมาอากาศนั้นสดใสกว่าเมื่อคืนหลายเท่านัก แดดอ่อนๆส่องแสงลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องของบอมมี่ ความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาทำให้บอมมี่ที่หลับสบายต้องพลิกตัวไปมา สีหน้าเริ่มตึงเครียด เธอส่ายหัวไปมาทั้งที่ยังคงหลับตาสนิท คล้ายคนที่กำลังฝันร้าย ภาพที่บอมมี่เห็นในหัวของเธอตอนนี้คือภาพของชายมีปีกสีดำประหลาด ร่างใหญ่กำลังบีบคอเธอแน่น ร่างของเธอลอยเหนือพื้นและดิ้นหนีอย่างทุรนทุราย แล้วจากนั้นชายคนนั้ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ ความกลัววิ่งเข้ามาหาเธอทันที แล้วจากนั้น...
            "กรี๊ด! >0<" บอมมี่สปริงตัวเองลุกขึ้นมานั่งทันทีพร้อมกับร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ เหงื่อแตกพลั่ก ใบหน้าสวยซีดเผือก สีหน้าตื่นกลัวพร้อมกับหายใจหอบ ให้ตายเถอะฝันร้ายนี่น่ากลัวชะมัด บอมมี่ได้แต่นึกโมโหอยู่ในใจ บอมมี่นั่งหอบอยู่สักพักก่อนที่จะเริ่มกวาดสายตามองออกไปรอบห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมดังเช่นปกติทุกวัน เธอจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก 
            "ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง..เฮ้อ~ เอาน่าบอมมี่ฝันร้ายจะกลายเป็นดี" บอมมี่ยังคงให้กำลังใจตัวเองก่อนที่เธอจะลุกจากเตียง เปิดผ้าม่านภายในห้องนอน เพื่อรับกับแสงแดดยามเช้า ทั้งยังหาวและบิดขี้เกียจไปมาอย่างน่ารัก เธอเดินออกจากห้องนอนตรงมาเปิดประตูกระจกบานใหญ่ออกมายืนรับลมและเย็นๆที่ระเบียงมุมที่เธอโปรดปานที่สุดในคอนโดหรูของเธอเอง ด้วยสีหน้าที่ยิ้มกริ่ม สดใสและมีความสุขดังเช่นทุกวัน ถึงแม้ว่าเช้านี้ฝันร้ายจะทำให้เธอตื่นแต่เธอก็เลือกที่จะลืมมันไปอย่างง่ายดาย จนกระทั่ง ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ในชุดหนังสีดำเรียบหรูเข้ารูปกับรองเท้าบูทดำหุ้มข้อสูง กำลังนั่งไข่วห้าง ใช้นิ้วมือเรียวลูบคางตัวเองไปมาคล้ายกำลังขบคิดอะไรบางอย่างอยู่ เพราะคิ้วเข้มได้รูปขมวดเข้าหากัน ดวงตาคมกริบนั้นกำลังจ้องมองออกไปนอกระเบียงอย่างใช้สมาธิ เค้านั่งหันหน้าออกไปนอกระเบียงด้วยท่าทางที่อันตรายเกินกว่าคนทั่วไปจะกล้าทำ ก็แน่ล่ะ บอกแล้วว่านี่มันชั้นที่ 20 นั่งแบบนี้มีหวังได้ร่วงตกลงไปตายกันพอดี!
            ภาพที่เห็นทำให้บอมมี่ช็อคค้างไปอีกครั้ง เพราะเธอจะใบหน้าของชายคนนี้ได้ดี เธอหนีรอดจากเค้ามาเมื่อกี้ ชายคนที่อยู่ในฝันร้ายของเธอ! 
            "กรี๊ด!!! >0<" บอมมี่ร้องกรี๊ดออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีด เพื่อหวังที่จะให้ตัวเองตื่นจากฝันร้ายนี่อีกรอบ ในขณะที่ชายหนุ่มได้เพียงแค่หันมามองเธอด้วยความระอากับเสียงกรี๊ดที่น่ารำคาญของเธอ เพื่อตัดรำคาญและไม่ให้เป็นการรบกวนมนุษย์คนอื่นๆ เค้าก็ดีดนิ้ว เป๊าะ! เสียงร้องกรี๊ดของบอมมี่ก็หายไป เหลือไว้แต่ท่าทางซึ่งตอนนี้ดูแล้วน่าตลกสิ้นดี บอมมี่ในท่าทางตื่นตระหนกกรี๊ดลั่นโวยวาย แต่กลับไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาเหมือนกับการแสดงของพวกละครใบ้ไม่ผิดเพียนเพียงแต่ Acting ของเธอมันเป็นของจริงก็เท่านั้น ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มที่มุมปากนึกขำเธอในใจ เค้ามองดูเธอร้องกรี๊ดชี้นิ้วมาทางเค้าอย่างโวยวายอยู่อย่างนั้นจนกระทั่ง 5 นาทีผ่านไป บอมมี่เริ่มไม่มีแรงกรี๊ดเธอเหนื่อยเกินกว่าจะออกแรงใดๆแล้ว เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่เธอก็ยังไม่ตื่นจากฝันร้ายนี่ซะที T^T ร่างบางของกญิงสาวทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ แล้วจากนั้นชายหนุ่มที่อยู่บนระเบียงก็ลงมานั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเธอ บอมมี่ยังคงเหวอและตื่นกลัวที่เค้าเข้าใกล้จนต้องถอยร่นตัวเองออกไปจนหลังติดกำแพง พร้อมทั้งร้องบอกเค้าว่า อย่าเข้ามาใกล้เธออย่างลนลาน แต่ก็ยังคงมีแค่ท่าทางที่ไร้เสียงเช่นเดิม จนชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆกับท่าทางนั่น
           "..ไม่ต้องกลัวข้าขนาดนั้นหรอกน่า ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ได้อยากจะฆ่าเจ้าน่ะ และถ้าฆ่าจะทำเจ้าก็คงตายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว..เอาล่ะ หยุดร้องโวยวายแล้วข้าจะคืนเสียงให้กับเจ้า ตกลงมั๊ย?..." บอมมี่รับฟังทุกคำพูดด้วยภาษาแปลกๆของเค้า ก่อนที่จะพยักหน้ารัวด้วยความกลัวสติเธอแตกอีกรอบแล้ว = =" ชายหนุ่มดีดนิ้วอีกรอบเสียงของบอมมี่ก็กลับมาเป็นปกติ เสียงหอบของเธอดังออกมาอย่างชัดเจน แล้วจากนั้นก็..
           "กรี๊ด!!! >0< ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่า! กรี๊ด!" คุณเธอก็แหกปากร้องกรี๊ดขึ้นมาอีกรอบเช่นกัน 
           "ให้ตายเถอะ เจ้านี่มันดื้อจริงๆ ยัยตัวน้อย"
            ....เป๊าะ!.... แน่นอนว่าเค้าดีดนิ้วซ้ำอีกรอบเสียงของยัยตัวน้อยนี่ก็หายไปอีกรอบตามที่เค้าสั่ง คราวนี้กลายเป็นเค้าซะเองที่ถอนหายใจยาวออกมาบ้างพร้อมเอามือกุมขมับของตัวเอง มนุษณ์น้อยคนนี้ทำเอาเค้าเอือมระอาเกินกว่าที่คิดไว้เสียอีก แล้วแบบนี้เค้าจะทนรับมือกับเธอไปได้นานแค่ไหนกัน 
           บอมมี่กรี๊ดจนเหนื่อย เธอเจ็บคอเกินกว่าที่จะส่งเสียงพูดออกมาแล้วด้วยซ้ำยังคงนั่งหายใจหอบ เมื่อตอนนี้เธอพิสูจน์ได้แล้วว่าเค้าคนนี้ไม่ได้อยู่แค่ในความฝันของเธอ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง เธอรับรู้แล้วว่าเข้าทำอะไรกับเสียงของเธอ บอมมี่จึงเลือกวิธีที่เธอจะส่งกระแสจิตไปหาเค้าเหมือนกับที่เธอเคยทำเมื่อคืน ซึ่งถ้าเป็นคนปกติทั่วไปก็คงมองว่าไร้สาระสิ้นดี หากแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเชื่ิอเท่ากับชายคนนี้อีกแล้ว
           '..นายเป็นใคร...ต้องการอะไรจากฉัน?!' บอมมี่ยังคงไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า จนกระทั่งชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้ง 
           " ฉลาดดีนิ่ ใช้วิธีนี้สื่อสารกับข้า แบบนี้ค่อยรู้เรื่องหน่อย" ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากขึ้นทันทีอย่างพอใจเช่นกันซึ่งแน่นอนวิธีไร้สาระของบอมมี่มันได้ผล 
           'นายต้องการอะไรจากฉัน? นายเป็นตัวอะไรกันแน่ นายเป็นผี เป็นปีศาจ หรือว่า-'
           " ข้าคือ 'เทม' บุตรแห่งยมทูต ไม่ใช่ผีหรือปีศาจอะไรทั้งนั้น ข้าเป็นยมทูต" การเดาของบอมมี่ทำให้เทมเซงอย่างเห็นได้ชัด และทันทีที่เค้าพูดตัดบทบอมมี่จบ ยัยตัวน้อยที่เค้าว่าตาโตอึ้งไปอีกรอบพร้อมกับความคิดใหม่ที่พุ่งเข้ามาในหัว ซึ่งมันเป็นความคิดที่เลวร้ายอีกแล้ว..
           'ยมทูตหรอ? นี่ฉัน! ฉันตายแล้วหรอ! ฉันเห็นยมทูตฉันต้องตายแล้วแน่ๆเลยใช่มั๊ย!? เมื่อคืนฉันถูกปีศาจนั่นฆ่า ไม่นะ!? ฉันตายแล้วจริงๆหรอเนี่ย!? ToT ' ท่าทางฟูมฟายไร้เสียงของบอมมี่เริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว สองมือของเธอถูกยกขึ้นมาจับใบหน้าของตัวเองส่ายหัวไปมาประมาณว่ารับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น จนยมทูตหนุ่มถึงกับถอนหายใจยาวเยียดด้วยความเหนื่อยล้าและระอากับความคิดของยัยตัวน้อยนี่อีกรอบ คราวนี้เทมตรงเข้ามาจับมือทั้งของข้างของเธอไว้ ความเย็นจากมือของเขาทำให้ร่างบางที่กำลังดิ้นโวยวายหยุดชะงัก ทั้งยังเบิกตาโพล่งจ้องมองเค้ากลับมาโดยที่เริ่มมีน้ำตาคลอ
           "เจ้ายังไม่ตาย ปาร์ค บอม ตั้งสติหน่อยสิ! ใจเย็นๆ ฟังข้าให้ดี เจ้ายังไม่ตาย ที่ข้ามาก็เพื่อจะปกป้องเจ้าจากซาตานตนหนึ่งที่ทำร้ายข้าเมื่อคืนนี้ และเจ้าก็ช่วยข้าไว้ ตอนนี้เจ้าเป็นสิ่งที่มันต้องการหากซาตานตนนั้นได้วิญญาณของเจ้าไปโลกแห่งนี้จะไร้ซึ่งมนุษย์ มันต้องการจะทำลายโลกนี้ ถือว่าโชคยังเข้าข้างเราเพราะมันยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า ข้าจะต้องปกป้องเจ้า อยู่บนโลกมนุษย์นี่กับเจ้า จนกว่าข้าและเหล่ายมทูตตนอื่นจะฆ่าและทำลายซาตานตนนั้นได้สำเร็จ เข้าใจมั๊ยยัยตัวน้อย " บอมมี่ได้แต่อึ้งและคิดอย่างสงสัยว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สองขา สองแขนหมดแรงแล้ว ทุกอย่างมันชวนให้สับสนแล้วมึนงงไปหมด อะไรกันเนี่ย..
           '..โอ้ย~ ไม่ไหวแล้ว ฉันจะเป็นลม ยมทูต ซาตาน วิณญาณ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย~.~ ' แล้วจากกนั้นบอมมี่ก็คอพับลงเธอเป็นลมหมดสติไปเพราะความช็อคที่มีมาอย่างต่อเนื่องจนสมองของเธอรับไม่ไหวอีกต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นระเบียง อ้อมแขนแข็งแรงของเทมก็ยกร่างของเธอขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
           " พักก่อนเถอะยัยตัวน้อย เจ้ายังบอบบางเกินไปในตอนนี้ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงเจ้าก็จะเข้าใจเอง" เทมพูดขึ้นอีกครั้งเค้ามองหน้าของบอมมี่ที่สลบไปในอ้อมแขนก่อนที่จะหันหน้าออกไปมองท้องฟ้าที่แสงแดดเริ่มสาดส่องจนสว่างไปทั่วฟ้า ด้วยสีหน้าที่เปลียนไป...ใบหน้าของเค้ากลับดูเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่เค้าจะละสายตาจากท้องฟ้าและพาร่างของบอมมี่เดินเข้าห้องไป




    ,,,
    ,,,,
    ,,,,,

    Chocola~ Say: ยัยตัวน้อย มาอัพตอนใหม่แล้วนะคะ ^^ หลังจากที่ไปฟินกับคอนเสริ์ตของ GD มา มันส์มากๆเลยค่า และด้วยอภินิหารขององค์จี เลยทำให้เกิดฟิคเรื่องนี้ #55555 อันที่จริงไม่เกี่ยวกับองค์จีหรอกค่ะ  เรื่องนี้เป็นแฟนตาซีเรื่องแรกของไรท์เตอร์เลย ยังไงก็มาเม้นติชมกันเยอะๆนะคะ ขอกำลังใจหน่อย ฮึ๊บๆ >"< ไรท์เตอร์อยากให้รีทเดอร์ได้อ่านแบบหลายๆแนวดูบ้างจะได้ไม่น่าเบื่อ ชอบไม่ชอบดีไม่ดียังไงก็บอกด้วยนะคะ ^^ และสุดท้ายนี้ .....รักรีทเดอร์คนเบย~ ^3^


     
     


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×