คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ใจถวิลย์หา...อดีตที่น่าจดจำ
บทที่ 3 ใจถวิลย์หา...อดีตที่น่าจดจำ
ไม่มีผู้ใดเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มได้....
"อ๊า...." เรือนร่างอวบอิ่มขยับโยกเหนือชายหนุ่ม...มาร์คัสยกมือปัดผมยาวสลวยของนางไปข้างหลัง.....ก่อนจะลูบไล้ใบหน้างดงามของหล่อน....คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดเข้าหากัน....หลายวันมาแล้วที่หญิงสาวคนไหนก็มิสามารถทำให้เขาเต็มอิ่มกับรสสวาทได้.......
หลับตาลงครั้งใดก็ต้องนึกถึงแต่เธอ.....
มือของมาร์คัสบีบเค้นหน้าอกอวบอัดของแคโรลีน่า......แต่ในใจไพล่ไปนึกถึงหญิงสาวอีกคน....ถึงแคโรลีน่าจะจัดว่าเป็นคนผอมหากเทียบดูหับหญิงอื่น.......แต่เธอดูอวบเกินไปเมื่อเทียบกับหญิงสาวร่างบางในชุดผ้าฝ้ายโปร่งสบายที่ไม่มีคอร์เซตซึ่งเป็นเสื้อในแบบรัดรูปให้ดูรำคาญตาอย่างที่หญิงสาวในสมัยนี้ชอบใส่กัน......มันสร้างเสน่ห์ที่ดึงดูกสายตา...และความต้องการของเขาต่อเรือนร่างที่บอบบาง..
ความคิดหันเหมาทางหญิงสาวตรงหน้า....มาร์คัสกระชากตัวเธออย่างแรง....ก่อนจะปลดปล่อยในร่างกายของเธอ
"ท่านเป็นอะไรรึแปล่า.." แคโรลีน่าใช้มือเรียวของนางลูบคางเขาเบาๆก่อนจะลืมตัวนอนบนอกแกร่งของเขา....เธอยังคงหายใจหอบเล็กน้อยจากกิจกรรมที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป......นางจัดสังเกตมาตั้งแต่ก้าวเข้ามายังห้องนี้เมื่อตอนหัวค่ำ..ดูเหมือนชายหนุ่มจะจมอยู่กับความคิดของตนเองมากเกินไป.....
มาร์คัสมิได้ตอบอะไร...เขาถอนกายออกจากร่างของเธอ...ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมที่วางพาดเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาสวม....สีหน้าไร้อารมณ์..ไม่เหมือนคนเพิ่งเสร็จกิจกรรมรัก....
"กลับห้องเจ้าไปก่อนแคโรลีน่า..." มาร์คัสสั่งนางขณะรินไวน์แดงรสเลิศลงในแก้วเจียระไนสวยหรูที่โต๊ะข้างหัวเตียง....
หญิงสาวขยับกายลงจากบนหลังใหญ่แต่โดยดี....นางรู้ดีว่าควรทำตามคำสั่งของเขา...รู้ดีว่าโทสะของมาร์คัสเป็นยังไงเวลามีคนขัดคำสั่งของเขา....ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งของเขาซึ่งเป็นประมุขของบ้านนานแล้ว
เสียงปิดประตูเบาๆทำให้มาร์คัสได้รับทราบว่าหญิงสาวออกจากห้องนอนของเขาไปแล้ว....แต่ใบหน้าที่เฉยชาก็ยังมิละสายตาที่จ้องมองดวงจันทร์ที่ทอแสงสว่างเป็นนวลยามค่ำคืนแข่งกับแสงระยิบระยับของดวงดาราบนฟากฟ้า.....
จันทราและดารายามนี้ทำให้มาร์คัสคิดถึงหญิงสาวที่เฝ้ามารบกวนจิตใจเขาสม่ำเสมอในช่วงยามนี้....นางดูเหมือนดวงจันทร์...ดวงจันทร์ที่อยู่เหนือดวงดาวและมีเพียงหนึ่งเดียว......ดวงจันทร์ที่ไม่ต้องแปล่งแสงระยิบระยับอย่างดวงดาราก็สวยงามโดดเด่นเหนือกว่าโดยชอบธรรม.... แสงสีนวลพามาซึ่งความวางตัวอันสง่างาม....
มาร์คัสยกไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้งอย่างกลัดกลุ้ม...เขาไม่ใช่ชายหนุ่มมานานแล้ว...ตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่..มีอำนาจวาสนาที่ใครๆก็พึงมี....เป็นที่อิจฉาของใครหลายๆคน...เขาสามารถครอบครองในสิ่งที่เขาต้องการได้...แต่ไฉนสิ่งที่เขาต้องการกลับเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะครอบครองมากที่สุด.....
เสียงหัวเราะของเธอดังก้องเข้ามาในโสตสำนึก...การเดินที่สง่างาม.....เหล่าดอกกุหลาบที่ทำให้เขาอิจฉา..เพราะว่ามันอยู่ในอ้อมแขนของเธอ...เสียงที่ไพเราะ...ใบหน้าอันงดงาม...และเรือนร่างที่สามารถทำให้เขาคลุ้มคลั่งได้......
มาร์คัสคิดว่าเขาจะมีความสุขเท่าใดหนอ....หากได้นอนกอดเรือนร่างนั้นทุกคืน...ทำให้เจ้าของร่างนั้นครางเอาเสียงไพเราะๆของเธอมาให้เขาฟัง.....
นับตั้งแต่เจอเธอเขาก็ยิ่งห้ามตัวเองไม่ได้ขึ้นทุกที..... นางฟ้าที่แสนงดงาม...ผิดกับบรรดาพี่สาว....
หญิงสาวสามคนที่มีสายเลือดเดียวกัน..แต่นิสัยของคนน้องสุดท้องกลับแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง.....
บริตเจ็ต เลเวลตอฟ...ดูเผินๆ เป็นคนที่มีจิตใจงดงาม..ดูน่าทะนุถนอม...แต่จิตใจจริงๆไม่ต่างกับมารร้าย....จิตใจของมาร์คัสชอกช้ำกับผู้หญิงคนนี้มากพอที่จะจดจำนางไปชั่วชีวิต
สการ์เลต เลเวลตอฟ...ผู้หญิงที่เหมือนกับไฟ...ร้อนแรง เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ผู้ชายพากันหลงใหล...น่าสำราญหากมีผู้หญิงอย่างนี้อยู่บนเตียง...แต่สำหรับผู้ชายอื่น..ไม่ใช่มาร์คัส...เขาไม่ต้องการไฟที่จะมาละลายน้ำแข็งที่เกาะกินหัวใจเขา.....
โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้สิ่งที่เขาต้องกาและโหยหาอยู่ลึกๆนั่นคือความรักต่างหาก
และเซซิลเลียร์ เลเวลตอฟ....สามครั้งที่มาร์คัสได้พบกับเธอ...แต่เพียงครั้งเดียวที่ได้ประจันหน้าเมื่อสการ์เลตผู้เป็นพี่สาวของนางแนะนำให้นางได้รู้จักกับเขาอย่างเสียไม่ได้เมื่อวันงานเต้นรำฤดูใบไม้ผลิที่เขาไปรับสการ์เลตที่บ้าน....ส่วนอีกครั้งตอนที่เขาไปยังคฤหาสน์ของเธอแต่บังเอิญที่สการ์เลตไม่อยู่..และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธออยู่ในสาวดอกไม้กับสาวใช้....นางดูเหมือนนางฟ้าในความคิดของเขา...นางไร้จริตจะก้าน..บริสุทธิ์ดั่งหาที่เปรียบมิได้....รอยยิ้มที่จริงใจ....ท่าทางที่เรียบร้อยดั่งแม่ชีในคอนแวนต์...หญิงใดที่เขาเคยเจอมาก็มิมีเสมอเหมือนนาง.....
นางทำให้ร่างกายของเขาต้องการครอบครองนางเพียงแค่รอยยิ้มของนางเท่านั้น....ใจของเขาก็กระตุกราวกับเขานั้นเป็นเพียงหนุ่มน้อย....
เขาจะทำอย่างไรเพื่อให้ครอบครองนางสมใจ.....หากมิได้ครอบครองนาง..จิตใจของเขาคงไม่สงบลงง่ายๆเป็นแน่แท้...
กำปั้นแข็งแรงทุบเข้ากับระเบียงที่เขานั่งอยู่......
'ข้าจะต้องหาทางเพื่อครอบครองเจ้าให้ได้...เซซิลเลียร์ เลเวลตอฟ' นี่จะเป็นคำสัตย์ที่เขาให้กับตัวเอง....
แคโรลีน่าเดินกลับออกจากห้องของมาร์คัส.....ระหว่างทางเดินที่เงียบสงัดนั้น.นางจมกับความคิดของตัวเอง...สองเท้าก้าวพาเธอกลับสู่ห้อง...
"แคโรลีน่า..." เสียงที่นางจำได้ทันทีว่าใครเรียกขึ้น..เชิงบังคับให้หญิงสาวหลุดจากผะวังและหันไปมองยังต้นเสียง....ก่อนจะพบกับสายตาที่มองมาของเลดี้เบริต้า..นางคือน้องสาวของมาร์คัสประมุขของตระกูล.....สายตาที่มองมาของนางไม่ได้ทำให้แคโรลิน่าหวาดกลัว..แต่นางก้มิชอบใจกับสายตาเช่นนั้น
"มีอะไรให้รับใช้หรือคะมายเลดี้.." แคโรลีน่าคำนับเธอ...
"เจ้าไม่ใช่คนใช้นะแคโรลีน่า....แต่เธอก็ไม่ใช่ดัชเชสของท่านพี่...ข้ารู้ว่าเจ้ากับท่านพี่มีความสัมพันธ์กันยังไง..ถึงข้าจะไปๆมาๆระหว่างที่นี่กับเวนิสก็ตามที" เบริต้าเสริมเมื่อเห็นผู้ฟังหลบสายตาของนาง..
"เจ้ายังมีอนาคต...เจ้าอาจได้เป็นเคานท์เตสหรือบารอนเนส...ข้าจะแนะนำขุนนางดีๆให้กับเจ้าสักคน..." เบริต้าพูดต่อ
"ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่าน มายเลดี้..." แคโรลีน่าถามแม้ในใจจะรู้แล้วว่าเบริต้าต้องการพูดอะไร...
"เจ้าก็เป็นเพื่อนข้า...แคโรลีน่า.....เจ้าอาจจะมีอนาคตที่สดใสกับใครสักคน...แต่ไม่ใช่กับพี่ข้า...." เบริต้าตอบ...
"ขอบคุณในความหวังดีค่ะ มายเลดี้...แต่ข้าจะไปก็ต่อเมื่อมายลอร์ดเอ่ยปากไล่เท่านั้นมายเลดี้..." พูดจบแคโรลีน่าก็เดินไปทันที..ทิ้งให้เบริต้ามองเธอด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก...จะโกรธที่นางบังอาจยอกย้อนเธอก็มิใช่จะสงสารก็ไม่เชิง...
วันแรกที่แคโรลีน่าเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้..เบริต้าจำได้ว่าเธอสงสารหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกับนางมากเพียงใด....แคโลรีน่าถูกมาร์คัสซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงมาร์ควิสแห่งเอดินเบิร์กอุ้มเข้ามาในคฤหาสน์แอชเบิร์นในสภาพที่โชกไปด้วยเลือด...เบริต้าขณะนั้นนางเองก็อยู่กับพี่ชายที่คฤหาสน์แห่งนี้..เธอกลายเป็นคนที่คอยดูแลแคโรลีน่าตามคำสั่งของพี่ชาย.....สภาพจิตใจของแคโรลีน่าย่ำแย่มาก....หลายเดือนทีเดียวกว่านางจะกลับมาเป็นปกติ...แต่นางก็เคร่งขรึมเกินกว่าหญิงสาวทั่วไป...
ไม่รู้เป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนาง...หรือว่านางอยู่ใกล้มาร์คัสมากเกินไปก็มิทราบ....เบริต้าไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้จากคำถามนี้....
แองเกรีย
ค.ศ.1781
มาร์คัสที่ยังคงเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีและมีตำแหน่งเป็นมาร์ควิสแห่งเอดินเบิร์ก กำลังอยู่ในรถม้า ท่ามกลางฝนที่ตกพร่ำ ๆ สร้างบรรยากาศอึมครึมไปทั่วบริเวณ
.สายฝนเหมือนเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานลงมาเพื่อชะล้างความแปดเปื้อนที่มนุษย์สร้างขึ้น....แต่มันก็ทำได้แค่ชำระล้างสิ่งสกปรกอันเนื่องมาจากการกระทำของมนุษย์เท่านั้น...มันมิได้ชำระล้างจิตใจสกโปรกโสมมเลยแม้แต่น้อย....
ชายหนุ่มเพิ่งกลับจากการเดินทางไปยังท่าเรือแห่งหนึ่ง เพื่อดูการขนส่งสินค้าจากเยอรมันเข้ามายังแองเกลียอันเป็นธุรกิจของพี่ชายเขา ดยุคริชาร์ด แฮร์ริสัน แคซเซิล ...
เมื่อฝนตกเช่นนี้...รถม้าที่เขานั่งจึงค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าเพื่อความปลอดภัย แต่มันทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกรำคราญอย่างยิ่ง เขาต้องการที่จะกลับถึงคฤหาสน์โดยเร็ว ..ตอนนี้เขาไม่มีอารมณืที่จะมานั่งรถม้าชมวิวท่ามกลางสายฝนเสียหน่อย.....
แต่รถม้าที่แล่นอยู่กลับช้าลงเรื่อยๆ... เรื่อยๆ..จนกระทั่งหยุดแล่นไปในที่สุด...
"เกิดอะไร ขึ้น. หยุดทำไม. !?" มาร์คัสตะโกนถามคนขับรถม้าของตน
ไร้ซึ่งคำตอบจากคนขับรถ ..มีอะไรบางอย่างที่น่ากลัว สยดสยอง อีกทั้งสร้างความหวาดกลัว และสงสารให้กับคนขับรถม้าของมาร์คัสจนเกินกว่าที่เขาจะพูดออกมาได้
..
เมื่อมาร์คัสไม่ได้คำตอบว่าอะไรเกิดขึ้น ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเผลักประตูรถออกไปดูว่าเหตุใดคนขับรถของเขาจึงไม่บอกว่าเกิดเหตุใดขึ้น แต่สิ่งที่เขาได้เห็น มันทำให้เขาตกใจมาก....ชายหนุ่มกระพริบตาเบาๆเพื่อไล่น้ำฝนที่หยดลงตามใบหน้าและดวงตาของเขา...และเพื่อมองอีกครั้งว่าสิ่งที่เขาเห็นครั้งแรกนั้นเป็นภาพความจริงมิใช่เขาตาฝาดไป......
ข้างทางจากเดิมที่เคยเป็นหญ้าสีเขียวชอุ่ม แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงดั่งทับทิมด้วยโลหิตของชายคนหนึ่ง..อาบชโลมไปทั่วบริเวณ
และแล้วสายตาของมาร์คัสก็ไปสะดุดยังร่างสองร่าง ร่างหนึ่งไร้แล้วซึ่งศีรษะอันสง่างามที่เคยตั้งอยู่บนบ่า..และร่างบางๆร่างหนึ่งที่นั่งกอดร่างไร้ลมหายใจของบิดา ...
มาร์คัสสาวเท้าเดินเข้าหาหล่อน...
"มายลอร์ด อย่า!" คนขับรถของเขาร้องเตือน แต่มาร์คัสไม่ใส่ใจ เขายกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้คนขับรถม้าของเขากล่าวอะไร ก่อนที่ตนเองจะเดินเข้าไปหา เด็กน้อยคนนั้น...
ร่างบางร่างนั้น มาร์คัสคาดคิดว่าคงจะมีอายุเพียง 9 10 ขวบเท่านั้นเพราะว่าเธอดูไม่แตกต่างไปกับเบริต้าน้องสาววัยสิบขวบของเขา... เธอยังดูเด็กและบอบบางมาก แววตาสีฟ้าของเธอบ่งบอกถึงความหวาดกลัว คราบน้ำตาเปรอะเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง...เลือดยังคงไหลจากศีรษะของนางลงมาตามใบหน้า....
เธอขยับจะหนีเขา ด้วยความกลัวว่าเขาคือพวกที่มาทำร้ายเธอและบิดาอีกครั้ง
ชายหนุ่มสงสารเธอจับใจ ...
"อย่ากลัวข้าเลย ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก" มาร์คัสเอ่ยและคุกเข่านั่งลงข้างๆเธอ ชายหนุ่มลูบศีรษะซึ่งมีบาดแผลของร่างบางเบาๆ และรู้สึกได้ว่าร่างบางนั้นกำลังสั่นด้วยความหนาวจากละอองฝน.. และถอยหนีจากสัมผัสแห่งความอบอุ่นที่เขาหยิบยื่นให้....
"เจ้าชื่ออะไร" มาร์คัสเอ่ยถาม...
ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองเขา อย่างหวาดระแวง เมื่อเห็นความจริงใจในแววตาของเขา เธอจึงบอกชื่อของตนแก่เขาไป..
"แค..แคเธอรีน วิ...วินเซนด์" ชื่อของเธอทำให้เขาค่อนข้างตกใจ สีหน้าของชายหนุ่มสีเผือดลงทันที เขาไม่อยากคิดว่า ศีรษะที่กลิ้งคว่ำหน้าอยู่ห่างจากเขาไม่ถึง 2 เมตร จะเป็นศีรษะของ....ไวเคานท์วินเซนด์ ไวเคานท์ผู้เป็นเพื่อนรักของพี่ชายของเขา ดยุคริชาร์ด
.
ในขณะที่ความกลัวกำลังครอบงำจิตใจของเขา ชายหนุ่มก็เอื้อมมือของตนไปพลิกศีรษะที่ถูกตัดออกจากคอ
ศีรษะนั้นพลิกกลับมา เผยให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาหวาดกลัวนั้นเป็นความจริง ร่างที่ทอดยาวอยู่บนตักของแคเธอรีนคือ อัลเฟรด วินเซนด์ ไวเคานท์แห่งเอลลิงตัน
มาร์คัสหลับตาลงอย่างสะเทือนใจ ชายหนุ่มเข้าสวมกอดเด็กน้อยซึ่งตอนนี้ไร้ซึ่งแล้วผู้เป็นพ่อ ร่างบางสะอึกสะอื้นร่ำไห้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าแคโรลีน่ารู้สึกอย่างไร เด็กน้อยคงหวาดกลัวและสะเทือนใจไม่น้อย ... กับเหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ ....
"ไม่เป็นไร แคเธอรีนเจ้าปลอดภัยแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ในที่ ๆ ปลอดถัย แคเธอรีน" มาร์คัสพูดกับเด็กน้อยเบาๆ แต่มันกับทำให้เธอยิ่งสะอื้นมากขึ้น..
มาร์คัสเห็นว่าคงไม่เป็นการดีเป็นแน่หากยังให้แคเธอรีนตากฝนอยู่เช่นนี้ สภาพจิตใจของเด็กน้อยก็ไม่ดีอยู่แล้ว หากยิ่งเป็นอย่างนี้สภาพร่างกายจะไปไม่ไหวเอาเสียด้วย เขาพยุงร่างบางขึ้น หมายจะพาเธอไปยังรถม้าของเขา.....
แต่แคเธอรีนกับไม่ยอม เธอสะบัดออกจากอ้อมกอดของเขาลงไปกอดศพของไวเคานท์วินเซนด์ผู้เป็นบิดา..พร้อมทั้งกรีดร้องออกมาเสียงดัง
มาร์คัสตัดสินใจเข้าไปอุ้มเธอออกมาจากร่างไร้ลมหายใจของลอร์ดวินเซนด์ แล้วพาเธอขึ้นรถม้าของตนทันที ก่อนที่จะสั่งให้คนขับรถมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์แอชเบิร์น อันเป็นที่อยู่ของเขา แทนที่จะไปยังคฤหาสน์เดลฟินีที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก...เพราะคฤหาสน์ของเขานั้นอยู่ห่างจากจุดตรงนี้ไปเพียงสองไมล์ ....ในขณะที่คฤหาสน์เดลฟีนิของตระกูลแคซซฺลนั้นอยู่ห่างออกไปถึงสิบไมล์ด้วยกัน
ถึงแม้ว่าจะอยู่บนรถม้าแล้วก็ตามที แคเธอรีนก็ยังคงดิ้นรนที่จะออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกครั้ง เธอต้องการกลับไปหาพ่อของตน
แคเธอรีนไม่เชื่อว่าบิดาของตนเสียชีวิตแล้ว...
มาร์คัสใช้ความพยายามอย่างมากที่จะรั้งตัวแคเธอรีนไว้ไม่ให้กระโจนออกจากรถม้าไป เขารั้งเธอไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรงของเขาทั้งสองข้าง
..
"แคเธอรีนฟังข้า..แคเธอรีน..!" มาร์คัสพยายามพูดกับเธอแต่ดูเหมือนแคเธอรีนจะไม่ฟังสิ่งใดทั้งสิ้น
"ไม่!!! ข้าไม่ฟัง!!!...ปล่อยข้า! ข้าจะกลับไปหาท่านพ่อ ปล่อยนะ!" แคเธอรีนทั้งทุบ ตี และข่วนมาร์คัสเพื่อให้ชายหนุ่มปล่อยตน
"ไม่! แคเธอรีน ข้าปล่อยให้เจ้ากลับไปไม่ได้" มาร์คัสส่ายศีรษะเบาๆเป็นเชิงปฏิเสธ
"ทำไม ทำไม มายลอร์ด ทำไมท่านจะปล่อยข้าไปไม่ได้..." เธอร่ำไห้
สิ่งที่เธอถาม ทำไมถึงปล่อยเธอไปไม่ได้...มันทำให้มาร์คัสเองก็สับสนในจิตใจ ทำไมเขาถึงปล่อยเธอไปไม่ได้
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ แล้วเขาจะตอบเธอได้อย่างไร ชายหนุ่มจึงได้แต่เงียบ
ปล่อยให้แคเธอรีนดิ้นรนจนหมดแรง...ในที่สุดเธอก็เงียบไป
เธอสลบไสลอยู่ในอ้อมแขนของมาร์คัส...ศีรษะน้อยๆของเธอพิงอกกว้างของมาร์คัสอย่างไม่รู้สติ....
มาร์คัสตกใจที่เธอเงียบ แต่เมื่อคลำศีรษะของเธอดูก็พบว่าแคเธอรีนตัวร้อนมาก เนื่องจากเป็นเพราะเธอตากฝนเป็นเวลานานก็เป็นได้....
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากกอดร่างบางไว้เพื่อถ่ายเทความอบอุ่นให้กับเธอไปตลอดทาง จนถึงคฤหาสน์ของตน
มาร์คัสอุ้มแคเธอรีนลงมาจากรถม้าของตน ก่อนที่จะหันไปสั่งให้คนขับรถม้าของตนไปรับหมอมาตรวจอาการของแคเธอรีนโดยด่วน
หลังจากนั้นเขาจึงอุ้มร่างบางตรงขึ้นไปยังห้องนอนของเขาที่อยู่บนชั้น 2 ของคฤหาสน์โดยมีเบสสาวใช้วิ่งตามเขามา
เสียงหวีดร้องเบาๆอย่างตกใจของเบริต้าที่เปิดประตูออกมาเห็นพี่ชายอุ้มเด็กน้อยอายุไล่เลี่ยกับเธอผ่านหน้านางไป...แถมเด็กน้อยในอ้อมกอดของพี่ชายยังมีแต่เลือด...หยดน้ำฝนจากตัวมาร์คัสและเลือดจากแคเธอรีนไหลลงบนพรมจากเปอร์เซียที่บุตามทางเดิน....
เมื่อมาถึงห้องนอนของตน มาร์คัสค่อยๆวางร่างบางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา และสั่งให้สาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับแคเธอรีน
ส่วนตัวเขาเองก็เดินออกจากห้องไป...เพื่อจัดการกับตัวเองซึ่งตอนนี้เปียกไปทั่วตัวเหมือนแคเธอรีนเช่นกัน
..
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว มาร์คัสก็เดินมาดูแคเธอรีนอีกครั้งเมื่อรู้ว่าเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของเธอถูกเปลี่ยนจนเสร็จแล้ว
เบริต้าน้องสองของเขานั่งอยู่ข้างเตียงเป็นเพื่อนแคเธอรีนที่กำลังหลับใหล...
ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงข้างๆแคเธอรีนอีกฝากของเตียง ร่างบางยังคงไม่ได้สติ มาร์คัสยกมือไล้ตามวงหน้าของเธอเบาๆอย่างสงสาร ก่อนที่จะลุกไปยังโต๊ะทำงานของตนเองแล้วหยิบกระดาษกับปากกาขนนกขึ้นมาเขียนจดหมายเล่าเหตุการณ์อย่างคร่าวๆเพื่อให้คนของตนส่งไปให้ริชาร์ดพี่ชายของตนได้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น....
เมื่อมาร์คัสเขียนจดหมายเสร็จ ชายหนุ่มก็หยิบซองสีขาวนวลขึ้น แล้วนำจดหมายใส่ลงในซอง และนำตราอาร์มสีแดงปิดผนึกซอง ก่อนจะจ่าหน้าซองถึง ดยุคริชาร์ด แฮร์ริสัน แคซเซิล (คฤหาสน์เดลฟินี)
หลังจากที่หมอได้ตรวจอาการและจ่ายยาให้กับแคเธอรีนแล้ว มาร์คัสก็ได้ให้คนขับรถของตนไปส่งหมอและนำจดหมายที่เขาเขียนไปให้กับริชาร์ด พร้อมกับกำชับว่าจดหมายฉบับนี้ต้องถึงมือพี่ชายของเขาโดยเร็ว....
เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์แล้ว มาร์คัสก็เดินขึ้นไปยังห้องนอนของตนอีกครั้ง
"นางเป็นอย่างไรบ้าง ...?" มาร์คัสเอ่ยถามถึงแคเธอรีนกับสาวใช้
"ยังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะท่านพี่" เบริต้าตอบ มองดูเบสสาวใช้กำลังนำผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้า เพื่อลดไข้ให้กับ แคเธอรีน
.
มาร์คัสเดินมาอีกฝั่งของเตียงแล้วนั่งลงข้างๆเธออีกครั้ง พลางเอามืออังศีรษะของแคโรลีน่า
"ไข้ยังไม่ลดเลยนี่.." ชายหนุ่มพึมพำ
"ยังไงก็ฝากดูแลนางด้วย " ชายหนุ่มฝากฝังให้เบริต้าและสาวใช้ดูแลแคเธอรีน พลางมองร่างบางที่กำลังหลับสนิทด้วยพิษไข้อย่างสงสาร.........
ที่คฤหาสน์เดลฟินี...
ทันทีที่ริชาร์ดทราบว่าเพื่อนรักของตนเองตาย ชายหนุ่มก็เกิดอาการโมโหอย่างรุนแรง และกำจดหมายที่ได้จากมาร์คัสแน่น..ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังห้องของบริจเจ็ต
และทุบบานประตูไม้สักให้เปิดออกอย่างแรง
"มีอะไรกันริชาร์ด ! ทำไมต้องทำเสียงดังกันด้วยมิทราบ" ดัชเชสบริจเจ็ตว่าชายหนุ่มผู้เป็นสามีของตนทันทีที่เห็นหน้าของเขา
"มีอะไรงั้นหรือ...ฮึ มีแน่บริจเจ็ต ...ดูนี่ซะ" ริชาร์ดปาจดหมายที่ได้จากมาร์คัสใส่หน้าภรรยาของตน เลดี้บริจเจ็ตมองหน้าเขาอย่างโกรธเคืองก่อนที่จะก้มลงเก็บจดหมายขึ้นมาดู
เมื่ออ่านจดหมายเสร็จเธอก็มองหน้าริชาร์ด " แล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหนมิทราบริชาร์ด ที่เพื่อนรักของคุณถูกฆ่าตาย..!?"
ดยุคริชาร์ดเดินเข้าไปใกล้เธอ แต่เลดี้บริจเจ็ตกลับถอยหลังหนีเขา...
ชายหนุ่มกระชากแขนหญิงสาวเข้ามาใกล้ "อย่าคิดว่าข้าไม่รู้อะไรนะ บริจเจ็ต อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าสมคบคิดทำอะไรกับเฟรดเดอริก อย่าคิดว่าคนอย่างข้า ดยุคริชาร์ดจะตามอะไรไม่ทัน เข้าใจไหม!
" เขากระซิบเสียงเย็นข้างๆหูของเธอ ก่อนที่จะผลักอย่างแรง ทำให้เลดี้บริจเจ็ตเสียหลักล้มลงนั่งลงกับพื้น
ดยุคริชาร์ดเดินออกจากห้องไปทันที โดยมีสายตาอาฆาตแค้นของเลดี้บริจเจ็ตผู้เป็นดัชเชสไล่ตามการเดินเขาไป
ระหว่างคนทั้งคู่...ไม่เคยมีความรักให้กันมานานแล้ว.....
ริชาร์ดสั่งให้คนของตนจัดการเรื่องศพของไวเคานท์วินเซนด์ทันทีหลังจากออกมาจากห้อง โดยที่ในใจของเขายังไม่หายแค้นภรรยาของตนเอง....
ริชาร์ดรู้มานานแล้วว่าบริจเจ็ตนั้นมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับเฟรดเดอริค น้องชายของลอร์ดวินเซนด์เพื่อนรักของเขา และยังรู้อีกว่าเฟรดเดอริคนั้นต้องการตำแหน่งไวเคานท์ที่อัลเฟรดครอบครอง แต่เขาไม่คิดว่าวันที่เฟรดเดอริคลงมือจะรวดเร็วถึงเพียงนี้....
เขาไม่มีวันอภัยให้กับบริจเจ็ตและเฟรดเดอริคเป็นอันขาด...
ริชาร์ดเดินไปยังห้องนอนของบรอนเต้ลูกสาวคนเดียวของเขาที่เกิดกับบริจเจ็ต หญิงสาวที่เขาไม่ได้รักเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังรักบรอนเต้ลูกสาวของเขา ....
ท่านลอร์ดเดินไปยังเตียงของเด็กน้อยเฝ้ามองดูบรอนเต้น้อยวัยไม่ถึงขวบพลิกตัวเบาๆ ภายในห้องนั้นนอกจากเขาแล้วก็ยังมีแอนนาหญิงทำหน้าที่เป็นแม่นมของบรอนเต้
บริจเจ็ตไม่เคยก้าวเข้ามายังห้องนี้ เธอไม่เคยทำหน้าที่ของมารดา ไม่เคยเลยนับตั้งแต่บรอนเต้ลืมตาดูโลกมาได้....
เหตุนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขายิ่งเกลียดชังเธอยิ่งขึ้น.....
"แอนนา.." เขาเรียกขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน
"มีอะไรให้ข้ารับใช้คะ มายลอร์ด" เธอรีบเดินมาหาริชาร์ดเร็วเท่าที่เธอจะเร่งรีบได้
ริชาร์ดเงียบอยู่อีกครู่หนึ่ง ชายหนุ่มกำลังลังเลในสิ่งที่ตนเองกำลังจะสั่งให้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าทำต่อไปนี้
..
"เก็บข้าวของของบรอนเต้และของตัวเองซะ ข้าจะให้บรอนเต้ไปอยู่กับมาร์คัสสักระยะ จนกว่า..."ริชาร์ดเว้นระยะ
"จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อยดี แล้วข้าจะให้คนไปรับกลับมา" ริชาร์ดพูดพลางยืนขึ้น..ข่มโทสะที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ได้รับจดหมายลง
"แล้วนานเท่าไหร่คะ มายลอร์ด" แอนนาถาม
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะนานเท่าไหร่..เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน พรุ่งนี้ข้าจะพาไป.." ริชาร์ดพูดพลางเดินออกจากห้องนอนของลูกสาวของตนไป...
ค่ำคืนนั้น มาร์คัสเดินวนเวียนอยู่ภายในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือปรัชญา กฎหมายและตำราต่างๆมากมายแต่ไร้ซึ่งนวนิยายของเขา....บนตู้หนังสือนั่นมีแม้กระทั่งตำราพิชัยสงครามซึ่งไม่จำเป็นกับเขาเลย...เพราะเขามิใช่อัศวินที่ต้องทำหน้าทีต่อสู้ในศึกสงคราม...เขาเป็นขุนนางในราชสำนัก
ดยุคริชาร์ดพี่ชายของเขาได้จัดการเรื่องศพของไวเคานท์วินเซนด์แล้ว แต่ว่า..สิ่งที่ค้างคาในใจของชายหนุ่มคือ...ผู้ใดกันที่ลงมือทำเรื่องนี้...ผู้ใดกันที่คิดแผนฆาตกรรมนี้ขึ้น....
....และต่อไปนี้แคเธอรีนจะอยู่กับผู้ใด....
มาร์คัสรู้มาว่าไวเคานท์เตสของลอร์ดวินเซนด์นั้นเสียชีวิตไปแล้ว....
ชายหนุ่มค่อยๆเดินออกจากห้องสมุดและตรงไปยังห้องนอนของตนซึ่งบัดนี้เขายกให้กับแคเธอรีนเป็นการชั่วคราว....
"มายลอร์ด.. มีอะไรรึคะ" สาวใช้ของเขาที่เขาให้ดูแลแคเธอรีนนั้นถามขึ้นเมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามา
.
"นางเป็นอย่างไรบ้าง.." มาร์คัสถาม
.
"ยังไม่ฟื้นเลย มายลอร์ด" สาวใช้ตอบมา มาร์คัสเดินเข้าไปใกล้เตียง ก่อนที่จะบอกให้เธอออกไปพักผ่อนได้แล้ว เขาจะเป็นคนดูแลแคเธอรีนเอง
.
มาร์คัสทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงเบาๆ เฝ้ามองดูแคเธอรีนหลับด้วยความสงสาร เธอกำลังเพ้อด้วยพิษไข้เบาๆ ...
"อย่านะ..อย่า ไม่!" เธอยกมือปัดไปมา
"อย่านะ..อย่าเข้ามานะ ทำไมถึงทำอย่างนี้" แคเธอรีนยังคงเพ้อต่อ มาร์คัสหวังที่จะได้ยินชื่อของผู้ที่ทำร้ายเธอและบิดา แต่...ไม่มีชื่อของใครหลุดออกมาจากริมฝีปากเรียวบางของร่างที่หลับอยู่บนเตียง...
มาร์คัสจึงนั่งเฝ้าเธอยู่ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งแสงแดดยามรุ่งอรุณแห่งพระอาทิตย์สาดส่องเข้าผ่านผ้าม่านชั้นดีจากอิตาลีเข้ามา....
แสงแดดที่สาดเข้ามาทำให้แคเธอรีนรู้สึกตัวเบาๆ.. มาร์คัสที่ยืนพิงเตาผิงอยู่รีบปาดเข้ามาหาเธอทันที และช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้นมานั่ง...
"ท่านเป็นใครกัน
.!?" เป็นคำถามแรกทันทีที่แคเธอรีนตื่นขึ้นมาเห็นมาร์คัส ร่องรอยของความหวาดกลัวปรากฏอยู่ในดวงตาสีฟ้า เด็กสาวขยับหนีอย่างหวาดกลัว ...ปฏิกิริยาของแคเธอรีนทำให้มาร์คัสรู้สึกสงสารเด็กสาวขึ้นมาจับใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวที่เกิดขึ้นกับนาง
"ข้าคือ.........."
---------------- To Be Continue ------------------
ไม่ได้อัพนานขอโทดด้วยนะจ๊ะ
สงสัยไม่มีคนอ่านแล้วมั้ง
ความคิดเห็น