คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แรกพบสบตาก็เรียกว่ารัก +
โคลด์วิ่งไปตามแนวไม้และด้วยความรวดเร็วของเผ่าพันธ์โดนกำเนิดเช่นเขาทำให้เห็นรอบข้างเป็นเพียงภาพพร่าเลือนเท่านั้น
เขาถูกกับดัก
การรบต่อเนื่องที่เขตซาซิลทำให้ขาทั้งสองข้างเหนื่อยล้า แล้วเขี้ยวทั้งคู่ปวดระบม
ระหว่างการเดินทางกลับเข้าอาณาเขตของตนเขาถูกล้อมรอบด้วยแวมไพร์ชั้นสอง ที่สำคัญคือเขาเห็นตราอาณาเขตตัวเองที่ต้นแขนของพวกมัน ไม่เพียงเท่านั้นเพวกมันยังมาพร้อมนักล่า
มนุษย์บางครั้งถูกเรียกว่า 'นักล่า' คือสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒไปอีกสายจากต้นกำเนิดเดียวกันกับพวกเขา พวกมันมีอายุสั้นแต่ออกลูกได้อย่างรวดเร็วจนน่าตระหนก แพร่พันธ์กระจักกระจายไปทั่วทั้งสี่ทวีป
ปรกติโคล์ด โดโนแวนไม่ค่อยกลัวนักล่า
แวมไพร์โดยกำเนิดเช่นเขาไม่กลัวหอม กระเทียม แท่นหมุดไม้ลงน้ำมนต์ อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ หรือกระทั่งแสงอาทิตย์ อย่างที่พวกนักล่าเข้าใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตระหนกคือการที่พวกนักล่าจับมือกับแวมไพร์ชั้นสองและมาพร้อมกับปืนไฟ
แวมไพร์โดยกำเนินนั้นมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง และความรวดเร็วยิ่งกว่าเผ่าพันธ์ใดๆจะคาดฝันถึง กระนั้นถ้าเทียบกับลูกกระสุนจากปืนไฟ บางตนถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อยหรือบางตนก็อาจเหนือกว่าไม่มาก โคลด์นั้นเป็นพวกหลัง ถ้าเพียงแต่เขาไม่ได้เพิ่งจะกลับมาจากแนวหน้าที่เขตซาซิล
เสียงปืนดังไล่หลังหลายนัดซ้อน นัดหนึ่งฝังที่ต้นขาด้านซ้ายทำให้ร่างสูงโปร่งแทบจะทรุดลง
นีลกัดฟันยันเท้าวิ่งต่อไป เขากำลังจะทิ้งระยะห่างกับพวกมันได้
ถ้าไปได้ไกลพอพวกมันก็ไม่สามารถตามได้ทันอีก
กระสุนอีกสองนัดกระแทกเข้าที่กลางหลัง เจาะทะลุผ่านเลือดและเนื้อ นั่นทำให้รู้ว่าเขาคิดผิด
ดวงตาสีโลหิตกวาดมองด้านข้าง ท่ามกลางเงาพร่าเลือนเขาต้องพยายามตั้งสติ แวมไพร์ชั้นสองพวกนั้นกลับเป็นผู้ถือปืนไฟ
เขี้ยวขาวเวาวับแสยะออกราวสะใจเมื่อเห็นว่ากระสุนของตัวเองเข้าเป้า
โคลด์คำรามกลับ แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์เช่นเขากลับถูกพวกชั้นต่ำทำร้ายได้
แนวของต้นไม้สิ้นสุดลง
ที่ตรงหน้ากลับเป็นชายหาด
คลื่นกำลังพัดออกจากฝั่ง
เขาไร้ทางหนีแล้ว
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
เขาตัดสินใจหันกลับไปสู้ ปืนไฟไม่ใช่อาวุธที่หน้ากลัวที่สุดเมื่อต้องเผชิญหน้าเพราะลำกล้องของมันเป็นกระบอกตรงทำให้วิถีการทำลายเป็นเส้นตรงไปด้วย ถ้าหันกลับไปมองการหลบเป็นเรื่องที่ง่าย
แต่ไม่ใช่กับคมเขี้ยวและกงเล็บ
โคลด์ถูกรุกให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ น้ำทะเลเย็นเฉียบสูงเกือบถึงสะโพก
แวมไพร์โดยกำเนิดยังมีความเจ็บปวด ต้นขาที่ถูกยิงเริ่มปวดสาหัสเมื่อถูกน้ำทะเลก็ทบทวีความเจ็บนั้นจนตาพร่าพร่าย
หรือว่าเขาจะตายที่นี่ เพียงพริบตาที่คิดอย่างนั้น กงเล็บคมกริบก็มาถึงตรงหน้า
ดวงหน้ากระหายเลือดสะท้อนในดวงตาสีแดงสดราวทับทิมน้ำเอกของเขา
ฉับพลันโคลด์รู้สึกว่ามีแรงมหาศาสดึงที่ขา ร่างสูงโปร่งล้มหน้าคว่ำกระแทกน้ำทะเลอย่างแรง น้ำเค็มๆทะลักเข้ามาทางปากและจมูกทำให้เขาสำลักแต่ก็ทำให้เขารอดจากคมอาวุธหมายชิวิตนั้นมาได้
แรงดึงนั้นลากเขาต่อไป
เขารู้สึกถึงกระแสน้ำที่ไหลผ่านร่างกายไปอย่างรวดเร็ว
ลึกขึ้นและลึกขึ้น
ท่ามกลางสติที่เริ่มพร่าเลือนจากแรงดันของน้ำนีลชายหนุ่มเหลือบมองด้านข้าง
ที่เขาเห็นคือปลายครีบหางสีเงินและเกร็ดสีรุ้งก่อนที่เขาจะหมดสติไป
…
เวิ้งถ้ำกว้างเพดานสูงจรดยอดหินที่งอกย้อยลงมากคล้ายหยดน้ำ ตลอดแนวเป็นชั้นหินธรรมชาติที่งอกยื่นออกมาเป็นชั้นวางขวดแก้วบรรจุน้ำยาสีสันต่างๆมากมาก อัญมณีหน้าตาแปลกๆ ดอกไม้กิ่งไม้แห้ง ปะการังที่สีดำสนิท โครงกระดูกของปลาโบราณ ตลอดจนสร้อยลูกปัด แหวนเปลือกหอย ตำราที่เย็บปกด้วยไหมเก่าๆ
ถัดเข้าไปด้านในวางด้วยเตียงหินขนาดใหญ่ ที่ของด้านล่างของเตียงประดับด้วยปะการังเรืองแสงอ่อนๆสะท้อนให้เห็นเงาร่างของร่างสูงโปร่งนอนหน้าคว่ำสิ้นสติอยู่ รอบตัวเต็มไปด้วยน้ำขุ่นคลักสีแดงช้ำของเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลสาหัสทั่วร่าง
“ขยะของเจ้าจะทำให้บ้านข้าสกปรกริเวียร่า” เสียงแหบต่ำเอ่ยอย่างไม่สบอามรมณ์ขณะมองวงของเลือดที่กระจายออกกว้างขึ้นเรื่อยๆขณะที่มือจับไม้พายกวนของเหลวที่กำลังเดือดปุ๊ดๆในหม้อใบเล็ก
หม้อนั้นเป็นสีน้ำเงินเข้ม และเข้มจัดจนเกือบเป็นสีดำที่ก้นหม้อ ลอยเอื่อยๆอยู่ภายในฟองอากาศขนาดใหญ่ ภายในบรรจุของเหลวสีเขียวใสที่เดือดเป็นฟองขาว
ของเหลวที่เดือดและให้ไอร้อนทั้งๆที่ไม่ได้จุดไฟคือยาสมานแผลของแม่มด ยาราคาแพงที่รับประกันสรรพคุณดีเลิศแต่ใช้กับพวกชาวพิภพได้ไหม แม้แต่คนปรุงเองก็ยังสงสัยอยู่
ชาวน้ำทุกตนเกลียดไฟ
“บ้านเจ้าก็สกปรกตลอดอยู่แล้ว แค่เพิ่มความสกปรกอีกนิดหน่อยข้าว่าเจ้าคงไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามันสกปรกขึ้น”
เสียงที่ตอบกลับมานั้นดังมาจากด้านบนของถ้ำให้กังวาลใสเฉพาะตัวดั่งกระดิ่งแก้วระฆังเงิน
ร่างเพรียวแบบบางอ้อนแอ้นของนางเงือกตนหนึ่งหมุนพลิ้วอยู่กลางสายน้ำ เส้นผมสีเงินยวงราวแสงจันทราลอยคว้างในห้วงน้ำขับเน้นโครงหน้างดงามวิจิตรของหญิงสาวให้ดูประหนึ่งรูปปั้นที่พระเจ้าบรรจงสร้างสรรค์ ลำแขนขาวผ่อนปัดป่ายสายน้ำเล่นอย่างเหม่อลอย ในขณะที่ปลางหางสีเหลือบรุ้งกลับแน่นิ่ง กลับลอยคว้าง
ดวงตาสีฟ้าใสราวอัญมณีแห่งท้องทะเลนั้นเหม่อลอย
ริเวียร่า ที่จริงเธอก็เหม่ออยู่ตลอดเวลา ไม่มีใครรู้ว่าเธอคิดอะไร
เวลาเนิ่นนานเป็นร้อยๆปีในชีวิตของเธอแทบจะแน่นิ่งเหมือนเข็มนาฬิกาตายที่ไร้ความหมายด้วยความโดดเดี่ยว
ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน ไม่มี….ใคร
เปลือกตาสีอ่อนของคนที่ไม่ได้สติมาตลอดกระพริบแผ่วเบาราวผีเสื้อกระพือปีก ดวงตาสีทับทิมพลันลืมขึ้น
...
ความคิดเห็น