ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] F.T Island ...ReFrain...

    ลำดับตอนที่ #4 : ...สิ่งที่หวนคืน...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.47K
      4
      2 ต.ค. 52


    ...
    REFRAIN…สิ่งที่หวนคืน 

     

     

    ที่ท่าอากาศยานกรุงโซล   ประเทศเกาหลี   เต็มไปด้วยผู้คนมากมายทั้งยังหลากหลายเชื้อชาติเดินกันขวักไขว่   กระเป๋าเดินทางหลายรูปแบบกำลังถูกลำเลียงไปตามสายพานเพื่อหาเจ้าของ   ผู้โดยสารขาเข้าหลายคนเดินออกไปหาเพื่อนฝูงที่รอต้องรับอย่างอบอุ่น  เพราะนี่เป็นเที่ยวบินตรงจากประเทศแสนไกลนำพาเหล่าวิหคหลงรังกลับคืนสู่ถิ่น

     

     

    ร่างเพรียวบางก้าวลงจากบันไดเลื่อนอย่างรวดเร็ว   ท่วงท่าย่างก้าวตรงแฝงไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม   เสื้อโค้ทตัวยาวสีขาวพลิ้วไปด้านหลังเผยให้เห็นเสื้อยืดพิมพ์ลายเก๋ด้านใน   ดวงหน้าเรียวขาวจัดตัดกับริมฝีปากสวยสีสดดึงดูดสายตาของคนรอบข้างให้ต้องเหลียวมองซ้ำทั้งหญิงและชาย   เส้นผมยาวประบ่าย้อมสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบอย่างไม่ใสใจไว้ด้านหลัง  

     

     

    นั่นใครน่ะดูดีชะมัดเลย สุภาพสตรีชาวเกาหลีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ไม่รู้เป็นนายแบบที่ไหนรึเปล่า

     

     

    ร่างเพรียวชะงักฝีเท้าหันกลับมาเอียงคอมอง   เขายิ้มตาใสให้พร้อมก้มหัวลงน้อยๆ 

     

     

    เค้าโครงหน้าสวยยิ่งยิ้มก็ยิ่งหวานจัดจนไม่อยากจะละสายตา   เล่นเอาคนเห็นถึงกับเพ้อ     

     

     

    ตายแล้ว   น่ารักชะมัดเลย     

     

     

    เธอๆจะบ้าเหรอ    ตื่นได้แล้วจ๊ะ เพื่อนข้างๆแอบสะกิดเมื่อคนคนนั้นเดินจากไปแล้ว

     

     

    ...

     

     

    สามปีที่ ลี  ฮงกี ไม่ได้กลับมาบ้านแห่งนี้ทำให้เขาคิดถึงที่นี่จนไม่อาจจะบรรยายออกมา   ในอดีตพ่อของเขาถูกย้ายไปประจำที่อังกฤษมันเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะนั้นน่าจะหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น   ....แต่ว่าเขากลับเสียใจ   เสียใจจริงๆ

     

     

    ร่างเพรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก   เบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเพียงคนเดียวที่นังติดต่อกันอยู่เป็นเพียงไม่กี่เบอร์ที่ถูกเมมไว้ในเครื่อง  

     

     

    ฮัลโหล   แจจิน  อืม...ถึงแล้ว   เออ...อยู่ไหนเหรอเดี๋ยวนะ   อะไรนะ   อ๋อ  ใช่  ใช่   จะมาหาใช่ไหม   ได้งั้นฉันรออยู่ตรงนี้นะ

     

     

    ฮงกีหันซ้ายหันขวา...บ้านกลับกลายเป็นที่ที่เขาไม่รู้จัก   เขาวางกระเป๋าเป้ที่เป็นสัมภาระใบเดียวที่ติดตัวมาไว้ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งก่อนที่ตัวเองก็ทรุดตัวลงนั่งที่ตัวข้างๆ   ไม่นานเขาก็เห็นร่างคุ้นตาเดินกึ่งวิ่งมาหยุดในบริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อก่อนหน้านี้   ดูคุ้นนักทั้งทั้งที่สวมหมวกประกอบกับแว่นกันแดดอันโต   อะไรบางอย่างทำให้เขาตะโกนออกไป

     

     

    แจจิน... ร่างนั้นหันกลับมามองเขาอย่างลังเล   

     

     

    ฮงกียิ้มกว้างเมื่อร่างบางถลาเข้ามากอดเต็มแรง  อืม...เจ็บชะมัด    แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ

     

     

    เฮ้ย   นี่นายร้องไห้เหรอ ฮงกีถามด้วยความตกใจ

     

     

    เปล่า แจจินปฎิเสธเสียงเข็ง

     

     

    เอ๊ะ...ก็ได้ยินอยู่นี่ยังจะมาเถียง   ฮงกีพยายามดันแจจินออกเพื่อจะได้ดูหน้าเพื่อนให้ชัดๆแต่แจจินกลับกอดแน่น

     

     

    ฮงกีขำ

     

     

    หัวเราะอะไร เจจินเงยหน้าขวับ   คิ้วเรียวขมวดเข้าเป็นปม   แก้มใสพองลมด้วยลักษณะเหมือนเมื่อก่อน...ในความทรงจำ

     

     

    หัวเราะนายไง   ไม่ได้เจอกันตั้งนานพอเจอหน้ากันแล้วเอาแต่ร้องไห้แบบนายน่ะ   ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ 

     

     

    ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ร้องไห้ แจจินผลักฮงกีเบาๆ   ยกมือขึ้นปาดไปที่แก้ม

     

     

    งั้นก็ยิ้มสิ ฮงกีขยี้หัวคนตัวเล็กกว่า   แจจินหันมายิ้มให้   รอยยิ้มสดใสที่ไม่ว่าใครก็อยากเห็น นี่  แจจิน  คิดถึงนายชะมัดเลย

     

     

    เหมือนกัน

     

     

    คำตอบที่ได้ยินทำให้ฮงกีนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มระรื่น   ในวันที่เขาจะไปนั้นมีเพียงแจจินคนเดียวเท่านั้นที่ไปส่งเขาส่วนคนอื่นนั้นไม่แม้แต่จะพูดคำว่าลาก่อน   ภาพที่แจจินยืนร้องไห้อยู่คนเดียวเป็นภาพที่ติดตาเขามากที่สุด   และสิ่งที่เขาพูดตอนนั้นก็คือ   ไม่ว่าอย่างไรเราก็จะต้องติดต่อกันให้ได้   ฮงกีนั้นมีที่อยู่ของแจจินดังนั้นเขาจะเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อนแลัวหลังจากนั้นก็เลยเขียนจดหมายหากันตลอด   เมื่อเรื่องที่อยู่ทางเอมริกาเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันทางจดหมายบางครั้งก็เป็นอีเมลล์ซึ่งฮงกีก็พิมพ์ใส่กระดาษเก็บไว้อย่างดีทุกฉบับ   แต่เรื่องโทรศัพท์หากันนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย

     

     

    ฮงกีชวนแจจินคุยเล่นไปเรื่อยระหว่างที่เดินไปที่ทางออกที่คนขับรถของแจจินมารออยู่แล้ว  

     

     

    ฉันอ่านเมลล์นายแล้วนะ   คนอื่นเป็นยังไงกันบ้าง ฮงกีถาม

     

     

    สีหน้าของแจจินหมองลงทันทีที่พูดถึงเรื่องนี้  ฉันบอกแล้ว   นายไปเห็นเองน่าจะดีกว่า

     

     

    แล้วแจจินก็เงียบไป    ฮงกีโคลงหัวเหลือบมองคนที่เดินเคียงข้างอย่างใช้ความคิด

     

     

    พลันคนตังสูงกว่าก็คว้าเอาหมวกกับแว่นกันแดดไปเล่นอย่างสนุก   ปล่อยให้แจจินยืนหน้าบึ้งอยู่คนเดียวแต่ก็ทำได้ไม่นานต้องหลุดหัวเราะออกมาจนได้   ฮงกีที่วิ่งนำไปหันมามองก่อนยิ้มน่ารักโบกมือให้แจจินตามมาไวๆ   แจจินส่ายหัวแต่ก็ออกวิ่งตาม   เล่นแย่งหมวกกันเหมือนเด็กๆ   คนแถวนั้นมองดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้  

     

     

    ...รู้อะไรไหมฮงกี   นี่เป็นเรื่องที่ฉันคิดตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว   บางที   นายอาจจะมีเวทมนตร์ก็ได้นะ   เวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่เพราะไม่ว่าที่แห่งใดขอเพียงมีนายอยู่รอยยิ้มก็ไม่ได้หายากเย็นอะไรเลย   แล้วใครจะสู้นายได้ล่ะ   เพื่อนรัก... 

     

    ...

     

     

    วันนี้เป็นวันอาทิตย์   แต่พวกคณะกรรมการนักเรียนก็ไม่สามารถหยุดได้   เพราะมีงานท่วมหัวที่ต้องจัดการ 

     

     

    แม้แต่พวกอาจารย์ยังได้หยุดเลยแล้วพวกเรามาทำอะไรกันเนี่ย มินฮวานบ่น   ขณะหอบกองเอกสารตั้งใหญ่เดินไปตามระเบียงที่ทอดตัวเป็นทางเชื่องระหว่างตึก   ด้านข้างต้นไม้ใหญ่สีเขียงขจีแผ่กิ่งก้านเข้ามาในในระเบียง   อากาศตอนร้อนอ้าวๆสมกับที่เป็นเดือนทิ้งท้ายฤดูร้อนจริงๆ

     

     

    นายอย่างบ่นไปเลยน่า เพื่อนข้างตัวที่แบกของหนักพอๆกันปลอบ ฉันอยากจะถามเหมือนกันแหละว่านายมาทำอะไร   ไม่ใช่คณะกรรมการนักเรียนซะหน่อยนี่นา

     

     

    พี่ชายบังคับ มินฮวานกัดฟันตอบ   นึกเคืองหนัก

     

     

    ชอย  จงฮุนตัวแสบ   จำไว้เลย

     

     

    พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกก็นายเป็นคนรับปากเองว่าจะช่วย   ถ้ารุ่นพี่เค้าสัญญาว่าจะเลี้ยงไอติมนาย

     

     

    โธ่เอ๊ย   ถ้ารู้ว่ามันหนักขนาดนี้ก็คงไม่ยอมตกลงแล้ว คนตัวเล็กฟึดฟัดไม่เลิก ร้อนโว้ย   ร้อน   ร้อน   ร้อน    หนักด้วย   อยากกลับบ้าน

     

     

     ช่วยไม่ได้น้า   เอามานี่ คนฟังอดสงสารไม่ได้   คว้าเอาเอกสารครึ่งหนึ่งไปช่วยถือ

     

     

    เฮ้ย   ไม่ต้องของนายมันก็หนักอยู่แล้ว มินฮวานพยายามแย่งคืน   แต่มันกลับเบี่ยงหนีซะงั้น เอาคืนมานะ

     

     

    คนเป็นเพื่อนส่ายหัวดิกพร้อมรอยยิ้มชวนหงุดหงิด

     

     

    มินฮวานถอนใจนิดหนึ่ง   ก่อนรอยยิ้มบางจะแย้มออก ขอบใจนะ

     

     

    ไม่เป็นไร

     

     

    มินฮวานออกเดินนำแต่ไม่ระวังไปชนคนที่เดินสวนมาอย่างเร่งรีบ   มือพลัดจากเอกสารนับพันแผ่นกระจายว่อนลงสู่พื้น   ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ   ร่างเล็กเซถลาอย่างทรงตัวไม่อยู่    ก่อนที่จะหงายหลังล้มลง   วงแขนแกร่งก็โอบเอาเอวบางเอาไว้ทัน

     

     

    โทษนะ   เป็นอะไรรึเปล่า เสียงเจ้าของแขนที่ช่วยพยุงถามอย่างเป็นห่วง

     

     

    มินฮวานเงยหน้า   อ้าปากเตรียมตัวต่อว่าเต็มที่แต่พอเห็นหน้าชัดๆ  แล้วเสียงกลับหายไปเฉยๆ   ดวงหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผมส่ายไปมา   มือเล็กรีบดันตัวออกมาโดยด่วน  

     

     

    พี่มาอยู่นี่ได้ไง คำถามหลุดออกไปก่อนที่จะห้ามตัวเองได้ทัน

     

     

    มาหาจงฮุนน่ะ    มีเรื่องจะคุยด้วย   ถ้าไม่เห็นหน้าแล้วมันไม่ถนัดน่ะ วอนบินเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง   ตอบเรียบๆ  

     

     

    จำได้ว่าเด็กคนนี้นี่เองที่เมื่อก่อนชอบไปเล่นอยู่กับพวกเขาบ่อยๆ   น้องชายห่างๆของจงฮุน  ไปก่อนนะ

     

     

    ร่างสูงเดินจากไปเพื่อนของมินฮวานก็เดินเข้ามาพร้อมเสียงถอนใจลั่นอย่างไม่ปิดบัง ง่ายนี้พวกเราตายแน่เอกสารพวกนี้เรียงเอาไว้แล้วด้วย

     

     

    มินฮวานมองตาม    กระดาษสีขาวเกลื่อนพื้นปนกันมั่วจนแยกไม่ออกว่าใบไหนเป็นใบไหน   ดีนะที่เขาถือแค่ครึ่งเดียว   ไม่เป็นไรถ้าจัดใหม่ก็คงใช้เวลาไม่เกินครึ่งวันหรอกมัน   มินฮวานพยายามมองโลกในแง่ดี   สายลมอุ่นพันไหวจนใบไม้พลิ้ว   หอบเอากระดาษจำนวนหนึ่งไหลตกระเบียงไปต่อหน้าต่อตา  

     

     

    มินฮวานมองตาค้าง   หน้าซีด   ไอ้ลมบ้า   นี่มันชั้นหกนะโว้ย

     

     

    อืม...เดี๋ยวเรา   ช่วยกันนะ มินฮวานหันไปยิ้มเจื่อนกับเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรม

     

     

    พี่สั่งให้เอาไปเก็บที่ห้องเอกสารเท่านั้นเองนี่นาทำไมมันถึงได้กลับกลายเป็นงานที่ยากอย่างนี้อ่า  

     

     

    ...

     

     

    ลี   แจจิน ฮงกีเรียกเสียงหวาน ฉัน   ไม่   อยาก   ไป

     

     

    ร่างเพรียวที่วันนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวกางเกงยีนส์ธรรมดาโอดครวญประท้วงเพื่อนที่ลากเอา   ลากเอา  

     

     

    แจจินที่เดินนำกำข้อมือฮงกีไว้แน่นขึ้นไปอีกเมื่อรู้สึกถึงแรงสะบัด   ก่อนหันมาหรี่ตามองแล้วเดินต่ออย่างไม่สนใจ   วันนี้หมวกกับแว่นคู่ใจหายไปไหนก็ไม่รู้หรือบางทีเขาอาจจะไม่สนใจจะหาก็ได้เพราะมัวแต่ไปวุ่นวายปลุกตัวแสบที่นอนหลับได้หลับดีให้ตื่น   ฮงกีนอนเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ   ถ้าพุงจะออกมันก็ไม่แปลกหรอก

     

     

    เมื่อวานนายเอาแต่นอนทั้งวัน   คุณลุงโทรมาย้ำกับฉันแล้วว่าไม่ว่าจะทำยังไงก็ต้องลากเอานายไปโรงเรียนให้ได้ แจจินพูด ฉันไม่อยากให้คุณลุงผิดหวังยังไงก็รับปากจะดูแลนายให้แล้ว   มันก็ต้องทำให้ดี

     

     

    คนน่ารักเริ่มออกอาการงอนจนหน้าหงิก   แก้ตัวเสียงขุ่น เวลาที่นี่กับที่นู่นมันไม่ตรงกันฉันเลยต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อยสิ 

     

     

    แจจินพาฮงกีเดินตัดผ่านสวนเพื่ออ้อมไปตึกด้านหลัง พ่อฉันโทรคุยท่านผู้อำนวยการให้แล้ว   ท่านอยากจะพูดกับนายนิดหน่อยแล้วเดี๋ยวเราก็ไปทำเรื่องเอกสารอะไรให้เรียบร้อย   ใช้เวลาไม่นานหรอกน่า

     

     

    ไม่เอา    ของฉันพักอีกอาทิตย์เถอะนะ   เดินทางมาเหนื่อยๆนายไม่เห็นใจฉันเลยเหรอ ฮงกีเริ่มออกอาการงอแงจนน่าถีบ

     

     

    แล้วเดี๋ยวทางโรงเรียนจะจัดห้องให้นายเอง   วันจันทร์ก็เข้าเรียนได้เลยตามปรกติ แจจินอธิบายต่ออย่างไม่สนใจ

     

     

    พอเดินลอดผ่านทางเชื่อระหว่างตึก   กระดาษจากไหนก็ไม่รู้ก็ปลิวตกลงมาเต็มไปหมด   ฮงกีมองตาม    ที่ด้านบนมินฮวานยื่นศรีษะตามออกมาดูสภาพ   สายตาสองคู่สบกันโดยบังเอิญ    แจจินดึงมือให้เดินต่อ

     

     

    ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×