คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่1 ตัวผมกับการเดินทางครั้งแรก
OMG!!!
....เพื่อน(ใน)บ้านผมเขาเป็นปีศาจ....
บทที่1
ตัวผมกับการเดินทางครั้งแรก
....15 นาทีผ่านไป
ในที่สุด!!!!
ในที่สุดผมก็ได้พักสมองซักที่ให้ ให้ตายสิการถูกคุณแม่และหม๊าม๊าลุ่มรัก(?)นี้มันไม่ใช่เรื่องดีเล๊ย ก็นะเกิดมาหน้าตาดีก็อย่างนี้แหงะ
อา... เหนื่อนแฮะ ทั้งๆทียังไม่ได้เดินทางไปไหนเลยที่แท้ๆ
ตัวผมในตอนนี้กำลังนั่งอยู่ม้านั่งตัวหนึ่งในชานชลาข้างซึ่งในเวลานี้คุณแม่ก็ไปซื้อน้ำกระป็องจากที่ไหนซักที ส่วนหม๊าม๊า ไม่สิ ซุยซัง ก็กำลังไปซื้อตัวรถไฟใบใหม่ให้ผมเนื่องจากผมพึ่งพลาดรถไฟไปเมื่อ 5 นาทีก่อน....
เอ๊? ทำไมผมถึงมีคุณแม่ 2 คนงั้นหรอ? จะว่ายังไงดีล่ะ...เอาเป็นว่าคนที่คลอดผมคือ ยูคิสึกิ ซุย และเป็นแม่ตามกฎหมายของผม ส่วนฮานาซากุ อายาโนะ เป็นคุณน้าตามกฎหมายแต่เธอเป็นแม่คนที่สองของผมเพราะเธอค่อยเลี้ยงและดูแลผมตั้งแต่ช่วงชั้นประถมขึ้นมานั้นเอง อันที่จริงแถบจะเป็นแม่ของผมซะด้วยซ้ำไป
ฮานารากุ อายาโนะ หรือคุณน้าโดยศักดิ์ คุณแม่ในนามเป็นฝาแฝดของแม่ผม ซึ่งตอนนี้คุณน้าโดยศักดิ์คุณแม่ในนามของผมฌะอยังโสดและเป็นแม่บ้านและรักผมมากอย่างกะลูกที่เธอเกิดมาเองด้วยซ้ำไป แถมมักจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนผมซะมากกว่าเพราะคุณน้าโดยศักดิ์ คุณแม่ในนามของผมนั้นหน้าตาเอ๊าะๆอย่างกะเด็กม.ปลายซึ่งไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่สำหรับคุณแม่โดยศักดิ์ คุณน้าใน.... โว้ย!!! สรุปว่าคุณน้าคือคุณแม่ของผมที่ไม่ได้เป็นแม่ผม จบน่ะ!
เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันต่อ...
ที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องดีนั้นเพราะว่าคุณแม่ของผมเป็นโรคติดลูก(หลาน)ซินโดรมขั้นโครม่านั้นเอง...ซึ่งซุยซังที่เป็นแม่แท้ๆของผมก็เคยพาเธอไปพบจิตแพทย์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ผลที่ออกมาคือปกติ ซึ่งมันไม่ใช่!
ส่วน ยูคิสึกิ ซุย หรือ ฮานาซากุ ซุย เธอเป็นแม่แม้ๆที่คลอดผมออกมาจากพุงของเธอ ซึ่งเธอเป็นแม่ที่ค่อนข้างจะ...อืม หัวรุนแรง ใช่! เธอทำงานเป็น Hair Stylist ที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นตอนนี้ แน่นอนว่าเธองานยุ่งมากถึงมากที่สุดชนิดที่ว่านานทีปีหนจะกลับมาบ้านซักที ส่วนสาเหตุที่ให้ผมเรียกเธอว่าแม่หรือหม๊าม๊านั้น เพราะนับวันเธอยิ่งไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่าเธอคลอดผมออกมา เนื่องจากผมมันเอิ่ม...ไม่ค่อยฉลาด เอิ่ม ไม่ได้โง่นะเฮ้ย! อย่างน้อยวิชาพละศึกษาและวิชาศิลปะผมก็ได้คะแนนเต็ม 100 นะ! ถึงไหนแล้ว...อ้อ! ใช่ๆ เพราะเนื่องจากเธอเป็นคนที่ฉลาดจนถึงขั้นอัจฉริยะเสียด้วยซ้ำ เธอเลยซักงงๆเรื่องผมว่าหยิบมาผิดคนหรือเปล่า [แต่แค่มองหน้าก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่ได้หยิบผิด] ผมก็เลยไม่ได้เรียกเธอว่าแม่ตั้งแต่ขึ้นชั้นม.ต้น เธอให้ผมเรียกเธอว่า ซุยซัง หรือไม่ก็ คุณนาย ซะมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่ได้ชินอะไรกับมันเลยมักหลุดคำว่าแม่ไปปล่อยๆ ทำให้ผมนั้นกลายเป็นกระสอบทรายไปโดยปริยาย...
แต่มันก็ไม่ค่อยใช่ไหมล่ะ! แม่ที่ไหนไม่ได้ดั่งใจก็ตบแถมมือยังหนักอย่างกะช้างป่า ไม่ก็เตะอย่างกะเป็นกระสอบ ร้ายแรงหน่อยก็หเหยียบหัวด้วยรองเท้าส้นสูง 3 นิ้วของเธอ คิดดูสิ ผมมีชีวิตรอดมาได้เพราะความอดทนหรอกนะ! คิดแล้วมัก็รู้สึกเจ็บปวดจริงๆทำไมแม่เป็นอย่างนี้ฟร่ะ โว้ย! คุณผู้อ่านก็ไปคิดดูเองก็แล้วกันตอนนี้ผมเคลียดขนาดไหน เคลียดจนไม่รู้ว่าตัวเองนั่งท่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วตอนนี้แทบจะกัดเล็บตัวเองอยู่แล้ว ไม่ได้สิ! ถ้าเกิดซุยซังมาเห็นโดยตบปากฉีกแน่ อ๊ากกกกก...
“นินทาอะไรฉันอยู่ห๊ะ โยรุ?”
นั้นไงนินทาพูดถึงเสร็จก็มาเลย ช่างเป็นผู้หญิงที่หูดีอะไรอย่างนี้ น่ากลัวเกินไปแล้ว อ๊ะ ว่าไปไม่ได้เห็นแม่ซุยซังแต่งตัวสบายๆแบบนี้มานานแล้วแหะ เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายอาร์ตกับกางเกงยีนขาเดฟและรองเท้าส้นสูงสีแดงคู่โปรดของเธอ แถมทรงผมนั้นอีกแค่รวมผมหยักศกของเธอไว้ลวกๆ กับแว่นตากันแดดกรอบเหลือง กับกระเป๋าถือของหลุยส์ วิกตองเรียบๆ ช่างเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากจริงๆ
ถ้าเทียบกับคุณแม่ที่คือคุณน้านั้นช่างแตกต่างบอกได้คำเดียวว่าซุยซังเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีทางแก่
...แหม พูดแล้วก็ภูมิใจนิดๆ แต่ก็เสียใจมากๆเช่นกัน เฮ้อ
“นี่แกนินทาฉันอยู่จริงสินะ”เธอยิ้ม...ยิ้มออกอย่างน่าสะพรึง!
“ป่าวนะหม๊า เอ้ย ซุยซัง ผมแค่คิดว่าวันนี้คุณชิวม๊ากมาก!”จริงๆนะ ผมล่ะกัลัวคนๆนี้ตบปากแตกจริงๆ
“เฮอะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแกออกมาโดยไม่บอก ฉันคงไม่ตามออกมาในสภาพนี้หรอกย่ะ”เธอพูดพรางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แล้วไม่อยากจะสนใจผมอีกต่อไป
ผู้หญิงติดบุหรี่...
เอาเถอะ ผมชินกับนิสัยนี้ของเธอแล้ว ตามใจตัวเองและเอาตัวเองเป็นใหญ่ เธอคนนี้เลี้ยงผมให้โตขึ้นมาได้ยังไงกันนะ ให้ตายสิโลมา!
“แกจะไปต่อคณะอะไร?”เธอพูดขึ้น
“เออ... คณะหรอ วรรณกรรมนะ ผมติดคณะนี้นี่นา”ผมตอบไป จะว่าไปผมไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเธอเลยแฮะ ส่วนใหญ่จะคุยแต่กับคุณแม่อย่างเดียว แล้วก็โดยคัดขานทันที
“อ้อ...หรอ”เธอพ่นควันบุหรี่ออกมาเนิบๆ แล้วเงียบต่อไป
...
โลมาที่รัก ผมเกลียดบรรยากาศแบบนี้
...
ขอยอมรับจากใจเลยว่า ผมคนนี้ไม่เคยคุยกับแม่ยาวๆซักครั้งยกเว้นเวลาก่อนถูกกระทำชำเรา เพราะเธอไม่ค่อยอยู่บ้านและส่วนใหญ่ผมจะพูดคุณกับคุณแม่ซะมากว่า... ส่วนซุยซังเธอมักจะหมกมุ่นอยู่กับงาน ซึ่งเธอไม่ได้ผิดหรอก เพราะเธอทำงานผมถึงได้เรียนหนังสือพูดถึงเรื่องเงิน....
“เออ...ถึงไปเรียนที่นั้น ซุยซังก็ยังจะส่งผมต่อสินะ”อันที่จริงผมลืมคิดเรื่องค่าเทอมไปเลย แน่นอนว่ารวมถึงค่ากินค่าอยู่ค่าใช่ด้วย!
“ห๊า? จะบ้าหรือไงโยรุ ใครจะไปส่งแกกัน ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกแกว่าถ้าแกไม่ติดมหาวิทยาลัยโตเกียวฉันจะไม่สงแกเรียนต่อนะ โยรุ”อะไรกัน! เคยพูดหรอ ตอนไหน เมื่อไหร่! ทำไมผมไม่รู้เรื่องละเฮ้ยยย
“ตอนแกอยู่ม.ต้นปี 1”
อะจ๊ะ... ผมคงจำได้หรอกเนอะกี่ปีมาแล้วล่ะ!
“แต่ผมติดมหาวิทยาลัยเกียวโตนะ!!!”
“แล้วมันอยู่ในโตเกียวหรือไงฮะ!!?”ไม่ครับ...
“ให้ตายสิ แกควรจะช่วยฉันประหยัดให้มากกว่านี้ แต่ก็กลับกำลังต่อต้านฉันซะอย่างงั้น นอกจากจะทำตัวไม่ได้ดั่งใจแล้วยังคิดจะทำให้ฉันวุ่นวายอีกนี่มันอะไรกันฮะโยรุ เอาเถอะ อย่างน้อยฉันก็พอจะมีที่อยู่ให้แก ไกลมหาลัยหน่อย อย่างน้อยก็ประหยัดไปซักส่วน”หลังจบการบ่นยาวเธอก็ยื่นกระดาษใบหนึ่งมาให้ผม ผมรับมาด้วยความงงเล็กน้อยว่ามันคืออะไร?
“แม่ส่งต่อมาให้ฉัน มันเป็นบ้านของทวดแก แหงล่ะฉันไม่เคยไปที่นั้นมาก่อนหรอกนะ เพราะฉะนั้นหาทางไปเองซะเมื่อไปถึงเกียวโต”
เดี๋ยวเด้ นี้มันทิ้งกันชัดๆเลยนะ!
“บ้านของทวดงั้นหรอ? ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนโตเกียวหรอกหรอ?”ผมกำลังงครั้งใหญ่ในชีวิต
“ตั้งแต่รุ่นแม่ฉันลงมาน่ะใช่! แต่สิ่งๆแล้วเป็นคนเกียวโตล่ะนะ”เธอพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก จะเป็นคนเขตไหนก็ไม่ต่างกันนักหรอกเธอทำหน้าอย่างนั้น
ในครอบครัวผมไม่เคยรู้อะไรหรอก เพราะเรื่องของแม่ตัวเองยังไม่ค่อยรู้เลยซะด้วยซ้ำไป อย่าไปพูดถึงเรื่องยายหรือทวดเลย
“เอาเถอะ ฉันจะส่งเงินให้แกเดินละครั้งถ้าไม่พอก็เรื่องของแก เพราะฉันต้องค่อยดูน้าบ็องๆของแกอีก ให้ตายสิ! แกโยนภาระให้ฉันรู้ไหมโยรุ!”ผมจะไปรู้หรือไงครับคุณนาย!
“เฮอะ แย่ที่สุดเลย! จะแม่ จะแก หรือจะหมอนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่ได้เรื่องทั้งนั้น...”เธอพูดอออกมาด้วยน้ำเสียงบางเบาและฟังดูเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คล้ายคนกำลังตัดตัดพ้อ...
“ไม่ว่าใครก็หาเรื่องให้เหนื่อยอยู่ได้...”
เพราะผมไม่เคยรู้เรื่องของเธอ ผมเลยไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ อย่างน้อยเธอก็คงจะ....
“ฮือๆ โยจัง อย่าไปเลยน้า~”
รถไฟมาถึงชานชลาได้ไม่นานนัก คุณแม่ก็เริ่มเข้ามางอแงกับผมซะยกใหญ่อีก แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้วเนื่องจากซุยซังได้ทำการ’ใส่ปลอกคอกันหนี’ ไว้เรียบร้อยแล้ว
“งั้นผมไปล่ะนะครับ”
“ม่าย~”คุณน้าพุ่งเข้ามากอดผมไว้ไม่ยอมปล่อย
“พอซักทีเถอะน่า! อายาโนะ เด็กนี้ก็แค่ไปเรียนไม่ได้ไปตายซักหน่อย อย่างี่เง่าน่า!”เหมือนแช่งนะ...
“แต่ว่า แต่ว่า...”
“ไม่ใช่เวลามาติดหลานนะ...”ซุยซังพูดเสียงตำหนิเล็กน้อย
“ฮือ.. งั้น งั้น โยจัง เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ แล้วก็มีอะไรก็โทรมานะ ไม่สิต้องโทรมาหาแม่นะ! ไปถึงแล้วต้องโทรมานะ น้าจะไปเยี่ยมนะ ต้องไปเยี่ยมโยจังให้ได้ ดังนั้นดังนั้น อึก....แล้ว เจอกันนะ...”คุณแม่พูดออกมาทั้งน้ำตาเธอกอดผมแน่นๆครั้งหนึ่งแล้วจึงปล่อยผมออก พร้อมปล่อยโฮออกมาเต็มที ผมหันไปหาซุยซังเพื่อว่าเธอจะมีอะไรที่จะพุดบ้าง...
“ลาก่อน ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกนะ!”
“ฮะฮะฮ่า ขอบคุณนะครับคุณแม่”
“ไอ้เด็กนี่....”
รถไฟกำลังออกจากชานชราผู้โดยสารโปรดประจำที่ ญาติผู้ส่งกรุณาอยู่หลังเส้นแดงด้วยค่ะ รถไฟกำลังออกจากชานชราผู้โดยสารโปรดประจำที่ ญาติผู้ส่งกรุณาอยู่หลังเส้นแดงด้วยค่ะ รถไฟกำลังออกจากชานชราผู้โดยสารโปรดประจำที่ ญาติผู้ส่งกรุณาอยู่หลังเส้นแดงด้วยค่ะ.....
“งั้นไว้เจอกันนะฮะ”ผมยิ้ม แล้วเข้าไปข้างในรถไฟประตูปิดลงรถไฟเคลื่อนตัวออกช้าๆจากชานชลา ผมเห็นพวกเขารอจนลงไฟหายไปจนแทบลับตาแล้วจึงเดินทางกลับไป....
นี่คือการเดินทางครั้งแรกคนเดียวของผม...
เดินทางไปยังความฝันที่อยู่ที่สถานที่หนึ่งที่รอผมอยู่....
ยินดีที่ได้รู้จัก...
ผมคือ ยูคิสึกิ โยรุ...
...............................................................
เหมือนจะดราม่า....(?)
สวัสดีค่ะ เฟลอร์เองน่อ~ จบไปแล้วกับตอนที่ 1 โหย...เหนื่อยนะเนี่ยพิมพ์บทนำแล้วลุยบทที่ 1 ต่อ ตอนต่อไปจะเป็นการเริ่มต้นผจญภัยในแดนโยวไคและวรรณธรรมญี่ปุ่นของโยรุแล้วนะค่ะ! สู้ๆเฟลอร์สู้ๆ
อาเมน
ปล. เฟลอร์รักนักอ่านทุกท่านนะค่ะ จุบุจุบุ(เพื่ออะไร?)
ความคิดเห็น